공유

บทที่ 46

last update 최신 업데이트: 2025-06-15 15:25:15

บทที่ 46

“คำว่าเกมหัวใจ มันไว้สำหรับคนที่มีใจให้กัน”

“แกไม่ได้คิดอะไรกับจันทร์ว่างั้น” จากที่ถูกไล่ต้อนตอนนี้ปรัชญ์เปลี่ยนเป็นฝ่ายไล่ต้อนรังสิมันต์บ้าง

“คิด...คิดว่าเด็กคนนั้นทำให้เมียฉันตาย”

“แน่ใจว่าคิดแค่นั้น แล้วนี่แต่งตัวจะไปไหน”

“กลับเชียงใหม่สิวะ จะอยู่ทำไมล่ะ ก็ผู้หญิงที่ฉันตั้งใจจะมาจีบกลายเป็นเมียแกไปแล้วนี่ หรือแกจะให้ฉันแย่งเมียเพื่อนก็ได้นะฉันไม่ถือ”

“ก่อนจะถามฉัน ถามตัวเองก่อนว่าคิดจะแย่งเมียฉันจริงๆ หรือแค่อยากให้เมียตัวเองหึง”

คำพูดที่เหมือนกับมานั่งอยู่ในใจเช่นนั้น ทำให้รังสิมันต์ต้องทำหน้าตึงกลบเกลื่อน แม้สิ่งที่ปรัชญ์พูดมาจะไม่ตรงกับความจริงนักแต่ก็เฉียดสุดๆ เขาไม่ได้อยากให้จันทริกาหึง แค่อยากให้เธอเจ็บ

จริงหรือที่ว่าต้องการแค่นั้น?

รังสิมันต์ถามตัวเอง...แล้วทำไมตอนที่เด็กคนนั้นทำหน้าเหมือนไม่รู้สึกอะไรกับเขา เขาถึงได้หงุดหงิดนัก

“ต้องให้ย้ำกี่ครั้งว่าเมียฉันตายแล้ว แกความจำเสื่อมหรือไงไอ้เชี่ยปรัชญ์” คนถูกต้อนคืนทำเสียงฉุนๆ ใส่

“ฉันไม่ได้หมายถึงคนที่ตายแล้วเว้ย แต่หมายถึงคนที่แกอยู่ด้วยตอนนี้”

“จันทริกาไม่ใช่เมียฉัน”

“แล้วเป็นอะไร แค่อดีตน้องเมียที่ตอนนี้ถูกลดฐานะลงมาเป็นเด็กรับใช้ในบ้านของแกงั้นสิ”

“ก็รู้ดีอยู่แล้วนี่ จะเสือกถามทำไมอีก”

“ก็เพราะรู้ดีนี่แหละถึงได้อยากเสือก ระวังให้ดีเถอะไอ้เชี่ยตะวัน รังแกเขามากๆ ถ้าเขาหนีไปวันไหน แกจะน้ำตาเช็ดหัวเข่า”

“จันทริกาไม่มีทางหนีไปไหนได้หรอก เด็กคนนั้นไม่มีที่ไป” แม้จะรู้ดีว่าเด็กคนนั้นไม่มีที่ไป หากแต่ทำไมคำพูดที่เหมือนยั่วอารมณ์ของปรัชญ์ถึงทำให้หัวใจเขาเกิดวูบไหวและกลัวขึ้นมาก็ไม่รู้

“ไม่กลัวหนีแต่จะรีบแจ้นกลับไปหา ถ้ามั่นใจว่าจันทร์ไม่หนี จะรีบกลับไปทำไม”

“ฉันเป็นห่วงเมสซี่”

เป็นคำแก้ตัวข้างๆ คูๆ ที่คนฉลาดและสนิทกันมานานอย่างปรัชญ์ไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด

“ห่วงแมวหรือห่วงเมีย”

“ไอ้เชี่ยนี่! แกมันชอบกวนตีนชะมัด ฉันขอแช่งให้น้องเล็กทิ้งแก”

