ช่วยใครไม่ช่วยดันไปช่วยตัวร้าย ให้รอดชีวิต แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อตัวร้ายดันความทรงจำหายไปกลับกลายเป็นคนดี
Lihat lebih banyakร่างสูงของใครบางคนทรุดกายลงเบื้องหน้าหวังซูเหยา อาภรณ์สีดำเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดไหลนอง ซูเหยาถลาเข้าจับชีพจร วางฟืนในมือลงข้างลำตัวทั้งลากทั้งดึงร่างใหญ่ให้ไปที่ร่มไม้ เสียงฝีเท้าม้าควบวิ่งวนวุ่นวายไปหมด
“ค้นให้ทั่ว”เสียงคำรามจากร่างใหญ่ของบางคนตะโกนก้อง ทหารหายนายต่างแยกย้ายกันค้นหาซูเหยาลากร่างสูงเข้าไปหลบในร่มไม้ยกศีรษะให้นอนหนุนตัก รอจนกระทั่งหทารเสื้อเกราะพวกนั้นกลับไป จึงเดินออกไปตัดไม้มาทำแพไม้เพื่อจะลาก คนเจ็บ เพราะร่างเล็กของซุเหยาคงไม่อาจแบกเขาขึ้นบ่าได้ ลากร่างใหญ่อย่างทุลักทุเล ไปยังแม่น้ำกว้างใหญ่ ดึงอาภรณ์บริเวณ ไหล่หนาทั้งสองข้างให้ขึ้นไปบนเรือหยิบฟื้นวางในลำเรือก่อนจะใช้ไม้ค้ำถ่อดันเรือด้วยความชำนาญกลับไปยังเรือนแพกลางน้ำ
ร่างสูงนอนเหยียดยาวซูเหยาพิศมองบหน้าหล่อเหลา คนผู้นี้เป็นใครกันเหตุใด ทหารต้องตามล่าเขาด้วย ใบหน้าหล่อกระสับกระส่ายไปมาด้วยพิษบาดแผล ซูเหยาเร่งมือให้ถึงเรือนแพโดยเร็ว
“ท่านแม่”หวังเจี้ยนหยา โผล่หน้าออกมาจากเรือนแพกลางน้ำ ชะโงกมองเมื่อเห็นว่าซูเหยานำคนผู้หนึ่งมาด้วยในสภาพไร้สติก็รีบรุดไปช่วยดึงเรือมาผูกไว้กับเรือนแพ
“คนผู้นี้เป็นใครกัน”ซูเหยาส่ายหน้าไปมา สองคนแม่ลูกช่วยกันลากซีซวนขึ้นไปบนเรือนแพ เจี้ยนยาตรวจจับชีพจร
“ทำความสะอาดบาดแผลก่อนข้าจะไปบดยาสมานแผล”
“ท่านแม่ข้า”
“จะเขินอายไปไยเขามิได้มีสติเสียหน่อยเร่งช่วยเขาจึงดี โอกาสรอดชีวิตมีน้อยขืนเจ้ายังชักช้า”ซูเหยาเอื้อมมือถอดอาภรณ์ออกช้าๆ เนื้อหนังมังสาที่ยังอุ่นๆ กับเนื้อแม่นที่อกผายเต้มไปด้วยมัดกล้ามไม่เคยแตะตัวบุรุษมาก่อนจสาวสั่นไหว หน้าแดงด้วยความเขินอาย เจี้ยนหยา นำยาที่บดละเอียดโปะลงไปที่บาดแผล จากคมกระบี่ที่อกข้างซ้ายเฉียดหัวใจไปเพียงเส้นยาแดงผ่าแปด
“ไม่โดนจุดสำคัญ เจ้าพบเขาที่ไหน”
วังหลวง
“ทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นๆ ปี”ร่างสูง สง่าทว่าใบหน้าเต็มไปด้วยความยโสของซีซาน ที่ก่อนหน้านั้นรั้งตำแหน่งซินอ๋องนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรด้วยท่าทีองอาจ
องครักษ์ข้างกายกระซิบข้างหูเบาๆ
“บัดซบ ส่งคนค้นหาให้ทั่ว แม้พบแต่เพียงซากศพก็ต้องนำกลับมาให้ข้าดู”องครักษ์ข้างกายประสานมือจากไป ซีซาน กำหมัดแน่น
“จะรอดไปได้กี่นำกัน ช่างอึดเสียจริงทั้งต้องคมกระบี่ทั้งตกหน้าผาสูงยังจะรอดได้อีกหรือหากเป็นเช่นนั้นข้าคงต้องฆ่าเจ้าเองกับมือ ซีซวน”
แสงแดดเช้าส่องผ่านหน้าต่างเรือนแพไอเย็นลอยผ่านเข้าไปนห้อง ซีซวนยกมือขึ้นกอดอกทั้งๆ ที่ยังหลับตา ซูเหยา ละมือจากมือที่กำลังค้นข้าวต้มกลิ่นหอมฉุยดึงผ้าห่มตั้งใจห่มให้ซีซวน ร่างใหญ่ลืมตาตื่นคว้าข้อมือของซูเหยา ให้ล้มลงบนอกกว้าง พลิกร่างเล็กให้ลงไปนอนใต้ร่างเขาใช้ร่างสูงใหญ่ทับไว้ทั้งตัว ด้วยระแวงในตัวของซูเหยา
“เจ้าเป็นใครกัน”ส่งเสียงลอดไรฟัน จ้องมองดวงตางาม ตาไม่กะพริบ
ซูเหยายกมือดันอกกว้าง
“โอ๊ย”พลิกร่างลงบนแท่นนอนไม้ไผ่เงยหน้ามองซูเหยาสายตาดุดัน
“มองข้าแบบนี้ ได้อย่างไรกัน”ซูเหยาย่นจมูกใบหน้าสวย มีแววตาหยิ่งทะนง ซีซวนยกมือกุมบาดแผลที่อกข้างซ้ายด้วยความเจ็บปวด ไม่อาจลุกจากแท่นนอน
“ เจ้าทำร้ายข้า”
“เฮ้อ ..ข้าช่วยท่าน”มองดูรอบๆ ที่นี่มีแต่น้ำกับเรือนแพ คิ้วดกขมวดเข้าหากัน ยกมือขึ้นกุมศีรษะนอนหงายเหยียดยาว
“ปวดปวดเหลือเกิน”ซูเหยาถลาเข้าจับมือของซีซวน เจี้ยนหยาวิ่งเข้ามาในห้อง
ดึงห่อยาก่อนจะยัดยาเม็ดลงในปากของซีซวน
จับชีพจรของซีซวน ก่อนจะดูบาดคลำบาดแผลที่ศีรษะ
“แย่แล้วไม่มีบาดแผล”
ไท่านแม่ท่านหมายความว่าอย่างไร ไปเคี่ยวยานี่ น้ำสามส่วนเคี่ยวให้เหลือเพียงส่วนเดียวข้ากำลังคิดว่า คนผู้นี้มีอาการปวดศีรษะ เพราะมีโลหิตพิษในนั้น”
“เหตุใดถึงมีโลหิตพิษ”
“คงตกจากที่สูงแต่ทว่าไร้บาดแผลโลหิตจึง ไหลอยู่ในศีรษะของเขาทำให้เกิดอาการปวดศีรษะทิ้งไว้นานเข้าอาจถึงตาย ยานี่ช่วยขับโลหิตพิษได้” ซูเหยาคว้าห่อยา วิ่งเข้าไปในครัว
วังหลวง
