สตรีตรงหน้าสวมชุดสีชมพูอ่อนปักลายดอกไห่ถาง ใบของหน้างดงามเป็นอย่างมาก กงเหล่ยปรายตามองนางครู่หนึ่ง ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองนายอำเภอเกาผิงพลางเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย นายอำเภอเกาผิงยิ้มอย่างประจบประแจง พลางเอ่ยกับเขาด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
"คืออย่างนี้ขอรับเซี่ยอ๋อง ข้าน้อยเห็นว่าท่านอยู่ที่นี่ควรจะพักผ่อนและหาความสำราญให้มาก จึงได้ส่งสาวงามนางนี้เข้ามาเพื่อปรนนิบัติท่าน หวังว่าท่านจะเพลิดเพลินกับนางอย่างมีความสุข"
เอ่ยจบนายอำเภอเกาผิงก็ดันตัวของหญิงงามนางนั้นให้เข้ามาภายในห้อง เฉิงซุนผู้เป็นกุนซือที่เห็นเช่นนั้นก็เดินเข้ามาขวางเบื้องหน้าของนางเอาไว้ แต่ทว่ากงเหล่ยกลับเอ่ยปราม พลางหันไปเอ่ยกับนายอำเภอเกาผิง
"ขอบคุณท่านมาก ออกไปเถอะ"
นายอำเภอเกาผิงพยักหน้า ก่อนจากเขายังหันไปมองหญิงงามนางนั้นคราหนึ่ง
"นายท่าน"
"ท่านกุนซือก็ออกไปก่อนเถอะ ข้ามีเรื่องจะสนทนากับสาวงามนางนี้เสียหน่อย"
เฉิงซุนเมื่อได้ยินก็ไม่ขวางความสุขของเจ้านายอีก เพียงทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย พลางปิดประตูห้องให้เจ้านายอย่างเงียบเชียบ
กงเหล่ยลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก่อนจะเดินเข้ามาหาหญิงสาวนางนั้น เมื่อเข้ามาใกล้นาง เขาก็ได้กลิ่นหอมของเครื่องประทินโฉมลอยมาแตะจมูก จนชายหนุ่มถึงกับต้องย่นหัวคิ้ว
หญิงสาวตรงหน้ายืนนิ่ง แววตาของนางวูบไหวไปมา นางก้มหน้าต่ำไม่กล้ามองสบตาเขา แพขนตาหนาของนางขยับสั่นไหวเล็กน้อย
นางเป็นเพียงหญิงสาวชาวบ้าน บิดาเป็นพ่อค้าที่ทำการค้าเล็กๆไม่ได้ร่ำรวยอันใด มารดาก็ตายจากไปตั้งแต่วัยเยาว์ เดิมทีพวกนางสองพ่อลูกก็ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมาโดยตลอด ช่วยกันทำมาหากินจนมีเงินเก็บก้อนหนึ่ง แต่ทว่าบิดาของนางกลับไปหลงรักหญิงหม่ายนางหนึ่งและแต่งงานกับนาง ไม่นานก็ถูกปอกลอกไปจนหมดตัว ซ้ำร้ายยังเอาเงินไปปรนเปรอสามีใหม่ บิดาของนางไม่นานก็ล้มป่วยลงไม่อาจทำงานได้ นางจำต้องเป็นเสาหลักหาเงินเข้าบ้าน
นางทำงานทุกอย่างด้วยความขยัน มีบางครั้งที่ถูกพวกคิดไม่ซื่อหมายจะลวนลามแต่ก็เอาตัวรอดมาได้ทุกครา
ครั้งนี้นางได้ยินว่าท่านนายอำเภอต้องการหญิงงามไปร่ายรำให้แขกสูงศักดิ์ของเมืองได้ชม อีกทั้งยังได้ค่าตอบแทนสูง นางจำเป็นต้องใช้เงิน อีกอย่างตอนนี้บ้านเมืองเกิดสงครามไม่มีใครมีเงินมากพอจะจ้างนางไปทำงาน นางจึงตกลงรับงานนี้ และถูกคัดเลือกมาเพียงคนเดียวเพราะหน้าตาของนางงดงามที่สุด
