บทที่ 6 อยากเรียน
"ฉันรู้ว่านายเป็นนายอำเภอที่ดี แต่ตอนนี้ปล่อยฉันก่อนได้มั้ย มันอึดอัดจนหายใจไม่ออก อีกอย่างฉันคือหญิงสาวที่เลิกลากับสามีนายไม่ควรมากอดฉันแบบนี้ " เหมือนเสวียนเฉินจะรู้สึกตัวรีบปล่อยเธอออกจากอ้อมแขน
"ฉันขอโทษที่ลืมตัว ไปกันเถอะป่านนี้คุณแม่กับน้อง ๆ คงรอกินข้าวกันอยู่"
หลังจากที่สองคนเดินเข้ามาทุกคนพากันกินข้าวถามไถ่ชีวิตที่ผ่านมาของเสี่ยวอิงและต่อจากนี้เธอจะทำอะไรต่อไป จนกระทั่งกินอิ่มเสี่ยวอิงจึงขอตัวกลับบ้านเพราะไม่อยากจะอยู่ที่นั้นนาน ไม่ใช่ว่าไม่ดีแต่ทว่าเธอกลับรู้สึกเกรงใจและทำตัวไม่ถูกเมื่อรู้ว่าตอนนี้กงเสวียนเฉินไม่มีภรรยาและเขาไม่เคยแต่งงานมาก่อน ทำให้เธอรู้ว่าสิ่งที่เขาแสดงต่อหน้าเธอทั้งหมดนั้นคือความรู้สึกของเขา
"วันนี้ฉันต้องขอบคุณป้าเสวียนหนี่อีกครั้ง กับข้าวของป้าอร่อยอย่างไม่เคยกินมาก่อน ไว้วันหลังฉันจะทำกับข้าวมาตอบแทนป้าบ้างนะคะ"
"แหม ๆ ไม่ต้องเกรงใจหรอกป้ายินดีต้อนรับเสมอ จิ่งเหยา จ้าวเหวินหากอยู่บ้านแล้วเบื่อ ๆ มาเล่นบ้านป้าก็ได้นะ ป้าเองก็อยู่คนเดียวตอนกลางวันไม่ค่อยมีอะไรทำนักหรอก ถ้ามีเด็ก ๆ มาเล่นด้วยคงจะดีไม่น้อย"
"ได้ครับ ถ้าวันไหนเราช่วยพี่เสี่ยวอิงทำงานเสร็จจะมาเล่นกับป้านะครับ "
"เอ่อ..พี่เสวียนเฉินคะ หนูอยากอ่านหนังสือออก อยากลองอ่านมันดูพี่ช่วยสอนมันให้หนูหน่อยได้มั้ยคะ " จิ่งเหยาเห็นหนังสืออยู่ในบ้านของเสวียนหนี่มากมาย เธอเห็นพี่สาวลำบากมาตั้งแต่เธอจำความได้เธอเองก็มีความฝันที่อยากจะเรียนหนังสือ จะได้มีงานดี ๆ ทำแต่ติดที่ว่าฐานะทางบ้านและพี่เสี่ยวอิงต้องหาเงินใช้หนี้ให้กับตระกูลโจวจึงไม่สามารถเจียดเงินมาให้พวกเธอได้เรียนหนังสือ แต่เธอก็ไม่เคยน้อยใจเลยและเข้าใจพี่สาวด้วยซ้ำ แต่ทว่าตอนนี้เธอใกล้ชิดกับนายอำเภอแถมเขายังมีความรู้มากมาย หากให้เขาสอนพออ่านออกเขียนได้คงดีไม่น้อย
"จิ่งเหยาสนใจหนังสือเล่มไหนเหรอ เลือกเอาสิฉันไม่ว่าอะไรหรอกนะ"
"คือว่าเรื่องหนังสือหนูก็สนใจแต่หนูอ่านไม่ออกไม่รู้ตัวอักษรเลยค่ะ" เสี่ยวอิงเห็นท่าทีน้องสาวที่ยืนก้มหน้าลงด้วยความอายเธอจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่ เรื่องการเรียนของน้องต้องมาก่อนและเรื่องการสอนหนังสือเธอเองก็ทำได้เช่นเดียวกัน