“หากเจ้าเปลี่ยนใจยอมเป็นของข้าเสีย ข้าย่อมยกย่องเจ้า แต่ตำแหน่งฮองเฮาคงต้องให้กับ เซียงเหนียงเจ้าเป็นสนมเอกหรือว่ากุ้ยเฟยที่ข้าแวะเวียนมาทุกค่ำคืนจะดีไหม ร้องไปก็เท่านั้น ซีซวนหาชีวิตไม่แล้ว บัลลังก์บัดนี้เป็นของข้าเจ้าแม้ไม่ได้เป็นฮองเฮาแต่ก็ได้เคียงข้างข้า” อิงฝานปล่อยหยาดน้ำตาไหลริน
“ข้ายอมตาย หากฝ่าบาท ไม่กลับมาข้าก็พร้อมยอมตาย”
“ยังเรียกเขาว่าฝ่าบาทได้อีกหรือในตอนนี้ข้าคือฮ่องเต้ของที่นี่เขาก็แค่โจรกบฏ ที่หนีตายหรืออาจตายไปแล้วก็ได้ในตอนนี้เพียงแต่ยังไม่มีใครพบศพก็เท่านั้น”
“เขาเป็นฮ่องเต้และยังคงเป็นฮ่องเต้"
“ฮ่องเต้ที่คนล้วนกร่นด่าสาปแช่งให้ตายอย่างนั้นหรือ ราษฎรแซ่ซ้องเมื่อข้า นั่งบัลลังก์”
“กร่นด่าแต่ตำแหน่งฮ่องเต้ก็ได้มาโดยชอบธรรม ท่านกับเขาไม่ต่างกัน เขาแม้จะเลวร้ายเพียงใดก็ไม่เคยฆ่าแกงใครผิดกับท่านที่แย่งชิงฆ่าแกงแม้กระทั่งพี่ชายตัวเอง”
“555ข้าจะแสดงให้เห็นว่า ข้าเป็นฮ่องเต้ที่ดีกว่าเขาเพียงใด”
ตำหนักชิงหนิงกง“ฝ่าบาท ยังอยู่กับกุ้ยเหรินอย่างนั้นหรือ”“เจ้าค่ะ” ดวงตาเหม่อลอย“ฝ่าบาทตรัสหรือไม่ว่าจะมาหาข้าในตอนไหน”“เอ่อ เอ่อ”“จริงสิฝ่าบาทมีสนมนางในตั้งมากมายก็คงต้องแวะเวียนไปหาพวกนางบ้างเป็นธรรมดาใช่ไหมหรือไม่”“ฮองเฮา ฝ่าบาททรงสั่งปลดพวกนางให้เงินทุนและส่งนางกลับไปยังตระกูลจนสิ้น ไม่เหลือใครไว้แม้แต่คนเดียวตอนนี้ฝ่าบาทใช้เวลาส่วนใหญ่กับซูเหยากุ้ยเหริน” อิงฝานยิ้มขมขื่น“เจ้าออกไปเถอะไปคอยดูว่าฝ่าบาท จะ่หาข้าเมื่อไหร่”ท้องพระโรง อิงฝานนุ่งขาวห่มขาวย่อกายลงเบื้องหน้าบัลลังก์สูง“ฝ่าบาทอิงฝานขอประทานอนุญาตจากฝ่าบาทออกบวชที่วัดบนเขาต่อจากนี้และคืนตำแหน่งฮองเฮา” ซีซวนขมวดคิ้ว“เจ้าแน่ใจแล้วหรือ”“ฝ่าบาททรงพระเมตตายิ่งแล้วอิงฝานซาบซึ้งเหลือเกินในตอนนี้อยากจะทำในสิ่งที่คิดว่าทำให้จิตใจสงบในเมื่อฝ่าบาทมีคนคอยปรนนิบัติแล้วอิงฝานจึงไม่มีสิ่งใดต้องกังวลอีกต่อไป กุ้ยเหรินจึงจะได้รั้งตำแหน่งฮองเฮา เสียที”“ขอบใจเจ้ามากอิงฝาน” อิงฝานยิ้มบางๆ ก่อนจะหันหลังเดินออกจากท้องพระโรงไปอย่างไม่ลังเล“อุ๊แว๊ อุ๊แว้ๆๆๆๆๆ ” เสียงเล็ดลอดออกมาจากห้องบรรทมของฮองเฮา ซีซวนถลาเข้าไปในทันที“ฝ่าบาท ฮองเฮา
