บทที่ 10 ความจริง
ฝั่งด้านเฉาจื่อเมื่อออกมาจากห้องของซูเม่ยเขาได้เก็บเอาคำพูดของเธอมาคิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินที่เธอเคยพูดไหนจะเรื่องที่เธอถูกคุณแม่ของเขาคอยรังแก หรือว่าเรื่องนี้จะเป็นความจริงไม่ว่าจะพูดอย่างไรเธอก็ยังคงดึงดันคำพูดเดิมไม่หยุดหย่อน เรื่องนี้เขาจะต้องสืบความจริงให้ได้ว่าเธอเกลียดแม่ของเขามากจนเสียต้องใส่ร้ายหรือแม่ของเขาทำอย่างนั้นจริง ๆ เขาสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ปรับสีหน้าของตัวเองให้ดีขึ้นก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นบนหาอ้ายเยว่ที่รอเขาอยู่
"อ้ายเยว่พ่อมาแล้วขอเข้าไปด้านในได้มั้ย"
เด็กชายกำลังนั่งเล่นของเล่นที่แม่ซื้อให้วันนี้เมื่อได้ยินเสียงเรียกของผู้เป็นพ่อเด็กน้อยรีบวางของเล่นทันทีเดินออกมารับพ่อด้วยใบหน้าแจ่มใส
"ได้ครับ พ่อไปหาคุณแม่มาแล้วใช่มั้ยครับผมดีใจจริง ๆ ที่ต่อจากนี้คุณพ่อคุณแม่อ้ายเยว่จะได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา "
ยิ่งเขาเห็นว่าลูกชายมีความสุขเขายิ่งอยากรู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ระหว่าง 5 ปีที่ผ่านมา
"อ้ายเยว่ลูกอยากให้พ่อกับแม่อยู่พร้อมหน้าลูกต้องบอกความจริงพ่อแล้วล่ะ" เขาจูงมืออ้ายเยว่ไปที่เตียงพร้อมเอ่ยถามเรื่องของซูเม่ย
"อ้ายเยว่ไม่เคยโกหกเพราะคุณแม่สอนเอาไว้เป็นเด็กดีต้องไม่โกหกและลักขโมย"
"ใช่แล้วเด็กดีไหนลองเล่าให้พ่อฟังสิว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาแม่ของลูกใช้ชีวิตมาอย่างไรบ้าง " ด้วยความที่เป็นเด็กเขาได้เล่าให้พ่อฟังในสิ่งที่เขาได้เห็นคุณย่าทำกับแม่ทั้งหมด รวมถึงความไม่ยุติธรรมที่ทำให้แม่ต้องไม่สบายนอนไม่ตื่นมาหลายวัน เมื่อเขาได้ยินต้องตกใจไม่คิดว่าแม่ของตนจะเป็นคนเช่นนี้ แต่เขายังคงไม่ปักใจเชื่อคำพูดของอ้ายเยว่เท่าไหร่นัก ไม่แน่นี่อาจจะเป็นคำสอนของซูเม่ยที่พูดให้อ้ายเยว่เกลียดผู้เป็นย่าก็เป็นได้
หลังจากนั้นเขาได้เล่าเรื่องราวของเขาระหว่างอยู่ที่กองทัพให้อ้ายเยว่ฟังจนตัวเล็กหลับปุ๋ย เขาห่มผ้าให้ลูกชายปิดไฟและเดินออกมาจากห้องตอนนั้นเห็นสาวใช้กำลังเดินสำรวจดูความปลอดภัยก่อนที่จะกลับไปพักผ่อนที่ห้อง เขาจึงเรียกเธอมาหาเพื่อสอบถามและโชคดีที่สาวใช้ที่เขาเรียกมาพบในครั้งนี้เป็นคนเดียวกับที่ซูเม่ยใช้ให้ไปเก็บกวาดห้องนั่นเอง
