2 เดี๋ยวจะสอนให้เป็นงาน
ลลิตาปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอไม่ประหม่า พอต้องมาอยู่ในห้องโรงแรมกับอธิติสองต่อสองเธอก็เริ่มตื่นกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่ความจริงแล้วเธอเคยอยู่ในห้องนอนเขาแบบสองต่อสองมาแล้วอย่างนับเป็นครั้งไม่ได้ เธอรู้จักเขามาทั้งชีวิต วิ่งเข้าวิ่งออกบ้านเขาเป็นว่าเล่น ครอบครัวเธอกับเขาสนิทกัน พ่อแม่เป็นเพื่อนที่ค้าขายร่วมกันมานาน พอมีลูกก็อยู่ในวัยไล่เลี่ยกัน หยก กวินกานต์ พี่สาวของลลิตาเรียนรุ่นเดียวกับฟาน ชยางกูร พี่ชายของอธิติ ส่วนลลิตาก็เป็นเพื่อนรุ่นเดียว เรียนที่เดียวกันกับเฟย กันต์ธีร์ น้องชายคนสุดท้องครอบครัวเขา
บ้านอธิติประกอบกิจการชาบูสุกี้ ชื่อว่าอ้ายฉิง ทั่วทั้งนครปฐมและจังหวัดรอบข้างรวมถึงกรุงเทพแถบชานเมือง ไม่มีใครที่ไม่รู้จักอ้ายฉิงชาบูสุกี้ เพราะอร่อยและราคาเข้าถึงง่าย เปิดเที่ยงปิดตีสี่ คนทำงานกะไหนก็กินได้ทั้งนั้น ส่วนบ้านของลลิตาก็เป็นโรงงานน้ำแข็ง เป็นโรงงานน้ำแข็งที่มีชื่อในนครปฐม ขึ้นชื่อเรื่องส่งเร็วทันใจ ไม่มีวันหยุด แม้ต้องฝ่าแดดฝ่าฝนหรือต่อให้ต้องฝ่าพายุก็ส่งได้ ซึ่งลูกค้ารายใหญ่ของโรงงานน้ำแข็งก็คืออ้ายฉิงชาบูสุกี้
สองครอบครัวนี้แม้ไม่ใช่ญาติแต่ก็สนิทชิดเชื้อกันยิ่งกว่าญาติ บ้านอยู่ห่างกันปากซอยท้ายซอย มีอะไรก็แบ่งปันกันมาตลอดยี่สิบกว่าปีแล้ว ไปเที่ยวด้วยกันทั้งสองครอบครัวทุกปีไม่มีขาดหาย ปรึกษาหารือกันทุกเรื่อง ฝ่าฟันยุคโรคระบาดและเศรษฐกิจที่ตกต่ำมาด้วยกัน ล่าสุดก็เริ่มหารือกันเรื่องคู่ครองของลูก ลลิตาได้ยินมาแว่ว ๆ ว่าป๊าม้าของเธอกับป๊าม้าของอธิติอยากให้ลูกสาวลูกชายได้ดองกัน ก็หนีไม่พ้นลูกรักของสองบ้าน กวินกานต์กับชยางกูร
แต่ป๊าม้าคงไม่ทันคิดว่าตอนนี้ลูกนอกสายตาของพวกเขากำลังมาอยู่ในห้องโรงแรมเดียวกัน
“เฮียจะอาบน้ำก่อนไหม?” ถามออกไปเพราะทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะนั่งที่ปลายเตียงหรือที่เก้าอี้ ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรก่อนหลังก็เลยยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่กลางห้อง
“ไม่อะ อาบมาจากบ้านแล้ว เธอไปอาบดิ…ล้างให้สะอาดล่ะ เฮียไม่ชอบคนสกปรก” เรื่องขึ้นชื่อของอธิติคือเขาเป็นคนกวนประสาท ชอบแกล้งแบบมึน ๆ ชอบแซวคนหน้าตายด้าน
“หลินสะอาด! เฮียนั่นแหละที่สกปรก! เสื้อบอลนั่นอะ…เฮียใส่ตั้งแต่เมื่อวานแล้วไม่ใช่หรือไง?” เธอจำได้ เมื่อวานตอนนั้นนอนเล่นที่ห้องเขา ก็เห็นเขาใส่เสื้อตัวนี้ เมื่อเช้าก็เห็นใส่เหมือนกัน
“เฮียมีสามตัวเว้ย!”
