แชร์

บทที่ 47

ผู้เขียน: เทียนธีรา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-15 15:25:31

บทที่ 47

               

สำหรับคนที่จมอยู่ในห้วงของความทุกข์ใจ วันเวลามักผ่านไปช้าเสมอ คนในบ้านที่รังสิมันต์ส่งไปทำงานที่ห้างสรรพสินค้าของเขา ยังไม่มีใครได้กลับมา ดังนั้นจันทริกาจึงต้องทำงานบ้านทุกอย่างแทบจะคนเดียวเช่นเดิม และยังมีสิ่งที่ต้องทำมากกว่าหน้าที่ของคนรับใช้ทั่วไป นั่นคือเธอต้องคอยรองรับไฟปรารถนาของรังสิมันต์ ไม่ว่าเขาต้องการยามใด เธอก็ไม่เคยที่จะปฏิเสธได้สักครั้ง จันทริการู้ดีว่าเขาทำไปเพื่อระบายความแค้นเท่านั้น หากแต่ตอนนี้เธอกลับเริ่มรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองเริ่มจะผูกพันกับเขาอย่างลึกซึ้งมากขึ้นทุกวัน ซึ่งเรื่องเหล่านี้ทำให้เธอทุกข์ใจไม่น้อย หากจะมีสิ่งที่ทำให้เธออยู่บ้านหลังนี้ได้อย่างมีความสุข ก็คงจะเป็นความน่ารักของเมสซี่กับความเอ็นดูจากลุงหนานอินซึ่งเป็นรปภ.กับอุ้ยคำเท่านั้น ส่วนเจ้าของบ้าน แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เขาก็ยังคงใจร้ายและเย็นชาใส่เธอดังเดิม แม้บางครั้งเขาเหมือนจะอ่อนโยน แต่นั่นก็เป็นเพียงเพราะเขาลืมตัว ครั้นพอเขาคิดได้ว่าเกลียดชังเธอแค่ไหน จันทริกาก็มักจะได้รับผลจากความเคียดแค้นชิงชังของเขาดังเดิม

เช้านี้จันทริกาไม่ได้ทำอาหาร รังสิมันต์บอกเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าวันนี้เขาไม่กินข้าวเช้า แต่กระนั้นเมื่อเขาลงมาชั้นล่างเธอก็ยังถูกบังคับให้ทำหน้าที่อย่างอื่นแทน

“เดินไปส่งฉันที่รถหน่อย”

                จันทริกาทำท่าลังเล เพราะปกติเวลาที่รังสิมันต์ออกไปทำงาน เธอไม่เคยต้องออกไปส่งเขาขึ้นรถ แต่ทำไมวันนี้เขาออกคำสั่งเช่นนั้นกับเธอ

                “ยืนงงอยู่นั่นแหละ มานี่เร็ว”

                เสียงดุๆ ดังขึ้นพร้อมกับที่มือใหญ่เอื้อมมาจับมือเล็ก แล้วฉุดให้เดินตามไปยังหน้าบ้านด้วยกัน โดยมีเมสซี่วิ่งตามมาไม่ห่าง      

                ร่างสูงหยุดเมื่อเดินมาถึงรถ แต่ยังไม่ยอมปล่อยมือของจันทริกา เขาหันมามองหน้าซึ่งหวานใสชวนพิศอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเป็นฝ่ายพูดก่อนอีกครั้ง

                “ไม่สงสัยเหรอว่าทำไมฉันถึงบอกให้มาส่ง”

                “สงสัยค่ะ แต่จันทร์รู้ว่าไม่ควรถาม”

                “บางเรื่องถามบ้างก็ได้นะ”

                “จันทร์ไม่ทราบนี่คะ ว่าเรื่องไหนถามได้หรือถามไม่ได้” จันทริกาโต้กลับไปเสียงเรียบๆ เช่นเดียวกับแววตา แม้จะชินชาเสียแล้วแต่เขาก็อยากเห็นอารมณ์อื่นของเธอบ้าง โดยเฉพาะเวลาแบบนี้ที่เขากำลังจะ...