“เสด็จแม่ซูเหยา กอดเจี้ยนหยาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย”“ต้องไปแล้ว ซูเหยาของแม่จะต้องเข้มแข็งซีซวนจะปกป้องเจ้าเอง”“ซีซวนสัญญาจะปกป้องซูหยาดังชีวิต”“ข้าอยากจะตามไป ทว่าไม่ทันได้เตรียมการซูซานเหลี่ยง เอ่ยขึ้น”“ฝ่าบาทตามลูกไปเช่นไรซูเหยาจึงจะกล้าเผชิญทุกอย่างด้วยตัวเอง ในเมื่อตอนนี้ฝ่าบาทมอบซูเหยาให้ซีซวนฮ่องเต้คอยปกป้องดูแลนางแทนเราแล้ว ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสามีที่จะต้องคอยปกป้อง.. เมียของตัวเอง”“หากข้าได้ข่าวว่าองค์หญิงน้อยซูเหยาของข้าต้องพบกับความลำบากใจอีกข้าจะถึงแคว้นหานทันที” เป่ยเปยยิ้ม“ฝ่าบาท องค์หญิงเป็นน้องสาวบุญธรรมของข้า หากนางต้องลำบากใจ...ข้าจะรีบ...ส่งข่าวทันที”“ดี..เช่นนั้นจึงวางใจ”ซีซวน คว้ามือซูเหยามากำไว้ก่อนจะ ส่งตัวซูเหยาขึ้นไปบนหลังม้าตัวเขากระโดดขึ้นคร่อมบนหลังม้าทันที เจี้ยนหยาโบกมือน้อยๆม้าสีขาวเหยาะย่างตามทางเดินทอดยาวออกจากวังหลวง ซีซวนใช้คางเกยไปบนไล่เนียน“กลัวหรือไม่”“กลัว”“ข้าสัญญา ไม่มีทางให้เจ้าพบกับอันตราย” มือข้างที่ว่างกอดรวบเอวบางแนบลำตัวแน่นด้วยความรักสุดหัวใจ“กลัวหรือไม่ซูเหยาก็ต้องไปกับฝ่าบาทอยู่ดี เพราะ..เสด็จพ่อยกซูเหยาให้กับฝ่าบาทแล้ว”“นั่
“ฝ่าบาท ซูเหยา ซูเหยา” ปากอวบอิ่มถูกปิดลงเสียก่อนที่จะได้พูดอะไร มืออุ่นลูบไล้ทั่วผิวเนียนหยุดอยู่ที่หน้าท้องป่องนูน“พ่อกับแม่ยังไม่ทันได้อุ่นเตียงกันเท่าไหร่ ลูกตัวน้อยของข้าก็กำลังจะออกมาดูโลก ว่าแต่เจ้าข้าวต้มปลาช่างไวไฟเสียจริง อุ่นเตียงกับเจ้าเพียงครั้งเดียวก็ให้กำเนิดทายาท เช่นนั้นเห็นจะต้องอุ่นเตียงบ่อยๆ ให้ลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง”“ไม่พูดอีกแล้ว สงสัยจะให้ทำเสียมากกว่าไม่อยากพูดกับข้าก็ไม่เป็นไรให้ความจริงใจของข้าแสดงออกทางกาย” โน้มร่างบางลงบนแท่นนอนกดริมฝีปากปิดปากอวบอิ่มบดเบียดนุ่มนวล อาภรณ์ถือถอดกองไว้ที่ปลายเท้า โถมร่างใหญ่เข้าใส่ ซูเหยายกมือดันอกกว้าง“ฝ่าบาทเอาเปรียบซูเหยา”“เช่นไรกัน”“ก็เอาเปรียบที่มาถึงก็ไม่พูดพล่าม ตั้งใจรังแกซูเหยาเพียงอย่างเดียว”“รักเจ้าเพียงนี้อุตส่าห์ตั้งใจชดเชยให้รู้ไหมที่ผ่านมามีบางอย่างบอกข้าว่า… หญิงงามนามซูเหยา น่าฟัดที่สุด วนเวียนไปมาเหมือนกับอยากจะได้เจ้ามาครอบครองแม้จะจำอะไรไม่ได้แต่ความรู้สึกในใจลึกๆ บอกข้าว่าซูเหยาคนนี้ หากได้ทาบทับไว้เช่นนี้คงเป็นสุขไม่น้อย แล้วความคิดของข้าหาผิดไม่อาจเป็นเพราะข้ายัง ไม่อิ่มหนำกับรสสวาทกับเจ้าในตอนน
“องค์หญิงลงไปด้านล่างเสียหน่อยเห็นหรือยังว่าใครกันที่ชนะการประลอง” ซูซานเหลี่ยง เอ่ยปากก่อนหน้านั้น“ซีซวนฮ่องเต้ ถวายพระพรฝ่าบาท” ซีซวนเข้าไปในตำหนักฮ่องเต้ ส่วนเป่ยเปยไปที่ตำหนักของซูเหยาในคืนวันนั้น“ซีซวนอ่องเต้ฮ่องเต้แคว้นหาน มีเรื่องใดกันถึงได้กล้าเข้ามาพบข้าเพียงลำพัง”“ข้าน้อยซีซวน มาแสดงความจริงใจ”“อย่าบอกนะว่าเจ้าคือ คนที่ทำห้องค์หญิงน้อยซูเหยาของข้าเสียใจ”“เป็นข้าเอง เชิญฝ่าบาทกล่าวโทษลงทัณฑ์ซีซวนได้อย่างไม่มีข้อโต้แย้งและร้องขอใดใด” ก้มหน้าประสานมือ“ลงทัณฑ์เจ้าคิดว่าลงทัณฑ์เช่นไรจึงจะสาสม”“แล้วแต่พระกรุณาของฝ่าบาทซีซวนจะไม่มีทางที่จะโอดครวญหรือโต้แย้งใดใด” นั่งลงคุกเข่าตรงหน้าประสานมือไว้มั่น ซูซานเหลี่ยงยิ้ม“ดี ในเมื่อกล้าที่จะยอมรับผิดข้าพร้อมที่จะอภัยให้ แต่ถึงข้าจะอภัยให้เจ้าทว่าเจี้ยนหยาและซูเหยาข้าไม่อาจคาดเดาความคิดของสองแม่ลูก หากเจ้าสามารถเอาชนะใจเจี้ยนหยาและซูเหยาได้ข้าก็คงไม่ต้องกังวลข้าชอบยิ่งนักบุรุษที่กล้ายอมรับผิด”“ขอบพระทัยฝ่าบาท” ซูซานเหลี่ยงยิ้มไม่หุบเมื่อพบหน้าซีซวน บุรุษผู้นี้ท่าทีองอาจอีกทั้งยังพูดจาฉะฉานกล้าทำกล้ารับ และกล้ามาพบเขาแม้จะต้องมาเพ
“ใครกันเจ้าข้าวต้มปลา” ซูซานเหลี่ยงถามขึ้นเบาๆ เมื่อได้ยินสิ่งที่เจี้ยนหยาพูดกับซูเหยาชัดเจน“เจ้าข้าวต้มปลา ผู้นั้นฝ่าบาททรงสังเกตเห็นคนผู้นั้นหรือไม่ ร่างสูงใบหน้าองอาจ ผึ่งผาย ที่ยืนอยู่ในอาภรณ์สีฟ้าขาวสะดุดผู้นั้น คือผู้เข้าประลองกิตติมศักดิ์ที่เป็นถึงฮ่องเต้แคว้นหาน”“เอาเปรียบผู้อื่นเพียงนั้นทั้งรูปร่างหน้าตา