“นี่แกแช่งฉันเหรอ ได้...งั้นฉันก็ขอแช่งแกคืน ขอให้จันทร์ทิ้งแกไวๆ เหมือนกัน ทิ้งไปตอนนี้เลยยิ่งดี ไม่แน่ว่าแกกลับไปอาจไม่เจอเมียแล้วก็ได้” จากที่เครียดๆ เรื่องหัวใจตัวเอง ตอนนี้ปรัชญ์เริ่มอารมณ์ดีขึ้นมานิดๆ ที่ได้ยั่วยุอารมณ์ของรังสิมันต์ให้หงุดหงิดบ้าง

“ไปเคลียร์เรื่องตัวเองให้มันจบก่อนเถอะ ก่อนจะเสือกเรื่องชาวบ้าน ตกลงแกจะกลับพร้อมฉันหรือเปล่า”

“ไม่กลับ จะไปหาคู่หมั้นก่อน”

“โอเค...งั้นแกขับรถไปส่งฉันด้วย”

ร่างสูงเดินไปหยิบกุญแจรถราคาหลายสิบล้านโยนให้กับเจ้าของรถ ซึ่งปรัชญ์ก็รับมันได้อย่างแม่นยำ ไม่นานเฟอร์รารี่สีแดงก็แล่นออกจากคอนโดมิเนียมอีกรอบ แล้วมุ่งหน้าไปยังสนามบิน

เครื่องบินโดยสารภายในประเทศ ที่บินจากดอนเมืองลงจอดยังสนามบินนานาชาติจังหวัดเชียงใหม่ โดยใช้เวลาบินเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงกับอีกสิบห้านาทีเท่านั้น ทันทีที่เดินเข้าไปยังอาคารผู้โดยสาร อุ้ยคำซึ่งมารออยู่แล้วรับกระเป๋าเดินทางจากมือของเจ้านาย แล้วเดินนำไปยังรถที่จอดอยู่ในลานจอด

“คุณตะวันจะไปทำงานก่อนไหมครับ ผมจะได้ไปส่งที่ห้าง” อุ้ยคำถามหลังจากที่เปิดประตูรถด้านหลังให้เจ้านายเข้าไปนั่งแล้ว

“ไม่ไป กลับบ้านเลยอุ้ยคำ”

“ครับ”

คำตอบของเจ้านายทำให้อุ้ยคำแปลกใจอยู่พอสมควร เพราะปกติรังสิมันต์มักจะให้ความสำคัญกับงานก่อนอะไรทั้งหมด แต่ความสงสัยนั้นก็ถูกเก็บเอาไว้แค่ในใจ เนื่องจากไม่ใช่วิสัยของลูกจ้างที่จะละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของเจ้านายขนาดนั้น แม้จะเป็นคนเก่าคนแก่ที่รับใช้กันมานานก็เถอะ

ระยะทางจากสนามบินถึงบ้านไม่ได้ไกลเท่าใดนัก ทันทีที่อุ้ยคำจอดรถเสร็จ ร่างสูงผลักประตูแล้วก้าวยาวๆ เข้าบ้านคล้ายกับมีเรื่องเร่งรีบ เมสซี่เห็นเจ้านายมาก็รีบวิ่งเข้าไปหา รังสิมันต์ย่อลงอุ้มแมวตัวโปรดขึ้นมากอด แต่สายตากลับสอดส่ายหาคนที่ตัวเองกลัวว่าจะหนีอย่างเช่นที่ปรัชญ์แช่งเอาไว้ ความจริงเขาไม่ได้เพิ่งกลัวในตอนที่ปรัชญ์พูดหรอก แต่กลัวตั้งแต่วันที่ออกเดินทางแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่รีบแจ้นกลับมาขนาดนี้

เมื่อไม่เห็นร่างคุ้นตา เท้าจึงก้าวไปยังห้องครัว พอไร้เงาของจันทริกาในห้องครัว เขาก็อุ้มเมสซี่ตรงไปยังห้องนอนชั้นล่างของเธอ แต่ห้องนั้นก็ไร้เงาของจันทริกาเช่นเดียวกัน