แต่นางไม่คิดว่าแท้จริงแล้วนายอำเภอไม่ได้ต้องการให้นางมาร่ายรำ แต่ให้นางมาเป็นนางบำเรอต่างหาก
ทว่านางถอยไม่ได้ ไม่อย่างนั้นนางจะไม่มีเงินไปรักษาบิดาตน
กงเหล่ยยื่นมือของตนไปเชยปลายคางของสตรีตรงหน้าให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา
ชั่วขณะนั้นเขารู้สึกว่าภาพตรงหน้าช่างงดงามมากเหลือเกิน งดงามเสียยิ่งกว่าบุปผาที่เบ่งบานในช่วงฤดูใบไม้ผลิเสียอีก
หญิงสาวตรงหน้างดงามเป็นเอก ดวงตาของนางกลมโตฉ่ำน้ำ จมูกโด่งตัดกับริมฝีปากสีแดงบางเฉียบได้อย่างเข้ากัน ผิวของนางนวลเนียนราวกับจะคั้นน้ำออกมาได้เสียอย่างนั้น
เมื่อนางได้มองเห็นชายหนุ่มตรงหน้าอย่างชัดเจน ใบหน้าก็พลันแดงระเรื่อขึ้นมา
เอาเถอะ อย่างน้อยเขาก็ไม่ใช่ตาแก่โรคจิตที่คอยแทะโลมนางอย่างที่ผ่านมา รีบทำงานให้เสร็จเถอะ
“เจ้าชื่ออันใด?"
กงเหล่ยเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่เย็นชาและไม่ห่างเหิน
เขาไม่ใช่คนโง่ การที่นายอำเภอเกาผิงส่ง
สาวงามมามอบให้เขาแน่นอนว่าไม่ได้ทำไปเพราะต้องการให้เขาหาความสำราญจากนางเพียงอย่างเดียว แต่คาดว่าคงเพราะมีจุดประสงค์บางอย่างแอบแฝง
มีวีรบุรุษมากมายที่พ่ายต่อสาวงาม แต่ไม่ใช่เขาอย่างแน่นอน!
รออยู่นานกลับไม่เห็นว่านางจะเอ่ยวาจาใดกับเขา ชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเอ่ยถามนางซ้ำอีกครา
"เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าถามหรือ?"
เอ่ยจบเขาก็ยื่นมือไปบีบปลายคางนางทันที สตรีนางนี้คิดจะเล่นแง่กับเขาหรือ!
หญิงสาวเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวด ดวงตาของนางสั่นไหวคล้ายหวาดกลัวเขาเป็นอย่างมาก นางรีบยกสองมือขึ้นมาทำท่าทางบางอย่าง กงเหล่ยยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่ เขาปล่อยมือออกจากใบหน้างาม และเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเจือความสงสัยอยู่หลายส่วน
"เจ้าพูดไม่ได้หรือ?"
หญิงสาวรีบพยักหน้าแทนคำตอบ ก่อนจะมองหาบางอย่างบนโต๊ะของเขา กงเหล่ยไม่เอ่ยปรามเพียงมองดูว่านางคิดจะทำอันใด
นางถือวิสาสะหยิบพู่กันของเขาขึ้นมาเขียนบางอย่างลงบนกระดาษ
ข้าน้อยชื่อไต้ฝูหรง เดิมทีท่านนายอำเภอบอกว่าให้ข้ามาร่ายรำ จะได้ค่าตอบแทนไปรักษาบิดาที่ป่วย แต่ข้าไม่คิดเลยว่าเขาจะให้ข้ามาเป็นนางบำเรอของนายท่าน แต่ในเมื่อข้าก้าวเข้ามาแล้ว ย่อมไม่อาจถอยหลังกลับ ข้ายินดีใช้ร่างกายของข้าทำให้ท่านมีความสุข แต่ขอร้องท่านกรุณา ช่วยเพิ่มเงินให้ข้าสักหน่อยได้หรือไม่ ข้าต้องการใช้เงินจริงๆเจ้าค่ะ”
นางเขียนเสร็จก็ส่งให้เขาอ่าน กงเหล่ยปรายตาอ่านตัวอักษรบนกระดาษอย่างรวดเร็ว
"ชื่อของเจ้าคือไต้ฝูหรงหรือ?"