และยังถือโอกาสนำคนมาคุ้มกัน เช่นนี้สมควรปรับให้ออกจากการประลอง” ซูซานเหลี่ยงพูดขึ้นเบาๆ“เสด็จพ่อ” ซูเหยารีบท้วงไว้ เจี้ยนหยาอมยิ้ม“ทำไม หรือเจ้าอยากให้เขาชนะ”“เสด็จพ่อลูกๆๆ ” “555 องค์หญิงของพ่อยอมใจอ่อนให้เขาเกรงว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บจึงเห็นใจเขา ยอมให้ทำผิดกฎ ในเมื่อองค์หญิงมีใจให้เขาเพียงนี้ พ่อจะใจร้ายได้อย่างไรกัน” พูดยิ้มๆ“ฝ่าบาท เขาเอาเปรียบผู้อื่น”“เจี้ยนหยา เจ้าลองสังเกตให้ดี เหล่าองค์ชายจากแคว้นต่างๆ หรือบรรดาลูกขุนนางล้วนแต่มีลูกคู่หรือคู่หูมา พร้อมเพรียงถ้าสังเกตดีดี จะเห็นว่าแต่ละคนพร้อมปกป้องคนของตัวเองอย่างถึงที่สุด ข้าจึงบัญชาให้ไม่มีการมุ่งเน้นไปที่ร่างกายและชีวิตเพื่อให้ไม่ต้องมีใครมาได้รับบาดเจ็บหรือล้มตาย” เจี้ยนหยายิ้ม"ฝ่าบาททรงรอบคอบไม่น้อยเจี้ยน
“คุณชายเป่ยเปย”“ว้า หมดสนุกเลย องค์หญิงจำเป่ยเปยได้เสียแล้ว” ซูเหยาเลิกคิ้วสูงอมยิ้มแก้มปริ“ก็งามออกขนาดนี้ทำไมจะจำไม่ได้”“กำลัง คิดว่าองค์หญิงช่าง ชาญฉลาด”“ไม่มีนางกำนัลคนไหน เอ่ยชื่อตัวเองออกมาหรอก ทำทีสนิทสนมเพียงนี้ แปลกมากย่อมเป็นที่สังเกต”“ว้า อุตส่าห์ปลอมตัวเร้นกายถูกจับได้ง่ายดาย”“อย่างน้อยก็งดงามจน...เหล่าองครักษ์หน้าห้อง ไม่ทันได้สังเกตว่ามิใช่ผู้หญิง”“องค์หญิง สบายดีหรือไม่” เหลือบตามองท้องที่ป่องออกมาจนมองเห็นได้ชัด“สบายดี ตอนนี้ไม่มีอะไรต้องห่วง ห่วงแค่..เรื่อง” ลูบท้องเบาๆ“จะไม่ถามเป่ยเปยหรือไรว่ามาถึงนี้เพราะเหตุใด”“คุณชายก็คง คิดถึงเราสองคนแม่ลูกหรือบังเอิญผ่านมา”“องค์หญิง เป่ยเปยมากับคนผู้หนึ่ง อือไม่สิ สองคนทายสิว่าใคร” ซูเหยายิ้มเศร้าๆ“ท่าน องครักษ์ตงฟางชิง ใช่หรือไม่”“อีกคนเล่า”“ซูเหยาไม่อาจคาดเดา”“องค์หญิงฝ่าบาททรงออกตามหาองค์หญิง แทบพลิกแผ่นดินจนมาถึงนี่”“ซูเหยาไม่ควรค่าให้ตามหา อีกอย่างพรุ่งนี้เสด็จพ่อบัญชาให้มีการจัดการประลองเพื่อเลือกคู่”“องค์หญิง ตั้งใจจะใช้ชีวิตกับผู้อื่นได้หรือไร” ซูเหยาก้มมองมือตัวเอง“หากจะต้องแย่งชิง ซูเหยาก็ไม่อยากแย่งช
Komen