หลินเสี่ยวเหยาเดินออกจากบ้าน มุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านไป๋เหอ เพื่อหาทางเข้าไปในเมืองจินหลง หมู่บ้านไป๋เหอแห่งนี้มีสมาชิกอยู่เกือบร้อยหลังคาเรือนแต่ทันทีที่เธอปรากฏตัวในหมู่บ้านที่ตอนนี้ทุกคนกำลังเริ่มลงแปลงนากันอยู่ หลินเสี่ยวเหยาเดินไปตามถนนในหมู่บ้าน สายตาชาวบ้านที่มองมาและนินทาในระยะเผาขน
เสียงซุบซิบนินทาดังขึ้น เมื่อหลินเสี่ยวเหยาปรากฏตัวขึ้นในชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนสะอาดตา ผมยาวสลวยถูกรวบเป็นมวยหลวม ๆ ตกแต่งด้วยปิ่นหยกเรียบหรู แม้จะดูเรียบง่ายแต่ก็ขับให้ใบหน้าหวานนั้นดูโดดเด่นขึ้นเป็นกอง
"นั่นหลินเสี่ยวเหยาไม่ใช่เหรอ? วันนี้แต่งตัวซะสวยเชียว" เสียงแหลมเล็กของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นจากกลุ่มคนที่ยืนมุงดูอยู่ริมทาง
"ก็แน่สิ เงินพ่อแม่หล่อนทั้งนั้นที่ทิ้งไว้ให้" เสียงอีกคนเสริมขึ้นมาอย่างเหยียดหยัน
"ผู้หญิงอะไรขี้เกียจ ไม่ยอมทำลงแปลงนาเหมือนคนอื่น"
"ระวังเถอะ พอเงินพ่อแม่หล่อนหมดจะอดตายไม่มีข้าวจะกิน"
หลินเสี่ยวเหยาได้ยินทุกคำพูดเหล่านั้น แต่เธอก็ทำเพียงแค่เมินเฉยและเดินหน้าต่อไป ริมฝีปากบางยกขึ้นเป็นรอยยิ้มจาง ๆ ราวกับไม่ได้ใส่ใจกับคำนินทาเหล่านั้นแม้แต่น้อย เธอรู้ดีว่าคำพูดเหล่านั้นเป็นเพียงแค่ลมปากของคนที่อิจฉาเธอเท่านั้น
หญิงสาวเดินไปตามเส้นทางที่คุ้นเคย เธอจำได้ว่าเจ้าของร่างเดิมเคยไปที่ขึ้นเกวียนที่ลานหมู่บ้าน ที่จะนำพาพวกชาวบ้านเข้าไปในเมือง หลินเสี่ยวเหยาหยุดเดินอยู่หน้าเกวียนไม้เก่าๆ ที่จอดรอรับผู้โดยสารอยู่ซึ่งตอนนี้มีผู้คนเกือบจะเต็มเกวียนแล้ว หญิงสาวล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าผ้า หยิบเหรียญออกมาสองเจี่ยว แล้วส่งให้คนขับเกวียน
"ฉันจะไปในเมืองค่ะ" ร่างบางกล่าวกับคนขับเกวียน
คนขับเกวียนพยักหน้ารับรู้แล้วผายมือเชิญให้เธอขึ้นไปนั่งบนเกวียน ภายในเกวียนค่อนข้างแออัด ชาวบ้านต่างนั่งเบียดกันจนเกือบเต็มในมือของทุกคนต่างมีข้าวของที่จะนำไปแลกเปลี่ยนที่ในเมือง เสี่ยวเหยาก้าวขึ้นไปนั่งบนเกวียน เธอรู้สึกได้ถึงสายตาของชาวบ้านที่จับจ้องมาที่เธอ บางคนมองด้วยความสงสัย บางคนมองด้วยความดูถูก แต่เสี่ยวเหยาไม่สนใจใครทั้งนั้น เธอรู้ว่าพวกเขาต่างกำลังคิดอะไรอยู่
"นี่หลินเสี่ยวเหยาไม่ใช่เหรอ? วันนี้ทำไมแต่งตัวสวยจัง" ป้าหม่าเอ่ยขึ้น
"คงจะเข้าไปอ่อยผู้ชายในเมืองล่ะสิ" สะใภ้หลี่ที่เป็นลูกคู่พูดเสริมขึ้นมา
หลินเสี่ยวเหยาไม่ได้ตอบโต้อะไร เธอเพียงแค่ยิ้มมุมปากเล็กน้อยและมองออกไปนอกหน้าต่าง
'พวกหล่อนรอดูได้เลย หลินเสี่ยวเหยาคนนี้จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป' หญิงสาวคิดในใจ
เมื่อเกวียนแล่นเข้ามาในเมืองจินหลง หลินเสี่ยวเหยาก็กระโดดลงมาอย่างคล่องแคล่ว เธอถือตะกร้าผักเดินเข้าไปในเมือง เมื่อหญิงสาวมาถึงในซอยที่ไม่มีผู้คนหญิงสาวนำหมวกที่มีตาข่ายจากในมิติมาคลุมใบหน้าไว้ทำให้เธอดูเหมือนคุณหนูขึ้นมาทันที เธอต้องการที่ปลอมตัวเป็นคนเมืองหลวง เพื่อไม่ให้คนในเมืองจินหลงจดจำเธอได้