"ไม่ต้องรบกวนพี่เสวียนเฉินหรอกนะแค่หน้าที่ที่เขาทำก็มากพอแล้วอย่าไปสร้างปัญญาอีกเลย เด็ก ๆ กลับบ้านไปพักผ่อนกันเถอะ" จิ่งเหยาหน้าเศร้าหงอยเมื่อผู้เป็นพี่ไม่เห็นด้วย ทั้งสามเดินกลับบ้านพร้อมกันระหว่างทางเสี่ยวอิงสังเกตเห็นสีหน้าท่าทางของจิ่งเหยาที่เงียบขรึมตั้งแต่เดินหันหลังกลับจากบ้านป้าเสวียนหนี่ เธอก็พอรู้ว่าจิ่งเหยาคงจะน้อยใจที่เธอพูดเช่นนั้นออกมา
"จิ่งเหยาพี่รู้นะว่าเราอยากเรียนหนังสือ พี่เองก็สอนให้ได้แต่ทางที่ดีคือการที่พวกเธอไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนจะดีกว่า" จิ่งเหยาเงยหน้ามองพี่สาวด้วยความตื่นเต้น
"พี่อ่านหนังสือออกด้วยเหรอคะ"
"อ่านออกเขียนได้เลยล่ะ พี่ได้เรียนตอนที่พ่อกับแม่ยังอยู่จิ่งเหยาสนใจอยากเรียนหนังสือใช่มั้ย เอาไว้ร่างกายพี่แข็งแรงกว่านี้เราจะไปหาโรงเรียนกันนะ จ้าวเหวินเองก็ด้วยการเรียนคือการมีวิชาติดตัวไปทางไหนจะได้ไม่ลำบาก"
"แต่ว่าตอนนี้เราไม่มีเงินพี่ก็ไม่สามารถเกี่ยวข้าวได้เหมือนเมื่อก่อน อย่างนี้เราจะมีเงินไปโรงเรียนเหรอคะ ไหนจะค่าเรียนอีก"
"จิ่งเหยาพี่สัญญาเรื่องนั้นพี่จะจัดการให้เราทั้งสองเอง ไม่ต้องกังวลเอาล่ะตอนนี้ถึงบ้านแล้วทั้งสองเข้านอนกันเถอะ"
"พี่เสี่ยวอิง ของพวกนี้มีตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ว๊าววว ^ ^ใหม่ ๆ ทั้งนั้นเลย " จ้าวเหวินที่ไม่ค่อยสนใจเรียนเท่าไหร่นักเขาเดินเร็วกว่าทั้งสองคนเมื่อเดินเข้ามาถึงในบ้านเห็นของใช้มากมาย ทั้ง ๆ ที่ก่อนจะออกจากบ้านยังไม่มีด้วยซ้ำ ทำให้เขาตื่นเต้นพูดเสียงดัง
"ของพวกนี้พี่เสวียนเฉินให้มานะ เขาบอกว่าที่บ้านมีของที่ต้องเปลี่ยนใหม่ เป็นนายอำเภอก็ดีอย่างนี้นี่เองถ้าจ้าวเหวินอยากมีของใช้ดี ๆ มีเงินทองต้องตั้งใจเรียนและเป็นข้าราชการรู้มั้ย ถ้าเป็นหนุ่มน้อยโรงงานเงินเดือนเพียงไม่กี่หยวนไม่เพียงพอหรอกนะ" เสี่ยวอิงรีบคิดหาคำโกหกน้องทั้งสองแต่เหมือนว่าจ้าวเหวินจะเชื่อคำพูดของเธอจากเด็กที่ไม่อยากเรียนเมื่อเห็นว่าของใช้มากมายแถมยังดี ๆ ทั้งนั้นแต่เสวียนเฉินทิ้งและเปลี่ยนใหม่ทำให้เด็กอายุ 7-8ปี คิดว่าเงินเดือนของข้าราชการคงมากเหลือเกิน
หลังจากส่งน้อง ๆ เข้าห้องของตัวเอง เธอเองก็มาที่เตียงนอนตอนนี้ได้จัดแจงใหม่เพราะใช้ของในระบบทำให้ห้องของเธอเป็นระเบียบน่าอยู่มากกว่าเดิม แถมยังไม่ต้องทนนอนเจ็บหลังกับเตียงยุคนี้อีกด้วย วันนี้เธอเหน็ดเหนื่อยมากจริง ๆ พอหัวถึงหมอนตาก็หลับทันที
