ตำหนักพระจันทร์
น้ำตาหลั่งรินร่วงหล่นลงสู่พื้นด้วยความทุกข์ระทมในหัวใจอย่างยิ่งยวด เมื่อคนรักถูกคุมขังในคุกหลวง ซ้ำร้ายจากนี้ไปหญิงงามนามว่าชิงเชียงที่อยู่ทุกลมหายใจเข้าออกผู้ซึ่งเป็นเจ้าผู้ครองแคว้นฉินอันยิ่งใหญ่ มลายหายไปจากความทรงจำของพระองค์ตลอดกาล มิเหลือสิ้นแล้วความรักที่ติดตามมานานนับหลายพันปี มิเหลือสิ้นเยื่อใยและแรงโหยหาจากหัวใจที่เฝ้าคร่ำครวญถึงโฉมตรูยามเมื่อพลัดพรากห่างไปไกล “ทรงกรรแสงอีกแล้วองค์หญิง บางทีฉินอ๋องอาจจะทรงจดจำพระนางก็เป็นได้นะพ่ะย่ะค่ะ หากแม้นพระองค์ทรงมีพระทัยรักมั่นคงแล้วไซร้ ต่อให้ลืมเลือนไปก็ตาม ถึงอย่างไรเสียในก้นบึ้งต้องตราตรึงในดวงจิตอยู่เป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ” เยี่ยฉางเฝ้าปลอบประโลมให้องค์หญิงของตนคลายทุกข์โศกลงไป “ข้าหวั่นใจยิ่งนักเยี่ยฉาง ว่าอิ๋งไค่จะลืมเลือนข้าไปจากหัวใจจริงๆ เจ้าเองก็ล่วงรู้ฤทธิ์เดชผงหลงลืมเป็นอย่างดีมิใช่หรอกรึ แม้แต่ข้าเองที่ถูกผงหลงลืมยังจดจำเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นมิได้อีกเลย กว่าจะจำได้ทุกสิ่งวันเวลาผ่านไปนานนับเดือน แต่นี่อิ๋งไค่ถูกผงหลงลืมยังไม่พอ กลับได้รับยาทำลายความทรงจำซตำหนักพระจันทร์น้ำตาหลั่งรินร่วงหล่นลงสู่พื้นด้วยความทุกข์ระทมในหัวใจอย่างยิ่งยวด เมื่อคนรักถูกคุมขังในคุกหลวง ซ้ำร้ายจากนี้ไปหญิงงามนามว่าชิงเชียงที่อยู่ทุกลมหายใจเข้าออกผู้ซึ่งเป็นเจ้าผู้ครองแคว้นฉินอันยิ่งใหญ่ มลายหายไปจากความทรงจำของพระองค์ตลอดกาล มิเหลือสิ้นแล้วความรักที่ติดตามมานานนับหลายพันปี มิเหลือสิ้นเยื่อใยและแรงโหยหาจากหัวใจที่เฝ้าคร่ำครวญถึงโฉมตรูยามเมื่อพลัดพรากห่างไปไกล“ทรงกรรแสงอีกแล้วองค์หญิง บางทีฉินอ๋องอาจจะทรงจดจำพระนางก็เป็นได้นะพ่ะย่ะค่ะ หากแม้นพระองค์ทรงมีพระทัยรักมั่นคงแล้วไซร้ ต่อให้ลืมเลือนไปก็ตาม ถึงอย่างไรเสียในก้นบึ้งต้องตราตรึงในดวงจิตอยู่เป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ” เยี่ยฉางเฝ้าปลอบประโลมให้องค์หญิงของตนคลายทุกข์โศกลงไป“ข้าหวั่นใจยิ่งนักเยี่ยฉาง ว่าอิ๋งไค่จะลืมเลือนข้าไปจากหัวใจจริงๆ เจ้าเองก็ล่วงรู้ฤทธิ์เดชผงหลงลืมเป็นอย่างดีมิใช่หรอกรึ แม้แต่ข้าเองที่ถูกผงหลงลืมยังจดจำเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นมิได้อีกเลย กว่าจะจำได้ทุกสิ่งวันเวลาผ่านไปนานนับเดือน แต่นี่อิ๋งไค่ถูกผงหลงลืมยังไม่พอ กลับได้รับยาทำลายความทรงจำซ
