“อย่า! ชิงเชียง!!!” สุรเสียงตะโกนกึกก้องขององค์ชายรองดังขึ้นอยู่ริมสระ
ชิงเชียงหันกลับไปตามเสียงตะโกนก้องที่ร้องห้ามเธอทันที ในมือเรียวสวยของเธอได้รับดอกเบญจมาศทองคำจากองค์ชายใหญ่มาถือไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ครั้นเมื่อเธอเห็นพระวรกายสูงใหญ่ขององค์ชายรองทรงยืนอยู่ที่ริมสระ โดยมีเฮ่าหรานกำลังประคองพระวรกายอยู่ในขณะนั้น หญิงสาวยกมือขึ้นโบกไปมาให้กับพระองค์ “ตุ้บ!” เสียงคล้ายของตกดังขึ้นอยู่ทางด้านหลัง ชิงเชียงหันกลับไปทันทีที่ได้ยินเสียง ก่อนจะต้องตกใจสุดขีดเมื่อเธอเห็นองค์ชายใหญ่ในขณะนี้ทรงยืนนิ่งไม่ไหวติง พระพักตร์และทั่วพระวรกายเขียวคล้ำไปหมด พระเนตรปรากฏพระโลหิตไหลจากขอบพระเนตร รวมไปถึงพระนาสิก พระโอษฐ์และพระกรรณ พระโลหิตไหลออกมาทะลุทวารทั้งเจ็ดในขณะที่พระหัตถ์ยังทรงถือดอกเบญจมาศทองคำในท่าที่กำลังยกดอกเบญจมาศดังกล่าวขึ้นสูดดมด้วยเพราะมีกลิ่นหอมอยู่ภายในนั้นด้วย “กรี๊ดดดดด!!!” หญิงสาวส่งเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจออกมาจนสุดเสียง เสียงกรีดร้องของชิงเชียงทำให้องค์ชายรองตระหนกพระทัยสุดขีด เสียงร้องของโฉมงามบ่งบอกได้ว“ชิงเชียง!!!” องค์ชายรองตะโกนเพรียกหาโฉมงามไล่หลัง “อิ๋งไค่!” สุรเสียงของฉินอ๋องรับสั่งอยู่เบื้องหลังของพระโอรส พระองค์หันกลับมาทันทีที่ได้ยินสุรเสียง “พระบิดา!” พระองค์รับสั่งสุรเสียงเต็มไปด้วยความอิดโรย องค์ชายรูปงามในยามนี้ทรงเสียพระโลหิตซ้ำแล้วซ้ำอีก บาดแผลเก่ายังมิทันจางหาย บาดแผลใหม่ก็พลันบังเกิดขึ้น จนเหวอะหวะไปทั่วพระวรกาย ฉลองพระองค์สีขาวเต็มไปด้วยพระโลหิตแดงฉานเปรอะเปื้อนเต็มไปหมด ก่อนจะได้ยินสุรเสียงของพระบิดาดังขึ้นอยู่เบื้องหลัง “ชวีฟู่เป็นเยี่ยงไรบ้าง” ฉินอ๋องรับสั่งหาพระโอรสองค์ใหญ่ ซึ่งมีพระนามเดิมว่าอิ๋งชวีฟู่ ก่อนจะเหลือบพระเนตรไปที่ศาลากลางน้ำซึ่งองค์ชายใหญ่กำลังทรงยืนอยู่ พระเนตรคมของฉินอ๋องจับอยู่ที่พระโอรสองค์ใหญ่ที่ยืนนิ่งประหนึ่งหินผา ทั่วพระวรกายเขียวคล้ำ พระโลหิตไหลออกตามทวารทั้งเจ็ดสิ้นพระชนม์โดยไม่รู้พระองค์เสียด้วยซ้ำ ในท่าที่ทรงยืนสูดกลิ่นหอมจากดอกเบญจมาศทองคำ ลักษณะดังกล่าวทำให้ล่วงรู้โดยพลันว่า บัด
ในขณะเดียวกันบนสะพานในเวลานี้กลุ่มนักฆ่ากำลังต่อสู้กับองค์ชายฉินเสวี้ยนกงผู้ปราดเปรื่อง แบบหมาหมู่สิลรุมหนึ่ง นักฆ่าทั้งสิบล้วนถูกส่งมาจากห้าแคว้นใหญ่โดยมีกั๋วปัวชิน ซึ่งมีถิ่นกำเนิดจากแคว้นฉี เป็นหัวหน้านักฆ่าที่คัดยอดฝีมือมาจากแคว้นเว่ย แคว้นจ้าว แคว้นหาน แคว้นฉู่มาแคว้นละสองคน และมาจากแคว้นฉีสองคน รวมกั๋วปัวชินด้วยเป็นสิบเอ็ดคน