เขาให้เธอเดินตามมที่ห้องของเขาพร้อมเอ่ยถามเรื่องของซูเม่ย
"เธอเข้ามาเป็นสาวใช้ในบ้านหลังนี้นานหรือยังเพราะฉันไม่รู้สึกคุ้นหน้าเธอสักนิด"
"ฉันเข้ามาอยู่ที่นี่สี่ปีแล้วค่ะท่านนายพลหลังจากที่คุณนายเล็กคลอดคุณชายอ้ายเยว่ ตอนนั้นฉันได้เข้ามาช่วยคุณนายเล็กเลี้ยงดูคุณชายค่ะ "
"อย่างนั้นเธอก็รู้ทุกอย่างในบ้านหลังนี้สินะ! ตั้งแต่เธอเข้ามาอยู่ที่นี่ซูเม่ยทำตัวอย่างไร เธอต้องพูดความจริงห้ามปิดบังฉัน และห้ามเข้าข้างผู้ใดผู้หนึ่งรู้ใช่มั้ยว่าถ้าเธอโกหกจะเกิดอะไรขึ้น" เฉาจื่อสูบบุรี่อย่างใจเย็นแต่ท่าทางของเขาทำให้สาวใช้อย่างเธอหวาดกลัวไม่น้อย
"ได้ค่ะ ฉันจะเล่าความจริงตามที่ฉันเห็นในระหว่างที่อยู่ที่นี่มาด้วยความสัตย์จริงทั้งหมด" เธอได้เล่าตั้งแต่สองเท้าของเธอเข้ามาเหยียบที่นี่ว่าซูเม่ยถูกแม่ของท่านนายพลปฏิบัติเช่นไร ในความไม่ยุติธรรมที่ต้องเจอยิ่งทำให้เขารู้สึกผิดหวังในตัวของแม่ยิ่งนัก คำพูดของสาวใช้ไม่ต่างจากที่ซูเม่ยบอกเขาและคำพูดเดียวกันในหลาย ๆ เหตุการณ์ที่อ้ายเยว่เล่าให้ฟัง ทั้งสามยังพูดตรงกันหมด เมื่อรู้เขาจึงสั่งให้สาวใช้ออกไปก่อนจะลุกเดินไปที่หน้าต่างทอดสายตาจ้องมองไปด้านนอก
"ไม่คิดเลยว่าเรื่องทั้งหมดจะเป็นอย่างนี้ไม่แปลกที่เธอจะขอชีวิตห้าปีของเธอคืนไป ทำไมคุณแม่ถึงทำอย่างนั้นกันนะเรื่องนี้ฉันจะให้ความเป็นธรรมกับเธอเท่าที่ฉันจะทำได้ เพราะเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเธอมีฉันเป็นต้นเหตุ" เฉาจื่อรู้สึกผิดในเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดต่อจากนี้เขาจะตอบแทนสิ่งที่เธอได้สูญเสียไปเอง
รุ่งเช้าต่อมา
ซูเม่ยตื่นสายกว่าทุกวันไม่รู้ว่าเพราะเฉาจื่อกลับมาหรือเพราะเธอที่บอกว่าจะไม่ทำงานบ้านอีกต่อไปทำให้ชิงเถาไม่มาปลุกเธอที่ห้องให้ออกไปทำงานในบ้านทุกอย่างทำให้เธอหลับเต็มอิ่ม ล้างหน้าล้างตาเดินลงมาชั้นล่างได้ยินเสียงพูดคุยหัวเราะเจี้ยวจ้าวของผู้หญิง ทันใดนั้นเองเธอก็แสยะยิ้มออกมา
"ฉันว่าไว้ไม่มีผิดมาเร็วเสียจริง มาเร็วก็ดีเพราะฉันเองก็อยากจะออกไปจากบ้านหลังนี้แล้วเหมือนกัน " ผู้หญิงที่เธอได้ยินเสียงพูดคุยกันอย่างถูกคอนั่นคือยูร์เหยากับชิงเถาใบหน้าทั้งสองยิ้มแย้มเสียจนทำให้ซูเม่ยมั่นไส้