งานฉลองพิธีอภิเษกสมรสหานรั่วชานหรือหานอ๋อง ทรงประทับนั่งบนตั่งขนาดใหญ่ยกสูงจากพื้นที่ปูด้วยเสื่ออย่างดีสำหรับใช้ในงานพระราชพิธีที่นิยมในยุคนั้น ตรงหน้าพระพักตร์พรั่งพร้อมไปด้วยเครื่องเสวยนานาชนิดตั้งอยู่บนโต๊ะขนาดยาว โดยมีตั่งที่ประทับของฉีอ๋องจัดวางไว้ทางด้านขวามือ หากแต่ประธานในงานเลี้ยงฉลองยังมิออกมาร่วมงานแต่อย่างใด เป็นเหตุให้หานอ๋องต้องทำหน้าที่เป็นประธานในงานเลี้ยงฉลองในค่ำคืนนี้แทนเจ้าผู้ครองแคว้นฉีครั้นเวลาผ่านไปกว่าสองชั่วยามฉีฟูกงก็ยังมิมีทีท่าว่าจะมาประทับเป็นประธานในงานเลี้ยงฉลองในค่ำคืนนี้ หานอ๋องจึงทรงลุกออกจากงานเพื่อไปตามเจ้าผู้ครองแคว้นฉีด้วยพระองค์เอง“ฉีฟูกงอยู่ที่ใด เหตุใดจึงไม่ออกไปร่วมงานเลี้ยงฉลองในค่ำคืนนี้ ต้องการจะฉีกหน้าข้าให้พบกับความอับอายต่อหน้าเหล่าทูตน้อยใหญ่ที่อยู่ใต้อาณัติของแคว้นหานอย่างนั้นหรอกรึ!” รับสั่งเต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยวตลอดทางที่ทรงพระดำเนินไปที่ตำหนักเสือขาวอันเป็นที่ประทับของฉีอ๋องหากแต่ยังมิทันพระดำเนินไปถึง ก็ทรงปะทะเข้ากับเจ้าผู้ครองแคว้นฉีที่ทรงกล่าวถึงเข้าให้พอดี
ในขณะเดียวกันร่างระหงของชิงเชียงกำลังวิ่งตามทหารองครักษ์ซึ่งเจ้าผู้ครองแคว้นฉินคนรักของเธอส่งมาช่วย หญิงสาววิ่งออกจากตำหนักพระอาทิตย์ซึ่งอยู่ติดกับตำหนักพระจันทร์ เพื่อตรงไปด้านหลังพระตำหนักเพื่อกระโดดหน้าผา โดยมีเชือกโรยตัวของฉินอ๋องทรงตอกเอาไว้กับหินผาเตรียมให้ไว้เรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเห็นทหารองครักษ์ตวัดดาบปลิดชีพทหารรักษาการณ์ที่อยู่ภายในบริเวณนั้นจนล้มตายหมดทุกคน“ทรงจับกระหม่อมไว้พ่ะย่ะค่ะ ทางหนีอยู่ที่หน้าผานี้!” องครักษ์คนดังกล่าวบอกเธอ“แล้วอิ๋งไค่อยู่ไหน! จะหนีไปโดยไม่รออย่างนั้นเหรอ”หญิงสาวถามกลับไปทันที“ฝ่าบาทให้กระหม่อมช่วยองค์หญิงให้ออกไปจากที่นี่ให้ได้ก่อนพ่ะย่ะค่ะ หากทรงหนีออกมาได้แล้วก็ทรงมิต้องห่วงอะไรอีก เดี๋ยวฝ่าบาทก็จะเสด็จตามมาพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงเร็วเข้าเถิดชักช้าจะไม่ทันการณ์” องครักษ์กล่าวเร่งเร้าร่างระหงพะวงหน้าพะวงหลังห่วงคนรักที่ทิ้งอยู่เบื้องหลังอย่างยิ่งยวด ก่อนจะตัดสินใจเตรียมกระโดดหน้าผาสูงชันตรงหน้าอย่างไม่รีรออีกต่อไป“ชิงเชียง!!!”