ทั้งนี้เพื่อรับงานปลงพระชนม์องค์ชายทั้งสองของแคว้นฉิน แต่นักฆ่าจากแคว้นหานได้จบชีวิตลงด้วยฝีมือของชิงเชียงไปเมื่อครู่ที่ผ่านมา จึงเหลือเพียงสิบคนเท่านั้น“ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!” เสียงคมดาบเฉือนเนื้อหนังจนเหวอะหวะองค์ชายรองเต็มไปด้วยบาดแผลจากคมดาบหลายแห่งบนพระวรกาย แต่ในขณะเดียวกันกลุ่มนักฆ่าก็พลาดพลั้งเสียทีสังเวยหัวของตนให้แก่คมดาบพระองค์“ฉัวะ! ฉัวะ!” คมดาบฟันลงที่คอของนักฆ่าจากแคว้นเว่ยก่อนตวัดเพียงฉับเดียวหัวขาดกระเด็น ลอยละลิ่วตกลงไปในสระน้ำทันที“ตูมมมม!!!” หัวของนักฆ่าคนดังกล่าวจมดิ่งลงใต้สระน้ำ ท่ามกลางสายตาของบรรดานักฆ่าที่เหลือ&l
“อย่า! ชิงเชียง!!!” สุรเสียงตะโกนกึกก้องขององค์ชายรองดังขึ้นอยู่ริมสระ ชิงเชียงหันกลับไปตามเสียงตะโกนก้องที่ร้องห้ามเธอทันที ในมือเรียวสวยของเธอได้รับดอกเบญจมาศทองคำจากองค์ชายใหญ่มาถือไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ครั้นเมื่อเธอเห็นพระวรกายสูงใหญ่ขององค์ชายรองทรงยืนอยู่ที่ริมสระ โดยมีเฮ่าหรานกำลังประคองพระวรกายอยู่ในขณะนั้น หญิงสาวยกมือขึ้นโบกไปมาให้กับพระองค์ “ตุ้บ!” เสียงคล้ายของตกดังขึ้นอยู่ทางด้านหลัง ชิงเชียงหันกลับไปทันทีที่ได้ยินเสียง ก่อนจะต้องตกใจสุดขีดเมื่อเธอเห็นองค์ชายใหญ่ในขณะนี้ทรงยืนนิ่งไม่ไหวติง พระพักตร์และทั่วพระวรกายเขียวคล้ำไปหมด พระเนตรปรากฏพระโลหิตไหลจากขอบพระเนตร รวมไปถึงพระนาสิก พระโอษฐ์และพระกรรณ พระโลหิตไหลออกมาทะลุทวารทั้งเจ็ดในขณะที่พระหัตถ์ยังทรงถือดอกเบญจมาศทองคำในท่าที่กำลังยกดอกเบญจมาศดังกล่าวขึ้นสูดดมด้วยเพราะมีกลิ่นหอมอยู่ภายในนั้นด้วย “กรี๊ดดดดด!!!” หญิงสาวส่งเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจออกมาจนสุดเสียง เสียงกรีดร้องของชิงเชียงทำให้องค์ชายรองตระหนกพระทัยสุดขีด เสียงร้องของโฉมงามบ่งบอกได้ว
พระตำหนักกลางน้ำร่างงามระหงของชิงเชียงบัดนี้อยู่ในอาภรณ์สูงค่าสำหรับเชื้อพระวงศ์ ซึ่งจับพลัดจับผลูกลับกลายเป็นองค์หญิงจากแคว้นฟ่านไปโดยปริยาย ตามหลักฐานที่มาจากกำไลหยกสลักหงส์เคียงคู่มังกรกับพระจันทร์ อันเป็นสัญลักษณ์ของเชื้อพระวงศ์จากแคว้นฟ่าน หญิงสาวจึงกลายเป็นองค์หญิงชิงเชียงโดยไม่รู้ตัวและได้รับการต้อนรับจากแคว้นฉินพร้อมทั้งดูแลเธอเป็นอย่างดี ในฐานะคู่อภิเษกขององค์ชายฉินเสวี้ยนกงฉลองพระองค์สีแดงเพลิงสลับกับสีดำอันเป็นสัญลักษณ์ของแคว้นฉิน และเครื่องประดับผมมากมายซึ่งทำมาจากหยกสูงค่าและบางชิ้นทำมาจากทองคำ ถูกนำมาประดับอยู่บนเส้นผมของหญิงสาวซึ่งเกล้าขึ้นสูงครึ่งศีรษะและปล่อยบางส่วนให้ยาวสยายชิงเชียงไม่รู้ตัวเลยว่าฉลองพระองค์ของราชสำนักในยุคโบราณทำให้เธองดงามมากยิ่งขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว จนขุนนางน้อยใหญ่และนางกำนัลมากมายภายในพระราชวังหลวง อยากชื่นชมความงดงามของเธออยู่ทุกวี่วันและไม่มีผู้ใดสามารถปฏิเสธได้เลยว่า องค์หญิงชิงเชียงจากแคว้นฟ่าน งามล้ำเลิศเหนืออิสตรีน้อยใหญ่ของทุกแคว้นรวมกันหญิงสาวได้มาใช้ชีวิตอยู่ในยุคโบราณ วันนี้ก็ครบ
พระตำหนักไป๋หลง (ที่ประทับของหานอ๋อง)พระเนตรคมกล้าของเจ้าผู้ครองแคว้นหาน ทอดพระเนตรองค์หญิงเจ๋อฉีผู้เป็นขนิษฐาร่วมสายพระโลหิตพระบิดาและมารดาเดียวกัน พระนางกราบทูลเรื่องราวทุกอย่างที่ได้รับจากสายข่าวซึ่งพระองค์ก็เพิ่งล่วงรู้มาเช่นกัน แตกต่างกันตรงที่สายข่าวของพระองค์หาได้มีการรายงานข่าวการบาดเจ็บสาหัสจวนเจียนจะสิ้นพระชนม์ขององค์ชายฉินเสวี้ยนกงแต่อย่างใด“เจ้าว่าอะไรนะ ฉินเสวี้ยนกงได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างนั้นรึ แล้วเกิดจากสาเหตุใดล่วงรู้หรือไม่”รับสั่งถามด้วยความอยากรู้ แต่ยังมิทันที่พระขนิษฐาของพระองค์จะกราบทูลกลับไป พระหัตถ์ทรงยกขึ้นห้ามทันทีด้วยเพราะทรงพอจะนึกออกแล้วนั่นเอง“เจ้ามิต้องกล่าวสิ่งใดแล้ว ข้ารู้แล้วว่าฉินเสวี้ยนกงได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนั้นด้วยเพราะเหตุใด”“เจ้าพี่ล่วงรู้อย่างนั้นหรือเพคะว่าองค์ชายรองทรงได้รับบาดเจ็บสาหัสได้อย่างไร” พระนางรับสั่งถามกลับไปด้วยความอยากรู้เช่นกัน“หากผู้ใดไม่รู้ข่าวที่แพร่สะพัดไปทั่วทุกแคว้นว่าแคว้นฉินนำทัพจนปราบชนเผ่าชวนหรงไ
แคว้นหานณ เมืองหลวงเจิ้งภายในพระราชวังหลวงพระวรกายอ้อนแอ้นแลดูบอบบางขององค์หญิงเจ๋อฉี แห่งแคว้นหาน ทรงยืนทอดพระเนตรผ้าปักลายมังกรเคียงคู่กับพระจันทร์อันเป็นสัญลักษณ์ขององค์ชายฉินเสวี้ยนกงแห่งแคว้นฉินด้วยความคิดถึงเจ้าของผ้าปักลายมังกรดังกล่าว ภาพเหตุการณ์ในวันเฉลิมฉลองของเจ็ดแคว้นใหญ่ที่ร่วมมือเป็นพันธมิตรกันผุดขึ้นในความทรงจำองค์ชายรองแห่งแคว้นฉินได้กระโดดขึ้นบนหลังม้าที่ตื่นตกใจกลัวเพราะได้ยินเสียงตีกลองและเสียงจุดพลุจนทำให้ม้าพยศตัวดังกล่าววิ่งเตลิดเข้ามาภายในงานราชพิธีซึ่งในปีนั้นแคว้นเว่ยเป็นเจ้าภาพในการจัดงานดังกล่าวและม้าวิ่งมายังทิศทางที่องค์หญิงเจ๋อฉีทรงประทับอยู่ในขณะนั้น เป็นเหตุให้พระนางตื่นตระหนกพระทัยจนวิ่งออกจากที่ประทับดังกล่าวและหกล้มพลาดไปถูกหอกยาวได้รับบาดแผลบริเวณพระบาทถูกคมหอกแทงลึกไปถูกฝ่าพระบาทจนตกพระโลหิตไหลนองจนไม่สามารถวิ่งหนีไปได้อีกจนเกือบจะถูกม้าพยศตัวนั้นเหยียบจนสิ้นพระชนม์และผู้ที่มาช่วยพระนางคือองค์ชายฉินเสวี้ยนกง ซึ่งเป็นตัวแทนจากแคว้นฉินเดินทางมาร่วมงานดังกล่าว องค