                “ก็ลองถามมาก่อนสิ ถ้าเรื่องไหนบอกได้ฉันก็บอก เรื่องไหนไม่อยากให้รู้ก็จะไม่บอก”

                “วันนี้คุณให้จันทร์มาส่งทำไมคะ” เสียงหวานเอ่ยถามในสิ่งที่ตัวเองสงสัย เมื่อเจ้าตัวอนุญาตและเปิดทางให้ถามได้เช่นนั้น

                “ก็แค่...มีเรื่องจะบอก”

                “คะ?”

                “คือฉันจะไม่อยู่บ้านสักสองสามวันน่ะ จะเข้ากรุงเทพฯ”

                หัวใจคนฟังหล่นวูบ แม้จะรู้ตัวว่าไม่มีสิทธิ์รู้สึกอะไร แต่จันทริกาก็ห้ามความรู้สึกตัวเองไม่ได้ เมื่อคิดว่ารังสิมันต์คงจะไปหาคนพิเศษของเขาเหมือนเดิม

                “ค่ะ”

                “ค่ะ? แค่นั้นเหรอ ไม่ถามต่อล่ะว่าฉันจะไปทำอะไร”

                “จันทร์คิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณ ที่จันทร์ไม่ควรจะถามค่ะ” หญิงสาวให้เหตุผลกับการไม่ถามต่อของตัวเอง แต่จริงๆ เป็นเพราะเธอไม่อยากรับรู้ให้ตัวเองต้องเจ็บปวด ว่าเขาจะไปทำอะไรหรือไปหาใคร นี่เองกระมังที่มีคนบอกว่า ความผูกพันทางกายจะนำมาซึ่งความผูกพันทางใจ 

“แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวอะไรหรอก ฉันจะไปงานแต่งงานของพี่ปราณต์น่ะ” รังสิมันต์บอกไปตามที่อยากบอก แม้คนทั้งเชียงใหม่รวมทั้งครอบครัวของปรัชญ์เองจะเข้าใจว่า งานแต่งงานที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ เป็นงานแต่งงานของปรัชญ์กับนัสริน แต่เขากับกวินภพรู้ดีว่า เจ้าบ่าวที่แท้จริงของงานวันพรุ่งนี้คือปราณต์ต่างหาก เขาไม่เห็นด้วยที่ปรัชญ์ใช้วิธีตลบหลังแม่และมัดมือชกพี่ชายแบบนี้ ทว่าเขาก็ไม่อาจจะทัดทานอะไรปรัชญ์ได้ จึงได้แต่หวังว่าปราณต์จะมีความสุขกับการแต่งงานในครั้งนี้ แม้ว่าจะไม่ได้เลือกเจ้าสาวเองก็ตาม

“คุณปราณต์เหรอคะ” จันทริกาพึมพำชื่อนั้นออกมา เธอจำหน้าเจ้าของชื่อได้คลับคล้ายคลับคลา ในครั้งที่ปราณต์มาร่วมงานศพของศศิประภา

“ใช่...พี่ชายของปรัชญ์น่ะ เป็นหมอ”

“เข้าใจแล้วค่ะ”

“ดีใจหรือเปล่าที่ฉันจะไม่อยู่”

จันทริกาเผลอเงยหน้าขึ้นมองคนถามอย่างไม่คิดว่าจู่ๆ เขาจะถามเช่นนั้น เธอจึงไม่ได้เตรียมคำตอบและยังไม่ทันได้ถามตัวเองว่าควรจะดีใจหรือเปล่า

“จันทร์...ไม่ได้รู้สึกอะไรค่ะ”

“งั้นเหรอ ฉันนึกว่าเธอจะดีใจมากเสียอีกที่ไม่ต้องเห็นหน้าฉันตั้งสองสามวัน”

