แชร์

คู่กัด

ผู้เขียน: อิ่น เยว่
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-28 08:58:28

พอพูดคุยกันแล้ว เหว่ยเฟิงและฉินป๋อหลินก็เริ่มทำงานร่วมกันทันที ด้วยไม่อยากให้เสียเวลามากไปกว่านี้ โดยที่ช่วงบ่ายพวกเขาลงพื้นที่สำรวจไร่องุ่นทั้งหมด เพื่อเก็บตัวอย่างดินและใบองุ่นไปตรวจวิเคราะห์ในห้องแล็บ คงจะอีกหลายวันเลยทีเดียวกว่าผลแล็บจะออก

“ระหว่างรอผลแล็บ เราต้องทำระบบระบายน้ำและสารชีวภัณฑ์มาระงับการระบาดของโรคค่ะ” เมื่อออกจากห้องแล็บมา เหว่ยเฟิงก็พูดสิ่งที่เธอคิดให้ชายร่างสูงฟัง

“ปรับปรุงระบบระบายน้ำ? ใช้สารชีวภัณฑ์?” ฉินป๋อหลินหัวเราะในลำคอ “นี่คุณกำลังล้อเล่นอยู่หรือเปล่า? นี่มันไร่องุ่นนะ ไม่ใช่ห้องทดลองวิทยาศาสตร์ของคุณ”

เหว่ยเฟิงกัดฟันแน่น พยายามระงับอารมณ์ “ฉันไม่ได้ล้อเล่นค่ะคุณป๋อหลิน นี่เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการจัดการกับเชื้อราชนิดนี้ ฉันมีข้อมูลและงานวิจัยรองรับ”

“ข้อมูล? งานวิจัย?” ฉินป๋อหลินแสยะยิ้ม “ผมไม่สนใจเรื่องพวกนั้นหรอก ผมต้องการวิธีที่เห็นผลเร็วและชัดเจน ไม่ใช่วิธีที่อ้อมค้อมแบบนี้”

เหว่ยเฟิงพยายามอธิบายอย่างใจเย็น แต่ฉินป๋อหลินไม่ฟังเธอเลย เขาตัดสินใจใช้สารเคมีกำจัดเชื้อราแรง ๆ ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญที่เขาจ้างมา แม้เหว่ยเฟิงจะคัดค้านเพียงใด แต่เขาก็หาได้สนใจคำพูดของเธอเลย

เวลาผ่านไปหลายวัน สถานการณ์ภายในไร่กลับเลวร้ายลง เชื้อรามีภูมิต้านทานต่อสารเคมี และยังแพร่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของไร่องุ่นอีก ผลผลิตเสียหายหนักกว่าเดิม ฉินป๋อหลินรู้สึกเครียดและเริ่มกดดันตัวเอง ด้วยเขาไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป

หรือจะไปขอความช่วยเหลือจากเหว่ยเฟิงดี ช่างเถอะ เป็นไงเป็นกัน

ในที่สุด เขาก็ยอมกลืนความหยิ่งยโสภายในใจ เดินทางไปหาเหว่ยเฟิงที่ห้องทำงาน เพื่อจะพูดคุยกับเธอตอนนี้

“ผม...คือผมอาจจะตัดสินใจผิดพลาด” เขาพูดเสียงแผ่ว “ตอนนี้สถานการณ์แย่ลงมาก ผม...ผมอยากลองใช้วิธีของคุณ”

เหว่ยเฟิงมองเขาด้วยสายตาที่อ่อนลง “ไม่เป็นไรค่ะคุณป๋อหลิน ตอนนี้ยังไม่สายเกินไป”

ลึก ๆ แล้ว เธออยากจะหัวเราะเยาะให้กับความดื้อรั้นของเขาที่ไม่ยอมฟังเธอตั้งแต่แรก แต่สถานการณ์ตอนนี้ไม่เอื้อให้เธอทำตามอารมณ์ตัวเองได้

“ตอนนี้สิ่งที่เราต้องทำคือทำทางเดินระบายน้ำค่ะ เพื่อไม่ให้เกิดความชื้นสะสม พอทำตรงนี้เสร็จเราค่อยนำสารชีวภัณฑ์มาฉีดพ่นทั่วทั้งไร่ค่ะ”

