คนของผม ก็คือคนของผม!!
แสงแดดอ่อนๆ เล็ดรอดเข้ามาทางกระจกหน้าต่างเรือที่มีไว้มองออกไปทางด้านนอกจะได้พบกับท้องทะเลสีครามสุดลูกหูลูกตา แสงแดดอ่อนกระทบกับร่างบางเปลือยเปล่าที่นอนคุดคู้อยู่บนเตียงหนา ร่างบางตื่นขึ้นหลังจากผ่านคืนอันเร่าร้อนมาด้วยอาการปวดระบมไปทั่วร่างกาย ภายในห้องเงียบสนิท เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ไม่พบกับใครเลยหรือแม้กระทั่งกับเสื้อผ้าของตัวเอง เธอคิดย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมา เธอโดนวางยา หนีออกมาจากเสี่ยอำนาจ มาพบกับบชายหนุ่มผู้ที่มีสายตาเย็นชา และเธอก็ได้สูญเสียสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตไป แต่แปลกที่เธอเองกลับไม่รู้สึกเสียใจเลย ‘พรุ่งนี้อย่ามาเรียกร้องหาความรับผิดชอบงี่เง่าจากฉัน!!’ เสียงของเขายังดังก้องอยู่ในหัวของเธอ เซรินพยุงร่างอันระบมขึ้นจากเตียงอันหนานุ่มเพื่อไปยังห้องน้ำอย่างยากลำบาก ขาที่อ่อนแรง พร้อมกับการเจ็บตรงช่วงใจกลางสาว เธอจัดการล้างตัวให้เรียบร้อยและค้นหาเสื้อผ้าของตนเองแต่ก็ไม่พบ จึงถือโอกาสหยิบเชิ้ตขาวของชายหนุ่มคนเมื่อคืนมาสวมใส่เพื่อออกจากห้องนี้ให้ไวที่สุด “ยืมก่อนนะคะ ไม่คืนนะคะ เพราะเราไม่น่าจะมีโอกสได้พบกันแล้ว” คนตัวเล็กพึมพำ สวมเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของเขา ทำให้ดูเหมือนว่าเธอกำลังใส่มินิเดรสไปเลย เซรินแอบหลบออกมาจากห้อง คิดเพียงแค่ว่าต้องหลบซ่อนตัวจากเสี่ยอำนาจจนกว่าเรือลำนี้จะเทียบท่าเข้าฝั่ง เธอถึงจะมีโอกาสรอด จะขอให้ชายคนเมื่อคืนช่วยก็คงไม่ได้เพราะเขาได้ออกปากไว้ว่าจะไม่ช่วยตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว หญิงสาวเดินออกจากห้องเดินไปตามทางเดินระเบียงเรือ เห็นชายฉกรรจ์ใส่ชุดสีดำหลายสิบคน แต่เธอเองก็ไม่กล้าขอความช่วยเหลือเพราะเธอก็ไม่รู้ว่า ชายเหล่านี้เป็นพวกเดียวกับเสี่ยอำนาจหรือไม่ หญิงสาวเดินหลบขึ้นไปบนดาดฟ้า คิดว่าดาดฟ้าน่าจะเป็นที่เงียบสงบทำให้เธอได้ใช้อาศัยหลบซ่อนตัวจนกว่าเรือจะเทียบฝั่ง แต่ทว่า…เธอคิดผิด!!! เมื่อเธอขึ้นมาถึงชั้นดาดฟ้าเรือ กลับพบว่ามีโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางแจ้งริมขอบเรือ มีชายชุดดำหลายสิบคนยืนเฝ้าอยู่ทั่วดาดฟ้า ที่โต๊ะอาหารมีคน 2 คนนั่งสนทนากันอยู่เหมือนกับว่ากำลังนั่งคุยเจรจาอะไรบางอย่าง หญิงสาวมองไปยังโต๊ะอาหารพบกับชายหนุ่มคนเมื่อคืนที่นั่งหันหน้าเข้ามาทางเรือหันหลังให้กับท้องทะเล เขามองมาทางและสบสายตาเข้ากับเธอพอดี ชายอีก 1 คน คู่สนทนาของเขามีลักษณะร่างท้วมนั่งหันหน้าไปทางทะเล หันหลังให้กับตัวเรือ เธอจำได้แม่นยำว่านั่นคือ เสี่ยอำนาจ!! เมื่อสบกับสายตาดุและเย็นชานั้น เธอรู้สึกเย็นวาบไปทั่วร่างกาย ร่างบางถอยหลังเตรียมออกไปจากที่อันตรายนี้ให้เร็วที่สุด แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อแผ่นหลังไปชนปะทะเข้ากับแผงอกของใครบางคน! “ขึ้นมาที่นี่ได้ยังไง?” เจ้าของแผงอกเอ่ยถาม “ขะ ขอโทษค่ะ ฉันหลงทาง” “เอ๊ะ!!!