ฝั่งด้านตระกูลโจว
หลังจากวันนั้นที่พวกเขาทิ้งเสี่ยวอิงกับน้องของเธอไว้ที่โรงพยาบาล มีมี่ก็ย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ในฐานะภรรยาของหยางเจี้ยนอย่างเต็มตัว เซี่ยเหมยหลงดีใจไม่น้อยที่เธอมีเพื่อนเป็นพี่สะใภ้ทั้งสองพากันเที่ยวเล่น ใช้เงินซื้อของฟุ่มเฟือยงานบ้านไม่เคยจะแตะ ส่วนหยางเจี้ยนก็ยังคงหน้ามืดตามัวหลงมีมี่หัวปักหัวปำ แต่ทว่าเหม่ยฉีกลับไม่คิดแบบนั้นเพราะตอนนี้ข้าวสารในถังใกล้จะหมด เสื้อผ้าของเหมยหลงมากมายก็กองพะเนินเทินทึกที่รอการซัก แต่ไม่ใช่มีเพียงแค่เหมยหลงแต่มีของมีมีอีกด้วย
"เฮ้อ ...! นี่มันเวรกรรมอะไรของฉันกันนะ ตั้งแต่วันนั้นที่ทิ้งนังเสี่ยวอิงไว้ที่โรงพยาบาลบ้านหลังนี้เหมือนรังหนูขึ้นทุกที ไหนจะข้าวสารที่อยู่ในถังคงกินได้แค่สองเวลา ไม่ได้การแล้วเรื่องนี้ฉันจะต้องไปคุยกับหยางเจี้ยนเจ้าลูกชายตัวดีเสียหน่อย วัน ๆ ไม่ทำอะไรเอาแต่คลุกตัวอยู่ในห้องเริงรักกับนังมีมี่ไม่รู้จักพอ จะมานั่งกินนอนกินให้ฉันเลี้ยงสู้ฉันเอานังเสี่ยวอิงกับน้องมันกลับมาอยู่ด้วยไม่ดีกว่าหรือไง ยังไงเด็กสองคนนั้นก็ยังทำงานช่วยได้แถมยังเบาแรงอีกด้วย" เหม่ยฉีเริ่มคิดถึงลูกสะใภ้คนก่อนพลางเดินขึ้นไปชั้นสองของบ้าน เมื่อเดินขึ้นไปจนถึงประตูห้องได้ยินเสียงลูกชายหัวแก้วหัวแหวนพูดคุยจ้ะจ๋าเออออไปกับมีมี่ แต่เมื่อเหม่ยฉีได้ยินถึงกับโมโหเพราะตอนนี้มีมี่เธอขอให้หยางเจี้ยนซื้อสร้อยคอให้ เพื่อนบ้านต่างพากันเอามาโอ้อวดหากใครมีสร้อยเงินใส่ถือว่าสามีเลี้ยงดูเป็นอย่างดี
"พี่หยางเจี้ยนคอของฉันมันว่างเปล่าเหลือเกิน เวลาออกไปข้างนอกก็อับอายชาวบ้านที่เขามีสร้อยคอใส่ ฉันรู้ว่าครอบครัวพี่ไม่ได้จนตรอกขนาดซื้อสร้อยให้ฉันไม่ได้ พี่คงไม่อยากให้ฉันอายคนอื่นหรอกใช่มั้ย"
"ได้สิแค่สร้อยเอง มีมี่ของพี่ไม่ต้องอับอายน้อยใจน้อยหน้าคนอื่นหรอกนะเอาอย่างนี้พรุ่งนี้พี่จะพามีมี่สุดที่รักของพี่ไปซื้อเลยแต่ว่าตอนนี้เรามาทำเรื่องของเราให้จบก่อนเถอะนะ "
"จะตามใจกันอย่างนี้ต้องรู้จักทำงานสิ งานบ้านไม่รู้จักทำข้าวกรอกหมอจวนจะไม่มีแล้ว นี่คิดยังไงจะไปซื้อสร้อยหัวเด็ดตีนขาดยังไงฉันก็ไม่อนุญาต" ทันทีที่ได้ยินเสียงของเหม่ยฉี ทั้งสองรีบผละออกจากกันทันทีมีมี่รีบดึงผ้ามาห่มกายเอาไว้ ส่วนหยางเจี้ยนเองก็รีบจับกางเกงมาใส่