“เชื่อก็โง่แล้ว คนอะไรจะซื้อเสื้อแบบเดียวกันสีเดียวกันมาสามตัวแล้วใส่สองวันติดกัน”
“ก็คนแบบเฮียไง หยิบตัวไหนได้ก็ใส่ตัวนั้น จะมัวเลือกทำไมให้เสียเวลา? จะไปอาบน้ำก็ไปสักทีเถอะ” อธิติโบกไม้โบกมือไล่ลลิตา ก่อนจะคว้ารีโมทมาเปิดโทรทัศน์แล้วกระโดดขึ้นเตียง เขาวางตัวสบาย ๆ เหมือนอยู่บ้าน ดูเหมือนไม่มีเรื่องกังวลใจอะไรเลย
แต่ไม่แปลกหรอก ลลิตาไม่เคยเห็นเขาคนนี้กังวลเรื่องอะไรเหมือนใครคนอื่น บางครั้งก็เหมือนเขาไม่แยแส ไม่สนโลก ไม่สนใจอะไรเลย ทั้งที่เมื่อก่อนเขาไม่ใช่คนแบบนี้ ถึงจะเป็นพวกไม่เอาไหนแต่ก็เว้นเรื่องมันสมองไว้หนึ่งเรื่อง อธิติเคยสอบติดมหาวิทยาลัยดังที่บอสตัน แต่ไม่รู้ทำไมพอเรียนจบแล้วกลับมาเมืองไทย เขากลับไม่ยอมทำงานทำการ ทั้งที่เคยเป็นคนเก่งกาจแท้ ๆ
อาบน้ำเสร็จลลิตาก็ยืนมองตัวเองผ่านกระจกใสในห้องน้ำ อดคิดไม่ได้ว่าเธอมาทำอะไรที่นี่ เธอคิดจะนอนกับอธิติจริง ๆ น่ะหรือ? ถ้าใช่แล้วมันจะเป็นอย่างที่เขาบอกจริง ๆ ใช่ไหม? จะไม่เสียใจทีหลัง จะไม่มีการผูกมัด เรื่องเธอกับเขาจะเป็นความลับ และทุกอย่างจะยุติเมื่อเธอหรือเขามีแฟน มันง่ายแบบนั้นเลยหรือ? ความสัมพันธ์ทางกายมันตัดกันง่าย ๆ ใช่ไหม?
“อีกนานไหมเนี่ย? ถ้าชักว่าวรอเธอ…เฮียคงแตกไปสามน้ำแล้ว นานฉิบหายเลย หลับคาส้วมไปแล้วหรือไง?” เสียงเขาดังเข้ามาถึงในห้องน้ำ แล้วฟังคำพูดคำจาของเขาสิ คนบ้าอะไรพูดจาทุเรศได้ธรรมชาติมาก แต่นี่ยังน้อย เขาทำได้ดีกว่านี้อีกหลายขุม ยังห่ามกว่านี้ได้อีกเยอะ
“เสร็จแล้ว!”
“ไม่ต้องใส่เสื้อผ้าออกมาล่ะ! ขี้เกียจต้องมานั่งถอดใหม่ให้เสียเวลา!”
“ไม่ให้ใส่เสื้อผ้าแล้วจะให้ออกไปโป๊ ๆ หรือไง?!” บ้าไปแล้ว ให้เธอนอนล่อนจ้อนออกไปจากห้องน้ำหรือ? ไม่เอาด้วยหรอก!
“ถ้าไม่โป๊แล้วจะเอากันยังไงวะ?! หลิน…เธอบื้อกว่าเฮียคิดอีกนะ!”
“ไอ้เฮีย!”
“เฮ่ย ๆ เรียกให้มันดี ๆ เฮียเพื่อนเล่นเธอเหรอวะ?”