หัวใจที่ซ่อนอยู่ในหน้าอกข้างซ้ายเริ่มร้อนรน หรือว่าเด็กคนนั้นจะหนีไปแล้วจริงๆ ความคิดนั้นทำให้เขากลับไปยังหน้าบ้านอีกครั้ง กำลังจะเอ่ยปากถามอุ้ยคำว่าจันทริกาหายไปไหน แต่ก็ยั้งปากเอาไว้เสียก่อนพร้อมกับแอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อเห็นว่าตอนนี้เจ้าตัวกำลังถือตะกร้าผักเดินขึ้นบันไดหินอ่อนมา

ร่างบางที่กำลังก้าวอยู่ชะงักฝีเท้า เพราะมีร่างสูงของคนที่บอกว่าจะไปกรุงเทพฯ สองสามวันยืนขวางทางอยู่ จันทริกาแปลกใจอยู่เหมือนกันที่เขากลับมาเร็วกว่าที่บอกไว้ แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยถามหรือทักทายใดๆ เพราะกลัวว่าคำพูดของตนจะระคายหูของคนที่ยืนทำหน้าบึ้งตึงอยู่ตรงหน้าในตอนนี้

“ไปไหนมา” รังสิมันต์ถามเสียงเข้ม แต่ในใจนั้นโล่งเบาเหมือนมีใครยกหินหนักๆ ที่ทับอยู่ในหัวใจออกไปแล้ว

“ไปตลาดค่ะ”

“แล้วทำไมกลับเอาป่านนี้ นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว” คนกำลังกลบเกลื่อนความโล่งใจของตัวเองทำเสียงดุใส่ต่อ ทั้งๆ ที่ตอนนั้นเพิ่งจะสี่โมงเย็น

                “ปกติจันทร์ก็ไปตลาดเวลานี้นะคะ” เสียงหวานอธิบายอย่างราบเรียบ อดคิดไม่ได้ว่าเขาอารมณ์เสียมาจากไหน หรือว่าทะเลาะกับผู้หญิงที่กรุงเทพฯ ถึงได้กลับเร็วกว่ากำหนดและมาหาเรื่องดุเธอเช่นนี้

                “ไม่ต้องมาแก้ตัว กลับมาแล้วก็รีบๆ ไปทำอาหารซะสิ ฉันหิว”

                “ค่ะ...”

จันทริการับคำสั้นๆ แล้วก้มหน้าเดินผ่านเขาเข้าไปในครัว โดยไม่รู้ว่าสายตาดุๆ นั้นมองตามหลังอย่างพิจารณา ไม่ได้เจอกันแค่หนึ่งวันดูเหมือนว่าเธอจะผอมลง หรือว่าจริงๆ แล้วเธอผอมลงกว่าเดิมตั้งนานแล้ว เพียงแต่เขาไม่เคยคิดจะใส่ใจทั้งๆ ที่กอดอยู่บ่อยๆ

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 47

    บทที่ 47สำหรับคนที่จมอยู่ในห้วงของความทุกข์ใจ วันเวลามักผ่านไปช้าเสมอ คนในบ้านที่รังสิมันต์ส่งไปทำงานที่ห้างสรรพสินค้าของเขา ยังไม่มีใครได้กลับมา ดังนั้นจันทริกาจึงต้องทำงานบ้านทุกอย่างแทบจะคนเดียวเช่นเดิม และยังมีสิ่งที่ต้องทำมากกว่าหน้าที่ของคนรับใช้ทั่วไป นั่นคือเธอต้องคอยรองรับไฟปรารถนาของรังสิมันต์ ไม่ว่าเขาต้องการยามใด เธอก็ไม่เคยที่จะปฏิเสธได้สักครั้ง จันทริการู้ดีว่าเขาทำไปเพื่อระบายความแค้นเท่านั้น หากแต่ตอนนี้เธอกลับเริ่มรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองเริ่มจะผูกพันกับเขาอย่างลึกซึ้งมากขึ้นทุกวัน ซึ่งเรื่องเหล่านี้ทำให้เธอทุกข์ใจไม่น้อย หากจะมีสิ่งที่ทำให้เธออยู่บ้านหลังนี้ได้อย่างมีความสุข ก็คงจะเป็นความน่ารักของเมสซี่กับความเอ็นดูจากลุงหนานอินซึ่งเป็นรปภ.กับอุ้ยคำเท่านั้น ส่วนเจ้าของบ้าน แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เขาก็ยังคงใจร้ายและเย็นชาใส่เธอดังเดิม แม้บางครั้งเขาเหมือนจะอ่อนโยน แต่นั่นก็เป็นเพียงเพราะเขาลืมตัว ครั้นพอเขาคิดได้ว่าเกลียดชังเธอแค่ไหน จันทริกาก็มักจะได้รับผลจากความเคียดแค้นชิงชังของเขาดังเดิมเช้านี้จันทริกาไม่ได้ทำอาหาร รังสิมันต์บอกเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 46

    บทที่ 46“คำว่าเกมหัวใจ มันไว้สำหรับคนที่มีใจให้กัน”“แกไม่ได้คิดอะไรกับจันทร์ว่างั้น” จากที่ถูกไล่ต้อนตอนนี้ปรัชญ์เปลี่ยนเป็นฝ่ายไล่ต้อนรังสิมันต์บ้าง“คิด...คิดว่าเด็กคนนั้นทำให้เมียฉันตาย”“แน่ใจว่าคิดแค่นั้น แล้วนี่แต่งตัวจะไปไหน”“กลับเชียงใหม่สิวะ จะอยู่ทำไมล่ะ ก็ผู้หญิงที่ฉันตั้งใจจะมาจีบกลายเป็นเมียแกไปแล้วนี่ หรือแกจะให้ฉันแย่งเมียเพื่อนก็ได้นะฉันไม่ถือ”“ก่อนจะถามฉัน ถามตัวเองก่อนว่าคิดจะแย่งเมียฉันจริงๆ หรือแค่อยากให้เมียตัวเองหึง”คำพูดที่เหมือนกับมานั่งอยู่ในใจเช่นนั้น ทำให้รังสิมันต์ต้องทำหน้าตึงกลบเกลื่อน แม้สิ่งที่ปรัชญ์พูดมาจะไม่ตรงกับความจริงนักแต่ก็เฉียดสุดๆ เขาไม่ได้อยากให้จันทริกาหึง แค่อยากให้เธอเจ็บจริงหรือที่ว่าต้องการแค่นั้น?รังสิมันต์ถามตัวเอง...แล้วทำไมตอนที่เด็กคนนั้นทำหน้าเหมือนไม่รู้สึกอะไรกับเขา เขาถึงได้หงุดหงิดนัก“ต้องให้ย้ำกี่ครั้งว่าเมียฉันตายแล้ว แกความจำเสื่อมหรือไงไอ้เชี่ยปรัชญ์” คนถูกต้อนคืนทำเสียงฉุนๆ ใส่“ฉันไม่ได้หมายถึงคนที่ตายแล้วเว้ย แต่หมายถึงคนที่แกอยู่ด้วยตอนนี้”“จันทริกาไม่ใช่เมียฉัน”“แล้วเป็นอะไร แค่อดีตน้องเมียที่ตอนนี้ถูกลดฐานะล