"โธ่ แม่เข้ามาห้องคนอื่นทำไมไม่รู้จักเคาะ "
"นี่มันบ้านฉัน ฉันจะต้องมีมารยาทกับลูกไม่เอาไหนอย่างแกด้วยเหรอ ออกมาคุยกันฉันข้างล่าง" พูดจบเหม่ยฉีเดินลงไปรอด้านล่างส่วนมีมี่ดวงตาแดงก่ำเมื่อได้ยินคำพูดของแม่สามี จนหยางเจี้ยนสงสารรีบเข้าไปปลอบเธอ
"มีมี่เมื่อครู่คุณแม่ก็พูดไปอย่างนั้นเธอก็รู้ไม่ใช่หรือไงว่าคุณแม่นะปากร้ายใจดี พี่ลงไปคุยกับแม่ก่อนนะส่วนเรื่องสร้อยยังไงพี่ซื้อให้มีมี่ของพี่อยู่แล้ว อย่าพึ่งหลับล่ะรอพี่ก่อนนะเราจะได้มาต่อเรื่องของเรา" หยางเจี้ยนเดินออกด้านนอกพร้อมปิดประตู มีมี่ใบหน้าบูดบึ้งโยนข้าวของอย่างไม่พอใจ
"ขี้งกเหลือเกิน ฉันอุตส่าห์เปลืองเนื้อเปลืองตัวเพราะเห็นว่าเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในละแวกนี้หรอกนะ ไม่คิดเลยว่าจะมีแม่สามีหงำเหงือกขี้งกสงสัยจะเก็บเงินไว้ฝังตัวเอง ฉันไม่ยอมนะ ฉันอุตส่าห์ทำเรื่องผิดศีลธรรมขนาดนี้ฉันจะต้องได้ทุกอย่างที่ฉันอยากได้ " มีมี่เห็นว่าเพื่อนสนิทของตัวเองล้วนมีทุกอย่างและเป็นผู้นำเทรนเสมอเลยคิดว่าครอบครัวตะกูลโจวมีเงินทองมากมาย จึงเข้าหาหวังจับพี่ชายแต่เมื่อรู้ว่าเขามีภรรยาอยู่แล้วเธอก็ยังไม่ยอมแพ้ ความจริงนั้นเธอไม่รู้เลยว่าการที่เพื่อนสนิทมีเงินมีของใช้หรู ๆ นั้นได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของเสี่ยวอิง ที่ต้องหาเงินใช้หนี้เพื่อให้คนในครอบครัวสุขสบายและตามใจเหมยหลงมาตลอด
บทที่ 32 ภารกิจสำเร็จเหตุการณ์ที่ตำรวจไปจับตัวหยางเจี้ยนเพราะเสวียนเฉินให้ตำรวจไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งและมีวัยรุ่นสองคนมาให้ปากคำเพิ่มเติมว่าเห็นชายรูปร่างเหมือนหยางเจี้ยนมาคอยเฝ้าอยู่ตรงนั้นตั้งแต่ท้องฟ้ายังไม่มืด ตอนที่เขาทำร้ายตีหัวของนายอำเภอทั้งสองเห็นเต็มตาแต่ทำได้เพียงปิดปากไม่กล้าพูดออกมากลัวจะโดนทำร้ายอีกคน ตอนนี้หยางเจี้ยนจนมุมเพราะหลักฐานมัดตัวถูกจับโดยที่ไม่สามารถประกันตัวได้อีกเลย และโทษครั้งนี้ที่เขาได้รับคือติดคุกตลอดชีวิต เสวียนเฉินรับรู้เรื่องก็พอใจในสิ่งที่หยางเจี้ยนได้รับโทษ ต่อจากนี้ก็จะไม่มีใครมารบกวนชีวิตของเสี่ยวอิงได้อีกเลย3 วันต่อมางานแต่งงานของทั้งสองได้เริ่มขึ้นทุกคนต่างมีความสุขเสียงหัวเราะคิกคักของน้อง ๆ ที่เห็นพี่สาวยิ้มแย้มรอยยิ้มวันนี้ของเธอสดใสเท่าที่เคยเห็นมาเลย แขกต่างพากันมาร่วมยินดีชีวิตของเสี่ยวอิงต่างทำให้ทุกคนต้องอิจฉา“วันนี้เป็นวันที่เธอสวยที่สุดเลย จนฉันไม่อยากให้ใครมาเห็นเธอตอนแต่งหน้าแบบนี้เลย”“คนอื่นไม่ได้มองฉันแบบนายนี่น่า ดูสิคนอื่นสนใจอาหารที่อยู่ต่อหน้ามากกว่าจ้องมองฉันอีก”“ช่างคนอื่นสิ ฉันนะไม่สนใจอาหารต่อหน้าเลยสักนิดสนใจแต
บทที่ 31 หยางเจี้ยนถูกจับเสวียนเฉินกลับมาบ้านยังคงเอะใจเลยไปหาเสี่ยวอิงที่บ้านเพื่อแจ้งข่าวการตายของเหม่ยฉีให้เธอได้รับรู้“วันนี้ไปเลือกชุดแต่งงานกับคุณแม่ถูกใจมั้ย”“ดูดีเลยล่ะ วันนี้ทำไมกลับมาถึงบ้านไม่ตรงเวลาล่ะมีงานเยอะเหรอ ? ฉันกับคุณแม่เตรียมกับข้าวไว้ตั้งมากมาย แต่เด็ก ๆ รอไม่ไหวเลยให้กินกับคุณแม่ไปก่อนหน้านี่แล้ว”“เอ่อไม่ใช่งานเยอะหรอก เธอจำสิ่งที่เธอพูดได้มั้ยเรื่องหยางเจี้ยนฉันตรวจสอบแล้ววันนั้นเขาถูกปล่อยตัวจริง ๆ ไม่แน่อาจจะเป็นเขาที่มาทำร้ายฉันแต่ว่าวันนี้ที่ฉันมาช้านะฉันไปบ้านตระกูลโจวมา เกิดเรื่องน่าเศร้าขึ้นนะ”“เรื่องน่าเศร้าอะไรกัน”“พลัดตกบันได้คอหักตาย”“ห่ะ! เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นได้ยังไงคนอย่างเหม่ยฉีนะหรือ ร่างกายของเธอยังแข็งแรงนี่ตอนนั้นคุณก็เห็นใช่มั้ยตอนที่เธอมายืนด่าอยู่หน้าบ้านฉัน”“ใช่แต่ว่าเย็นวันก่อนเธอถูกหามเข้าโรงพยาบาลและพบว่าเธอเป็นเส้นเลือดตีบทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ สมองไม่สั่งการทำให้เป็นคนพิการที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ อีกอย่างตอนที่เธอตกบันไดคงเป็นเพราะเธอมีเพิ่งจะมีกำลังขึ้นมาอยากขึ้นไปชั้นบนด้วยตัวเอง”“ตอนนั้นไม่มีใครอยู่ที่บ้านเลยหรือไง
บทที่ 30 เหม่ยฉีตกบันไดบ้านตระกูลหวังเสี่ยวอิงใบหน้าเบิกบานเพราะความรักของเธอกับเสวียนเฉินก่อตัวอย่างรวดเร็ว ตอนนี้หัวใจของเธอชุ่มช่ำราวกับรักแรกแย้ม เธอปิดร้านตั้งแต่เที่ยงของที่ลงขายวันนี้มีไม่มากนัก เพราะเธอกับเสวียนหนี่นัดกับเอาไว้ไปเลือกชุดแต่งงานกัน