“ฮึ่ย!” มันน่าหงุดหงิดที่ลลิตาไม่เคยเถียงชนะอธิติได้เลย คว้าเอาเสื้อคลุมอาบน้ำของทางโรงแรมมาสวม สูดหายใจลึกสุดปอดเพื่อรวบรวมความกล้า แค่ครั้งเดียวแหละ ลองนอนกับเขาดูสักครั้ง มีครั้งแรกแล้ว…ครั้งที่สอง ครั้งที่สามก็คงจะง่ายขึ้น
เธอไม่คิดจะนอนกับเขาซ้ำเป็นครั้งที่สอง ไม่อยากได้เขามาเป็นคู่นอนชั่วคราวหรือระยะยาว ไม่สนข้อเสนอที่เขาบอกให้นอนกับเขาจนกว่าจะหาแฟนได้ แค่ครั้งเดียว! ครั้งเดียวจบแล้วแยกย้าย! และหลังจากคืนนี้เธอจะทำเหมือนว่ามันไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น! คิดได้แบบนั้นลลิตาก็ออกมาจากห้องน้ำ ภาพที่เห็นคืออธิติยังนอนดูทีวีอยู่บนเตียงเหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมคือมีไวน์กับของกินเล่นด้วย ลลิตายืนมองภาพเขาจิบไวน์อย่างสบายใจ เขาหัวเราะออกมานิดหน่อยตอนที่รายการพิธีกรโทรทัศน์เล่นมุกตลกกัน
เขาดูสบายใจจริง ๆ
“จะยืนมองอีกนานไหม? ขึ้นมาบนเตียงนี่” เห็นเธอยืนมองอยู่นาน อธิติก็ชักชวน ที่ผ่านมาเวลาที่นัดคู่นอนมาเจอ เขาไม่เคยเสียเวลาลีลา ไม่มีการสั่งไวน์มาดื่ม ไม่พูดพร่ำทำเพลง มาถึงก็ใส่ไม่ยั้ง จัดหนักจัดเต็มแล้วก็แยกย้าย ไม่รอให้ฟ้าสว่าง ไม่เคยค้างคืนกับใคร แต่พอเป็นกับเธอคนนี้…ดูเหมือนว่ามันต้องมีพิธีรีตองกันบ้าง สั่งไวน์มาให้เธอโดยเฉพาะ เพราะรู้ว่าเธอคงต้องการตัวช่วยย้อมใจสักหน่อย
“ถามจริง ๆ นะ เฮียเคยมีเรื่องให้เครียดหรือเสียใจบ้างไหม?” เธอเคยถามคำถามนี้กับเขามาหลายครั้งแล้ว แต่ไม่เคยรอฟังคำตอบอย่างจริงจังแบบนี้มาก่อน ขณะที่รอฟังเขาตอบ ก็ขึ้นไปเอนหลังกึ่งนั่งกึ่งนอนข้าง ๆ เขาบนเตียง รับแก้วไวน์ที่เขายื่นมาให้
“เธออยากเห็นเฮียเครียดเหรอ? อยากเห็นเฮียเสียใจว่างั้น?”
“เอาจริง ๆ ก็อยากเห็นนะ เพราะไม่เคยเห็นเลย เรารู้จักกันมาเกือบทั้งชีวิต หลินไม่เคยเห็นเฮียกลุ้มใจให้กับอะไรเลย”
“แต่เฮียเห็นเธอกลุ้มใจตลอดเวลา ไม่เหนื่อยบ้างหรือไง? เป็นเธอนี่ท่าจะเหนื่อย”
“เป็นเฮียก็น่าจะ…ไม่อะ! หลินไม่อยากเป็นเฮีย! แค่คิดก็สยองแล้ว…คนที่ไม่สนโลกแบบเฮีย! หลินว่ามันล่องลอยเกินไป”
“งั้นก็เป็นคนสนโลกต่อไปนะ แล้วก็อยู่กับความกังวลว่าชีวิตจะต้องดีเทียบเท่าคนอื่นต่อไปแบบที่เธอเป็นอยู่ ดูโง่สมกับเป็นเธอดี”
“ไอ้เฮีย!” เขาด่าเธออีกแล้ว ด่าที่เหมือนกับไม่ได้ด่า แต่สุดท้ายพอสรุปความหมายออกมาได้ก็คือด่านั่นแหละ!
“อย่าเรียกแบบนั้น เฮียเป็นเฮียนะหลิน อย่าลามปาม”
“พูดเหมือนว่าเฮียสนใจว่าหลินจะลามปามหรือไม่ลามปาม!”