หญิงสาวพยักหน้าอีกครา ก่อนจะรีบตรงเข้ามาหมายจะถอดเสื้อผ้าของเขาออก ท่าทีของนางเงอะงะราวกับไม่เคยผ่านเรื่องอย่างว่ามาเลยสักครา กงเหล่ยถึงกับเอ่ยวาจาไม่ออก เขาไม่เคยถูกสตรีลวนลามอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ จึงรีบรวบสองมือของนางเอาไว้ ไต้ฝูหรงเงยหน้าขึ้นมามองกงเหล่ยด้วยความสงสัย ดวงตากลมโตนั้นช่างน่ามองเป็นอย่างยิ่ง ทำเอากงเหล่ยถึงกับวางสีหน้าไม่ถูก
ไต้ฝูหรงย่นหัวคิ้ว พลางคิดในใจว่า หรือเขาจะไม่ชอบเป็นฝ่ายถอดก่อน
ให้ตายเถอะ นางเองก็ไม่เคยเช่นกัน แต่ช่างเถิด เพื่อค่ายาของท่านพ่อ นางต้องใจกล้าอีกสักหน่อย
คิดได้เช่นนั้นนางจึงถอดเสื้อตัวนอกของตนเองออกจนหมด กงเหล่ยถึงกับตื่นตระหนก รีบเข้าไปปรามนางทันที
“ไม่ได้!”
เอ่ยจบเขาก็มองเห็นว่าแผ่นหลังของนางมีร่องรอยคล้ายถูกทุบตีและทารุณ มีทั้งแผลเก่าและแผลใหม่รอยฟกช้ำทั่วร่างกายมีไม่น้อยเลย
ไต้ฝูหรงคล้ายจะรับรู้ได้ นางจึงรีบผละจากเขาและรีบสวมเสื้อผ้าตนทันที ก่อนจะตรงไปที่โต๊ะอักษรและเขียนลงบนกระดาษอีกครา
“นายท่านไม่ชอบหรือ เช่นนั้นจะทุบตีข้าเพื่อระบายโทสะก็ย่อมได้ แต่ขอเงินให้ข้าเถอะนะเจ้าคะ ข้าต้องการเงินไปรักษาท่านพ่อจริงๆ”
กงเหล่ยเมื่อได้อ่านสิ่งที่นางเขียนอีกคราก็รู้สึกหดหู่ใจไม่น้อย สตรีแคว้นเว่ยเหตุใดจึงดูน่าเวทนาถึงเพียงนี้
ไต้ฝูหรงก้มหน้างุด นางทั้งอับอายและหวาดหวั่น แต่ถึงอย่างไรความอับอายย่อมไม่อาจกินแทนข้าวได้ นางจำต้องอดทน
นี่เป็นครั้งแรกที่กงเหล่ยรู้สึกว่าตนเองหดหู่ใจถึงขีดสุด แม้เขาจะโหดเหี้ยมอำมหิตยามอยู่ในสนามรบ แต่อย่างไรเขาก็คงไม่อาจหลับนอนกับสตรีที่เป็นใบ้และมีสภาพไม่ต่างจากทาสเช่นนี้ได้
เขาล้วงหยิบถุงเงินใบใหญ่ยัดใส่มือนาง ก่อนจะเอ่ย
"ไสหัวออกไป"
ไต้ฝูหรงจ้องมองบุรุษตรงหน้าด้วยแววตาอึ้งงัน นอกจากเขาจะไม่บังคับจิตใจนางแล้วยังมอบเงินให้นางอีกจำนวนไม่น้อย
อยู่ๆนางก็บังเกิดความรู้สึกประหลาดสายหนึ่งต่อบุรุษตรงหน้า แต่กลับไม่กล้าแสดงออกมากนัก ทำได้เพียงรีบเดินออกไปจากห้องเสีย
เมื่อคนจากไปแล้ว เฉิงซุนก็เดินเข้ามาในห้อง
"นายท่าน"
"ส่งคนไปจับตาดูนาง ข้ารู้สึกว่ามีเรื่องบางอย่างในเมืองเกาผิงที่เรายังไม่รู้ บางครานายอำเภอเกาผิงอาจจะไม่ได้รักใคร่ราษฎรอย่างที่ปากพูดก็เป็นได้"
"ขอรับ"
"ช้าก่อน!"