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 45

    บทที่ 45“เธอนอนหรือยัง” ถามทั้งๆ ที่รู้ว่าดึกดื่นขนาดนี้ จันทริกาต้องนอนแล้ว เพราะปกติถ้าคืนไหนที่เขาไม่ได้ให้เธอขึ้นไปหา หรือเป็นฝ่ายลงมาหาเธอ เด็กคนนั้นจะหลับเร็วเป็นพิเศษ“นอนแล้วค่ะ คุณโทร.มามีอะไรหรือเปล่าคะ”“ฉันแค่โทร.มาถามว่าเมสซี่เป็นยังไงบ้าง” ปากพูดไปตามที่สมองเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า หากแต่เสียงในใจเสียงหนึ่งกลับตะโกนก้องขึ้นมาว่า เพราะอยากได้ยินเสียงนุ่มๆ เรียบๆ ของเธอต่างหาก“เมสซี่อยู่กับจันทร์ค่ะ ตอนนี้หลับไปแล้ว”“ก็ดี ฉันแค่เป็นห่วงมัน”“ไม่ต้องห่วงนะคะจันทร์จะดูแลเมสซี่อย่างดี และสมบัติทุกชิ้นของคุณในบ้านหลังนี้ยังอยู่ครบค่ะ” จันทริกาพูดกับคนโทร.มาด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะเป็นการบอกกล่าวตามปกติ ทว่าหัวใจกลับปวดแปลบ เมื่อตระหนักถึงความจริงที่ว่า คุณตะวันเป็นห่วงแค่เมสซี่เท่านั้น ไม่ได้ห่วงเธอแม้แต่นิด หากจะห่วงก็คงห่วงว่าเธอจะพาใครมาขโมยของในบ้านอย่างที่เขาพูดไว้ก่อนไปมากกว่า เพราะเธอเป็นผู้ร้ายในสายตาเขามาตลอดตั้งแต่ศศิประภาตายไป จันทริกาจึงต้องบอกเขาไปเช่นนั้น หากแต่คนฟังกลับรู้สึกว่าเธอกำลังประชด“สมบัติของฉันที่เธอว่าอยู่ครบทุกชิ้น รวมถึงเธอด้วยหรือเปล่า”จันทริกาห

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 44

    บทที่ 44ผู้หญิงดีพร้อมที่เขาหมายถึงก็คือธรินดา น้องสาวบุญธรรมของปรัชญ์นั่นเอง เขารู้ดีว่าปรัชญ์รู้สึกลึกซึ้งกับธรินดามากกว่าน้องสาวนอกไส้ แต่มันก็ทำปากแข็งไม่เคยยอมรับความจริงกับเขาออกมาตรงๆ จนเขานึกอยากแกล้ง ถึงขนาดต้องลงทุนว่าจะไปหาธรินดาที่กรุงเทพฯ ซึ่งมันได้ผลเพราะไอ้บ้านั่นร้อนรนจนเปลี่ยนใจไปกับเขาเพื่อกันท่า ทั้งๆ ที่ตอนแรกปฏิเสธเสียงแข็งว่าจะไม่ไป ส่วนอีกเหตุผลที่เป็นเหตุผลส่วนตัวแบบไม่ได้บอกใคร ก็คืออยากทำให้ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้รู้ว่า แม้เขาจะร่วมรักกับเธอบ่อยแค่ไหนและบางครั้งอาจจะเผลออ่อนโยนไปบ้าง แต่เธอก็ไม่เคยมีความหมายมากไปกว่าเมียบำเรอ ที่เขาไม่เคยคิดจะยกย่องเชิดชู เขายังมองหาผู้หญิงอื่นมาอยู่เคียงข้างในฐานะภรรยาตัวจริงแทนที่ศศิประภา ซึ่งจันทริกาไม่มีวันจะได้เป็น ไม่มีวัน!“ค่ะ”‘ค่ะ’ สั้นๆ เหมือนกลัวดอกพิกุลจะร่วงออกจากปากเช่นเดิม จากนั้นก็ทำหน้านิ่งจนอ่านความรู้สึกไม่ออก ยิ่งทำให้คนที่กำลังจะไปหงุดหงิดมากกว่าเดิม ทั้งๆ ที่เขาบอกว่าจะไปหาผู้หญิงที่ดีพร้อมมากกว่า เพราะอยากเห็นสีหน้าและแววตาที่เจ็บปวดของเธอ แต่จันทริกากลับนิ่งเฉย นิ่งจนกลายเป็นเขาที่ออกอาการเ

