LOGINวันนั้นเสวียนหู่แห่งอี้โจวทำทุกอย่างตามปกติ เขารักษาตัวตามตารางเดิม กระทั่งตกเย็นเขาก็วิ่งมาขอนอนกับอันเยว่ฉีอีกครั้ง
“เราตกลงกันแล้วว่าจะไม่แต่อยู่ด้วยกันฉันสามีภรรยาไม่ใช่หรือ เจ้าจะมาแย่งที่นอนของข้าเช่นนี้ได้อย่างไร” หญิงสาวโวยวายเพราะไม่อยากแบ่งที่นอนกับเขา และนางรู้สึกว่าทำเช่นนี้ไม่เป็นมืออาชีพ นางยังไม่อยากแย่งชิงสามีกับผู้อื่น ยิ่งไม่อยากถูกนางร้ายหน้าสวยจ้องเล่นงาน
“ข้าไม่ชอบเสียงดัง” เขาตอบเรียบง่าย
“..หมายถึงอะไร” นางไม่เข้าใจคำตอบของเขา
“เจ้าแต่งให้ข้าแล้ว เป็นอนุในจวนของข้า เหตุใดข้าจะนอนในห้องของเจ้าไม่ได้” เขาไม่ยอมตอบ แต่ดื้อจะนอนจนไม่คิดรักษาสัญญา
“แต่เราสัญญาแล้ว..”
“คำสัญญาพวกนั้นเจ้าร่างขึ้นมาผู้เดียว ข้ายังไม่ได้รับปากอันใดทั้งสิ้น”
“ฮะ..” อันเยว่ฉีคล้ายไม่รู้จ
เขากลับไปจิกผ้าปูที่นอนและกำมันไว้ราวกับเป็นที่ยึดเหนี่ยวสิ่งเดียวที่ยึดเขาไว้บนเตียงนอน หากเขาไม่กำเอาไว้ เขาอาจถูกริมฝีปากอุ่นกระชากจนลอยขึ้นไปบนสวรรค์ทันทีแต่เพราะเขาจำเป็นต้องจับกำบิดผ้าปูเตียง สองมือเล็กของนางจึงเป็นอิสระจนกลับไปลูบไล้ดาบใหญ่แข็งนูนของเขาอีกครั้ง เมื่อสองมือและริมฝีปากประสานกัน เขาก็ไม่อาจทนทานความสุขกระสันได้อีกต่อไป“ฮ้า..อะ..อึก..” เขาแทบจะหมดลมหายใจทุกครั้งที่นางดูดดื่มมือหนึ่งของเยว่เอ๋อร์เกาะกุมบีบขยำถุงทองคำเพิ่มเปลวเพลิงร้อนรุ่ม อีกมือดึงรูดเสาสวรรค์ผ่านกางเกง ริมฝีปากก็ดูดดื่มโลมเลียแทบจะอมทั้งส่วนหัวของปลายดาบไว้การทำโทษทรมานของนางผ่านไปยังไม่ถึงหนึ่งจิบชา แต่ชายหนุ่มตัวใหญ่กลับรู้สึกราวกับถูกทรมานมานับปี ชั่วลมหายใจต่อมา ลิ้นอุ่นชุ่มฉ่ำก็ดันปลายแท่งหยกแข็งจนเขาสะดุ้ง แล้วนางก็อ้าปากใหญ่ขึ้นดูดดื่มจนเขาต้องยอมถูกกระชากขึ้นสวรรค์ ปลดปล่อยความสุขสมออกมาจนท่วมกางเกง&
เมื่อหญิงสาวค่อยๆ เลื่อนริมฝีปากลงไปยังข้างแก้มก็รู้สึกถึงความตึงเครียดของเขา ชายหนุ่มผู้นี้กำลังกัดฟันจนแน่น“ไม่ต้องกังวล นี่ไม่ใช่การเข้าหอ แต่เป็นการลงโทษ ข้าจะไม่ถอดเสื้อผ้าของเจ้า” อันเยว่ฉีพยายามพูดด้วยน้ำเสียงปกติ แม้จะแหบพร่าบางช่วง แต่ทุกอย่างก็ราบรื่นดีเขายกมือขึ้นมาจับเอวคอดของนางไว้ กดให้ขยับชิดตัวเขาอย่างลืมตัว ค่อยๆ อ้าปากผ่อนลมหายใจ แม้จะรู้สึกว่ามีบางอย่างอัดอั้นเต็มอกจนคล้ายจะระเบิดออกมาหญิงสาวบนอกยังคงทำงานของนางต่อไปเรื่อยๆ จูบตรงนั้นตรงนี้ทั้งที่นั่งคร่อมอยู่บนเอวของเขา หงเจี้ยนหยางรู้สึกถึงริมฝีปากชื้นที่จูบอย่างอ่อนโยนไปทั่วลำคอ ก่อนจะวกกลับไปขบกัดบริเวณคางของเขา“หนวดของเจ้าทำข้าระคาย” อันเยว่ฉีตำหนิ แต่ยังคงจุมพิตไล่ขึ้นมายังริมฝีปากของเขา“อือ..อีกครู่..ขะ..ข้าอะรีบโกน” เขาถูกนางจูบปากจนคำพูดที่ดังออกมาฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง จากนั้นเขาก็ถูกนางกัดเบาๆ จนท
เมื่อกลับมาถึงจวน กุนซือจางได้รู้เรื่องการลอบทำร้าย เขาก็โกรธเจ้าเสือดำมากจนควันออกหู ส่วนอนุอันเยว่ฉีตัวต้นเรื่องกลับหนีเข้าเรือนนอนไม่ไยดีท่านกั๋วกง ปล่อยให้บุรุษตัวใหญ่ถูกกุนซือจางก่นด่าอยู่ครึ่งค่อนเย็นคืนนั้นหงเจี้ยนหยางจึงน้อยใจเยว่เอ๋อร์มากจนไม่ยอมพูดด้วย พวกเขาเข้านอนโดยไร้เสียงสนทนา เขายิ่งน้อยใจที่นางไม่ยอมพูดด้วยจนนอนไม่หลับ กระทั่งยามดึก เมื่ออันเยว่ฉีปีนขึ้นไปนอนบนอกแกร่งตามปกติ เจ้าเสือดำถึงจะถอนหายใจและหลับได้ในที่สุดอันเยว่ฉีรู้สึกว่าหายใจไม่ออก ในความฝันคล้ายว่านางถูกก้อนหินทับจนแทบขาดใจตาย หญิงสาวพยายามผลักแล้วผลักอีกก็ไม่อาจหลุดออกจากก้อนหินได้ นางจึงตัดสินใจเตะก้อนหินอย่างแรงและสะดุ้งตื่นที่แท้นางปีนขึ้นมานอนบนอกของเขาอีกแล้ว เพียงแต่ครั้งนี้เขาใช้สองมือประสานกันไว้ ป้องกันไม่ให้นางดิ้นหรือตกลงไปด้านข้าง กล้ามแขนแน่นๆ กอดรัดจนร่างบางแทบจมลงไปในตัวของเขา
ปีนั้นอดีตฮ่องเต้ไร้ขุนพลมากความสามารถ จึงยอมให้องค์หญิงใหญ่แต่งกับคนเถื่อนผู้เก่งกาจจากทางเหนือ และแต่งตั้งให้เป็นกั๋วกง ออกรบรักษาเมือง เป็นทัพหน้าให้กับอี้โจวแม้จะมีตำแหน่งไม่ต่ำต้อย มีความสามารถสูงส่ง แต่พวกชนชั้นสูงในเมืองหลวงก็ยังคงดูแคลนชาติกำเนิดของราชบุตรเขยตลอดมาหงเจี้ยนหยางมีหน้าตาเหมือนกับมารดา แต่เขาก็ได้รูปร่างสูงใหญ่จากบิดาด้วย ต่อให้เขาจะเก่งกาจและเป็นจอหงวนบู๊ฟ้าประทาน หญิงสาวสูงศักดิ์ในเมืองหลวงก็ไม่มีผู้ใดอยากแต่งให้เขา“อ้อ แต่ว่าท่านกั๋วกงยังบาดเจ็บอยู่ ไม่อาจใช้ข้อมือได้ ปีนี้คงไม่ได้ลงแข่งขันแล้วกระมัง น่าเสียดาย ปีนี้ข้าคงต้องเสียสละรับชัยชนะเอาไว้แล้ว” ขุนนางในชุดแดงยังคงดูถูกดูแคลนหงเจี้ยนหยางต่อไปชายหนุ่มได้แต่ยืนให้เขาประณาม โดยไม่อาจโต้ตอบได้แม้แต่คำเดียว หรือบางทีเขาอาจจะไม่ค่อยเข้าใจคำกระทบกระทั่งที่อัครมหาเสนาบดีพูดก็เป็นได้ แต่อันเยว่ฉียอมไม่ได้ ต่อให้จะกลัวมากเพียงใดนางก็ดันเขาไปอยู่ด้านหลัง แ