ในใจของเธออยากจะเลือกชุดที่อยู่ในยุคปันจุบันโดยใช้มิติแต่ก็กลัวจะถูกจับไปและอยากให้เสวียนหนี่แม่สามีคนใหม่เป็นคนเลือกด้วยตัวเองเป็นความสุขของคนแก่เสี่ยวอิงจึงยอมตามใจ“หนูเสี่ยวอิงเสร็จหรือยังจ๊ะ"“เสร็จแล้วค่ะคุณแม่หนูปิดร้านสักครู่นะคะ” เสี่ยวอิงปิดประตูบ้านทั้งสองพากันเดินไปที่ตลาด ร้านชุดแต่งงานมีไม่มากนักในมณฑลที่เธออยู่เสวียนหนี่ขอเลือกจัดงานแบบสมัยก่อน เจ้าสาวจะสวมชุดกี่เพ้า ส่วนเจ้าบ่าวจะสวมสูทซุนยัดเซ็น ที่เป็นสูทแบบจีนสมัยใหม่ พิธีแต่งงานและสถานที่จัดงานเสวียนเฉินให้จัดที่โรงแรมมีโรงแรมที่รับจัดงานแต่งมีของทุกอย่างครบครันจะมีราคาให้เลือก ขั้นต่ำ 2000 หยวน และแพงสุด 5000 หยวนจะมีอาหารการกินแตกต่างกันไป ส่วนเสวียนเฉินเลือกเป็น 3000 หยวน แขกจะมีเพียงแค่คนใหญ่คนโตในมณฑลและญาติพี่น้องไม่มากนักแต่เขาอยากจัดงานให้สมเกียรติเมื่อ
บทที่ 29 งูพิษรุ่งเช้าวันต่อมามีมี่ตื่นมาเตรียมของให้หยางเจี้ยนไปทำงานเหมือนทุกวัน หลังจากที่ส่งสามีไปทำงานเธอก็มาดูเหม่ยฉีที่นอนจมกองฉี่ตัวเองอยู่บนเตียงสภาพน่าอนาจเหลือเกิน ตอนนั้นนั่นเองที่เหมยหลงเดินลงมาข้างล่าง“เหมยหลงเธอตื่นมาก็ดีแล้ว ตอนนี้คุณแม่ฉี่เปื้อนที่นอนเต็มไปหมดมาช่วยกันยกคุณแม่หน่อยได้มั้ย ? และมาช่วยกันซักผ้าเปลี่ยนให้คุณแม่จะได้ไม่นอนจมกองฉี่ตัวเองอยู่แบบนี้”“อุ้ย! ไม่เอาหรอกแม่นะหนักจะตายไปอีกอย่างตอนนี้ฉันอาบน้ำแต่งตัวแล้วถ้าให้ไปจับตัวคุณแม่กลิ่นฉี่ฉุนติดเสื้อผ้าจะทำยังไง เธอเป็นลูกสะใภ้ก็ทำไปสิฉันนัดลูกชายเจ้าของตลาดเอาไว้ ในเมื่อไม่ได้นายอำเภอเอากับลูกชายเจ้าของตลาดก็คงไม่น้อยหน้าไปก่อนนะที่เหลือเธอก็จัดการด้วยถ้าฉันหลอกให้มันหลงรักหัวปักหัวปำฉันจะเอาเงินมันมาให้เธอเป็นค่าจ้างก็แล้วกัน” เหมยหลงสะบัดผมเดินออกจากบ้านโดยไม่สนใจว่าคนที่นอนอยู่คือแม่ของตัวเองตอนนี้ใจของเหม่ยฉีแตกสลายไม่คิดว่าลูกสาวที่เธอรักมากจะทำแบบนี้กับเธอได้ลงคอ มีมี่หันมามองเหม่ยฉีด้วยความสมเพชก่อนจะหัวเราะออกมา“ฮึ ฮึ ลูกแต่ละคนไม่เคยมีใครสนใจใยดีเลย ดูสิลูกสาวที่คุณแม่รักนักรักหนาทิ้งแม่ที