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 43

    บทที่ 43 อากาศในยามอรุณรุ่งยังคงมีหมอกลงหนาทึบ ทำให้บรรยากาศทั่วอาณาบริเวณหนาวเย็นเหมือนเช่นทุกเช้า โดยเฉพาะในช่วงเวลาตีสี่กว่าๆ แบบนี้ หากเช้านี้จันทริกากลับรู้สึกว่าความหนาวเย็นนั้นไม่ได้กระทบผิวกายของเธอมากเท่าไหร่ เพราะมีความอบอุ่นบางอย่างที่คอยโอบล้อม ทำให้ร่างบางเผลอซุกเข้าหาความอบอุ่นนั้นอย่างลืมตัว ครั้นพอลืมตาตื่นก็รีบถอยห่างแบบเป็นอัตโนมัติเช่นกัน ทว่าแค่แรงดิ้นเบาๆ นั้นก็ทำให้คนที่นอนอยู่ข้างๆ ตวัดแขนคว้าเอาร่างบางเข้าไปนอนกอดอีกครั้ง จันทริกาแก้มแดงซ่านท่ามกลางความมืดเพราะรู้สึกได้ว่า ร่างกายของรังสิมันต์ยังคงเปลือยเปล่า “จะขยับไปไหน” เขาพึมพำทั้งที่ยังไม่ลืมตา แขนแกร่งกอดร่างบางมาแนบชิดแน่นกว่าเดิม “จันทร์ต้องลุกแล้วค่ะ คุณปล่อยจันทร์เถอะนะคะ” “ไม่ปล่อย จะรีบตื่นไปไหนแต่เช้า” “ตื่นไปเตรียมอาหารให้คุณ และเตรียมตัวไปทำงานไงคะ” “วันนี้เธอไม่ต้องไปทำงาน ส่วนอาหารเช้าฉันก็ไม่กิน เพราะฉะนั้นตอนนี้เธอมีหน้าที่นอนนิ่งๆ ให้ฉันกอดก็พอ ห้องเธอหนาวจะตายไม่รู้หรือไง” “ไหนคุณ

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 42

    บทที่ 42สี่โมงเย็นของวันนั้น รังสิมันต์ออกจากห้องทำงานแล้วลงมาหาจันทริกาที่ห้องล็อกเกอร์ สั่งให้เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าและกลับบ้านพร้อมเขา ทั้งๆ ที่เวลาเลิกงานของพนักงานกะเช้าคือหกโมงเย็น“เธอยังกินยาคุมอยู่หรือเปล่า” รังสิมันต์ถามขณะนั่งรับประทานมื้อเย็นอยู่ที่โต๊ะในห้องอาหารของคฤหาสน์หลังใหญ่“กินค่ะ” คำตอบนั้นเป็นคำตอบที่สั้นๆ น้ำเสียงราบเรียบ แต่หัวใจหม่นหมองมากเหลือเกิน เพราะรังสิมันต์ดูเหมือนจะกังวลและย้ำเรื่องนี้กับเธออยู่บ่อยครั้ง เขาคงกลัวว่าจะมีความผิดพลาดเกิดขึ้นและเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาจะอุบัติในท้องของผู้หญิงที่เขามองว่าเลวร้ายอย่างเธอ“งั้นก็ดี คืนนี้เธอขึ้นไปนอนกับฉัน”ช่างเป็นคำสั่งที่พูดออกมาได้อย่างเฉยเมยเย็นชาราวกับสั่งไปเธอทำงานทั่วไป แต่คนไม่มีทางเลือกอย่างเธอจะต่อต้านหรือปฏิเสธอะไรได้ ในเมื่อความต้องการของเขาคือสิ่งที่เธอต้องทำตามหลังจากเก็บโต๊ะเสร็จ จันทริกาก็เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า บอกให้เมสซี่นอนรออยู่ที่ห้อง เพราะรู้ดีว่าเมื่อรังสิมันต์บรรลุความต้องการของเขาแล้ว เธอก็จะต้องกลับลงมานอนที่ห้องเล็กๆ ห้องนี้ดังเดิมแม้ครั้งนี้จะไม่ใช่ครั้งแรก แต่ความกระดากอายยา

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status