เย็นชา แต่ไม่ด้านชา
แสงไฟสลัวภายในห้องทำให้บรรยากาศเงียบต่างจากเสียงวุ่นวายที่ดังอยู่นอกห้อง ภายใต้แสงสลัวนั้นมีร่างสองร่างกำลังยืนประชันหน้ากันอยู่ “ฉันร้อน ช่วยหน่อยได้ไหมคะ?” ร่างบางเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ เพราะทนอาการร้อนรุ่มที่อัดแน่นอยู่ด้านในไม่ไหว สองมือบางกำชายเสื้อคลุมอาบน้ำของเขาไว้แน่นเนื่องจากขาอ่อนแรงทรงตัวให้ยืนไม่ไหว “ฉันไม่มียาแก้อาการของเธอหรอกนะ เสียใจด้วย!!” เขาบอกเสียงเรียบ “ฉันร้อน ต้องทำยังไง? ฉะฉันไม่ไหว..” “ไม่มียา แต่มีวิธีแก้อยู่วิธีหนึ่ง เธอจะยอมไหมล่ะ?” “ยอมค่ะ!! ฉันไม่ไหวแล้ว ฉันร้อน ฉันยอมทุกอย่างเลย ช่วยฉันทีนะคะ ขอร้องล่ะ!!” หญิงสาวตอบทันทีแบบไม่ทันได้คิดไตร่ตรอง พร้อมกับดึงทึ้งเสื้อผ้าของตัวเองจนขาดหวิ่น ชายหนุ่มยืนมองการกระทำนั้นอย่างนิ่งๆ ในใจคิดช่างใจว่าจะช่วยหญิงสาวตรงหน้าด้วยวิธีนั้นดีหรือไม่ “เธอเลืกวิธีนี้เองนะ พรุ่งนี้อย่ามาเรียกร้องหาความรับผิดชอบงี่เง่านี้จากฉัน!!” เมื่อพูดจบร่างบางที่ตอนนี้เปลือยเปล่าเหลือเพียงแพนตี้ตัวจิ๋วเพียงตัวเดียว ถูกเหวี่ยงขึ้นบนเตียงหนาอย่างแรง แต่ความแรงนั้นก็ไม่ได้แรงไปกว่าความร้อนรุ่มที่อยู่ในร่างกายของหญิงสาว “อื้ออ~~” เสียงร้องในลำคอเรียวเมื่อปากนิ่มถูกประกบด้วยริมฝีปากหนา หญิงสาวตอบสนองจุมพิตของชายหนุ่มอย่างไม่เป็นประสีประสา ก็ไม่เคยได้จูบเลยสักครั้งในชีวิต แต่ที่สามารถจูบตอบได้คงเพราะมาจากฤทธิ์ของยาปลุกเซ็กที่กำลังเล่นงานเธอ เช่นเดียวกับชายหนุ่มที่ถึงแม้จะไม่เคยแตะต้องหญิงสาวใดมาก่อน ไม่เคยมีอารมณ์ร่วมกับสาวใด ค่อนข้างจะหวงตัวด้วยซ้ำ แต่กลับรู้สึกว่าต้องการครอบครองร่างคนตัวเล็กตรงหน้าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ประหนึ่งว่าตนเองก็โดนฤทธิ์ของยาปลุกเซ็กเข้าไปด้วยอย่างนั้นแหละ ริมฝีปากหนาบดขยี้ปากบางจนแดงก่ำ จากนั้นค่อยๆ เลื่อนไซร้ลงมาตามคอระหง จุมพิตไล่ลงมายังไหปลาร้า และหยุดนิ่งมองยอด อกสีชมพูสวยครู่หนึ่งด้วยสายตาอยากจะครอบครองไว้คนเดียวซะเดี๋ยวนี้ ร่างบางบิดเร่าเพราะฤทธิ์ยาที่กำลังทำหน้าที่ของมันอย่างเต็มที่ “มะไม่ไหว เซไม่ไหว ขอร้องล่ะค่ะ ช่วยทำอะไรก็ได้ให้เซหายสักที” หญิงสาวเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเองเอ่ยขอร้องอย่างอดไม่ไหว เธอต้องร้อนในอกตายแน่ๆ หากเขายังเอาแต่จ้องมองอยู่แบบนี้แล้วไม่ทำอะไรเลย ปากอุ่นครอบครองปลายปทุมถันสีชมพูระเรื่อนั้นอย่างดูดดื่มส่งผลให้ร่างบางบิดเร่าด้วยความเสียวซ่านไปทั่วร่างกาย มือหนาข้างหนึ่งค่อยๆ เลื่อนมาลูบไล้เอวบาง และขยับต่ำลง สอดนิ้วไปใต้แพนตี้ตัวบางจนพบกับเนินสาวที่มีขนอ่อนๆ ปกคลุมอย่างบางเบา และทำการปลดเปลื้องแพนตี้ออกจากการบดบังทุกชิ้นส่วน “แฉะขนาดนี้เลยหรอ?” “อื้ออ~” ร่างบางใต้ร่างหนาบิดเร่าเพราะความเสียวซ่านจากสัมผัสที่ได้รับจากนิ้วแกร่งบริเวณใจกลางสาว “มะไม่ไหว~~ ใส่เข้ามาสักทีได้ไหม เซจะตายอยู่แล้ว” หญิงสาวเอ่ยปากด้วยท่าทางหงุดหงิด หน้าแดงด้วยฤทธิ์ยาและความเขินอายที่ต้องเรียกร้องไปแบบนั้นจากอารมณ์ที่ไม่ได้รับการปลดปล่อยสักที “แล้วอย่ามาเสียใจทีหลัง!!” ร่างหนาที่ทับบนร่างบางย่อตัวนั่งลงตรงหว่างขาของหญิงสาว ใช้มือทั้งสองข้างแยกเรียวขาสวยออกจากกัน จนเผยให้เห็นกุหลาบงามที่แยกออกตามแรงมือของเขา ชายหนุ่มจ้องมองไปยังกลีบกุหลาบสรชมพูที่ตอนนี้แฉะไปด้วยน้ำหวานจากคนตัวเล็ก ปากกลีบกุหลาบที่แยกออกยังคงปิดสนิทเหมือนไม่เคยมีอะไรผ่านเข้าไปเลยแม้แต่นิดเดียว ชายหนุ่มได้แต่คิดในใจว่า นี่คงไม่ใช่ครั้งแรงของเธอหรอก เพราะน้อยมากที่ผู้หญิงสมัยนี้จะยังคงความบริสุทธิ์ไว้จนโตขนาดนี้ มือหนาถอดชุดคลุมอาบน้ำของตัวเองออกทำให้ท่อนลำความเป็นชายที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติทั่วไปตั้งชูชันขึ้น หญิงสาวปลายตามองเกิดอาการร่างกายสั่นเทา หวั่นใจกับความใหญ่ตรงหน้าอยู่ไม่น้อย แต่ก็เป็นเพียงแค่อารมณ์แวบเดียว เพราะความต้องการที่มีมันมากกว่าความกลัวหลายเท่า สวบ!! “อึก!!” ร่างบางสะดุ้งสุดตัว เมื่อชายหนุ่มสอดท่อนความเป็นชายเข้าไปในกายสาวจนมิดด้ามในทีเดียว แช่ไว้แบบนั้นสักพักก่อนดึงออกเล็กน้อย ก้มลงมองจุดเชื่อมต่อ เห็นเลือดจางๆ ไหลชะโลมอยู่รอบท่อนแกร่ง “ครั้งแรก?” ชายหนุ่มพึมพำเบาๆ มองหน้าคนตัวเล็กที่ตอนนี้มีใบหน้าเหยเก น้ำใสๆ เกาะอยู่ปลายหางตา “หยุดไหม?” “มะ ไม่ค่ะ เซยังไม่หายร้อน ช่วยเซหน่อย จะทำอะไรก็ได้ เซยอม” ชายหนุ่มได้ฟังแค่นั้นก็ไม่ได้ตอบ แต่กลับใส่ท่อนความเป็นชายเข้าไปอีกครั้ง สวบบบบ “อื้ออออ” ร่างบางเผลอครางออกมา ความเจ็บปวดที่มีก่อนหน้านี้เริ่มเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่าน “ซี๊ดดดด แน่นชิบ!” ชายหนุ่มเริ่มขยับช่วงล่างอย่างช้าๆ และเริ่มแรงขึ้นๆ ตามจังหวะ ตับ ตับ ตับ!! เสียงเนื้อกระทบเนื้อจนดังสนั่นไปทั่วห้อง “อื้ออออ จะจุก!!” ร่างบางใต้ร่งหนาครางออกมาอย่างอดไม่ได้ ในขณะที่มือบางทั้งสองข้างจับเอวหนาที่กำลังเร่งความเร็วเมื่อเห็นใบหน้าเหยเกด้วยความเสียวซ่านของคนใต้ร่าง กำลังใกล้ได้ปลดปล่อย ตับ ตับ ตับ!! “อะ อร้ายยยยยย~~~” “อ๊าสสสสสสส” เสียงหวีดร้องของหญิงสาวและเสียงครางต่ำของขายหนุ่ม ทั้งสองผสานเสียงขึ้นพร้อมกันเมื่อแตะขอบสวรรค์ ร่างแกร่งฟลุบหน้าซบกับไหล่มน แต่ก็ไม่ได้ดึงช่วงล่างออก ร่างบางเริ่มขยับอีกครั้งทั้งๆ ที่ยังหายใจหอบ “ทำไมเซยังไม่หายร้อน?” “ยังไม่พอ?” ชายหนุ่มถาม แต่ก็ได้รับคำตอบเพียงการส่ายหน้าและร่างกายอันบิดเร่าจากความทรมานเพราะฤทธิ์ยายังไม่หมด “ยังไม่หาย ยังไม่พอค่ะ” สิ้นประโยค บทรักอันเร่าร้อนก็เริ่มบรรเลงขึ้นอีกครั้ง และอีกหลายครั้ง กว่าฤทธิ์ยาจะหมด ทำให้ร่างคนตัวเล็กหลับไปเพียงแค่อีกไม่กี่นาทีก็จะถึงเวลาหกโมงเช้าspecial happiness ดวงตากลมใสค่อยๆเปิดเปลือกตาลืมขึ้น เปลือกตาที่ค่อยๆเปิด กระพริบถี่ๆเพื่อปรับรับแสงที่สาดส่องรอดผ่านกระจกบานใสเข้ามาภายในห้องที่ดูคุ้นตามาตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่เธอคลอดลูกสาวมา นี่ไม่ใช่ห้องนอนของเธอ แต่เป็นห้องเลี้ยงเด็กอ่อนที่วินเนอร์ทำขึ้นเอาไว้เธอและพี่เลี้ยงคอยเลี้ยงลูกสาว ห้องค่อนข้างโปร่ง ภายในห้องเต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ของเด็กทั้งยังมีกลิ่นบางอย่างที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์นั่นก็คือ กลิ่นนม กลิ่นแป้งเด็ก เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ฉายเข้ามาในความคิด เซรินเผลอหลับไประหว่างที่มองพี่เลี้ยงกำลังนั่งเล่นกับเด็กน้อยอย่างเพลินๆจนเผลอหลับไปเมื่อไรไม่รู้ตัว รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีก็เพราะเสียงเด็กที่ร้องอ้อแอ้ข้างหูกับพร้อมกับเสียงทุ้มนุ่มของผู้ชายคนหนึ่งที่คล้ายกำลังหยอกล้อกันอยู่ เซรินจำเสียงนี้ได้ดี เมื่อตอนได้ยินเสียงนั้นครั้งแรกในห้องคลอด แม้จะเป็นเสียงร้องไห้ของเด็กแรกเกิด แต่เสียงนี้กลับกลายเป็นน้ำชะโลมหัวใจของเธอให้ชุ่มชื่นมากขึ้น แต่การเลี้ยงเด็กอ่อนไม่ใช่เรื่องสบาย แม้เธอจะมีพี่เลี้ยงคอยช่วยอยู่ก็ตาม ความเหนื่อยล้าที่สั่งสมมาจึงทำให้ร่างบางเผลอหลับไป
แต่งงานกันนะ "ขึ้นมาสิ" วินเนอร์จูงมือของเซรินขึ้นไปบนดาดฟ้าของเรือสำราญ เรือลำที่เขสและเธอพบเจอกันครั้งแรก สถานที่ต้นกำเนิดความรักของพวกเขาทั้งสองคน "มีอะไรหรือเปล่าคะเฮีย ทำไมต้องพาเซมาที่นี่ด้วย?" เซรินยังไม่ยอมเดินตามการจับจูงของคนตัวใหญ่ เพราะเธอรู้สึกว่าวันนี้วินเนอร์มีท่าทางแปลกไป ดูลุกลี้ลุกลนและพูดมากผิดปกติ ที่ผ่านมาจะพูดจะคุยกับเธอแต่ละคำราวกับกลัวดอกพิกุลจะร่วง "ขึ้นมาเถอะ" เขาบอกกับเธออีกรอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เธอมองหน้าและสบตากับเขา พบกับสายตาวิบวับของคนตัวใหญ่ เซรินเองก็อยากรู้เหมือนกันว่ามีอะไรอยู่บนดาดฟ้าเรือกันแน่ทำไมเขาถึงอยากให้เธอขึ้นไปนัก สุดท้ายเธอก็ทนต่อสายตาอ้อนๆของเขาไม่ไหว จึงยอมเดินตามการจับจูงของเขาขึ้นไปบนดาดฟ้าของเรือ เมื่อเซรินก้าวขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือ เธอก็เห็นโต๊ะตัวหนึ่งตั้งอยู่กลางดาดฟ้า มันถูกปูด้วยผ้าสีขาวดูสะอาดตา ตรงกลางโต๊ะมีแจกันใบโตวางอยู่ และในแจกันก็มีดอกทานตะวันดอกใหญ่หนึ่งดอกเสียบอยู่ในนั้น ดอกทานตะวันสีเหลืองทอง ดอกใหญ่ดูเด่นอยู่กลางโต๊ะ ทำให้เป็นที่ดึงดูดสายตาของเธอเหลือเกิน เก้าอี้สองตัวถูกวางไว้ข้าง ๆ โต๊ะ เซรินมองหน้าเขาด้
ต่อแขน ต่อขา เซรินกลับมาบริหารบริษัทของพ่อกับแม่ที่เหลือทิ้งไว้ให้เธอ ก่อนหน้านี้ตกไปอยู่ในมือของผู้เป็นอา บริหารจนบริษัทเกือบล้มละลาย ตอนนี้เธอกลับมากอบกู้มันขึ้นมาโดยมีวินเนอร์ มาเฟียผู้เป็นสามีคอยให้คำแนะนำ ให้คำปรึกษาและเอาบริษัทของตัวเองมาร่วมลงทุนกับบริษัทของเธอด้วย อีกทั้งยังมีบริษัทคู่ค้าด้วยอีกหลายบริษัทที่้ป็นบริษัทของเจคอร์ป พี่ชายบุญธรรมของเธอและเหล่าเพื่อนของวินเนอร์ที่ให้การสนับสนุนซัพพอร์ตเธอเป็นอย่างดี ทำให้บริษัทของเธอฟื้นตัวขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ทุกอย่างกำลังลงตัว