เฉิงซุนที่กำลังจะออกจากห้องไปพลันหันกลับมามองเจ้านายตนด้วยความสงสัย
"มีอันใดจะสั่งอีกหรือขอรับ?"
"ข้าไปเองดีกว่า"
ด้านไต้ฝูหรงนั้นเมื่อออกมาจากห้องของกงเหล่ยแล้ว ก็ถูกนายอำเภอเกาผิงที่ยืนรออยู่ชั้นล่างดึงตัวไปที่ด้านหลังจวนนายอำเภอในทันที "เหตุใดจึงออกมาจากห้องของเซี่ยอ๋องรวดเร็วนักเล่า หรือว่าเจ้าปรนนิบัติเซี่ยอ๋องไม่ดี เขาจึงไม่ตกรางวัลให้เจ้า?"ไต้ฝูหรงเมื่อได้ฟังจบดวงตาก็พลันเบิกกว้าง ที่แท้บุรุษที่อยู่ในห้องเมื่อครู่นี้ก็คือเซี่ยอ๋องเช่นนั้นหรือ นางเป็นเพียงสตรีชาวบ้าน ได้ยินคำเล่าลือที่เขาพูดกันเพียงว่าเซี่ยอ๋องจิตใจอำมหิตโหดร้าย ฆ่าคนไม่ละเว้น ราชสำนักถึงกับสั่งจับตายเขา แต่วันนี้ที่นางได้พบเจอกับเขา ได้สนทนากับเขา ความคิดของนางก็เปลี่ยนไปแม้เขาจะดูเย็นชาไปเสียหน่อย แต่กลับมีจิตใจเมตตาเป็นอย่างมากหากเขาโหดร้ายป่าเถื่อนจริงๆ คงไม่ปล่อยนางมีชีวิตรอดออกมาและคงไม่มอบเงินให้นาง อีกทั้งยังไม่คิดแตะต้องนางด้วยท่าทีเหม่อลอยของไต้ฝูหรงทำให้นายอำเภอเกาผิงรู้สึกอารมณ์ไม่ใคร่จะดีนัก "นังตัวดี นังใบ้นี่ หรือว่า เจ้าแอบซ่อนเงินไว้ไม่ยอมบอกข้า!"เอ่ยจบนายอำเภอเกาผิงก็กระชากแขนของไต้ฝูหรงอย่างแรง พลางค้นไปตามแขนเสื้อของนาง ไต้ฝูหรงพยายามปัดป้อง เพราะยื้อยุดฉุดกระชากกันไปมาทำให้ถุงเงินใบใหญ่ที่นางซ่อ
สตรีตรงหน้าสวมชุดสีชมพูอ่อนปักลายดอกไห่ถาง ใบของหน้างดงามเป็นอย่างมาก กงเหล่ยปรายตามองนางครู่หนึ่ง ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองนายอำเภอเกาผิงพลางเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย นายอำเภอเกาผิงยิ้มอย่างประจบประแจง พลางเอ่ยกับเขาด้วยน้ำเสียงนอบน้อม"คืออย่างนี้ขอรับเซี่ยอ๋อง ข้าน้อยเห็นว่าท่านอยู่ที่นี่ควรจะพักผ่อนและหาความสำราญให้มาก จึงได้ส่งสาวงามนางนี้เข้ามาเพื่อปรนนิบัติท่าน หวังว่าท่านจะเพลิดเพลินกับนางอย่างมีความสุข"เอ่ยจบนายอำเภอเกาผิงก็ดันตัวของหญิงงามนางนั้นให้เข้ามาภายในห้อง