“ลุงหลิน! นี่ท่านบังคับรถม้าอย่างไรกัน” ชายหนุ่มโมโหจนต่อว่าคนขับรถม้าอย่างไร้เหตุผล“ไม่ใช่ความผิดของลุงหลินหรอก เจ้าอย่าโมโหเลย ข้าไม่เป็นไร อุบัติเหตุไม่มีใครห้ามได้” อันเยว่ฉีเอ่ย“ไม่ใช่อุบัติเหตุขอรับนายท่าน แต่มีคนจงใจขุดหลุมและใช้หญ้าแห้งพรางไว้ขอรับ” คนขับรถม้าอธิบายจากด้านนอกหงเจี้ยนหยางขมวดคิ้ว แม้เลือดบนจมูกของเยว่เอ๋อร์จะยังคงไหลไม่หยุด แต่เขากลับฉีกแขนเสื้อให้นางถือสำหรับซับเลือด ก่อนจะรวบเอวหญิงสาว ถีบผนังรถม้าจนกระเด็น และรีบกระโดดออกจากตัวรถม้าทันทีเขาเป็นขุนพลที่มากความสามารถ การจะถูกหมายชีวิตย่อมเป็นเรื่องปกติ ถึงแม้ว่าทุกวันนี้เขาจะไม่ได้มีอำนาจทหารอยู่ในกำมืออีกแล้ว แต่การมีอยู่ของเขาก็ยังคงทำให้หลายคนไม่สบายใจ“ปล่อยข้าลงเถิด อย่าฝืนใช้ข้อมือ..” อันเยว่ฉีพูดหลังจากออกมายืนนอกรถม้าแล้ว นางพยายามดึงมือเขาออกจากเอว ด้วยเป็นห่วงว่าหากเขาอุ้มนางไว้ อาการ
“เอ่อ..เอานี่ไปด้วย คือ..กุนซือจางบอกว่าเจ้ากับเขาจะออกไปนอกจวนด้วยกัน” ลู่เยียนหรงพูด พร้อมกับส่งถุงผ้าขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือที่บรรจุบางสิ่งไว้จนเต็ม“นี่อะไร” อนุเยว่ฉีถาม“เงินอย่างไรเล่า เจ้าคิดจะออกไปข้างนอกโดยไม่พกเงินหรือ” ลู่เยียนหรงพูดเสียงดุ“ข้า..พอมีเงินอยู่บ้าง อีกอย่าง..”“เจ้าคิดว่าเจ้าโง่นั่นจะพกเงินไปด้วยหรือ เจ้าดูแคลนความโง่ของเขาเกินไป รับไปเถิด จะได้ไม่อับอายขายหน้าหรือต้องอดตายระหว่างทาง”“..ขอบใจ” อันเยว่ฉีเอ่ยขอบคุณและยอมรับถุงเงินมาแต่โดยดี เมื่อนึกถึงครั้งหนึ่งที่อดีตแม่ทัพหงผู้นั้นเคยมอบถุงเงินที่มีเหรียญทองแดงเพียงไม่กี่เหรียญให้ตัวเอง“อืม” ลู่เยียนหรงมอบเงินให้อันเยว่ฉีเรียบร้อยก็เชิดหน้าสวยๆ กลับไปโดยไม่แม้แต่จะปรายตามองบุรุษที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของนาง สาวใช้ขบวนใหญ่ต่างทำตัวไม่ถูกเพ







