5 วันผ่านไป ภายในถ้ำเจ้าสมุทรในเวลานี้เปลือกหอยที่ปิดสนิทมาโดยตลอดค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างช้าๆ เผยให้เห็นร่างของสตรีสาวแสนสวยนอนหลับใหลอยู่ภายในนั้น ตลอดระยะเวลาห้าวันที่ผ่านมาหากเทียบกับกาลเวลาเบื้องบนแล้วไซร้ มีระยะเวลายาวนานผ่านไปแล้วถึงห้าปีเลยทีเดียวในดินแดนมนุษย์ ร่างของเฉียนเฉียนที่อยู่ภายในนั้นมาโดยตลอด ถูกไอทิพย์ที่กักเก็บอยู่ในเปลือกหอยดังกล่าว รักษาอาการบาดเจ็บจนหายเป็นปกติดีทุกอย่าง กระดูกที่เคยแตกหัก บางจุดร้าวและแหลกละเอียดบัดนี้กลับคืนสู่สภาพเดิมราวกับว่ามิเคยปรากฏมาก่อนอย่างอัศจรรย์ และเหนือสิ่งอื่นใดที่ไม่คาดฝันนั้นก็คือ ร่างอวบอ้วนของ หยางเฉียนเฉียนที่ถูกไอทิพย์รักษา บัดนี้มิได้อวบอ้วนสมบูรณ์ดั่งเช่นกาลก่อน หากแต่ร่างดังกล่าวกลับกลายเป็นหวังฉิงชวนสาวสวยจากศตวรรษที่ 21 เข้ามาแทนที่ โดยที่ดวงวิญญาณดั้งเดิมของหยางเฉียนเฉียนก็มิล่วงรู้เลยว่าหากแม้นมีชีวิตอยู่ต่อมาในอีกสี่ห้าปีข้างหน้า นางคือสตรีที่มีความงามเป็นเลิศเหนือผู้ใดในทั่วหล้า ใบหน้างามลึกล้ำของสตรีสาวในยุคสมัยใหม่น่ามองชวนหลงใหลเป็นยิ่งนัก เอวกลมมลายหายไป เอวเอสของหวังฉิงชวนเข้า
สามเดือนผ่านไป บริเวณปล่องถ้ำด้านหน้าเกาะมรกต ดวงตาสีนิลกาฬมองเรือที่เคยใช้อาศัยเป็นพาหนะหลบหนีมาจากอู๋อี๋ซาน จนกระทั่งออกสู่ท้องทะเลกว้างมาไกลถึงเกาะมรกต โดยมิรู้ว่าตั้งอยู่แห่งหนใดและห่างไกลจากผืนแผ่นดินใหญ่มากมายแค่ไหน หากแต่องค์ชายหนุ่มก็มิอาจจะทนนิ่งเฉยโดยไม่ทำอะไรเลยกับการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของเฉียนเฉียน ภรรยาผู้เป็นที่รักยิ่งนี้อีกต่อไปได้ นับตั้งแต่วันแรกที่เฉียนเฉียนหายไปจวบจนกระทั่งถึงวันนี้ เป็นเวลาล่วงเลยกว่าสามเดือน ที่องค์ชายหนุ่มเพียรเฝ้าตามหาเมียรักไปทั่วบริเวณรอบเกาะมรกตไม่เว้นแม้กระทั่งใต้ท้องทะเลลึก ก็ดำดิ่งลงไปดั่งปลาแหวกว่ายสายน้ำ หากแต่พื้นที่กว้างใหญ่และอยู่ใต้น้ำเช่นนั้น ยากยิ่งนักที่จะพานพบได้ เฉินคังเฝ้าตามหาและรอคอยว่าจะมีร่องรอยใดๆ ที่พอจะค้นหาเฉียนเฉียน แม้กระทั่งปลาคุนน้อยก็หายไปไม่ยอมขึ้นมาว่ายน้ำเล่นดั่งเช่นเป็นประจำทุกปี ทั้งๆ ที่ช่วงนี้เป็นฤดูชุนเทียน บริเวณรอบเกาะมรกตจะไร้สิ้นกระแสน้ำวนที่เกิดขึ้นโดยรอบๆ เกาะแต่อย่างใด ราวกับว่าเจ้าปลาตัวน้อยกำลังรักษาแผลอยู่ใต้ก้นทะเลลึกฉันใดก็ฉันนั้น เป็นเหตุให้องค์ชายเฉินค