เฉิงซุนผู้เป็นกุนซือที่เห็นเช่นนั้นก็เดินเข้ามาขวางเบื้องหน้าของนางเอาไว้ แต่ทว่ากงเหล่ยกลับเอ่ยปราม พลางหันไปเอ่ยกับนายอำเภอเกาผิง"ขอบคุณท่านมาก ออกไปเถอะ"นายอำเภอเกาผิงพยักหน้า ก่อนจากเขายังหันไปมองหญิงงามนางนั้นคราหนึ่ง "นายท่าน""ท่านกุนซือก็ออกไปก่อนเถอะ ข้ามีเรื่องจะสนทนากับสาวงามนางนี้เสียหน่อย"เฉิงซุนเมื่อได้ยินก็ไม่ขวางความสุขของเจ้านายอีก เพียงทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย พลางปิดประตูห้องให้เจ้านายอย่างเงียบเชียบกงเหล่ยลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก่อนจะเดินเข้ามาหาหญิงสาวนางนั้น เมื่อเข้ามาใกล้นาง เขาก็ได้กลิ่นหอมขอ
ชายแดนแคว้นเว่ย"นายท่าน พวกเราแพ้อีกแล้วขอรับ ศึกครานี้กงเหล่ยเป็นฝ่ายได้กำชัยชนะ เขาบุกยึดเกาผิง เมืองด่านหน้าของพวกเราได้แล้วขอรับ!""มารดามันเถอะ!"เสียงสบถด้วยความคับแค้นใจของเว่ยอ๋อง ทำให้เหล่าทหารและข้ารับใช้ต่างก้มหน้างุดไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แคว้นเว่ยปราชัยให้กับแคว้นเซี่ย สงครามที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ก็พ่ายแพ้จนทำให้ทหารแคว้นเว่ยต่างล้มหายตายจากไปไม่ใช่น้อย เสบียงอาหารก็เริ่มขาดแคลน ราษฎรต่างหวาดหวั่น บ้านเมืองระส่ำระสายเป็นอย่างมากเซี่ยอ๋อง นามกงเหล่ย ได้ชื่อว่าเป็นบุคคลอันตรายที่ราชสำนักหมายหัว หนึ่งปีมานี้เขาก่อสงครามบุกชิงเมืองด่านหน้าและหัวเมืองน้อยใหญ่ไปแล้วหลายเมือง สร้างความหวาดหวั่นให้แก้ใต้หล้าเป็นอย่างยิ่งใต้หล้ายามนี้แบ่งออกเป็นสี่แคว้น แคว้นเว่ยตั้งอยู่ทางทิศใต้ แคว้นเซี่ยอยู่ทางทิศเหนือ แคว้นเป่ยตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก และแคว้นฉีตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก เจ้าครองแคว้นทั้งสี่ได้รับการแต่งตั้งบรรดาศักดิ์จากเกาฮ่องเต้ให้เป็นท่านอ๋องผู้ปกครองแคว้น แม้จะได้เป็นท่านอ๋องแต่ทว่าแคว้นของตนกลับตกเป็นเมืองขึ้นของแคว้นเกา ซึ่งมีเกาฮ่องเต้เป็นผู้ปกครองสูงสุ