เหว่ยเฟิงเริ่มอธิบายแผนการของเธออีกครั้งอย่างละเอียด คราวนี้ฉินป๋อหลินตั้งใจฟังเธอทุกคำพูด เขาเริ่มเข้าใจเหตุผลเบื้องหลังวิธีการของเธอ

“เดี๋ยวนะ สารชีวภัณฑ์ต้องหมักอยู่หลายสัปดาห์ไม่ใช่เหรอกว่าจะเอาทำฉีดพ่นได้น่ะ”

“ค่ะ ทันทีที่ฉันทราบเรื่อง ฉันก็ทำการหมักสารชีวิภัณฑ์ไว้แล้ว”

“อย่างนี้นี่เอง”

ฉินป๋อหลินแม้จะยังไม่ค่อยมั่นใจในวิธีของเหว่ยเฟิงนัก แต่เขาก็ยอมทำตามคำแนะนำของเธอ เพราะเขาไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้

“อย่างนั้นผมก็เรียกให้คนงานมาขนถังพวกนี้ไปฉีดพ่นในไร่เลยแล้วกันนะ”

“ค่ะ” เหว่ยเฟิงพยักหน้า

จนสามวันผ่านไป โรคระบาดที่เกิดขึ้นกับผลองุ่น ซึ่งได้ใช้สารชีวภัณฑ์เข้าช่วยก็เกิดผล

“เหว่ยเฟิง สารที่คุณหมักไว้ได้ผลแล้วนะ ตอนนี้ศัตรูพืชเริ่มลดลงแล้ว” ฉินป๋อหลินเอ่ยกับเหว่ยเฟิงในเช้าวันหนึ่ง

“จริงเหรอคะ”

“ใช่ ต่อแต่นี้ต้องจัดการยังไงต่อล่ะครับ”

“เราคงต้องตัดแต่งกิ่งที่โดนเชื้อราทิ้งค่ะ แล้วค่อยเผาทิ้ง เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรคอีก” เหว่ยเฟิงอธิบายเหตุผลและหลักการทางวิทยาศาสตร์เบื้องหลังแนวทางของเธออย่างใจเย็น ในขณะที่ฉินป๋อหลินก็เริ่มเปิดใจรับฟังมากขึ้น เขาเริ่มเห็นว่าความรู้และประสบการณ์ของเหว่ยเฟิงนั้นมีประโยชน์มากเพียงใด

“ผมอาจจะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่” ฉินป๋อหลินยอมรับในที่สุด “แต่ผมเชื่อว่าคุณหวังดีกับพวกเรา”

เหว่ยเฟิงยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ “ขอบคุณค่ะคุณป๋อหลิน ฉันเชื่อว่าเราจะสามารถแก้ปัญหานี้ไปด้วยกันได้”

ความเห็นที่แตกต่างกันในตอนแรก กลับกลายเป็นแรงผลักดันให้พวกเขาหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับไร่องุ่นหยางกวง

“ผมขอโทษที่ไม่เชื่อคุณตั้งแต่แรก” ฉินป๋อหลินกล่าวอย่างจริงใจ “ผมจะทำทุกอย่างตามที่คุณบอก”

เหว่ยเฟิงยิ้มให้เขา “ไม่เป็นไรค่ะ เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกันนะคะ”

ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ตรงนี้จะทำให้ทั้งคู่เริ่มเรียนรู้ที่จะปรับตัวเข้าหากันมากขึ้น และยังลงมือช่วยคนงานตัดแต่งกิ่งที่เกิดเชื้อราทิ้งทั้งหมด เช่นนั้นแล้วทำให้คนทั้งสองได้เห็นมุมมองของกันและกันมากขึ้น

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ดั่งสายลมแห่งรัก   ฉันก็รักคุณค่ะ

