ประตูลิฟต์ขนาดใหญ่เปิดออกเมื่อทั้งสองคนขึ้นมาถึงชั้นที่ยี่สิบซึ่งเป็นชั้นสูงสุด ระเบียงคอนโดหรูแห่งนี้สามารถมองเห็นวิวด้านนอกอันเป็นทัศนียภาพสวยงามในเมืองกรุงฯ
ยิ่งในเวลาค่ำคืนด้วยเลยหากมองจากตรงระเบียงห้อง จะได้ชื่นชมไฟแสงสีระยิบระยับจากตึกสูงชันได้อย่างสุดลูกหูลูกตาสมราคาเหยียบสิบล้าน ที่ดาราสาวดาวรุ่งยอมจ่าย
แต่ถ้าจะพูดให้ถูกล่ะก็...คงต้องบอกว่าสมราคาคุยกับที่นีรชาพรรณนาไว้ในนิยายซะหรูหรามากกว่า
ถือว่าเป็นกำไรของเราแล้วกันเนอะแต่คิดไปคิดมาเกิดเป็นเธอนี่มันก็โชคดีเหมือนกันนะสงสัยเธอต้องขอบคุณฉันแล้วล่ะพราวดาว
ดวงหน้างดงามแม้จะไร้เครื่องสำอางประทินโฉมเผยรอยยิ้มมีความสุข ขณะเดินตัวปลิวนำหน้าร่างสูงโดยไม่ทันคิดว่าจะถูกคุณหมอผู้ช่างสังเกตการณ์ขมวดคิ้วด้วยสงสัย ว่าแม่ดาราของเขามีอะไรเข้าสิงถึงได้เดินไปยิ้มไปราวกับคนบ้าอย่างนั้น
เมื่อทั้งสองคนมาถึงประตูหน้าห้องพายุก็ทำหน้าที่กดรหัสป้องกันความปลอดดภัยอำนวยความสะดวกให้เสร็จสรรพ หากคนอื่นมองมาอาจทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นคู่สามีภรรยาป้ายแดง ที่กลับเข้าบ้านพร้อมกันโดยสามีอาสาถือของพะรุงพะรังเพราะไม่อยา
เพียงชั่วอึดใจภายในห้องรับแขกสไตล์โมเดิร์นแห่งนี้ถูกปกคลุมไปด้วยบรรยากาศคล้ายวาระการประชุมสำคัญของหน่วยงานไหนสักแห่ง เจ้าของกิจการวางสีหน้าเรียบนิ่งทว่ากลับมีอานุภาพกดดันผู้ใต้บังคับบัญชาประหนึ่งพร้อมจะใช้อำนาจบาตรใหญ่ปลดพนักงานออกจากตำแหน่งทันทีหากไม่ได้รับคำตอบที่พึงพอใจ“คุณป้ามีอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ” ผู้อ่อนวัยกว่าเอ่ยด้วยใบหน้าที่นิ่งพอสมควรในขณะอดีตผู้อำนวยการมองไปยังชายหนุ่มคราวลูกอีกครั้งก่อนจะเข้าเรื่องด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า“ป้าจะไม่พูดอ้อมค้อมนะระหว่างเธอกับลูกสาวป้าเป็นแค่เรื่องโกหกใช่ไหม เธอไม่ได้คบกับยัยพราวอยู่ใช่ไหม” แม้ในชีวิตทัศวรรณจะเคยดูคนไม่ออกแต่ครั้งนี้เธอเชื่อว่าตนเองไม่มีทางมองพลาดแต่ไหนแต่ไรพายุกับพราวดาวเหมือนไม้เบื่อไม้เบามากกว่าจะเป็นเพื่อนสนิทเล่นหัวกันหากทั้งสองคนเลื่อนสถานะจากเพื่อนมาเป็นแฟนกันจริง ๆ ลิงไม่ต้องออกลูกเป็นคนเหรอใบหน้าหล่อเหลาปรากฏรอยยิ้มบาง ๆ ราวกับเป็นเรื่องที่เขาคาดการณ์เอาไว้อยู่แล้ว“ครับ ผมกับพราวเราไม่ได้คบกันจริง ๆ ” พายุเลือกจะตอบตามความจริงเพราะคิดว
เมื่อต่อจิ๊กซอตัวสำคัญครบ หญิงสาวในร่างเพรียวบางจึงก้าวขาเรียวไปต้อนรับแขกไม่ได้รับเชิญ ทัศวรรณอยู่ในเครื่องแต่งกายธรรมดาไม่ได้มีราคาอย่างคุณหญิงคุณนายทั่วไปทว่าตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนยังคงดูภูมิฐานสมกับที่เคยมีคนนับหน้าถือตา