“ก็ไม่…กินสักทีสิไวน์ กินให้เคลิ้ม ๆ ปลดปล่อยอารมณ์หน่อย ทำตัวสบาย ๆ นี่เรานัดมาซั่มกันนะ ไม่ได้นัดมาถกปัญหาชีวิต” ว่าแล้วอธิติก็กระดกไวน์ในแก้วตัวเองจนหมด เอี้ยวตัวไปคว้าขวดมารินใหม่อีกรอบ
บทส่งท้ายในที่สุดวันที่ลลิตาและอธิติรอคอยก็มาถึง เป็นวันงานแต่งงานของเขาและเธอ ซึ่งแม้ว่าทั้งสองจะมีเชื้อสายจีนแต่ก็เลือกจะจัดงานตามความสะดวก เป็นพิธีแบบผสมผสานไม่ได้ตรงตามแบบแผนใด ๆ ช่วงเช้าจัดเป็นพิธีหมั้น มีการสวมแหวนและมอบสินสอด ส่วนช่วงบ่ายจนถึงเย็นก็เป็นงานเลี้ยงที่จัดขึ้นในสวนดอกไม้เจ้าบ่าวในชุดสูทสีน้ำเงินยืนรอเจ้าสาวอยู่ที่ซุ้มดอกไม้ เขาเริ่มหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อเพลงบรรเลงเริ่มดังขึ้น หัวใจมันเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ เขาที่เคยผิดหวังครั้งใหญ่ในชีวิตจนล้มเลิกความคิดเรื่องแต่งงานไปแล้ว ไม่คิดไม่ฝันว่าสุดท้ายจะอยากแต่งงานกับใครสักคนขึ้นมาอีกครั้ง และไม่คิดเช่นกันว่าคนคนนั้นจะเป็นลลิตา น้องสาวที่เขาเห็นหน้าเห็นตามาตั้งแต่เด็กเขาไม่เคยคิดว่าจะรักเธอในรูปแบบนี้มาตั้งแต่แรกเขาไม่เคยคิดว่าชีวิตจะอยู่โดยมีเธอเข้ามาเป็นแรงผลักดันไม่เคยคิดเลยว่าอยู่ ๆ จะอยากเป็นเสาหลักค้ำชูใครจนกระทั่งเขาได้ตกหลุมรักเธอเข้าเต็มหัวใจถามว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้เขารักเธอได้มากมายขนาดนี้ อธิติตอบไม่ได้ เขาไม่รู้ว่าเริ่มรักเธอในฐานะผู้ชายคนหนึ่งตอนไหน ไม่รู้เลยว่าเพราะอะไรถึงรัก รู้เพียงแต่ว่า…ไม่มีเธออยู่เคียงข
“คิดว่าเฮียรู้ไม่ทันเหรอว่าเธอแกล้ง?”“หลินแกล้งเฮียบ้างไม่ได้เหรอ? ทีเฮียชอบแกล้งหลินล่ะ?” ลลิตาเชิดหน้าพร้อมรอยยิ้มอย่างคนท้าทาย แต่สุดท้ายก็ต้องนิ่วหน้าเสียวเมื่ออธิติล้วงลึกเข้าไปถึงจุดสั่นไหว “อื้อ…เฮียอี้!”“เปียกเฉย…แค่อมให้เฮียก็ทำให้เธอเสียวได้เหรอ?”“คิดว่าตัวเองอยากเป็นคนเดียวหรือไง?”“บอกเฮียสิว่าเธออยากมากแค่ไหน” สองคนจ้องตากันและกัน เรียวนิ้วของอธิติสอดลึกเข้าถึงโพรงอุ่น ตวัดเกี่ยวกระทำความเสียวซ่านให้คนตัวเล็ก แล้วเธอก็ร่อนโยกสู้เรียวนิ้วเขาเป็นจังหวะ“อ๊ะ! โคตรอยากเลย…ฮึก! เฮียขา…หลินอยากโดนเฮียกระแทกแรง ๆ”“แรงแค่ไหน?”“แรงที่สุด…ฮึก! เฮียอี้…เอาหลินหน่อย…อ๊าห์! เอาหลินทีเฮียอี้” ไม่มีเหตุผลให้ลลิตาต้องเขินอาย อีกไม่กี่วันคนตรงหน้าก็จะได้ชื่อว่าเป็นสามีเธอแล้ว ความต้องการมันบังคับให้เธอร้องขอ โอบรอบคอเขามาประกบปากจูบ จูบแล้วก็จูบอีกทว่ามันยังไม่หนำใจ เหมือนได้เท่าไรก็ไม่พอ“ไม่อยากให้เฮียเลียให้ก่อนเหรอ?”“ฮึก! ไม่ต้องแล้ว…ใส่มาเลยได้ไหม? หลินต้องการเฮียจนจะทนไม่ไหวแล้ว อ๊ะ! อ๊าห์!” พูดไม่ทันขาดคำอธิติก็มอบสิ่งที่ลลิตาโหยหาให้เธอ ถลกชุดลูกไม้บาง ๆ ขึ้นแล้วเอาความเป็นเ