นี่มันนังนั่นที่หนีไปเมื่อคืนนี้นี่” เสียงชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่หลังเสี่ยอำนาจตะโกนขึ้น ทำให้ทั้งเสี่ยอำนาจและเจ้าของสายตาเย็นชานั้นหันมาทางเธอเป็นจุดเดียว “จับมันมา!!!” เสี่ยอำนาจออกคำสั่ง แต่ก่อนที่คนของเสี่ยอำนาจจะได้ถูกตัวเธอ เสียงทรงอำนาจของคนเย็นชาก็ดังขึ้น เรียกชื่อใครบางคนและใช้สายตาออกคำสั่ง “พายุ!!!” สิ้นเสียงของคนเย็นชา คนที่เซรินชนแผงอกก็คว้ามือเธอไว้และชักปืนออกมาเล็งไปยังลูกน้องของเสี่ยอำนาจที่กำลังจะเข้ามาจับตัวเธอตามคำสั่งของเจ้านาย “นี่มันอะไรกันครับคุณวินเนอร์?” เสี่ยอำนาจหันไปถามคนเย็นชา “หึ!! โทษทีนะเสี่ย แต่นั่นคนของผม!!” “คนของคุณ? จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงล่ะครับคุณวินเนอร์ ก็นังนี่เป็นคนของผมแล้วมันหนีไปเมื่อคืน” เสี่ยอำนาจโวยวาย เพราะอยู่ดีๆ หญิงสาวที่น่าจะได้เป็นของเขากลับหนีไปแล้วมาถูกกล่าวหาว่าเป็นคนของคนอื่นไปแบบหน้าตาเฉย “คนของผมก็คือคนของผม ดูชุดที่เธอใส่สิครับ” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นและส่งยิ้มเย็นยะเยือกให้กับอีกฝ่าย เสี่ยร่างท้วมรู้สึกเสียวสันหลังวาบกับรอยยิ้มนั้นและหันไปมองหญิงสาวที่ถูกพาเดินมาทางเจ้านายของคนชื่อพายุ เขามองไปที่ปกเสื้อเชิ้ตที่หญิงสาวสวมใส่พบกับตัวอักษร WN ปักด้วยด้ายสีทองบ่งบอกว่าใครคือเจ้าของเสื้อตัวนี้ “เป็นไปไม่ได้หรอกครับคุณวินเนอร์ ก็นังคนนี้คือหลานชายของเพื่อนผม แล้วนังนี่ก็เอาตัวเองมาแลกเงินไปช็อปปิ้งเป็นประจำ” เสี่ยอำนาจโกหกออกไปด้วยเสียงตะกุกตะกัก เขาต้องโกหกไปเช่นนั้นเพื่อทำทุกวิถีทางให้ได้ตัวเธอกลับมา “หึ!! เอาตัวเข้าแลกเป็นประจำเลยหรอ?” วินเนอร์หัวเราะในลำคอ เอ่ยถสมทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่ามันคือคำโกหก เพราะครั้งแรกของเธอเขาได้มันมาแล้วเมื่อคืน “มะ ไม่ใช่นะ!! ฉันไม่ได้เป็นอย่างที่มันพูด” หญิงสาวปฏิเสธเสียงสั่น “นังนี่คือเมียของผม คุณวินเนอร์โทรไปถามลุงของมันก็ได้ คืนมันมาให้ผม แล้วเรื่องที่เราคุยกันวันนี้ผมจะตกลงตามที่คุณเสนอแล้วกัน ถือว่าเป็นการต้อนรับที่เมียผมกลับมา” เสี่ยอำนาจเอ่ย วินเนอร์มองเสี่ยอำนาจด้วยสายตานิ่งไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ ไม่มีใครคาดเดาได้จากสายตาคู่นั้น ข้อตกลงที่เขาคุยกับเสี่ยในครั้งนี้คือ การที่เขาเจรจาขอซื้อหุ้นส่วนทั้งหมดที่เสี่ยอำนาจถือไว้ทุกบริษัทในเครือ WN กรุ๊ป เครือ WN กรุ๊ป เป็นบริษัทที่ทำเกี่ยวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยมี เวนอล มาเฟียใหญ่เป็นผู้ก่อตั้งขึ้น ซึ่งเวนอลก็คือพ่อของเขานั่นเอง เขาต้องการกวาดซื้อหุ้นทั้งหมดจากผู้ถือหุ้นเพื่อให้ WN กรุ๊ปเป็นของตระกูลเขาแต่เพียงตระกูลเดียว และหุ้นสุดท้ายก็คือหุ้นที่เสี่ยอำนาจถือไว้นั่นเอง ถ้าหากวันนี้เขาคืนหญิงสาวคนนี้ให้กับเสี่ย เขาจะได้หุ้นทั้งหมด แต่หากเขาเลือกจะช่วยเหลือหญิงสาวจากน้ำมือเสี่ยตัณหากลับ เครือ WN กรุ๊ปก็จะยังมีเสี่ยอำนาจถือหุ้นร่วมกับเขาอยู่อีกต่อไปเรื่อยๆ “มะ ไม่นะ ฉันไม่ไป อย่าให้ฉันไปกับตาเสี่ยนี่เลยนะ!! ฉันไม่ใช่เมียของมัน ฉันไม่กลับไปกับมันเด็ดขาด!!” ร่างบางร้องบอกเสียงสั่น มือบางกำแขนเสื้อเขาไว้แน่น ชายหนุ่มเหลือบมองคนตัวเล็กนิดนึง ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “ทำไมฉันถึงต้องไม่คืนเธอให้เขา ในเมื่อเขาบอกว่าเธอ คือ เมีย” “ไม่ใช่!! ฉันไม่ใช่เมียของมัน และไม่ใช่เมียของใครทั้งนั้น” คนตัวสูงชะงัก เมื่อได้ยินคำว่า ‘ไม่ใช่เมียของใครทั้งนั้น’ จะไม่ใช่เมียของใครได้ยังไง ในเมื่อเมื่อคืนเธอเป็นเมียของเขา!! “ไปเอามันมา!!” เสี่ยอำนาจสั่งลูกน้องให้ไปพาตัวหญิงสาวมา แต่ยังไม่ทันได้ถึงตัวหญิงสาว เธอก็ปล่อยมือจากแขนเสื้อของคนตัวสูง แล้วถอยหลังไปชิดขอบเรือ “ไม่ไป…ยังไงฉันก็จะไม่ยอมกลับไปเป็นเมียของไอ้เสี่ยอ้วนนี่เด็ดขาด!! ถ้าฉันต้องกลับไปตกนรกนั่น ฉันยอมตายซะยังดีกว่า!!!” ต้นประโยคหญิงสาวเอ่ยพึมพำเสียงเบาๆ และค่อยๆ ดัง จนกลายเป็นตะโกนพร้อมกับน้ำใสๆ ไหลลงอาบสองแก้ม ชายหนุ่มรู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอกเมื่อเห็นน้ำตาของคนตัวเล็ก เขาไม่เข้าใจความรู้สึกแบบนี้สักเท่าไร แต่ยังไม่ทันได้คิดอะไรมากมาย ภาพคนตัวเล็กที่ใส่เสื้อเชิ้ตของเขาเพียงตัวเดียวที่มีน้ำตาอาบแก้มก็หายวับไปจากขอบเรือ ตู้มมมมมมม ม ม!!! เสียงกระทบกับผืนน้ำ ตามด้วยเสียงสบถของคนตัวสูง “บ้าชิบ!!!” “นายครับ!!!” เสียงของพายุตะโกนเรียกเจ้านายของตัวเอง เมื่อเห็นเจ้านายของตัวเองทำสิ่งที่ไม่คาดคิด คือกระโดดลงไปในทะเลโดยไม่ห่วงชีวิตตัวเองเพื่อช่วยผู้หญิงที่ไม่รู้จัก “ไอ้ดิน ไปสั่งหยุดเรือ!!” พายุสั่งเพื่อนที่เป็นคนสนิทอีกคนของมาเฟียหนุ่ม “พวกมึงไปเอาเรือเล็กออก กุจะไปตามหานาย!!” พายุสั่งลูกน้อง เขาขับเรือยอร์ชไปตามหาผู้เป็นนาย โชคดีที่ตอนนี้เป็นเวลากลางวันทำให้มองหาได้ง่ายกว่าตอนกลางคืนที่มืดสนิท แต่จะโชคดีอีกหรือไม่ถ้านายของเขาไม่ถูกแรงดูดเข้าไปใต้ท้องเรือลำมหึมา และจะดีเป็นอย่างยิ่งถ้าหากคนที่นายของเขากระโดดเสี่ยงชีวิตโดยไม่คิดลงไปช่วยจะมีชีวิตรอดกลับมาด้วยเหมือนกัน…special happiness ดวงตากลมใสค่อยๆเปิดเปลือกตาลืมขึ้น เปลือกตาที่ค่อยๆเปิด กระพริบถี่ๆเพื่อปรับรับแสงที่สาดส่องรอดผ่านกระจกบานใสเข้ามาภายในห้องที่ดูคุ้นตามาตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่เธอคลอดลูกสาวมา นี่ไม่ใช่ห้องนอนของเธอ แต่เป็นห้องเลี้ยงเด็กอ่อนที่วินเนอร์ทำขึ้นเอาไว้เธอและพี่เลี้ยงคอยเลี้ยงลูกสาว ห้องค่อนข้างโปร่ง ภายในห้องเต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ของเด็กทั้งยังมีกลิ่นบางอย่างที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์นั่นก็คือ กลิ่นนม กลิ่นแป้งเด็ก เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ฉายเข้ามาในความคิด เซรินเผลอหลับไประหว่างที่มองพี่เลี้ยงกำลังนั่งเล่นกับเด็กน้อยอย่างเพลินๆจนเผลอหลับไปเมื่อไรไม่รู้ตัว รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีก็เพราะเสียงเด็กที่ร้องอ้อแอ้ข้างหูกับพร้อมกับเสียงทุ้มนุ่มของผู้ชายคนหนึ่งที่คล้ายกำลังหยอกล้อกันอยู่ เซรินจำเสียงนี้ได้ดี เมื่อตอนได้ยินเสียงนั้นครั้งแรกในห้องคลอด แม้จะเป็นเสียงร้องไห้ของเด็กแรกเกิด แต่เสียงนี้กลับกลายเป็นน้ำชะโลมหัวใจของเธอให้ชุ่มชื่นมากขึ้น แต่การเลี้ยงเด็กอ่อนไม่ใช่เรื่องสบาย แม้เธอจะมีพี่เลี้ยงคอยช่วยอยู่ก็ตาม ความเหนื่อยล้าที่สั่งสมมาจึงทำให้ร่างบางเผลอหลับไป
แต่งงานกันนะ "ขึ้นมาสิ" วินเนอร์จูงมือของเซรินขึ้นไปบนดาดฟ้าของเรือสำราญ เรือลำที่เขสและเธอพบเจอกันครั้งแรก สถานที่ต้นกำเนิดความรักของพวกเขาทั้งสองคน "มีอะไรหรือเปล่าคะเฮีย ทำไมต้องพาเซมาที่นี่ด้วย?" เซรินยังไม่ยอมเดินตามการจับจูงของคนตัวใหญ่ เพราะเธอรู้สึกว่าวันนี้วินเนอร์มีท่าทางแปลกไป ดูลุกลี้ลุกลนและพูดมากผิดปกติ ที่ผ่านมาจะพูดจะคุยกับเธอแต่ละคำราวกับกลัวดอกพิกุลจะร่วง "ขึ้นมาเถอะ" เขาบอกกับเธออีกรอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เธอมองหน้าและสบตากับเขา พบกับสายตาวิบวับของคนตัวใหญ่ เซรินเองก็อยากรู้เหมือนกันว่ามีอะไรอยู่บนดาดฟ้าเรือกันแน่ทำไมเขาถึงอยากให้เธอขึ้นไปนัก สุดท้ายเธอก็ทนต่อสายตาอ้อนๆของเขาไม่ไหว จึงยอมเดินตามการจับจูงของเขาขึ้นไปบนดาดฟ้าของเรือ เมื่อเซรินก้าวขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือ เธอก็เห็นโต๊ะตัวหนึ่งตั้งอยู่กลางดาดฟ้า มันถูกปูด้วยผ้าสีขาวดูสะอาดตา ตรงกลางโต๊ะมีแจกันใบโตวางอยู่ และในแจกันก็มีดอกทานตะวันดอกใหญ่หนึ่งดอกเสียบอยู่ในนั้น ดอกทานตะวันสีเหลืองทอง ดอกใหญ่ดูเด่นอยู่กลางโต๊ะ ทำให้เป็นที่ดึงดูดสายตาของเธอเหลือเกิน เก้าอี้สองตัวถูกวางไว้ข้าง ๆ โต๊ะ เซรินมองหน้าเขาด้