"นี่สินะสะใภ้ที่คุณแม่คุณอยากได้ ฉันจะทำให้ความฝันของแม่คุณสำเร็จเอง" ซูเม่ยบ่นพึมพำก่อนจะเดินมาหาทั้งสอง
"มีเรื่องอะไรสนุก ๆ แต่เช้าคะขอฉันนั่งฟังด้วยคนได้มั้ย" เมื่อชิงเถาเห็นใบหน้าของซูเม่ยรอยยิ้มบนใบหน้าได้เปลี่ยนเป็นเฉยชาทันที
"ไม่ใช่เรื่องของเธอสักหน่อยจะไปไหนก็ไป"
"คุณป้าไม่เห็นต้องว่ารุนแรงกับพี่สะใภ้เช่นนั้นเลย พี่สะใภ้สบายดีนะคะตั้งแต่งานแต่งฉันไม่ได้มาเยี่ยมอีกเลยนี่ของที่ฉันซื้อติดไม้ติดมือมาฝากพี่สะใภ้กับอ้ายเยว่ด้วยค่ะ รับไว้สิคะฉันตั้งใจเลือกมากเลยนะ" น้ำเสียงอ่อนหวานใบหน้าใสซื่อหากเธอไม่ได้ยินเรื่องที่เธอพูดเมื่อวานคงคิดว่าเธอเป็นหญิงสาวที่จิตใจดี แต่ตอนนี้เธอรู้หมดแล้วว่าเธอมีดีแต่ใบหน้าเท่านั้นจิตใจสกปรกไม่ต่างจากชิงเถาเลยด้วยซ้ำ
"ฉันขอบใจมากนะ ว๊าวว...สวยขนาดนี้คงแพงไม่น้อย"ตุ่มหูสวยงามที่อยู่ในกล่องแค่มองก็รู้แล้วว่าเป็นของแพงคงอยากให้เฉาจื่อเห็นว่าเธอเป็นคนจิตใจดีมีน้ำใจสินะ
"เล็กน้อยค่ะพี่สะใภ้ชอบฉันเองก็ดีใจ "
"แหม ๆ ไม่ต้องเรียกพี่สะใภ้ก็ได้ เรียกพี่ซูเม่ยเฉย ๆ ก็พอ" ระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยกันเฉาจื่อได้อุ้มอ้ายเยว่ลงมาจากด้านบน ทั้งสองพ่อสองแต่งกายเหมือนจะออกไปเที่ยวที่ไหนสักแห่ง ยูร์เหยาเห็นเฉาจื่อลงมาเธอรีบเดินไปหาเขาพร้อมของในมือทันที
"พี่เฉาจื่อพี่กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะ! โชคดีจริง ๆ ที่ฉันมาหาคุณป้าวันนี้ทำให้ได้พบพี่เฉาจื่อนับเป็นโชคชะตาลิขิตจริง ๆ อ้ายเยว่น้ามีของมาฝากด้วยนะ" ซูเม่ยมองหน้าของยูร์เหยาสลับกับใบหน้าของชิงเถาที่ยิ้มแก้มปริ
'แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องแต่ว่าทั้งสองวางแผนเอาไว้แล้วสินะ ฮ่าฮ่าน่าตลกจริง ๆ'
บทที่ 35 ความสุข1 ปีผ่านมา“อ้ายเยว่ไปโรงเรียนได้แล้ว คุณพ่อรอลูกอยู่ด้านล่างเดี๋ยวจะสายเอาได้นะ” ซูเม่ยเดินเข้ามาในห้องหลังจากอาบน้ำเสร็จเห็นอ้ายเยว่นั่งอยู่บนเตียงนอน“คุณแม่ครับอ้ายเยว่ไม่อยากไปโรงเรียนวันนี้ขออยู่กับเยว่ผิงได้มั้ยครับ ดูสิน้องยิ้มให้อ้ายเยว่ด้วยคงอยากให้อยู่เล่นด้วย” เด็กชายจับมือน้อย ๆ หยอกล้อไปมาพร้อมรอยยิ้มที่บริสุทธิ์“ไม่ได้หลานจะขาดเรียนสองวันติดต่อกันไม่ได้นะ เยว่ผิงไม่หนีไปไหนหรอกนะตอนเย็นกลับมาก็ได้มาเล่นกับน้องหากหลานอยากเป็นพี่ชายที่ดีจะต้องทำตัวดีให้น้องได้เห็น เย่วผิงจะได้ภาคภูมิใจที่มีพี่ชายที่ดีและรักเธอมากขนาดไหน ”“ก็ได้ครับคุณย่า อย่างนั้นพี่ไปเรียนก่อนนะเยว่ผิง พี่จะรีบกลับมาเล่าเรื่องที่เรียนมาวันนี้ให้ฟัง” อ้ายเยว่ก้มลงหอมแก้มเล็ก ๆ อวบขาวคล้ายซาลาเปาไม่แปลกใจเลยที่เขาตัวติดน้องไม่อยากห่างไปไหนหลังจากวันนั้นที่เฉาจื่อกับซูเม่ยเข้านอนด้วยกันเธอได้ตั้งท้องลูกคนที่สองของเขา อ้ายเยว่ดีใจมากที่จะมีน้องสาวชิงเถาดูแลเอาอกเอาใจซูเม่ยเป็นอย่างดีไม่ว่าอะไรที่เขาว่าดีต่อคนท้องก็หามาหาเธอกินทุกอย่าง ซูเม่ยมีความสุขมาก ๆ หลังจากเหตุการณ์ที่เลวร้ายจบลง เธ
บทที่ 34 เฉาจื่อบาดเจ็บการต่อสู้ด้วยหมัดได้เริ่มขึ้นและแล้วลูกน้องของเหวินฉิงได้พ่ายแพ้ต่อเฉาจื่อที่เป็นนายพลร่างกายของเขาฝึกอยู่ทุกวันต่างจากลูกน้องของเหวินฉิงเพียงแค่ไม่กี่นาทีเขาทำให้ทั้งสองล้มลงที่พื้นได้ เมื่อเหวินฉิงเห็นว่าตัวเองจะพ่ายแพ้จึงล้วงปืนขึ้นมายิงเข้าที่ขาของเฉาจื่อปัง!“นี่แก แกมันเล่นตุกติกแกมันไม่มีสัจจะ” “ฮ่า ฮ่า ไม่เคยได้ยินคำนี้หรือไงไม่มีสัจจะในหมู่โจร” เหวินฉิงสะใจที่เห็นร่างกายแข็งแกร่งของเฉาจื่อล้มลงต่อหน้า เลือดที่ขาเริ่มไหลรินออกมาจนขากางเกงเปียกไปด้วยเลือด สีหน้าของเราเริ่มซีดเผือกความเจ็บปวดแล่นเข้าสู่ร่างกาย“คนอย่างแกไม่สมควรที่จะปกครองคนมากมาย เพราะแกมันเลวยิ่งเลวเสียอีก”“พูดไปเถอะก่อนจะไม่ได้พูด ยังไงการฆ่านายพลจิ่นเฉาจื่อเป็นความต้องการแต่แรกของฉันอยู่แล้ววันนี้ฉันจะทำให้มันเป็นจริง ฉันจะแก้แค้นแทนน้องรักของฉันเขาจะได้ตายตาหลับ เมื่อจัดการแกได้ก็ไม่มีใครในมณฑลนี้กล้าท้าทายต่ออำนาจของแก๊งมังกรดำอีกต่อไป ” ปลายปืนชี้ตรงมาที่หัวของเฉาจื่อหวังยิงครั้งเดียวให้ตายคาที แต่ทว่าเรื่องราวไม่คาดคิดได้เกิดขึ้นเพราะเขาไม่ทันได้เหนี่ยวไกรปืน ถูกลอบยิงจากด้านหล