30 ที่รักกลับมาถึงคอนโดมิเนียมลลิตาก็เข้าครัวไปทำมื้อเย็น ส่วนอธิติก็เข้าห้องทำงานไปเคลียร์งานของตัวเอง ช่วงนี้เขาต้องทำงานหนักเพราะมีเกมใหม่ที่กำลังสร้าง ทำงานไปได้สักพักลลิตาก็มาเรียกให้ไปกินข้าว ดูเหมือนว่าความพยายามของลลิตาจะเริ่มแสดงผล เพราะข้าวอบกุ้งวันนี้รสชาติดีกว่าครั้งก่อน ข้าวสุกทุกเม็ด รสชาติไม่เค็มโดดแล้ว ถือว่าเป็นเมนูที่อร่อยใช้ได้“อร่อยไหม?” หญิงสาวเอ่ยถาม เธอชอบใจและมีความสุขทุกครั้งที่เห็นอธิติกินอาหารฝีมือเธอ“อะไรที่เธอทำก็อร่อยทั้งนั้นแหละ ถึงเธอเอาดินเอาโคลนมาให้กิน…เฮียก็ว่าอร่อย”“เวอร์! ใครจะเอาดินเอาโคลนมาให้สามีกิน”“…” เมนูแรกที่เธอทำก็เหมือนเอาโคลนมาผัด อธิตินึกอยากจะพูดคำนั้นแต่ไม่กล้า เขาไม่ใช่พ่อบ้านใจกล้าและไม่ชอบเวลาเมียงอนด้วย อีกอย่าง…คืนนี้เขายังอยากให้เธอง้ออยู่“ยังงอนหลินอยู่อีกเหรอ? หลินบอกแล้วไงว่าที่พูดไปว่าขาดทุนอะ มันไม่ได้หมายความว่าอยากไปนอนกับคนอื่นที่ไม่ใช่เฮีย…ขนาดนี้แล้วยังไม่เชื่อใจกันอีกเหรอ?”“ใครจะไปรู้ ต่อไปถ้าเจอใครมาทำเหมือนว่าเคยนอนกับเฮียอีก…เธอจะไม่พูดเรื่องนั้นขึ้นมาอีกเหรอ?” ที่จริงเขาหายโกรธหายงอนไปตั้งแต่ที่ได้ยินคำว่า
ลลิตาไม่ใช่แม่ศรีเรือนที่ชอบทำงานบ้านหรือทำกับข้าวเก่ง อาจต้องพูดว่าเธอแทบจะทำอาหารไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ แต่เมื่อรู้ตัวว่าจะต้องแต่งงานและเป็นแม่ของลูกในสักวัน เธอก็พยายาม…เริ่มทำงานบ้านให้ติดเป็นนิสัย เริ่มเข้าครัวฝึกทำอาหาร ซึ่งคนแรกและคนเดียวที่ต้องเป็นหนูทดลองชิมอาหารฝีมือเธอก็คือว่าที่คุณสามีหลังเลิกงานทั้งสองคนมักจะแวะซุปเปอร์เพื่อซื้อของเข้าบ้าน อธิติชอบทุกครั้งที่ได้มาซื้อของกับลลิตาแบบนี้ เขาจะคอยโอบเอว โอบไหล่เธอแบบที่ไม่ปล่อยให้เดินห่างจากกาย ไม่ว่าเธอจะเดินไปทางไหนเขาก็จะรีบตามติดเหมือนเป็นเงาตามตัว“วันก่อนที่หลินทำข้าวอบกุ้งให้กิน เฮียชอบไหม? อยากกินอีกไหม?” หญิงสาวเอ่ยถามขณะที่สองคนกำลังเดินเลือกซื้ออาหารสด“ข้าวอบกุ้งเหรอ?” อธิติจำได้ดีข้าวอบกุ้งที่เม็ดข้าวยังแข็งเพราะไม่สุกดี รสชาติก็เค็มจนแทบกลืนไม่ลง พูดได้เลยว่าลลิตาไม่เหมาะกับงานในบ้านเลยแม้แต่น้อย แต่เพราะเห็นถึงความพยายามเขาเลยกินมันจนหมดไม่เหลือสักเม็ด ชมเธอครั้งแล้วครั้งเล่าว่ามันอร่อยสุด ๆ“หรืออยากกินสปาเก็ตตีขี้เมาแบบวันนั้นอีก?”“เฮียกินอะไรก็ได้ เธอทำอะไรให้กินเฮียก็กินได้ทั้งนั้นแหละ” อธิติคิดแล้วคิดอีกว่าค