“จันทร์บอกแล้วไงคะว่าจันทร์ไม่ได้รู้สึกอะไร”

“แม้แต่คิดถึงฉันงั้นเหรอ” คราวนี้ไม่แค่ถามแต่ยังจ้องตาสวยปนเศร้าของเธอนิ่ง ทำให้จันทริกาต้องหลุบตาลงเพื่อไม่ให้เขาควานหาเอาความจริงจากหน้าต่างของหัวใจทั้งสองบาน

“คุณจะไปยังไงคะ” จันทริกาเปลี่ยนเรื่องคุย เพื่อให้สถานการณ์อันกระอักกระอ่วนในหัวใจลดน้อยลง

“เพิ่งรู้นะว่านอกจากจะตีหน้าซื่อและทำตัวน่าสงสารได้เก่งแล้ว เธอยังเฉไฉเก่งอีก”

ความเขินอายที่เกิดขึ้นเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นเจ็บจี๊ดๆ ในใจโดยพลัน เมื่อได้ยินคำพูดที่จงใจทำร้ายความรู้สึกของเธอ จันทริกาเงยหน้าขึ้นมองเขา สายตาเต็มไปด้วยการตัดพ้อต่อว่า แต่ชั่วอึดใจต่อมาตาคู่สวยก็ต้องเบิกกว้างขึ้น เมื่อจู่ๆ วงแขนแกร่งก็รวบร่างของเธอเข้าไปกอดไว้แน่น

“ช่วงที่ฉันไม่อยู่ทำตัวดีๆ ล่ะ ฝากดูแลเมสซี่ด้วยนะ”

เสียงทุ้มกระซิบดังอยู่ข้างหูพร้อมกับริมฝีปากร้อนผ่าวที่ทาบลงพวงแก้ม จากนั้นความอบอุ่นซึ่งห้อมล้อมอยู่รอบตัวของจันทริกาก็จางหายไป พร้อมๆ กับที่ร่างสูงขยับไปเปิดประตูรถ ก่อนที่รถราคาแพงคันนั้นจะแล่นห่างออกไปจากหน้าบ้าน และจันทริกาก็ได้คำตอบในตอนนั้นเอง ว่ารู้สึกอย่างไรที่จะไม่ได้เห็นหน้าเขาในช่วงเวลาที่เขาไม่อยู่

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 47

    บทที่ 47สำหรับคนที่จมอยู่ในห้วงของความทุกข์ใจ วันเวลามักผ่านไปช้าเสมอ คนในบ้านที่รังสิมันต์ส่งไปทำงานที่ห้างสรรพสินค้าของเขา ยังไม่มีใครได้กลับมา ดังนั้นจันทริกาจึงต้องทำงานบ้านทุกอย่างแทบจะคนเดียวเช่นเดิม และยังมีสิ่งที่ต้องทำมากกว่าหน้าที่ของคนรับใช้ทั่วไป นั่นคือเธอต้องคอยรองรับไฟปรารถนาของรังสิมันต์ ไม่ว่าเขาต้องการยามใด เธอก็ไม่เคยที่จะปฏิเสธได้สักครั้ง จันทริการู้ดีว่าเขาทำไปเพื่อระบายความแค้นเท่านั้น หากแต่ตอนนี้เธอกลับเริ่มรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองเริ่มจะผูกพันกับเขาอย่างลึกซึ้งมากขึ้นทุกวัน ซึ่งเรื่องเหล่านี้ทำให้เธอทุกข์ใจไม่น้อย หากจะมีสิ่งที่ทำให้เธออยู่บ้านหลังนี้ได้อย่างมีความสุข ก็คงจะเป็นความน่ารักของเมสซี่กับความเอ็นดูจากลุงหนานอินซึ่งเป็นรปภ.กับอุ้ยคำเท่านั้น ส่วนเจ้าของบ้าน แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เขาก็ยังคงใจร้ายและเย็นชาใส่เธอดังเดิม แม้บางครั้งเขาเหมือนจะอ่อนโยน แต่นั่นก็เป็นเพียงเพราะเขาลืมตัว ครั้นพอเขาคิดได้ว่าเกลียดชังเธอแค่ไหน จันทริกาก็มักจะได้รับผลจากความเคียดแค้นชิงชังของเขาดังเดิมเช้านี้จันทริกาไม่ได้ทำอาหาร รังสิมันต์บอกเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 46