บทที่ 33 ต่อสู้“คุณย่าครับคุณแม่จะเป็นอะไรมั้ยครับ? อ้ายเยว่กลัวจังเลย” เด็กน้อยตัวสั่นเทาจ้องมองไปหาซูเม่ย ชิงเถาจับตัวอ้ายเยว่มากอดแน่นพร้อมกระซิบข้างหู“อ้ายเยว่แม่ของลูกต้องไม่เป็นอะไรย่าเชื่อว่าเราต้องรอด หากหลานกลัวหลับตาเอาไว้นะ ” อ้ายเยว่พยักหน้าหลับตาปี๊“น่าเสียดายหากจะฆ่าทิ้งไป เรือนร่างน่ามองใบหน้างดงามหรือว่าเราจะมาเล่นสนุกกับภรรยาของนายพลก่อนดี ฮ่า ฮ่า ดูสิผิวขาวเนียนเชียว ได้ข่าวว่าตลอดห้าปีที่ผ่านมานายพลไม่เคยกลับบ้านเลยด้วยซ้ำปล่อยสาวสวยอย่างนี้ได้ยังไงกันนะ ก่อนฆ่าทิ้งเรามามีความสุขกันก่อนมั้ยคนสวย”“อย่าแตะต้องเธอนะ” เสียงเข้มขรึมของเฉาจื่อดังขึ้นเมื่อมือของเหวินฉิงกำลังแตะลงที่ใบหน้าของซูเม่ย เธอหวาดกลัวยืนตัวแข็งทื่อไม่ขยับ“โอ๊ะ! นี่ท่านนายพลหวงภรรยาก็เป็นหรือนี่ เอาน่าให้ฉันได้ลิ้มลองบ้างว่าภรรยาของท่านนายพลจะเด็ดขนาดไหน” เหวินฉิงดึงกายของซูเม่ยเข้ามาใกล้ตนยามนั้นนั่นเองเสียงปืนดังสนั่นแขนของเหวินเทียนถูกใครสักคนยิงหวังให้เขาเจ็บปัง!!! ทุกคนแตกตื่นยกอาวุธเข้าไปป้องกันเหวินฉิง“โอ๊ย!! ใครกันมันกล้าลงมือในที่ของฉันแบบนี้เหยียบจมูกกันเกินไปแล้วหรือว่าจะเป็นแกนายพ
บทที่ 32 ค่าตอบแทน"พี่เหวินฉิงอยู่ไหน " ยูร์เหยาออกมาจากห้องรีบถามหาเหวินฉิงเพื่อถามเขาให้รู้เรื่อง"ตอนนี้ลูกพี่อยู่ที่ห้องส่วนตัวครับ เชิญทางนี้" ลูกน้องนำทางพายูร์เหยาไปหาเหวินฉิงที่ห้อง เมื่อถึงห้องเธอได้เดินเข้าไปประตูก็ปิดทันที เหวินฉิงดื่มเหล้าด้วยท่าทางสบายใจและอารมณ์ดี เห็นยูร์เหยาเข้ามาหาเขาวางแก้วเหล้าไว้ก่อนจะนั่งลงที่โซฟา"เป็นยังไงบ้าง ตัดสินใจได้หรือยังว่าจะให้พี่จัดการยังไง""พี่เหวินฉิง พี่ไม่ได้ทำตามที่ฉันขอไว้เลย ทำไมต้องจับตัวคุณป้ากับลูกชายของพี่เฉาจื่อมาด้วยฉันบอกให้พี่จับมาแค่นางซูเม่ยไม่ใช่หรือไง แล้วเรื่องที่พี่เฉาจื่อจะมาที่นี่มันหมายความว่ายังไงกัน" เสียงเล็กแหลมเอ่ยถามไม่หยุดย่อน เธอตวาดเสียงใส่เขาอย่างไม่พอใจ เหวินฉิงแสยะยิ้มมุมปากยกแก้วเหล้ากระดกจนหมดแล้วลุกขึ้นเดินเข้ามาใกล้ยูร์เหยาใช้มือจับที่ไหล่ของเธอให้นั่งลงที่โซฟา"ใจเย็น ๆ ก่อนสิทำไมถึงได้โมโหง่ายอย่างนี้ล่ะใบหน้าสวย ๆ จะเกิดริ้วรอยเอาได้นะ ""เฮ้อ!!อย่างนั้นพี่ก็รีบบอกมาสิว่าพี่ทำอย่างนี้ทำไมมันเกินที่ฉันขอร้องแล้วนะ"เขานั่งลงข้าง ๆ เธอมือของเขาไม่อยู่นิ่งจับปลายผมของยูร์เหยาม้วนไปมาก่อนจะตอบคำ
บทที่ 31 เป็นฝีมือเธอสินะสายตาที่จ้องมองซูเม่ยทำให้เธอขนลุกซู่ แต่เมื่อเธอได้ยินคำพูดของชายคนนี้ต้องสงสัย ใครกันคือที่รักของเขาแล้วเธอไปทำอะไรให้ ตั้งแต่ทะลุมิติมาที่นี่เธอไม่เคยไปก่อเรื่องหรือมีเรื่องกับใครสักคน จะมีแต่ยูร์เหยา!!!‘อะไรน่ะ คนที่ชายคนนี้เรียกที่รักคือยูร์เหยาหรอกเหรอ?เฮอะน่าตลกชะมัดเรื่องเล็กน้อยแค่นี้เธอถึงกับสั่งให้แก๊งมังกรดำจับตัวของมา’ ซูเม่ยคิดในใจพรางมองไปที่ใบหน้าของชายคนนั้น ครั้นนั้นเธอคิดสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งสองมากกว่า ยูร์เหยาเป็นลูกของนายอำเภอมายุ่งเกี่ยวกับคนนิสัยไม่ดีทำไมกัน หรือว่าเรื่องรับส่วยไม่ใช่แค่นายตำรวจเล็ก แม้แต่นายอำเภอยังเป็นคนของพวกแก๊งมังกรดำหรือเนี่ย!!!“ใช่ฉันเป็นภรรยาของเฉาจื่อ แต่ฉันไม่เคยไปทำอะไรให้ใครหากคนที่คิดแค้นฉันคนเดียวก็ให้คนนั้นมาจัดการฉันสิ จับคุณแม่กับลูกชายของฉันมาทำไมกัน ““ว๊าววว ปากดีจริง ๆ อีกไม่นานที่รักของฉันคงเดินทางมาถึงดูสิว่าที่รักของฉันกับนายพลจิ่นเฉาจื่อใครจะมาถึงก่อนกัน เตรียมตัวเตรียมใจไว้ล่ะ เพราะวันนี้อาจจะเป็นวันสุดท้ายของตระกูลนายพลหน้าโง่ ที่ไม่เกรงกลัวอำนาจของแก๊งมังกรดำ ถ้าอยู่เงียบ ๆ นิ่ง ๆ หลับ
บทที่ 30 ไล่ล่าตงฉวนพยายามขับรถยนต์เข้ามาตามซอยเล็ก ๆ เพื่อหลบหนีคนของแก๊งมังกรดำแต่ทำยังไงคนพวกนั้นก็ตามมาติด ๆ จนกระทั่งสิ้นสุดหนทาง เขาไม่อาจจะพาคุณนายทั้งสองและอ้ายเยว่หนีได้อีกต่อไปเมื่อขับรถด้วยความเร็วไปด้านหน้าแต่ทว่ากลับเป็นทางตัน“ตงฉวนนั้นมันทางตัน” เสียงของซูเม่ยร้องออกมาด้วยความตกใจเพราะรถยนต์เคลื่อนมาด้วยความเร็ว ตงฉวนเหยีบนเบรกทันทีทำให้รถที่มาด้วยความเร็วล้อท้ายปัดรถสะบัดหมุนไปชนกำแพงปูนที่เป็นทางตันเอี๊ยด...!! โคร้ม!!!กรี๊ดดดด.....เสียงร้องกรีดของชิงเถาดังสนั่นแม้เธอจะกลัวแต่แขนของเธอยังคงโอบกอดอ้ายเยว่ไม่ให้ได้รับบาดเจ็บ ส่วนซูเม่ยกับตงฉวนหัวของทั้งสองได้กระแทกเข้าด้านหน้าทำให้ได้รับบาดเจ็บที่หัว ซูเม่ยรู้สึกเจ็บทีหัวมึนไปชั่วขณะก่อนจะตั้งสติหันไปมองอ้ายเยว่ด้วยความเป็นห่วง“คุณแม่อ้ายเยว่เป็นอย่างไรบ้างคะ ได้รับบาดเจ็บหรือไม่”“คุณแม่อ้ายเยว่ไม่เจ็บแต่ว่าที่หัวของคุณแม่มีเลือดด้วย อึก อึก คุณแม่เจ็บมั้ยครับ” เด็กน้อยเห็นแม่ของตัวเองเริ่มสั่นเทาร้องไห้สะอึกสะอื้น“นั่นสิเธอคงเจ็บมากใช่มั้ย ฉันกับอ้ายเยว่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรแค่เจ็บร่างกายเล็กน้อย”“เจ็บแค่นี้ไม่เท่