ด้านนิสัยแม้นักเขียนจินตนาการให้ทัศวรรณในนิยายเป็นคนพูดน้อยแต่น่ากริ่งเกรงเสียจนหัวหน้าครอบครัวอย่างทรงยศยังต้องให้ความเกรงใจ"จะมาทำไมไม่โทรมาบอกก่อนล่ะคะ" ถ้าตอนนี้แม่นักเขียนเรียงร้อยถ้อยคำผ่านตัวหนังสือประโยคถามไถ่เมื่อครู่เป็นต้องหลุดออกจากปากคนเป็นลูกอย่างแน่นอนทัศวรรณไม่ได้เอะใจว่าคนที่หย่อนก้นนั่งลงยังโซฟาอีกตัวไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้้อไขเพราะไม่ว่าจะสายตาสีหน้าหรือแม้แต่คำพูดคำจานีรชาก็แสดงออกได้ใกล้เคียงกับลูกหัวรั้นเหมือนเป็นคน ๆ เดียวกัน"ฉันไม่ได้เติมเงินโทรศัพท์แล้วแกเป็นไงบ้าง" ทัศวรรณถามถึงอุบัติเหตุด้วยสีหน้าเก็บซ่อนความเป็นห่วงเพราะรู้แก่ใจดีว่าคนเป็นแม่อย่างเธอไม่สมควรจะมาเหยียบที่นี่ด้วยซ้ำคำถามของผู้ให้กำเนิดนางร้ายกลับทำให้หญิงสาวในร่างต้องอดกลั้นไม่ให้น้ำตาเอ่อออกมา มือเล็กกอบกำเข้าหา
ประตูลิฟต์ขนาดใหญ่เปิดออกเมื่อทั้งสองคนขึ้นมาถึงชั้นที่ยี่สิบซึ่งเป็นชั้นสูงสุด ระเบียงคอนโดหรูแห่งนี้สามารถมองเห็นวิวด้านนอกอันเป็นทัศนียภาพสวยงามในเมืองกรุงฯยิ่งในเวลาค่ำคืนด้วยเลยหากมองจากตรงระเบียงห้อง จะได้ชื่นชมไฟแสงสีระยิบระยับจากตึกสูงชันได้อย่างสุดลูกหูลูกตาสมราคาเหยียบสิบล้าน ที่ดาราสาวดาวรุ่งยอมจ่ายแต่ถ้าจะพูดให้ถูกล่ะก็...คงต้องบอกว่าสมราคาคุยกับที่นีรชาพรรณนาไว้ในนิยายซะหรูหรามากกว่าถือว่าเป็นกำไรของเราแล้วกันเนอะแต่คิดไปคิดมาเกิดเป็นเธอนี่มันก็โชคดีเหมือนกันนะสงสัยเธอต้องขอบคุณฉันแล้วล่ะพราวดาวดวงหน้างดงามแม้จะไร้เครื่องสำอางประทินโฉมเผยรอยยิ้มมีความสุข ขณะเดินตัวปลิวนำหน้าร่างสูงโดยไม่ทันคิดว่าจะถูกคุณหมอผู้ช่างสังเกตการณ์ขมวดคิ้วด้วยสงสัย ว่าแม่ดาราของเขามีอะไรเข้าสิงถึงได้เดินไปยิ้มไปราวกับคนบ้าอย่างนั้นเมื่อทั้งสองคนมาถึงประตูหน้าห้องพายุก็ทำหน้าที่กดรหัสป้องกันความปลอดดภัยอำนวยความสะดวกให้เสร็จสรรพ หากคนอื่นมองมาอาจทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นคู่สามีภรรยาป้ายแดง ที่กลับเข้าบ้านพร้อมกันโดยสามีอาสาถือของพะรุงพะรังเพราะไม่อยา
รถคันเรียบหรูแล่นออกมายังท้องถนนสักพักใหญ่โดยตลอดทางไม่มีการสนทนาใด ๆ ภายในรถที่ไร้เสียงเพลงขับกล่อมถูกความเงียบเข้าปกคลุมจนเกือบจะกลายเป็นความวังเวงกระทั่งสายตาคู่สวยหันไปเห็นการค้าขายข้างทางถึงยอมเปิดปากพูด“ช่วยจอดตรงนี้ให้ฉันหน่อยสิ” นีรชาหันไปบอกพลขับส่วนตัวระคนตื่นเต้น เวลาร่วมเดือนเห็นจะได้แล้วที่แม่นักเขียนหลงมิติไม่ได้เห็นชีวิตแสนธรรมดาเหล่านี้“จอดทำไม” เนื่องจากเป็นช่วงเวลาเลิกงานทั้งยังเป็นย่านชุมชนริมถนนทั้งสองฟากฝั่งจึงหนาแน่นไปด้วยรถราและผู้คนที่มาจับจ่ายใช้สอยรวมถึงบรรดาพ่อค้าแม่ขายกับข้าวสำเร็จรูปตลอดจนของทานเล่นเต็มไปหมด พายุเลยสงสัยว่าดาราดังอย่างพราวดาวจะให้เขาจอดรถตรงนี้ทำไมกัน“บอกให้จอดก็จอดเถอะน่า” สุ้มเสียงค่อนไปทางคำสั่งกับทำท่าเหมือนอยากไปใจจะขาดพลขับจำเป็นจึงตีไฟเลี้ยวกะทันหันก่อนจะหักพวงมาลัยรถเข้าไปจอดริมถนนเพราะไม่อยากขัดใจ“เดี๋ยวฉันมานะนายรออยู่นี่แหละแต่ถ้ารีบก็กลับไปก่อนเลยเดี๋ยวฉันนั่งแท็กซี่กลับไปเองได้” เจ้าของรถยังไม่ทันจะว่าอะไรสักคำแม่นักเขียนก็พูดเองเออเอง ร่างบางรีบร้อนลงไปจากรถโดยไม่รอฝั่งว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยตอบอะไรกลับมา“บ้าเอ๊ย!” น้ำเสียงทุ้ม