บทที่ 28 ยาออกฤทธิ์บ้านตระกูลโจวหลายวันมานี้หยางเจี้ยนอารมณ์ดีเป็นพิเศษเขาออกไปทำงานทุกเช้าและกลับมาพร้อมอาหารเต็มมือ จนทำให้มีมี่แปลกใจแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร มีเพียงแต่แม่สามีที่ชมลูกชายไม่หยุดปาก“ตั้งแต่ที่ฉันเสียเงินไปมากหยางเจี้ยนดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย ดีจริง ๆ อีกอย่างตอนนี้หนี้เถ้าแก่ซ่งก็เหลืออีกก้อนเดียวเราก็จะหมดหนี้แล้ว ตอนนี้ชีวิตช่างดีจริง ๆ ถึงแม้จะอยากได้บ้านของนังเสี่ยวอิงมาเป็นของเราก็เถอะ ตอนนี้คงทำอะไรไม่ได้มากสินะหรือจะให้หยางเจี้ยนไปขอโทษด้วยความจริงใจแต่เจ้าหน้าที่ก็ข่มขู่ไม่ให้เสนอหน้าไปอีกไม่อย่างนั้นครั้งนี้จะจับไม่ปล่อย เฮ้อ!”“คุณแม่คะ คุณแม่เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”“อะไรกันกลับมาจากข้างนอกทำไมต้องโวยวายด้วย”“จะไม่ให้โวยวายได้ยังไงกันคะ ในเมื่อตอนนี้ความฝันของฉันพังทลายมาหมด นายอำเภอเฉินนะสิคะกำลังจะแต่งงานฉันไปเดินเล่นที่ตลาดได้ยินชาวบ้านพูดคุยกัน ไม่ยอมนะฉันต้องเป็นภรรยาเขาสิทำไมต้องเป็นคนอื่นด้วย”“แล้วเธอเหมาะสมกับเขาตรงไหนกันว่าแต่ใครกันที่ได้เป็นเจ้าสาวของนายอำเภอเฉิน” มีมี่เดินเอาน้ำมาให้ทั้งสามคนที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ แอบสะใจจริงที่เหมยหลงไม่ได้ดีและถูกผู
บทที่ 27 ฉันชอบนาย"อย่ามาทำแบบนี้นะ ทำไมอย่างอื่นนายจำได้หมดยกเว้นฉันคนเดียวเรื่องนี้ฉันไม่ยอมหรอกนะ นายทั้งอ่อยทั้งหยอดคำหวานชอบทำให้คนอื่นหวั่นไหว นายขอฉันแต่งงานไม่ใช่หรือไงทำไมมาพูดจาแบบนี้ ฉันไม่ยอมหรอกนะตาบ้า ฉันรอนายด้วยใจที่ตื่นเต้นทั้งวันทั้งคืนเพื่อรวบรวมความกล้าบอกความรู้สึกกับนาย แต่นายมาบอกว่าไม่รู้จักฉันจำฉันไม่ได้แบบนี้มันจะเกินไปแล้ว”“เสียงดังโวยวายจริง ๆ ฉันเนี้ยะนะขอเธอแต่งงานไม่มีทาง ขนาดชื่อยังจำไม่ได้แท้ ๆ อีกอย่างใครบอกให้เธอรอฉันกันล่ะ ไม่ได้บอกเสียหน่อยหรือต่อให้ฉันกลับมาฟังคำตอบของเธอทุกอย่างจะเปลี่ยนไปอย่างนั้นหรือ?”“เปลี่ยนสิ ทำไมจะไม่เปลี่ยนในเมื่อตอนนี้ใจของฉันมันหวั่นไหวไปกับนายแล้วตอนที่รู้ว่านายถูกทำร้ายรู้มั้ยว่าฉันกลัวมากแค่ไหนที่จะเสียนายไป เอาแต่โทษตัวเองที่ไม่ยอมตอบรับความรู้สึกของนาย เอาแต่โทษสมองกลวง ๆ ที่เอาแต่กลัวว่านายจะจริงจังหรือเปล่า จนฉันคิดได้ว่าฉันนะชอบนายเหมือนกัน และคำตอบที่นายต้องการคือฉันชอบนายและยอมเปิดใจให้นายเข้ามาโลดแล่นอยู่ที่อกข้างซ้ายของฉัน แล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้เป็นแบบนี้แล้วฉันจะต้องทำยังไง” เสี่ยวอิงพูดจาฉะฉานแต่ก็เคลือบไ