    “คืนนี้เป็นของเรา” ป๋อหลินพูดเบา ๆ ขณะที่เขากอดเธอไว้แน่นเสียงหัวใจของทั้งคู่เต้นเป็นจังหวะเดียวกัน เสียงกระซิบและเสียงหัวเราะเบา ๆ ก่อเกิดเป็นบทเพลงแห่งความรักที่พวกเขาร่วมบรรเลงอย่างสมบูรณ์ค่ำคืนนี้เต็มไปด้วยความรักและความสุข ลืมความทุกข์โศกและความสูญเสียในอดีต เหลือเพียงความรักที่แท้จริงและความผูกพันที่ไม่มีวันจางหายเช้าวันหนึ่ง เหว่ยเฟิงรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยสบายตัวนัก เธอมีอาการคลื่นไส้และเวียนศีรษะเล็กน้อย ตอนแรกเธอคิดว่าอาจเป็นเพราะทำงานหนักเกินไป แต่เมื่ออาการไม่ดีขึ้น เธอจึงตัดสินใจไปหาหมอในเมืองเมื่อผลตรวจออกมา เหว่ยเฟิงแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เธอตั้งครรภ์! ความรู้สึกหลากหลายถาโถมเข้ามาในใจ ทั้งความดีใจ ความตื่นเต้น และความกังวลเล็ก ๆ เธอจะบอกข่าวดีนี้กับฉินป๋อหลินอย่างไรดีนะ?เขาจะตื่นเต้นดีใจกับข่าวดีนี้หรือเปล่าและทันทีที่กลับถึงบ้าน เหว่ยเฟิงก็ตรงไปหาฉินป๋อหลินที่กำลังจัดการเอกสารอยู่ในห้องทำงาน“ป๋อหลินคะ ฉันมีเรื่องจะบอกคุณค่ะ” เหว่ยเฟิงพูดเสียงแผ่วฉินป๋อหลินเงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยความเป็นห่วง “มีอะไรหรือ เฟิงเอ๋อร์? ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”เหว่ยเฟิงสูดหายใจเ

  • ดั่งสายลมแห่งรัก   แสงสว่าง

    และมาวันนี้ที่ทุกคนไม่อยากให้เกิดขึ้นก็มาถึง ในที่สุดฉินหลงเจ๋อก็จากไปอย่างสงบจากโรคมะเร็งตับระยะสุดท้าย แม้ความโศกเศร้าจะเกาะกุมหัวใจ ฉินป๋อหลินและเหว่ยเฟิงก็พยายามยิ้มให้กันพวกเขาเข้าใจดีว่าตอนนี้ฉินหลงเจ๋อจากไปอย่างสงบ ปราศจากความเจ็บปวดทรมาน และที่สำคัญที่สุด ท่านจากไปพร้อมกับรอยยิ้มแห่งความสุข“พ่อคงไม่อยากเห็นพวกเราเศร้านักหรอกค่ะ” เหว่ยเฟิงเอ่ยเสียงแผ่ว ปลอบประโลมฉินป๋อหลินที่ยังคงมีน้ำตาคลอหน่วยฉินป๋อหลินพยักหน้ารับ “ใช่แล้วเฟิงเอ๋อร์ พ่อคงอยากให้พวกเรามีความสุข”หลังจากนั้นฉินป๋อหลินก็รับช่วงต่อธุรกิจไร่องุ่นหยางกวงแทนบิดาอย่างเต็มตัว เขาและเหว่ยเฟิงก็ช่วยกันทำงานร่วมกันอย่างมุ่งมั่นและขยันขันแข็งวันเวลาผ่านไปปีแล้วปีเล่า ไร่องุ่นที่เคยเจอปัญหาและความท้าทายกลับเริ่มเติบโตและประสบความสำเร็จยิ่งขึ้นด้วยความร่วมมือของสองสามีภรรยา ทำให้พวกเขากลายเป็นคู่รักที่แข็งแกร่ง ทั้งในเรื่องงานและชีวิตครอบครัวยามเช้าในไร่องุ่นเต็มไปด้วยความสดชื่น แสงแดดอ่อน ๆ ส่องผ่านใบไม้เขียวขจี เหว่ยเฟิงและฉินป๋อหลินเดินเคียงข้างกันท่ามกลางแปลงองุ่นที่กำลังสุกงอม มือของทั้งสองจับกันไว้แน่น สายลมเบา ๆ

  • ดั่งสายลมแห่งรัก   ให้อภัย

    เมื่อเหว่ยเฟิงและฉินป๋อหลินเดินทางมาถึงโรงพยาบาลจิตเวช ภาพของม่านชิงชิงที่ปรากฏตรงหน้าทำให้เธอแทบจำไม่ได้ หญิงสาวที่เคยงดงามและเย่อหยิ่ง บัดนี้เหลือเพียงร่างกายที่ผ่ายผอมและดวงตาที่ว่างเปล่าหญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเหว่ยเฟิงกับฉินป๋อหลินอย่างเลื่อนลอย ไม่มีวี่แววของความเกลียดชังหรือความอาฆาตใด ๆ หลงเหลืออยู่“เธอจำฉันได้หรือไม่” เหว่ยเฟิงเอ่ยถามเสียงเบาม่านชิงชิงส่ายหน้าช้า ๆ น้ำตาไหลอาบแก้ม “ฉันไม่รู้จักคุณค่ะ ฉันจำอะไรไม่ได้จริง ๆ”เหว่ยเฟิงมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความเวทนา นี่คือผลลัพธ์ของความแค้นที่ม่านชิงชิงเคยปลูกฝังไว้ในใจ“ม่านชิงชิง ฉันให้อภัยเธอ” เหว่ยเฟิงเอ่ยออกมาจากใจม่านชิงชิงมองเหว่ยเฟิงด้วยความประหลาดใจ เธอไม่เคยคิดว่าจะได้ยินคำเหล่านี้จากปากของใครสักคน“ขอบคุณ” ม่านชิงชิงกระซิบ ถึงแม้จะไม่เข้าใจในสิ่งที่เหว่ยเฟิงพูดก็ตามที“ฉันสงสารม่านชิงชิงจังค่ะ ป๋อหลิน ถึงเธอจะเคยทำร้ายฉันยังไง ฉันก็ไม่เคยโกรธเธอเลย” เหว่ยเฟิงเอ่ยกับสามี ระหว่างเดินทางกลับบ้านด้วยกัน“ทุกอย่างมันเกิดจากการกระทำของเธอเอง ไม่มีใครทำเธอเลย”“นั่นสิคะ”การไปเยี่ยมม่านชิงชิงครั้งนี้ทำให้เหว่ยเฟิงได้เรียนรู้

  • ดั่งสายลมแห่งรัก   กรรมตามสนอง

    ข่าวการจับกุมชายฉกรรจ์ที่บ้านพักท้ายไร่แพร่กระจายไปทั่วเมืองต้าหลี่อย่างรวดเร็ว การสอบปากคำของพวกเขาชี้ชัดไปที่ม่านชิงชิงในฐานะผู้บงการอยู่เบื้องหลังการพยายามลักพาตัวและทำร้ายเหว่ยเฟิง ตำรวจไม่รอช้าออกหมายจับเธอทันทีขณะเดียวกันตำรวจก็มาแจ้งกับฉินป๋อหลิน ถึงการตามตัวหาม่านชิงชิงตามที่อยู่ในทะเบียนราษฎร์แล้ว ก็พบว่าบ้านหลังนั้นถูกธนาคารยึดทรัพย์ และถูกศาลฟ้องล้มละลายพอทุกคนได้ฟังเช่นนั้นก็ตกใจเช่นกัน พร้อมกับปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดหวังซู่หลินเองที่ตอนนี้กำลังพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาล ได้ฟังที่ตำรวจแจ้งก็ร้องไห้โฮด้วยความเสียใจ ไม่คิดเลยว่าม่านชิงชิงจะหลอกลวงนางได้ในวันเดียวกันนั้น ม่านชิง ๆ ก็ได้ข่าวว่าตำรวจจะนำกำลังมาจับกุม ม่านชิงชิงรู้ตัวทันทีว่าเธอไม่มีทางหนีรอดจากเรื่องนี้ได้อีกต่อไป เธอรู้ว่าไม่สามารถปฏิเสธความผิดที่ตัวเองก่อไว้ได้ ทุกอย่างกำลังพังทลายลงตรงหน้าในห้องที่เงียบงัน ม่านชิงชิงทำการเก็บข้าวของเท่าที่จำเป็นอย่างลวก ๆ ตอนนี้เธอไม่มีเวลามากนัก เพราะตำรวจอาจมาถึงตัวเธอได้ทุกเมื่อ“ฉันจะทำยังไงดี... ฉันจะหนีไปไหนได้บ้าง?” ม่านชิงชิงพึมพำกับตัวเองเสียงสั่น ขณะเร่งก้าวเด