เจ้าของเสียงนุ่มทุ้มโน้มตัวลงไปพูดข้างหูเพราะตั้งใจให้คนไข้แสนงอนได้ฟังเสียงเขาอย่างใกล้ชิด“มาตั้งแต่เมื่อไหร่” นีรชาเอ่ยด้วยความตกใจ ไม่รู้เพราะอะไรถึงแทบจะอยากเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนี“ก็มาตั้งแต่…ช่วยไปบอกคุณหมอพายุเขาด้วยว่าพราวจะออกจากโรงพยาบาลวันนี้และตอนนี้ให้คุณหมอเขามาอนุญาตด้วยนะ” เป็นคำพูดที่ไม่ตกหล่นแม้แต่คำเดียวแม้จริตจะกร้านจะไม่เหมือนซะทีเดียวแต่ระดับความประชดประชันก็ใกล้เคียงกันมากเพียงแต่สีหน้าของคุณหมอยังคงความนิ่ง นิ่งเสียจนแม่นักเขียนอยากจะใช้เล็บสวยๆ ของเธอข่วนหน้าหล่อ ๆ ให้หายอับอายภาพเย้าแหย่กันไปมาของคู่รักมีนางพยาบาลยืนเป็นสักขีพยานอย่างรักษามารยาท เรื่องสัญญาลับของพวกเขาและเรื่องที่ทั้งคู่โกหกสังคมว่าคบหากันอยู่ ดูเหมือนว่าเพื่อนร่วมงานของพายุจะไม่มีใครเคลือบแคลงสงสัยเพราะในสายตาของคนอื่นพายุกับพราวดาวคือคู่รักที่ลงตัวและเป็นธรรมชาติแม้ในเวลาส่วนตัวทุกคนมองว่าพวกเขาไม่เสแสร้งหรือชอบสร้างภาพให้ดูดีเหมือนดาราทั่วไป หากจะถือว่าความสัมพันธ์แบบลิ้นกับฟันหรือที่คนอื่นมองว่าเป็นโรคพ่อแง่แม่งอนนี้
ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันอย่างไวราวกับเป็นคำสั่งประกาศิต แก้มนวลเนียนผ่าวร้อนขึ้นมาทันทีทันใดเมื่อนึกถึงจูบวาบหวามในตอนนั้นหัวใจสองดวงเต้นเป็นจังหวะเดียวกันภายใต้ความเงียบเชียบที่ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจอันแผ่วเบาแม้นีรชาอยากจะดิ้นหรือโวยวายเพื่อให้พายุลงไปจากเตียงของเธอทว่าความอบอุ่นจากพ่อพระรองที่ส่งผ่านทางร่างกายทำให้เธอยอมปิดปากเงียบในที่สุดทั้งคู่ต่างไม่มีใครพูดอะไรอีกราวกับอยากปล่อยให้เวลามันหยุดนิ่งและหยุดอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆเนิ่นนาน...ที่นีรชาลอบมองใบหน้าหล่อเหลาเกลี้ยงเกลาของอีกฝ่าย ใครจะไปเชื่อว่าวันหนึ่งตัวละครที่โลดแล่นในนิยายจะมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเธออย่างในตอนนี้หากทั้งหมดเป็นเพียงความฝันก็ช่วยปลุกเธอให้ตื่นเสียทีก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินแก้"เลิกจ้องหน้าฉันได้แล้ว" อยู่ๆคนที่นีรชาคิดว่าหลับไปแล้วนั้นก็พูดทั้งที่ยังไม่ยอมลืมตาขึ้นมา"นายยังไม่หลับอีกเหรอ" หัวใจแม่นักเขียนแทบหล่นไปอยู่ตาตุ่มเป็นเจนญาณทิพย์หรือไงยะ"ฉันนอนไม่หลับเพราะเธอเอาแต่จ้องฉันไง" พายุลืมตาขึ้นมาต่อว่าด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา