ช่วงเวลาแปดโมงเช้าปีกุนยังง่วนอยู่กับการเตรียมมื้อเช้าในห้องครัว ไม่ใช่แค่เตรียมแค่ของตัวเองแต่เธอต้องเตรียมห่อให้เจ้าตัวเล็กด้วย
วันนี้เป็นวันแรกที่ก่อเกิดปิดเทอมและเธอตัดสินใจเอาลูกไปทำงานด้วยเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการจ้างพี่เลี้ยง หลังจากเตรียมข้าวกล่องเรียบร้อยแล้วเธอก็รีบเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อปลุกเจ้าตัวเล็ก
“ก่อ ตื่นได้แล้วค่ะ”
ทิ้งตัวนอนลงด้านข้างแล้วเอื้อมมือไปขยุ้มพุงเล็กพลางใช้ปลายจมูกก้มลงสูดดมไปทั่วใบหน้า มือเล็กปัดป่ายงัวเงียตามประสาเด็กน้อยขี้เซา
“หนูก่อตื่นได้แล้วค่ะ แม่ต้องรีบไปทำงานแต่เช้านะ”น้ำเสียงเข้มขึ้นจนหนูน้อยยกตัวเองจากที่นอนขึ้นมานั่งสีขี้หูสีขี้ตา
แม้ไม่ได้ตื่นเช้าเหมือนเวลาไปโรงเรียนแต่เจ้าแก้มป่องก็รู้สึกยังอยากนอนต่ออยู่ดี หรือว่าที่นอนจะมีแม่เหล็กคอยดูดตัวเรากันนะ
ขาป้อมสั้นในชุดนอนเดินตรงไปหยิบผ้าเช็ดตัวบนราวตากขนาดเล็กหน้าห้องน้ำ ก่อนจะหยิบเอาแปรงสีฟันและยาสีฟันลายสัตว์น่ารักขึ้นมาบีบก้อนเล็กขนาดเท่าเม็ดถั่วเขียวแล้ววางไว้ที่เดิม
ปีกุนสอนให้ลูกเริ่มอาบน้ำเองตั้งแต่อายุสี่ขวบเพื่อฝึกฝนให้ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง เรื่องอาบน้ำจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนอกจากว่าวันไหนต้องสระผมเท่านั้นเธอถึงจะเข้าไปจัดการส่วนนี้ให้
~ปี้น ปี้น ~
เสียงแตรรถจากหน้าบ้านเช่าดังขึ้นไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นรถของใครเพราะโดยปกติแล้วคนที่มารับมาส่งเวลาไปกลับที่ทำงานก็เป็นหน้าที่ของ
ตวิศาทุกที
เพราะอย่างนี้ไงเล่าเธอถึงต้องรีบทำทุกอย่างให้เสร็จก่อนเก้าโมงเช้า
เจ้าดุ๊กดิ๊กสวมชุดเจ้าหญิงเอลซ่าสีชมพูฟู่ฟ่องวิ่งสะพายกระเป๋าเล็กนำหน้าออกมาด้วยรอยยิ้มสดใส ปีกุนเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นแล้วเอื้อมไปเปิดประตูหลังให้ลูกขึ้นนั่งแล้วรีบเปิดประด้านหน้าขึ้นไปนั่งข้างคนขับทันที
“ซ่า...หวัดดีค่ะ น้าตาล” มือป้อมเล็กยกขึ้นกระพุ่มไหว้แล้วฉีก
ยิ้มกว้าง
“สวัสดีค่ะ คนสวยของน้า”
“วันนี้ก่อใส่ชุดเจ้าหญิงเอลซ่าที่น้าตาลซื้อให้ด้วย” ลุกขึ้นยืนบนเบาะหลังเพื่อโชว์ชุดสวยที่ตัวเองสวมมาวันนี้