ทางครอบครัวของผู้เป็นอา ทั้งภรรยาและลูกของอา เซรินก็ไม่เอาผิดเพราะเขาไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับการกระทำของอาเธอเลย บ้านที่ทั้ฃสองอาศัยอยู่ ทั้งรถ เธอก็ยกให้ พร้อมทั้งให้เงินก้อนจำนวนหนึ่งที่พอจะให้ทั้งสองตั้งตัว มีอยู่มีกิน มีใช้ต่อไปได้สักพักใหญ่ๆ ถ้ารู้จักอดออม ประหยัดและหาเงินเข้ามาใช้จ่ายได้เพิ่มเอง ส่วนเรื่องผู้เป็นอา เธอให้คำตอบกับสองแม่ลูกเพียงแค่ว่า อาหายไปโดยที่ไม่มีใครรู้ ผู้เป็นภรรยาของเขาก็ไม่สงสัย ติดใจอะไรเพราะรู้ดีว่าผู้เป็นสามีของตนนั้น เป็นคนเช่นไร มีศัตรูเยอะเพียงใด หายไปก็คงเพราะศัตรูค
จบที่เรา เบาที่สุด ในห้องพักคนป่วยที่เงียบสงัดจนได้ยินแค่เสียงหายใจของหนุ่มสาวสองคนที่อยู่ภายในห้อง หลังจากวินเนอร์และเพื่อนๆ ของเขาเดินออกจากห้องไปตามคำขอของเซริน เพื่อปล่อยให้เธอและเจคอร์ปได้เคลียร์ใจกันเพียงลำพัง เพราะเขาเชื่อใจผู้หญิงของเขาที่จะต้องหาทางออกที่ดีสำหรับทั้งสองฝ่ายได้แน่ๆ และเขาก็ไว้ใจเพื่อนของเขาที่รู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร และจะหาบทสรุปให้กับเหตุการณ์นี้ได้เช่นกัน "พี่เจค เจ็บตรงไหนไหมคะ?" เซรินเป็นฝ่ายทำลายความเงียบเริ่มบทสนทนาขึ้นมาก่อน "พี่ปลอดภัยแล้ว น้องรินไม่ต้องห่วง และไม่ต้องกังวลว่าที่พี่เป็นแบบนี้เพราะตัวน้องริน" เขารู้ว่าหญิงสาวเป็นห่วงและกังวลใจว่าตัวเองจะเป็นสาเหตุให้เขาต้องบาดเจ็บ และด้วยปมที่ติดอยู่ในใจของหญิงสาวยิ่งทำให้เขาเองเกิดความกังวลไปด้วยว่าหญิงสาวจะเป็นเช่นไรหลังจากเกิดเหตุการณ์ที่เขาเอาตัวเองบังกระสุนแทนเธอ และพูดว่าจะ ‘ปกป้อง’ ซึ่งเป็นคำต้องห้าม แต่กลับกัน หญิงสาวตัวเล็กไม่เป็นอะไรเลย ไม่คลุ้มคลั่งอีกต่อไปแล้ว เพราะความทรงจำของเธอกลับมา และอาการแพนิค คลุ้มคลั่งบังคับตัวเองไม่ได้ก็หายไปด้วยเนื่องจากเธอรู้ความจริงและมีสติอยู่กับตัวเ