ในขณะเดียวกัน ทางด้านเฉินคัง กระท่อมน้อยอันเป็นรังรักของเฉินคังและเฉียนเฉียน ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในฐานะคู่สามีภรรยามานานกว่าสามเดือน เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของอาหารที่ปรุงสุกแล้ว เตรียมพร้อมที่จะกินข้าวเที่ยงร่วมกัน ควันขาวลอยตัวออกมาจากกองไฟไม่ขาดสายพร้อมสีสันของอาหารที่แปรเปลี่ยนไปเมื่อสุกเต็มที่ หน้าตาน่ากินยิ่งนัก ด้วยฝีมือทำอาหารขององค์ชายเฉินคัง เริ่มดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังจากที่มีหยางเฉียนเฉียนมาอยู่ใช้ชีวิตร่วมกระท่อมด้วยกัน ด้วยเพราะเธอเป็นนักชิมและนักกินตัวยงจึงสามารถบอกสามีได้ว่า อาหารชนิดใดอร่อยและอันไหนไม่เข้าท่านั้นเอง กระบอกไม้ไผ่ที่มีปลาหมึกและกุ้งทะเล ถูกนำมาทำเป็นอาหารประเภทต้มส่งกลิ่นหอมน่ากิน พร้อมปลาทะเลที่ย่างสุกแล้วเสียบด้วยลำไม้ไผ่ปักคาทิ้งไว้อยู่บนกองไฟที่เฉินคัง กำลังทำอาหารให้ภรรยา ในขณะที่เจ้าตัวกลับมาจากหาผลไม้ป่าในหุบเขาลึก จึงไม่เห็นและไม่ได้ยินเสียงคลื่นทะเลดังก้องอย่างบ้าคลั่งอยู่ชายหาดบริเวณด้านหน้าของเกาะมรกต “สุกพอดีเลย วันนี้ได้ผลไม้ป่าของโปรดเฉียนเฉียนมาด้วย ท่าทางจะต้องกินมากกว่าทุกวันแน่ๆ”เฉินคังพูดพร้อมยกตะกร้าผลไม้นาน
3 เดือนผ่านไป ฤดูชุนเทียน ตำหนักบูรพา ร่างสันทัดขององค์รักษ์คนสนิทเดินแกมวิ่งมาทางตำหนักบูรพา ใบหน้าบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าตื่นตระหนกมากมายแค่ไหน กับรายงานข่าวความคืบหน้าจากกองกำลังที่แอบลักลอบเข้าไปในอู๋อี๋ซาน ดินแดนต้องห้ามที่เฉินหย่งกงทรงมีพระบัญชาให้ปิดเมืองดังกล่าวอย่างไม่มีกำหนด ด้วยผลของโรคระบาดจั้งชี่ที่ได้คร่าชีวิตผู้คนจนหมดทั้งเมืองมิเหลือรอดแม้แต่ชีวิตเดียว และทันทีที่ร่างก้าวข้ามธรณีประตูห้องหนังสือ เสียงที่เต็มไปด้วยตระหนกดังออกมาทันใด “องค์ไท่จื่อแย่แล้ว! แย่แล้วพ่ะย่ะค่ะ! องค์ไท่จื่อ!!!”เสียงร้องเรียกองค์รัชทายาทเฉินจิ้นดังเอ็ดอึงไปทั่วพระตำหนัก พระพักตร์งามล้ำดั่งชาวสวรรค์เงยขึ้นทอดพระเนตรเสียงร้องเรียกพระองค์เช่นนั้นด้วยความแปลกพระทัยอย่างยิ่งยวด พร้อมร่างขององครักษ์คนสนิทมาหยุดยืนอยู่ตรงพระพักตร์ “มีอะไร! ใยจึงร้องเรียกหาข้าเช่นนั้น”รับสั่งถามกลับไปด้วยความสงสัย องครักษ์ในวัยสามสิบปี หันซ้ายหันขวาพร้อมสำรวจไปทั่วห้อง ก่อนจะรีบยกมือไล่ขันทีที่คอยรับใช้อยู่ภายในห้องหนังสือออกไปอย่างรวดเร็ว ท่าม