    บทที่ 46“คำว่าเกมหัวใจ มันไว้สำหรับคนที่มีใจให้กัน”“แกไม่ได้คิดอะไรกับจันทร์ว่างั้น” จากที่ถูกไล่ต้อนตอนนี้ปรัชญ์เปลี่ยนเป็นฝ่ายไล่ต้อนรังสิมันต์บ้าง“คิด...คิดว่าเด็กคนนั้นทำให้เมียฉันตาย”“แน่ใจว่าคิดแค่นั้น แล้วนี่แต่งตัวจะไปไหน”“กลับเชียงใหม่สิวะ จะอยู่ทำไมล่ะ ก็ผู้หญิงที่ฉันตั้งใจจะมาจีบกลายเป็นเมียแกไปแล้วนี่ หรือแกจะให้ฉันแย่งเมียเพื่อนก็ได้นะฉันไม่ถือ”“ก่อนจะถามฉัน ถามตัวเองก่อนว่าคิดจะแย่งเมียฉันจริงๆ หรือแค่อยากให้เมียตัวเองหึง”คำพูดที่เหมือนกับมานั่งอยู่ในใจเช่นนั้น ทำให้รังสิมันต์ต้องทำหน้าตึงกลบเกลื่อน แม้สิ่งที่ปรัชญ์พูดมาจะไม่ตรงกับความจริงนักแต่ก็เฉียดสุดๆ เขาไม่ได้อยากให้จันทริกาหึง แค่อยากให้เธอเจ็บจริงหรือที่ว่าต้องการแค่นั้น?รังสิมันต์ถามตัวเอง...แล้วทำไมตอนที่เด็กคนนั้นทำหน้าเหมือนไม่รู้สึกอะไรกับเขา เขาถึงได้หงุดหงิดนัก“ต้องให้ย้ำกี่ครั้งว่าเมียฉันตายแล้ว แกความจำเสื่อมหรือไงไอ้เชี่ยปรัชญ์” คนถูกต้อนคืนทำเสียงฉุนๆ ใส่“ฉันไม่ได้หมายถึงคนที่ตายแล้วเว้ย แต่หมายถึงคนที่แกอยู่ด้วยตอนนี้”“จันทริกาไม่ใช่เมียฉัน”“แล้วเป็นอะไร แค่อดีตน้องเมียที่ตอนนี้ถูกลดฐานะล