พี่ชาย...ใช่ไหม? ภายในห้องพักผู้ป่วย ห้องพิเศษของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ห้องพิเศษที่ไม่มีคนนอกได้มีโอกาสเข้ามาใช้บริการ เนื่องจากทั้งชั้นในชั้นนี้เป็นห้องพักผู้ป่วยส่วนตัวของเจ้าของโรงพยาบาล ซึ่งเป็นของตระกูลใหญ่ที่มีทั้งหมอส่วนตัว โรงพยาบาลเอกชน มีชั้นรักษา มีชั้นพักฟื้นส่วนตัว ภายในห้องพักกว้าง ตกแต่งเรียบง่ายแต่มีครบทุกเครื่องอำนวยความสะดวก และครบทุกเครื่องมือแพทย์ คนป่วยนอนนิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย รายล้อมไปด้วยผู้คนหลากหลายอิริยาบท ประมาณ5-6 คน “กูคิดว่ามึงจะไม่ตื่นขึ้นมาดูโลกอันสดใสอีกครั้งซะแล้ว 555” คาร์โก้เปิดฉากบทสนทนาด้วยน้ำเสียงขบขันแกมหยอกล้อเพื่อนสนิท “พวกมึงก็ไปช่วยกูช้าจริง” คนบนเตียงสวนกลับในทันที แม้จะไม่เต็มเสียงมากนัก เพราะเขาเองก็เพิ่งจะฟื้นและออกมาจากห้อง ICU เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา “สำออยจริง มึงออกมาได้ ช่วยเหลือตัวเองได้ ทำไมมึงไม่ลุยออกมาวะ?” มังกรปิดท้ายประโยคด้วยคำถาม เขาเองรู้จักฝีมือเพื่อนดี สถานการณ์หนักกว่านี้เขาก็หนีออกมาได้ เขาก็จัดการได้ แต่นี่เขาไม่ทำ มันเกิดอะไรขึ้น เหตุผลอะไรที่ทำให้เพื่อนของเขายอมเอาตัวเองไปตกอยู่ในอันตราย “น้องริน...”
เกิดใหม่... แพขนตาหนา ค่อยๆ ขยับ เปลือกตาบางเปิดขึ้น พร้อมกระพริบถี่เพื่อปรับรับแสงสว่างที่กระทบเข้ามาที่สายตา เพราะหลับตาเป็นเวลานานจึงต้องใช้เวลาในการปรับสภาพอยู่สักพักหนึ่ง เมื่อปรับได้แล้ว หญิงสาวกวาดสายตาไปรอบๆ ภายในห้องเงียบกริบเหมือนกับว่าไม่มีคนอยู่ แต่จริงๆ แล้วมีร่างหนานั่งอยู่ข้างเตียง ซบหน้าหลับกับแขนของเธอ ‘ทำไมไม่ไปนอนดีๆ นะ’ เซรินคิดในใจ อยากจะขยับตัวให้คนร่างใหญ่รู้สึกตัว่าเธอตื่นแล้ว แต่ก็กลัวจะรบกวนเวลานอนของเขา ซึ่งคิดดูแล้วช่วงที่เธอยังไม่ตื่นเขาน่าจะไม่ได้พักผ่อนไม่ได้นอนแน่ๆ เพราะไม่งั้นเขาคงไม่มานั่งหลับตรงนี้หรอก ‘จะปลุกหรือจะแกล้งดีนะ ทำโทษคนโกหก’ หญิงสาวปิดเปลือกตาลง ลองแกล้งขยับแขนที่ทำให้ดูเหมือนจะฟื้นแต่ยังไม่ฟื้น พอให้คนข้างๆ รู้สึกตัว และก็ดูเหมือนจะได้ผล คนข้างๆ ค่อยๆ ขยับตัวตื่นขึ้น “เซ ฟื้นแล้วหรอ ตื่นแล้วใช่ไหม” วินเนอร์ลุกขึ้นยืน เขารู้สึกเหมือนร่างบางเริ่มขยับ เขาคิดว่าเธอคงฟื้นแล้ว แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น หญิงสาวยังคงนอนนิ่ง อยู่บนเตียง เปลือกตาบางยังปิดสนิท มีแพขนตาปกคลุมหนาเป็นแพสวยงามแม้ยามไม่ได้แต่งแต้มเครื่องสำอางค์บนใบหน้า ‘เซ