ในขณะเดียวกัน ยอดเขามรกต พิธีกราบไหว้ฟ้าดิน วงองค์สูงใหญ่ขององค์ชายเฉินคังสวมฉลองพระองค์สีขาวของเชื้อพระวงศ์ชั้นสูง ซึ่งอยู่ในหีบมากมายที่เหล่าองครักษ์ช่วยกันขนออกมาจากพระตำหนักหลงไท่ในอู๋อี๋ซานเมื่อคราวที่ต้องหลบหนีเอาชีวิตรอดมาจากโรคระบาดครั้งใหญ่ โดยมิล่วงรู้เลยว่าหีบที่เหล่าองครักษ์คนสนิทขนมาทั้งหมดนั้น เป็นทรัพย์สมบัติที่องค์ชายเฉินจิ้นพระเชษฐาทำการยักยอกพระคลังหลวงเก็บสะสมเอาไว้เพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับซ่องสุมกำลังพล และซื้อตัวเหล่าขุนนางในราชสำนักตลอดจนถึงอาวุธมากมาย พระองค์ทรงเปิดหีบที่เป็นของใช้จำเป็นส่วนพระองค์เท่านั้น หากแต่อีกหลายสิบหีบยังคงอยู่บนเรือที่ใช้เป็นพาหนะหลบหนีจนมาถึงเกาะมรกตและเรือลำนั้นพระองค์ลากไปเก็บไว้ในปล่องที่คล้ายถ้ำใหญ่พอที่จะนำเรือลำดังกล่าวเข้าไปเก็บไว้เพื่อหลบแดดและฝน นำเพียงหีบที่เป็นเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นเท่านั้นออกมา และบรรดาเครื่องมือต่างๆ ที่อยู่ภายในหีบของพระองค์ทำให้สามารถสร้างกระท่อมหลังน้อยไว้เป็นที่พำนักได้เป็นผลสำเร็จ และฉลองพระองค์สีขาวที่กำลังสวมอยู่แม้จะไม่ใช่ชุดแต่งงานแต่ก็เหมาะและลงตัวอย่างยิ่งสำหรั
ภายในห้องหนังสือ “เป็นอย่างไรบ้างงานที่ข้าให้เจ้าไปทำ รายงานความคืบหน้ามาสิ”รับสั่งถามกลับไปด้วยความอยากรู้ องครักษ์คนสนิทพยักหน้าขึ้นลงพร้อมรีบถวายรายงาน “ตอนนี้แคว้นฉียังไม่เคลื่อนไหวใดๆ เลยพ่ะย่ะค่ะ ด้วยเพราะตอนนี้โรคระบาดจั้งชี่จากอู๋อี๋ซานลุกลามเข้าสู่แคว้นนั้นแล้ว ชาวเมืองและกองทหารที่อยู่ติดเขตชายแดนอู๋อี๋ซานต่างล้มตายดั่งใบไม่ร่วงหล่น เจ้าผู้ครองแคว้นฉีจึงส่งกองทหารเข้ามาล้อมเมืองหลงไห่เอาไว้ทั้งหมด มิให้ชาวเมืองที่ติดโรคระบาดเล็ดรอดออกมาได้ หากมีผู้ใดข้ามเขตชายแดนมาได้ทรงมีรับสั่งฆ่าทุกคนมิเหลือสิ้นพ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์คนสนิทรายงานอย่างละเอียด ท่ามกลางความพึงพอใจของรัชทายาทรูปงามที่แผนกระจายโรคระบาดให้ลุกลามไปสู่แคว้นฉี เพื่อตัดกำลังและสร้างสถานการณ์ความวุ่นวายให้ชายแดนของแคว้นที่ติดกับเพื่อนบ้านไม่ตกเป็นเป้าของการโจมตี ตามเขตชายแดนที่อยู่ติดกับแคว้นมหาอำนาจดังกล่าว “เช่นนี้ก็ทำให้ตามเขตชายแดนของหมิ่นเย่วไม่ต้องถูกคุกคามจากแคว้นฉีไปได้สักพัก แต่ถึงกระนั้นก็ประมาทมิได้เช่นกัน แล้วดินแดนอู๋อี๋ซานเจ้าแน่ใจนะว่าหามีผู้ใดรอดชีวิตจากโรคระบาด เมืองนั้นร้างมานานกว่า 3 ปีแล้ว เ