“ฮือออ สวยมากเลยค่ะ หลานน้าสวยที่สุด”
“ก่อสวย น้าตาลสวย มามี้ก็สวยค่ะ” ยิ้มหวานโชว์ฟันขาวอีกครั้ง
สองสาวหันมองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมาเสียงดังให้กับคนช่างพูด และมักจะสรรหาคำพูดไม่คาดคิดมาให้คนเป็นแม่กับน้าหัวเราะได้เป็นประจำ
“กุนฝากหนูก่อด้วยนะคะ พี่แอน”
“ได้เลยจ้ะ ไม่ต้องหวงนะพี่จะดูแลให้ อีกอย่างโซนพี่มันมีห้องสำหรับเด็กมานั่งวาดรูปวิ่งเล่นคงไม่มีปัญหาอะไร”
พี่แอนเป็นพนักงานดูแลโซนสวนสนุกฝั่งนี้และพวงตำแหน่งหัวหน้าอีกด้วยอีกทั้งเธอเองก็เคยเลี้ยงลูกตามลำพังจึงเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวได้เป็นอย่างดี
“หนูก่อ อยู่ที่นี่กับป้าแอนอย่าดื้อนะคะ แล้วตอนเที่ยงแม่จะมารับไปกินข้าว หากก่ออยากกินขนมมามี้เอาไว้ในกระเป๋าให้แล้วนะ”
“ค่ะ มามี้ ขอบคุณค่ะ”
เด็กน้อยยกมือไหว้ขอบคุณแล้วโผเข้าหอมแก้มซ้ายแก้มขวาปีกุนและเธอก็สลับทำแบบนั้นกับลูกบ้าง ทั้งคู่มักจะแสดงความรักด้วยการกอดและหอมแก้มกันอยู่เป็นประจำแล้วปีกุนก็รีบกลับไปทำงานเหมือนเดิม
ปกติร้านกระเป่าจะเปิดตามเวลาห้างเปิดแต่ว่าพนักงานต้องเข้ามาที่ร้านก่อนครึ่งชั่วโมงเพื่อเตรียมร้านให้พร้อมและเผื่อมีการประชุมในทีมอีก
วันนี้ปีกุนมาถึงร้านช้ากว่าปกติเพราะขอเพื่อนร่วมงานไว้แล้ว แต่พอมาถึงก็เห็นทุกคนกำลังจับกลุ่มพูดคุยเรื่องอะไรสักอย่าง
“เม้าท์มอยอะไรกันอยู่เหรอคะ”
“มาพอดีเลยปีกุน ทำหน้าใสซื่อแบบนี้แสดงว่ายังไม่รู้เรื่องรู้ราวล่ะสิ”
พี่แคทกวักมือเรียกไว ๆ ให้มาเข้าร่วมกลุ่มแน่นอนว่าหัวโจกในการจับกลุ่มครั้งนี้คือพี่แคทแน่นอน
“มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่าคะ เห็นทำหน้าตื่นเต้นเชียว”
“จะไม่ให้ตื่นเต้นได้ไง จำเรื่องที่พวกเราคุยกันเอาไว้เมื่ออาทิตย์ก่อนได้หรือเปล่าที่คุณเดชาป่วยหนักแล้วไม่มีใครสืบทอดบริหารห้างนี้น่ะ”
ปีกุนกรอกตาเล็กน้อยก่อนพยักหน้ารับ “อือ จำได้ค่ะ”
“ก็วันก่อนเห็นฝ่ายหลังบ้านเขาพูดต่อกันมาว่าคุณเดชาขายห้างนี้ไปแล้วนะ เห็นว่าเจ้าของคนใหม่จะเข้ามาดูระบบงานวันนี้” พี่แคทพูดอย่างออกรสด้วยสีหน้าดีใจ
“เราเปลี่ยนเจ้านายใหม่ ทำไมกุนเห็นทุกคนดูไม่เสียใจเลยล่ะคะ”