ต่อแขน ต่อขา เซรินกลับมาบริหารบริษัทของพ่อกับแม่ที่เหลือทิ้งไว้ให้เธอ ก่อนหน้านี้ตกไปอยู่ในมือของผู้เป็นอา บริหารจนบริษัทเกือบล้มละลาย ตอนนี้เธอกลับมากอบกู้มันขึ้นมาโดยมีวินเนอร์ มาเฟียผู้เป็นสามีคอยให้คำแนะนำ ให้คำปรึกษาและเอาบริษัทของตัวเองมาร่วมลงทุนกับบริษัทของเธอด้วย อีกทั้งยังมีบริษัทคู่ค้าด้วยอีกหลายบริษัทที่้ป็นบริษัทของเจคอร์ป พี่ชายบุญธรรมของเธอและเหล่าเพื่อนของวินเนอร์ที่ให้การสนับสนุนซัพพอร์ตเธอเป็นอย่างดี ทำให้บริษัทของเธอฟื้นตัวขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ทุกอย่างกำลังลงตัว ทางครอบครัวของผู้เป็นอา ทั้งภรรยาและลูกของอา เซรินก็ไม่เอาผิดเพราะเขาไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับการกระทำของอาเธอเลย บ้านที่ทั้ฃสองอาศัยอยู่ ทั้งรถ เธอก็ยกให้ พร้อมทั้งให้เงินก้อนจำนวนหนึ่งที่พอจะให้ทั้งสองตั้งตัว มีอยู่มีกิน มีใช้ต่อไปได้สักพักใหญ่ๆ ถ้ารู้จักอดออม ประหยัดและหาเงินเข้ามาใช้จ่ายได้เพิ่มเอง ส่วนเรื่องผู้เป็นอา เธอให้คำตอบกับสองแม่ลูกเพียงแค่ว่า อาหายไปโดยที่ไม่มีใครรู้ ผู้เป็นภรรยาของเขาก็ไม่สงสัย ติดใจอะไรเพราะรู้ดีว่าผู้เป็นสามีของตนนั้น เป็นคนเช่นไร มีศัตรูเยอะเพียงใด หายไปก็คงเพราะศัตรูค
จบที่เรา เบาที่สุด ในห้องพักคนป่วยที่เงียบสงัดจนได้ยินแค่เสียงหายใจของหนุ่มสาวสองคนที่อยู่ภายในห้อง หลังจากวินเนอร์และเพื่อนๆ ของเขาเดินออกจากห้องไปตามคำขอของเซริน เพื่อปล่อยให้เธอและเจคอร์ปได้เคลียร์ใจกันเพียงลำพัง เพราะเขาเชื่อใจผู้หญิงของเขาที่จะต้องหาทางออกที่ดีสำหรับทั้งสองฝ่ายได้แน่ๆ และเขาก็ไว้ใจเพื่อนของเขาที่รู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร และจะหาบทสรุปให้กับเหตุการณ์นี้ได้เช่นกัน "พี่เจค เจ็บตรงไหนไหมคะ?" เซรินเป็นฝ่ายทำลายความเงียบเริ่มบทสนทนาขึ้นมาก่อน "พี่ปลอดภัยแล้ว น้องรินไม่ต้องห่วง และไม่ต้องกังวลว่าที่พี่เป็นแบบนี้เพราะตัวน้องริน" เขารู้ว่าหญิงสาวเป็นห่วงและกังวลใจว่าตัวเองจะเป็นสาเหตุให้เขาต้องบาดเจ็บ และด้วยปมที่ติดอยู่ในใจของหญิงสาวยิ่งทำให้เขาเองเกิดความกังวลไปด้วยว่าหญิงสาวจะเป็นเช่นไรหลังจากเกิดเหตุการณ์ที่เขาเอาตัวเองบังกระสุนแทนเธอ และพูดว่าจะ ‘ปกป้อง’ ซึ่งเป็นคำต้องห้าม แต่กลับกัน หญิงสาวตัวเล็กไม่เป็นอะไรเลย ไม่คลุ้มคลั่งอีกต่อไปแล้ว เพราะความทรงจำของเธอกลับมา และอาการแพนิค คลุ้มคลั่งบังคับตัวเองไม่ได้ก็หายไปด้วยเนื่องจากเธอรู้ความจริงและมีสติอยู่กับตัวเ