วันอภิเษกสมรส ภายในพระราชวังหลวงหลินจือในเวลานี้ กำลังประกอบพิธีอภิเษกสมรสองค์ชายเฟิ่งหยางพระอนุชาของฉีอ๋องและองค์หญิงเจ๋อฉีพระขนิษฐาของหานอ๋อง ทั้งสองแคว้นตกลงร่วมเป็นทองแผ่นเดียวกัน โดยผลจากการอภิเษกสมรสระหว่างสองแคว้นใหญ่ เหล่านางกำนัลและขันทีรวมไปถึงทหารหลวงมากมายกำลังวุ่นวายเตรียมจัดงานสำหรับใช้ในพิธีอภิเษกสมรสในวันนี้ หลังจากเสร็จสิ้นงานมงคลขององค์ชายเฟิ่งหยางกับองค์หญิงเจ๋อฉีแล้ว อีกสองสัปดาห์ถัดไปก็จะเป็นวันอภิเษกสมรสของฉีอ๋องซึ่งจะทำการสมรสกับองค์หญิงต่างแคว้นที่ห่างไกล ซึ่งยังไม่เปิดเผยให้ผู้ใดล่วงรู้ว่าคู่อภิเษกคือผู้ใดกันเล่า ขบวนพระที่นั่งขององค์หญิงเจ๋อฉีมาถึงก่อนวันงานล่วงหน้าเกือบหนึ่งอาทิตย์ ส่วนหานอ๋องนั้นจะเสด็จมาร่วมงานด้วยพระองค์เองในวันนี้ ด้วยเพราะพระขนิษฐาเป็นพระน้องนางที่ทรงโปรดปรานและรักมากที่สุด จึงมาร่วมงานพิธีอภิเษกสมรสเพราะจากนี้ต่อไป โอกาสที่พระขนิษฐาจะได้เข้าเฝ้าพระเชษฐาอีกนั้นยากยิ่งนักเพราะต้องติดตามเสด็จพระสวามีไปปกครองแคว้นท
พระวรกายบอบบางสะดุ้งจนสุดพระองค์ องค์หญิงเจ๋อฉีทรงหันกลับไปทอดพระเนตรตามเสียงดังกล่าวทันทีฉีอ๋องทรงยืนอยู่ตรงหน้าประตูตำหนัก พระพักตร์ถมึงทึงน่ากลัวเป็นยิ่งนัก พระวรกายสูงก้าวเข้ามาภายในพระตำหนักทันทีตรงดิ่งไปที่องค์หญิงเจ๋อฉีโดยพลันพระหัตถ์หนากระชากท่อนพระกรของพระนางทันที“กล้าดีอย่างไรจึงเข้ามาถึงตำหนักพระจันทร์อันเป็นเขตหวงห้าม หากข้าไม่อนุญาตก็ไม่สามารถเข้ามาได้แม้แต่น้อย มิหนำซ้ำเมื่อเข้ามาแล้วยังใช้ถ้อยคำเจรจาจาบจ้วงออกมาอีก นี่ข้าคิดผิดชัดๆ ที่ให้อนุชาของข้าเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับเจ้า!” รับสั่งพร้อมเหวี่ยงองค์หญิงเจ๋อฉีออกไปทันทีพระวรกายบอบบางทรุดฮวบลงกับพื้นพระตำหนักทันใด ก่อนจะเงยพระพักตร์ขึ้นอย่างรวดเร็ว“ถ้าเช่นนั้นก็ทรงประกาศยกเลิกพิธีอภิเษกเลยสิเพคะ หม่อมฉันจะได้กลับแคว้นหานเสียทีและจะได้ส่งข่าวให้ฉินอ๋องทรงล่วงรู้ว่าคู่อภิเษกของพระองค์ที่หายไปนานกว่าสามปียังไม่ตาย แต่กลับกลายมาเป็นฮองเฮาของแคว้นฉี จะได้ตัดพระทัยจากองค์หญิงผู้นี้แล้วหันกลับมาอภิเษกข้าแทน เพราะถึงยังไงข้าก็เคยเป็นคู่หมายที่เห
แคว้นฉี ร่างสันทัดของเยี่ยฉางเดินถือถาดซึ่งภายในนั้นเป็นถ้วยชาร้อนนำมาให้ชิงเชียงดื่ม เพื่อให้แลดูสมจริงสมจังว่าได้นำสมุนไพรทำลายความทรงจำตามรับสั่งของฉีอ๋องให้องค์หญิงจากแคว้นฟ่านได้เสวย ในขณะที่กำลังเดินมาตามทางที่ทอดยาวอยู่ในขณะนั้น จังหวะเดียวกันนั้นเอง เหวินหวู่ก็ปรากฏกายขึ้นยืนขวางหน้าอยู่ในขณะนี้ เยี่ยฉางหยุดเดินทันทีก่อนจะแกล้งทำเป็นตกอกตกใจ “โอ๊ย ท่านเหวินหวู่เหตุใดจู่ๆ จึงปรากฏกายขึ้นแบบนี้ ดีนะที่เป็นกลางวัน หากเป็นกลางคืนแล้วไซร้ ข้าคงจับไข้นึกว่าโดนภูตผีปีศาจหลอกหลอนเข้าให้เสียแล้ว” คำกล่าวของเยี่ยฉางทำให้ราชองค์รักษ์ของฉีอ๋องยิ้มในหน้าออกมาทันที “ข้าก็แค่อยากจะกระเซ้าเจ้าเล่นเพียงเท่านั้น อันที่จริงตอนข้าอยู่ถวายการรับใช้กับฝ่าบาทช่วงเวลานั้นมิได้เห็นเจ้าอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นใน ตอนนั้นอยู่ตรงส่วนในของวังหลวงรึ” เหวินหวู่สอบถามด้วยความอยากรู้