“มันก็ใจหายอยู่หรอกนะกุน แต่ดูจากผลประกอบการแล้วก็ระบบการทำงานที่ผ่านมามันแย่มากเลย คุณเดชาเป็นคนหัวโบราณทำให้ห้างฯ ที่เคยคึกคักคนหายไปเยอะ วัยรุ่นก็ไปเดินเล่นที่อื่นหมด ไม่มีอะไรน่าสนใจหรือดึงดูดลูกค้าได้เลย”
เพื่อนร่วมงานอีกคนเอ่ยขึ้น ซึ่งมันก็เป็นจริงอย่างที่หล่อนว่า เพราะตั้งแต่ปีกุนหนีมาทำงานที่นี่เธอก็เห็นว่าระบบการจัดการหรือแม้กระทั่งการโปรโมตทุกอย่างยังคงเป็นเหมือนเดิมทั้งที่ผ่านมาแล้วตั้งหกปี ก็คงไม่แปลกหรอก
ขณะพูดคุยกันอยู่นั้นอยู่ ๆ พี่แคทก็เบิกตากว้างอ้าปากค้างแล้วสะกิดพี่ร่วมงานอีกคนให้หันไปอีกทาง พูดตะกุกตะกัก
“เจ้าของคนใหม่”
ปีกุนซึ่งยืนหันหลังอยู่รีบหันกลับไปมองแล้ววินาทีถัดมาหัวใจเธอก็กระตุกวาบตามมาด้วยเสียงที่ทำให้ปีกุนแทบหายใจไม่ออก คนที่หายไปจากชีวิต ไม่สิ ต้องเรียกว่าคนที่เธอหนีมาตลอดหลายปีที่ผ่านมากำลังก้าวเดินมาทางนี้
“คุณทาม...”
ปีกุนอึ้งไปนานกว่าจะครางชื่อนั้นออกมา เหมือนเวลาถูกหยุดเอาไว้ บรรยากาศรอบตัวเธอเหมือนถูกสตัฟฟ์เอาไว้ ทุกคนต่างขยับตัวไปยืนเรียงเป็นแถว หญิงสาวรีบก้มหน้าทันทีไม่กล้าสบตาเพราะกลัวเขาจะเห็นเธอทว่ามันกลับผิดคาด
ธามวัฒน์จดจำรูปร่างและลักษณะของปีกุนได้ตั้งแต่เห็นอยู่ไกล ๆ แต่เขาก็ยังรักษาคำพูดว่าจะต่างคนต่างไปดังนั้นเขาจึงทำเป็นไม่รู้จักเธอแล้วเดินผ่านตรงนั้นไปเลยโดยไม่แวะทักทายทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาแทบจะทักทายทุกแผนกทุกร้านที่อยู่ในเครือเสียด้วยซ้ำ
พีธีแต่งงานจัดขึ้นใหญ่โตสมเกียรติครอบครัวใหญ่ตระกูลดัง มีแขกเหรื่อมาร่วมงานกันหลายร้อยคนรวมถึงเพื่อนร่วมงานของปีกุนและกองทัพนักข่าวนับสิบสำนักปีกุนอยู่ในชุดเจ้าสาวสีมุกสั้นเปิดไหล่ยืนเคียงคู่ต้อนรับแขกอยู่หน้างาน บรรยากาศภายในงานชื่นมื่นอบอวลไปด้วยความอบอุ่นโดยมีสักขีพยานรักอย่างเด็กหญิงก่อเกิดวิ่งเล่นไปทั่วงาน“ได้เจอตัวสักทีนะครับ ภรรยาของคุณเพื่อน” ศิลาเอ่ยทักทายเมื่อเดินมาถึงทางเข้างาน ปีกุนมองสลับไปสลับมาระหว่างชายหนุ่มกับสามี“คุณคือ?”“ผมหมอศิลาครับ”“ออ คุณนี่เองที่ตรวจยืนยันความเป็นพ่อลูก” หญิงสาวหรี่ตาลงเพื่อคาดโทษแต่พอเห็นเจ้าตัวสีหน้าซีดก็หัวเราะออกมา “ล้อเล่นค่ะ”“ผมตกใจแทบแย่ ขนาดล้อเล่นยังหน้าดุเลยนะครับ มึงระวังตัวเถอะเตรียมถูกเชือดได้เลย”ศิลาแกล้งยกนิ้วปาดบริเวณลำคอเพื่อข่มขู่เพื่อนแล้วขอตัวเดินเข้างานไปทักทายเพื่อนคนอื่นที่มาร่วมงานนี้เหมือนกันปีกุนเห็นตวิศและแม่ครูรำไพเดินมาแต่ไกล ๆ ก็รีบยกมือขึ้นโบกทักทายด้วยความดีใจ“แม่นึกว่าจะมาไม่ทันเสียแล้ว คนก็เยอะ รถก็ติดแถมไอ้ตาลยังเกือบไปมีเรื่องกับเขาบนท้องถนนอีก”มาถึงแม่ครูก็เริ่มบ่นตามประสาคนแก่พลางหันไปค้อนตวิศาที่