  • ดั่งสายลมแห่งรัก   เมื่อแผนการล้มเหลว

    เหว่ยเฟิงมาถึงบ้านพักท้ายไร่ตามที่ม่านชิงชิงนัดหมายโดยบอกว่าจะขอปรับความเข้าใจ เพราะเธอนั้นจะขอยอมแพ้กับรักครั้งนี้แล้ว ทั้งเจ้าตัวยังบอกอีกว่าจะยอมถอยกลับไปปักกิ่งตอนแรกเหว่ยเฟิงมีความลังเลว่าจะไปตามที่ม่านชิงชิงเอ่ยปากร้องขอดีหรือไม่ แต่ในที่สุดเธอก็ตกลงที่จะไปตามนัดด้วยอยากไปเคลียร์ใจกันให้จบเช่นนั้นเหว่ยเฟิงจึงเดินเข้าไปในบ้านพักท้ายไร่เพียงลำพัง“ม่านชิงชิง ฉันมาแล้ว”แต่ไม่มีเสียงตอบรับจากภายใน เหว่ยเฟิงขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เธอตัดสินใจผลักประตูเข้าไปช้า ๆภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าทำให้เธอแทบหยุดหายใจ ชายฉกรรจ์ร่างกำยำหลายคนยืนออกันอยู่กลางห้อง พวกเขาทั้งหมดจ้องมองมาที่เธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งร้าย“นี่มันอะไรกัน!?” เหว่ยเฟิงอุทานออกมาด้วยความตกใจ เธอพยายามตั้งสติ ถอยหลังไปช้า ๆ แต่ก็สายเกินไป ชายฉกรรจ์คนหนึ่งพุ่งเข้ามาจับตัวเธอไว้แน่น“ปล่อยฉันนะ! นี่มันเรื่องอะไรกัน!” เหว่ยเฟิงดิ้นรนสุดแรง แต่ก็ไม่อาจสู้แรงของชายฉกรรจ์ได้ เธอรู้สึกถึงความหวาดกลัวที่กำลังกัดกินหัวใจ เธอตะโกนสุดเสียง“ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยฉันที!”ทว่าเสียงของหญิงสาวจมหายไปในความเงียบงันของบ้านพักท้ายไร่ท

  • ดั่งสายลมแห่งรัก   กำจัดเหว่ยเฟิงด้วยกัน

    “ม่านชิงชิง พอได้แล้ว!” ฉินป๋อหลินที่เดินเข้ามาในห้องของหญิงสาวพูดเสียงเข้ม “ผมรู้นะว่าคุณกำลังคิดจะทำอะไรโง่ ๆ ผมจะไม่ยอมให้คุณทำร้ายเหว่ยเฟิงอีกแล้ว”ม่านชิงชิงหน้าถอดสี เธอไม่คิดว่าฉินป๋อหลินจะรู้ทันแผนการของเธอ เธอพยายามแก้ตัว “คุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันแค่...”“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น” ฉินป๋อหลินขัดจังหวะ “ผมรู้จักคุณดีพอ ม่านชิงชิง ผมเคยหลงเชื่อคำพูดของคุณ แต่ตอนนี้ผมตาสว่างแล้ว ผมจะไม่ยอมให้คุณมาทำลายความสุขของผมกับเหว่ยเฟิงอีก”ม่านชิงชิงกำมือแน่นด้วยความโกรธและผิดหวัง เธอไม่คิดว่าฉินป๋อหลินจะปกป้องเหว่ยเฟิงขนาดนี้ เธอรู้สึกเหมือนทุกอย่างกำลังพังทลายลงต่อหน้าต่อตา“แล้วคุณจะเสียใจ” เธอพูดเสียงสั่น “เหว่ยเฟิงจะต้องหายไปจากที่นี่...”“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” ฉินป๋อหลินตวาดเสียงดังคำพูดของฉินป๋อหลินเหมือนคมมีดกรีดลึกเข้าไปในใจของม่านชิงชิง เธอรู้สึกหวาดกลัวเขาเป็นอย่างมาก แต่ก็ต้องสู้เพื่ออนาคตของตัวเอง ม่านชิงชิงจึงรีบหันหลังวิ่งหนีไป ทิ้งให้ฉินป๋อหลินยืนอยู่คนเดียวฉินป๋อหลินรู้ดีว่าสิ่งต่อไปที่ต้องทำคือการกลับไปพูดกับแม่อย่างจริงจัง เขาตัดสินใจแน่วแน่ว่าเขาจะไม่ยอมให้ม่านชิงชิงอยู่ในบ้านน

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status