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 45

    บทที่ 45“เธอนอนหรือยัง” ถามทั้งๆ ที่รู้ว่าดึกดื่นขนาดนี้ จันทริกาต้องนอนแล้ว เพราะปกติถ้าคืนไหนที่เขาไม่ได้ให้เธอขึ้นไปหา หรือเป็นฝ่ายลงมาหาเธอ เด็กคนนั้นจะหลับเร็วเป็นพิเศษ“นอนแล้วค่ะ คุณโทร.มามีอะไรหรือเปล่าคะ”“ฉันแค่โทร.มาถามว่าเมสซี่เป็นยังไงบ้าง” ปากพูดไปตามที่สมองเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า หากแต่เสียงในใจเสียงหนึ่งกลับตะโกนก้องขึ้นมาว่า เพราะอยากได้ยินเสียงนุ่มๆ เรียบๆ ของเธอต่างหาก“เมสซี่อยู่กับจันทร์ค่ะ ตอนนี้หลับไปแล้ว”“ก็ดี ฉันแค่เป็นห่วงมัน”“ไม่ต้องห่วงนะคะจันทร์จะดูแลเมสซี่อย่างดี และสมบัติทุกชิ้นของคุณในบ้านหลังนี้ยังอยู่ครบค่ะ” จันทริกาพูดกับคนโทร.มาด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะเป็นการบอกกล่าวตามปกติ ทว่าหัวใจกลับปวดแปลบ เมื่อตระหนักถึงความจริงที่ว่า คุณตะวันเป็นห่วงแค่เมสซี่เท่านั้น ไม่ได้ห่วงเธอแม้แต่นิด หากจะห่วงก็คงห่วงว่าเธอจะพาใครมาขโมยของในบ้านอย่างที่เขาพูดไว้ก่อนไปมากกว่า เพราะเธอเป็นผู้ร้ายในสายตาเขามาตลอดตั้งแต่ศศิประภาตายไป จันทริกาจึงต้องบอกเขาไปเช่นนั้น หากแต่คนฟังกลับรู้สึกว่าเธอกำลังประชด“สมบัติของฉันที่เธอว่าอยู่ครบทุกชิ้น รวมถึงเธอด้วยหรือเปล่า”จันทริกาห

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 44

    บทที่ 44ผู้หญิงดีพร้อมที่เขาหมายถึงก็คือธรินดา น้องสาวบุญธรรมของปรัชญ์นั่นเอง เขารู้ดีว่าปรัชญ์รู้สึกลึกซึ้งกับธรินดามากกว่าน้องสาวนอกไส้ แต่มันก็ทำปากแข็งไม่เคยยอมรับความจริงกับเขาออกมาตรงๆ จนเขานึกอยากแกล้ง ถึงขนาดต้องลงทุนว่าจะไปหาธรินดาที่กรุงเทพฯ ซึ่งมันได้ผลเพราะไอ้บ้านั่นร้อนรนจนเปลี่ยนใจไปกับเขาเพื่อกันท่า ทั้งๆ ที่ตอนแรกปฏิเสธเสียงแข็งว่าจะไม่ไป ส่วนอีกเหตุผลที่เป็นเหตุผลส่วนตัวแบบไม่ได้บอกใคร ก็คืออยากทำให้ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้รู้ว่า แม้เขาจะร่วมรักกับเธอบ่อยแค่ไหนและบางครั้งอาจจะเผลออ่อนโยนไปบ้าง แต่เธอก็ไม่เคยมีความหมายมากไปกว่าเมียบำเรอ ที่เขาไม่เคยคิดจะยกย่องเชิดชู เขายังมองหาผู้หญิงอื่นมาอยู่เคียงข้างในฐานะภรรยาตัวจริงแทนที่ศศิประภา ซึ่งจันทริกาไม่มีวันจะได้เป็น ไม่มีวัน!“ค่ะ”‘ค่ะ’ สั้นๆ เหมือนกลัวดอกพิกุลจะร่วงออกจากปากเช่นเดิม จากนั้นก็ทำหน้านิ่งจนอ่านความรู้สึกไม่ออก ยิ่งทำให้คนที่กำลังจะไปหงุดหงิดมากกว่าเดิม ทั้งๆ ที่เขาบอกว่าจะไปหาผู้หญิงที่ดีพร้อมมากกว่า เพราะอยากเห็นสีหน้าและแววตาที่เจ็บปวดของเธอ แต่จันทริกากลับนิ่งเฉย นิ่งจนกลายเป็นเขาที่ออกอาการเ