“คราวนี้ทีกูบ้างล่ะ” มันเยาะเย้ยแล้วชี้ปืนไปหา “อีเด็กนี่เหรอที่กูเอามันไปทิ้ง ตายยากนักนะมึง”“มึงอย่าทำอะไรลูกกูนะ” นภัสเป็นห่วงปีกุนธีธัชเริ่มเห็นตำรวจทยอยเข้ามาจึงรู้ตัวแล้วว่าคงไม่รอด ไม่ว่าจะเรื่องลักพาตัว ฆ่าคนอื่นหรือแม้จะเป็นเรื่องยักยอกเงินบริษัท“ในเมื่อกูไม่รอด ก็ขอเอาลูกมึงไปด้วยเพื่อให้มึงอยู่กับความตรอมใจเหมือนที่ผ่านมาก็แล้วกัน”ธีธัชหันปลายกระบอกปืนไปยังปีกุนแล้วกดไกปืน นภัสร้องเสียงหลง“อย่า!”ธามวัฒน์ดึงร่างอวบมากอดเอาไว้แล้วหันตัวเองไปรับกระสุนนั้นแทน ร่างสูงสะดุ้งเฮือก หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นติดต่อกันหลายนัดตำรวจวิสามัญธีธัชจนเสียชีวิตทันที“กรี๊ดดดด คุณธาม”ธามวัฒน์รู้สึกเจ็บแปลบบริเวณหัวไหล่ เลือดสีแดงสดซึมผ่านเสื้อเชิ้ตสีขาว ร่างสูงทรุดฮวบลงกับพื้นโชคดีที่ปีกุนเอาแขนรองศีรษะเอาไว้ทัน“กุน คุณเป็นอะไรไหม...” ชายหนุ่มเอ่ยถาม“ฉัน...ไม่เป็นอะไรค่ะ” เธอส่ายหน้ารัว สติเริ่มไม่มีเมื่อเห็นว่าเขารับกระสุนแทนตนเอง นภัสเองก็ทำตัวไม่ถูกได้แต่ตะโกนให้คนเรียกรถพยาบาล“กุนครับ ใจเย็น ๆ ผมไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวรถโรงพยาบาลก็มา”ยกมือเปื้อนเลือดอีกข้างลูบแก้มเธอเพื่อเร
นภัสแทบไม่อยากกลับจากบ้านหลังนั้นเลยเพราะอยากใช้ชีวิตอยู่กับลูกสาวให้นาน แต่เพราะธีธัชตามกลับไปเซ็นเอกสารด่วนที่บ้านเธอจึงจำใจต้องไปและคิดว่าจะเอาเรื่องนี้มาบอกด้วยตัวเองด้วยเมื่อรถเคลื่อนเข้ามาจอดตัวบ้านขณะก้าวเท้าลงจากรถเสียงแจ้งเตือนจากแอปพลิแคชันดังขึ้น มือล้วงกระเป๋าหยิบออกมาดูใบหน้าเหี่ยวย่นเปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยวทันทีแต่ไม่ได้โวยวายอะไร“สมชาย”“ครับ คุณหญิง”“แกอย่าเพิ่งบอกใครเรื่องที่ฉันเจอลูกสาวแล้วนะ”“แม้แต่คุณธีธัชก็ไม่ให้ผมบอกเหรอครับ”“ใช่ คนนี้ยิ่งให้รู้ไม่ได้” ดวงตาทอประกายกล้าโหดเหี้ยม มือกำแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ นภัสไม่รู้เลยว่าธีธัชเดินมาได้ยินทุกอย่างความกลัวเรื่องเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนคืบคลานเข้ามาในจิตใจ“กลับมาแล้วค่ะ”ปรับน้ำเสียงให้หวานขึ้นแล้วเดินไปย่อตัวลงนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้าม ธีธัชรู้ดีถึงความเสแสร้งนั้นแต่ก็เล่นตามน้ำไปก่อน“คุณมีเอกสารอะไรให้ฉันเซ็นเหรอคะ”ชายสูงวัยเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเอาเอกสารที่ดัดแปลงการเงินออกมาให้นภัสดูบอกว่าเป็นเรื่องด่วนเขาจะได้เอาไปให้ฝ่ายการเงินและเร่งดำเนินการโครงการขยายสาขาร้านอาหารต่อนภัสรับแฟ้มนั้นมาไล่สายตาดูอย่างถี่ถ้วนก็รู้
วันนี้พยากรณ์อากาศแจ้งว่าอากาศจะร้อนพุ่งขึ้นถึง 45 องศาเซลเซียสปีกุนก็ไม่คิดว่ามันจะร้อนได้มากมายขนาดนี้ เสื้อแขนสั้นถลกขึ้นไปอยู่บนหัวไหล่“คุณป้าร้อนไหมคะ”“นิดหน่อยจ้ะ”“ถ้าอย่างนั้นรอแป๊บนะคะ เดี๋ยวกุนไปเอาพัดลมตั้งโต๊ะมาเปิดให้” กำลังจะอ้าปากบอกว่าไม่เป็นไรหันมาอีกทีร่างอวบเดินไว ๆ ออกไปจากห้องครัวเสียแล้ว ไม่นานก็เดินกลับมาพร้อมกับพัดลมตัวใหญ่ปีกุนจัดแจงเสียบปลั๊กเรียบร้อยก้มลงกดเปิดสวิตซ์ให้เรียบร้อย จังหวะเงยตัวขึ้นนภัสหันไปมอง ฉับพลันดวงตาก็เปลี่ยนเป็นประกายวาวเมื่อเห็นสร้อยบนคอของปีกุนมีดสับมะละกอวางลงถาดแล้วก้าวเข้าไปประชิดตัวหญิงสาวทันที“สร้อย” มือสั่นเทาชี้ไปยังจี้สร้อยซึ่งเป็นรูปหงส์คู่“สร้อยของกุนทำไมเหรอคะ” ปีกุนจับไปยังสร้อยคอตัวเองแล้วมีสีหน้าประหลาดใจ“ป้าขอดูใกล้ ๆ ได้ไหม” ปีกุนถอดสร้อยคอยื่นให้ไม่ผิดเลยสร้อยคอหงส์คู่มีเส้นเดียวในโลกเธอสั่งทำเป็นพิเศษเพื่อสวมให้กับลูกสาวเพียงคนเดียวของเธอ เงยหน้ามองดวงตาคลอหน่วยไปด้วยหยดน้ำ“คุณป้าร้องไห้ทำไมเหรอคะ” นภัสไม่ได้ตอบคำถามแต่เลือกถามกลับเสียงสั่น“หนูกุนไปเอาสร้อยเส้นนี้มาจากไหนเหรอ”“แม่ครูบอกว่ามันเป็นสร้อยติดตั
รุ่งสางของวันใหม่ปีกุนย่องเบาออกมาจากห้องของธามวัฒน์เพราะกลัวว่าคนในบ้านจะมาเห็น เธอปิดประตูแผ่วเบาพอหันหลังกลับต้องตกใจสุดขีด“คุณป้า”ธมนต์ยืนกอดอกมองรอยยิ้มมุมปากยกขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ไม่เกินงามที่จับได้ว่าเธอเข้าไปนอนในห้องลูกชายท่าน ปกติท่านตื่นเช้าทุกวันอยู่แล้วแต่ไม่คิดเลยว่าวันนี้จะมาแจ็คพ๊อตเจอกันหน้าห้อง“คือว่าเมื่อคืนคุณธามมีไข้ หนูก็เลยอยู่เฝ้า...”