29 จากคู่นอนเป็นคู่รักนับจากวันที่อธิติได้สร้างเรื่องเซอร์ไพรซ์กับคนที่บ้านจนถึงวันนี้ก็นับเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว เขาและลลิตาย้ายมาอยู่ด้วยกันที่คอนโดมิเนียมหรูราคาหลายสิบล้านที่ซื้อไว้เก็งกำไร ตอนนี้ลลิตาได้ลาออกจากลุคแล้วกลับเข้ามาทำงานที่เรด ร็อกเก็ตในตำแหน่งหัวหน้าแผนก Project Coordinator ที่ว่างอยู่หลังจากที่เพชรไพลินย้ายกลับไปอยู่อเมริกา ซึ่งทีแรกอธิติไม่ต้องการให้ลลิตาทำงานอะไรเลย เขาอยากให้เมียนอนสบาย ๆ อยู่ที่บ้าน แต่พอเธอยืนกรานว่ายังไงก็ยังอยากออกไปทำงาน เขาก็เสนอให้เธอมาเป็นเลขาของเขา ซึ่งก็อีกเช่นกัน…เธอปฏิเสธ สุดท้ายอธิติก็ต้องยอมตามใจให้ลลิตาไปทำงานในตำแหน่งที่อยากทำตลอดหนึ่งเดือนมานี้สองคนผัวเมียต้องปรับตัวเข้าหากันอย่างมากมาย เพราะไม่เคยได้มาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแบบยี่สิบสี่ชั่วโมงแบบนี้มาก่อน เถียงกันได้ทุกวัน มีเรื่องให้ต้องทะเลาะกันได้ตลอด แต่พอถึงเวลาเข้านอนก็นอนกกนอนกอดกันแบบไม่เหลือที่เว้นว่าง ส่วนใหญ่เรื่องที่ทะเลาะก็เป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเรื่องความไม่เป็นระเบียบของอธิติ เรื่องที่เขาไม่ยกฝาชักโครกบ้าง เรื่องเขาถอดกางเกงในม้วนเป็นเล็กแปดแล้วไม่ยอมใส่ไว้ใน
อธิติจูงมือลลิตาเข้ามาในบ้าน ทีแรกลลิตาบอกว่ายังไม่พร้อมให้อธิติมาเจอป๊าม้าตอนนี้ แต่ฝ่ายชายไม่ยอม เขาบอกว่าถ้าเว้นระยะเวลาอาจทำให้ผู้ใหญ่คิดว่าเขาไม่ให้เกียรติ เข้ามาแล้วก็เห็นกิตติคุณกับวรรณวิมลนั่งทำหน้ากลุ้มใจอยู่ที่โซฟา ส่วนกวินกานต์ก็นั่งอ่านบัญชีอยู่ที่โต๊ะกินข้าวซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กัน“ป๊า…ม้า…เฮียอี้อยากมาคุยด้วย” ลลิตาเอ่ยด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด แต่ไม่ทันที่คนเป็นพ่อแม่จะได้ตอบอะไร อธิติก็เข้าไปคุกเข่าตรงหน้าพวกท่านแล้ว“ผมขอโทษเจ๊กกับโกวครับ ที่ทำอะไรข้ามหน้าข้ามตาหรือทำเหมือนไม่ให้เกียรติ ที่มานี่ก็เพื่อจะบอกว่าผมรักและอยากดูแลหลินจริง ๆ และผมเชื่อว่าผมเองสามารถทำให้หลินมีความสุขได้แน่นอน เราสองคนรักกันจริง ๆ ครับ” อธิติยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสอง เขาไม่รู้ว่าจะต้องพูดยังไงเพื่อให้ผู้ใหญ่ยอมรับได้ เลยได้แต่พูดในสิ่งที่คิดเท่านั้น“ถ้าขึ้นตั้งท้อง…โกวว่ามันเกินไปหน่อยนะอี้ สองคนรักกันแล้วทำไมไม่บอกให้ผู้ใหญ่รับรู้ โกวไม่เคยรู้เลยว่าหลินมีแฟน อยู่ ๆ ก็ท้องขึ้นมาซะอย่างนี้มันใช้ได้ที่ไหน โต ๆ กันแล้วทำไมเรื่องแค่นี้คิดไม่ได้?” วรรณวิมลรู้สึกผิดหวังเมื่อได้รู้ว่าลูกสาวคนเล็กท้องก่อนแต่ง