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 43

    บทที่ 43 อากาศในยามอรุณรุ่งยังคงมีหมอกลงหนาทึบ ทำให้บรรยากาศทั่วอาณาบริเวณหนาวเย็นเหมือนเช่นทุกเช้า โดยเฉพาะในช่วงเวลาตีสี่กว่าๆ แบบนี้ หากเช้านี้จันทริกากลับรู้สึกว่าความหนาวเย็นนั้นไม่ได้กระทบผิวกายของเธอมากเท่าไหร่ เพราะมีความอบอุ่นบางอย่างที่คอยโอบล้อม ทำให้ร่างบางเผลอซุกเข้าหาความอบอุ่นนั้นอย่างลืมตัว ครั้นพอลืมตาตื่นก็รีบถอยห่างแบบเป็นอัตโนมัติเช่นกัน ทว่าแค่แรงดิ้นเบาๆ นั้นก็ทำให้คนที่นอนอยู่ข้างๆ ตวัดแขนคว้าเอาร่างบางเข้าไปนอนกอดอีกครั้ง จันทริกาแก้มแดงซ่านท่ามกลางความมืดเพราะรู้สึกได้ว่า ร่างกายของรังสิมันต์ยังคงเปลือยเปล่า “จะขยับไปไหน” เขาพึมพำทั้งที่ยังไม่ลืมตา แขนแกร่งกอดร่างบางมาแนบชิดแน่นกว่าเดิม “จันทร์ต้องลุกแล้วค่ะ คุณปล่อยจันทร์เถอะนะคะ” “ไม่ปล่อย จะรีบตื่นไปไหนแต่เช้า” “ตื่นไปเตรียมอาหารให้คุณ และเตรียมตัวไปทำงานไงคะ” “วันนี้เธอไม่ต้องไปทำงาน ส่วนอาหารเช้าฉันก็ไม่กิน เพราะฉะนั้นตอนนี้เธอมีหน้าที่นอนนิ่งๆ ให้ฉันกอดก็พอ ห้องเธอหนาวจะตายไม่รู้หรือไง” “ไหนคุณ

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 42

    บทที่ 42สี่โมงเย็นของวันนั้น รังสิมันต์ออกจากห้องทำงานแล้วลงมาหาจันทริกาที่ห้องล็อกเกอร์ สั่งให้เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าและกลับบ้านพร้อมเขา ทั้งๆ ที่เวลาเลิกงานของพนักงานกะเช้าคือหกโมงเย็น“เธอยังกินยาคุมอยู่หรือเปล่า” รังสิมันต์ถามขณะนั่งรับประทานมื้อเย็นอยู่ที่โต๊ะในห้องอาหารของคฤหาสน์หลังใหญ่“กินค่ะ” คำตอบนั้นเป็นคำตอบที่สั้นๆ น้ำเสียงราบเรียบ แต่หัวใจหม่นหมองมากเหลือเกิน เพราะรังสิมันต์ดูเหมือนจะกังวลและย้ำเรื่องนี้กับเธออยู่บ่อยครั้ง เขาคงกลัวว่าจะมีความผิดพลาดเกิดขึ้นและเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาจะอุบัติในท้องของผู้หญิงที่เขามองว่าเลวร้ายอย่างเธอ“งั้นก็ดี คืนนี้เธอขึ้นไปนอนกับฉัน”ช่างเป็นคำสั่งที่พูดออกมาได้อย่างเฉยเมยเย็นชาราวกับสั่งไปเธอทำงานทั่วไป แต่คนไม่มีทางเลือกอย่างเธอจะต่อต้านหรือปฏิเสธอะไรได้ ในเมื่อความต้องการของเขาคือสิ่งที่เธอต้องทำตามหลังจากเก็บโต๊ะเสร็จ จันทริกาก็เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า บอกให้เมสซี่นอนรออยู่ที่ห้อง เพราะรู้ดีว่าเมื่อรังสิมันต์บรรลุความต้องการของเขาแล้ว เธอก็จะต้องกลับลงมานอนที่ห้องเล็กๆ ห้องนี้ดังเดิมแม้ครั้งนี้จะไม่ใช่ครั้งแรก แต่ความกระดากอายยา

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status