ปีกุนแก้ตัวเป็นพัลวันธมนต์ส่ายหน้าไปมากำลังจะก้าวเท้าเดินแต่หยุดลงแล้วหันไปหาปีกุนอีกครั้ง“เลิกเรียกฉันว่าคุณป้าสักที ฉันอนุญาตให้เธอเรียกแม่ได้”“ทะ...ทำไมเหรอคะ” ช้อนตาขึ้นมองหญิงสูงวัย“ไหน ๆ เมื่อคืนก็นอนด้วยกันแล้วก็เปลี่ยนสถานะไปเลยก็แล้วกัน” ว่าจบธมนต์ก็เดินจากไปปล่อยให้หญิงสาวอ้าปากค้างได้แต่ร้องตะโกนตามหลัง“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ”คุณธาม นะ คุณธาม ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดจนได้หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมา เดินตรงไปยังห้องลูกสาว หลังจากนั้นหลายชั่วโมงคนป่วยหนักเมื่อคืนก็ตามยังห้องลูกสาวแถมยังแสดงความรักต่อหน้าอีกต่างหาก“หยุดค่ะ อย่ามารุ่มร่ามต่อหน้าลูกสิคะ” แกะมือออกจากอ้อมแขนเด็กน้อยยืนมองพ่อกับแม่ตาปริบ ๆ สลับไปมา“มามี้ขา อะไ
ใบหน้าอวบก้มลงไปใกล้เขามากขึ้นไม่คิดเลยว่าจะได้มีโอกาสมานั่งจ้องหน้าเขาอย่างนี้ นิ้วมือป้อมเขี่ยปลายเส้นผม “ฝันดีนะคะ”คนถูกบอกฝันดีลืมตาโพลงขึ้นมาทำเอาร่างอวบผงะแต่มือหนาคว้าเอาไว้และออกแรงดึงเธอให้มานอนอยู่ในอ้อมกอดเขาได้อย่างง่ายดาย“คุณธาม! คุณไม่ได้หลับเหรอคะ” ขืนตัวออกจากวงแขนแต่ยิ่งดิ้นเขาก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น “ปล่อยค่ะฉันหายใจไม่ออก”“ไม่ปล่อย ถ้าปล่อยคุณก็หนีกลับห้องสิ”“คุณป่วยจริงหรือเปล่าคะ ทำไมแรงเยอะขนาดนี้เนี่ย” ดิ้นคลุกคลักไปมา ธามวัฒน์กระชับวงแขนมากขึ้น“ถ้าไม่ป่วยจริงตัวจะร้อนเหรอ จนคุณต้องมาแก้ผ้าผมเช็ดตัวให้หรือไง”“พูดจาน่าเกลียด ฉันแค่ถอดเสื้อให้คุณเท่านั้นค่ะ”“แต่ผมอยากให้คุณถอดทั้งบน ทั้งล่าง” ใบหน้ากะลิ้มกะเหลี่ยเข้ามาใกล้พลางก้มลงดมหัวไหล่ ปีกุนหยุดดิ้นเอียงหน้ามองเขาดวงตาดุดันและแข็งกร้าวเมื่อก่อนไม่มีอีกแล้วมันเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้“ขอโทษ” เสียงยานคางเอื่อย ๆ ข้างหู เขาขอโทษเธออีกแล้ว“คุณขอโทษกุนอีกแล้วนะคะ”“ที่ผมขอโทษเพราะผมรู้สึกผิดกับคุณจริง ๆ ผมทำเรื่องทุกอย่างเลวร้ายกับคุณเพราะความแค้นจนคุณเกือบ...”เขาเว้นวรรคไม่พูดต่อแต่เลือกใช้นิ้ว