พี่ชาย...ใช่ไหม? ภายในห้องพักผู้ป่วย ห้องพิเศษของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ห้องพิเศษที่ไม่มีคนนอกได้มีโอกาสเข้ามาใช้บริการ เนื่องจากทั้งชั้นในชั้นนี้เป็นห้องพักผู้ป่วยส่วนตัวของเจ้าของโรงพยาบาล ซึ่งเป็นของตระกูลใหญ่ที่มีทั้งหมอส่วนตัว โรงพยาบาลเอกชน มีชั้นรักษา มีชั้นพักฟื้นส่วนตัว ภายในห้องพักกว้าง ตกแต่งเรียบง่ายแต่มีครบทุกเครื่องอำนวยความสะดวก และครบทุกเครื่องมือแพทย์ คนป่วยนอนนิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย รายล้อมไปด้วยผู้คนหลากหลายอิริยาบท ประมาณ5-6 คน “กูคิดว่ามึงจะไม่ตื่นขึ้นมาดูโลกอันสดใสอีกครั้งซะแล้ว 555” คาร์โก้เปิดฉากบทสนทนาด้วยน้ำเสียงขบขันแกมหยอกล้อเพื่อนสนิท “พวกมึงก็ไปช่วยกูช้าจริง” คนบนเตียงสวนกลับในทันที แม้จะไม่เต็มเสียงมากนัก เพราะเขาเองก็เพิ่งจะฟื้นและออกมาจากห้อง ICU เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา “สำออยจริง มึงออกมาได้ ช่วยเหลือตัวเองได้ ทำไมมึงไม่ลุยออกมาวะ?” มังกรปิดท้ายประโยคด้วยคำถาม เขาเองรู้จักฝีมือเพื่อนดี สถานการณ์หนักกว่านี้เขาก็หนีออกมาได้ เขาก็จัดการได้ แต่นี่เขาไม่ทำ มันเกิดอะไรขึ้น เหตุผลอะไรที่ทำให้เพื่อนของเขายอมเอาตัวเองไปตกอยู่ในอันตราย “น้องริน...”
เกิดใหม่... แพขนตาหนา ค่อยๆ ขยับ เปลือกตาบางเปิดขึ้น พร้อมกระพริบถี่เพื่อปรับรับแสงสว่างที่กระทบเข้ามาที่สายตา เพราะหลับตาเป็นเวลานานจึงต้องใช้เวลาในการปรับสภาพอยู่สักพักหนึ่ง เมื่อปรับได้แล้ว หญิงสาวกวาดสายตาไปรอบๆ ภายในห้องเงียบกริบเหมือนกับว่าไม่มีคนอยู่ แต่จริงๆ แล้วมีร่างหนานั่งอยู่ข้างเตียง ซบหน้าหลับกับแขนของเธอ ‘ทำไมไม่ไปนอนดีๆ นะ’ เซรินคิดในใจ อยากจะขยับตัวให้คนร่างใหญ่รู้สึกตัว่าเธอตื่นแล้ว แต่ก็กลัวจะรบกวนเวลานอนของเขา ซึ่งคิดดูแล้วช่วงที่เธอยังไม่ตื่นเขาน่าจะไม่ได้พักผ่อนไม่ได้นอนแน่ๆ เพราะไม่งั้นเขาคงไม่มานั่งหลับตรงนี้หรอก ‘จะปลุกหรือจะแกล้งดีนะ ทำโทษคนโกหก’ หญิงสาวปิดเปลือกตาลง ลองแกล้งขยับแขนที่ทำให้ดูเหมือนจะฟื้นแต่ยังไม่ฟื้น พอให้คนข้างๆ รู้สึกตัว และก็ดูเหมือนจะได้ผล คนข้างๆ ค่อยๆ ขยับตัวตื่นขึ้น “เซ ฟื้นแล้วหรอ ตื่นแล้วใช่ไหม” วินเนอร์ลุกขึ้นยืน เขารู้สึกเหมือนร่างบางเริ่มขยับ เขาคิดว่าเธอคงฟื้นแล้ว แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น หญิงสาวยังคงนอนนิ่ง อยู่บนเตียง เปลือกตาบางยังปิดสนิท มีแพขนตาปกคลุมหนาเป็นแพสวยงามแม้ยามไม่ได้แต่งแต้มเครื่องสำอางค์บนใบหน้า ‘เซ