เธอเดินทอดน่องไปตามตรอกซอกที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน สังเกตวิถีชีวิตและการค้าขายที่คึกคักของเมืองจินหลง
"ตลาดมืด...ฉันจะต้องหามันให้เจอ" เสี่ยวเหยาพึมพำกับตัวเอง จากการที่เธออ่านนิยายมา ตลาดมืดจะเป็นแหล่งรวมสินค้าหายากและของผิดกฎหมาย แต่การจะเข้าไปข้างในนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย จะต้องรู้รหัสลับที่ใช้สื่อสารกับคนเฝ้าประตูเสียก่อน
หลินเสี่ยวเหยาแอบมองไปรอบๆ หวังว่าจะเจอใครสักคนที่พอจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับตลาดมืดได้ แต่ดูเหมือนทุกคนจะยุ่งอยู่กับธุระของตัวเองจนไม่มีใครสนใจหญิงสาวแปลกหน้าอย่างเธอ
"ขอโทษค่ะ" เสี่ยวเหยาตัดสินใจเอ่ยปากถามหญิงชราคนหนึ่งที่กำลังนั่งขายผักอยู่ข้างทาง "คุณยายพอจะทราบไหมคะว่าตลาดมืดอยู่แถวไหน"
หญิงชรายิ้มอย่างมีเลศนัย "ตลาดมืดน่ะ... หึหึ หนูอยากได้อะไรล่ะ ถึงต้องไปที่นั่น"
หลินเสี่ยวเหยาชะงักเล็กน้อย ไม่แน่ใจว่าควรจะตอบอย่างไรดี "ฉันอยากได้ผ้าสักผืนสองผืนมาตัดเย็บค่ะ"เธอพูดคำโกหกออกไปหน้าตาใส
หญิงชราทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า "ถ้าหนูอยากเข้าไปตลาดมืดจริง ๆ ละก็...ไปที่ตรอกเล็กๆ ข้างร้านขายโคมแดงนั่นนะ แล้วพูดว่า..." หญิงชราบอกรหัสลับให้หลินเสี่ยวเหยาฟัง
หญิงสาวจดจำรหัสลับนั้นไว้ในใจ พร้อมกับขอบคุณหญิงชราที่ให้ความช่วยเหลือ เธอหยิบผักผลไม้ในตะกร้าให้เป็นแทนคำขอบคุณ
เมื่อหญิงสาวมาถึงตรอกเล็กๆ ข้างร้านขายโคมแดง ทันใดนั้น เธอก็เหลือบไปเห็นชายร่างผอมคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ที่มุมมืดของตรอก หลินเสี่ยวเหยาไม่รอช้า เธอเดินเข้าไปหาชายคนนั้นอย่างไม่ลังเล
"ขอโทษค่ะ" เธอเอ่ยทักชายคนนั้น "ฉันต้องการผ้า... ที่ทอจากแสงจันทร์"
ทันทีที่หลินเสี่ยวเหยาพูดจบ ชายคนนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ "ตามฉันมาสิ" เขาพูด ก่อนจะเดินนำหลินเสี่ยวเหยาเข้าไปในตรอกลึก
เมื่อหญิงสาวเข้ามาในตรอกเธอพบว่าบรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ตรอกที่เคยเงียบสงบกลับเต็มไปด้วยผู้คนที่เดินขวักไขว่ เสียงพูดคุยต่อรองดังเซ็งแซ่ ร้านค้าแผงลอยต่างๆ ตั้งเรียงรายอยู่สองข้างทาง สินค้าที่วางขายมีตั้งแต่ของใช้ธรรมดาไปจนถึงของผิดกฎหมาย
หลินเสี่ยวเหยาเพิ่งเดินเข้ามาในตลาดมืดแห่งนี้เป็นครั้งแรก ท่าทางของเธอระแวดระวังและคอยสังเกตสิ่งรอบตัวอยู่ตลอดเวลา หลินเสี่ยวเหยาจำเป็นต้องเรียนรู้กฎและทำความเข้าใจกับราคาสินค้าในตลาดมืดแห่งนี้เสียก่อนที่จะเริ่มทำการค้าขาย
"พี่ชายคะ มันเทศราคาเท่าไหร่?" หลินเสี่ยวเหยาเอ่ยถามพ่อค้าขายมันเทศคนหนึ่ง
"จินละ 5 เหมา" พ่อค้าตอบกลับ
หลินเสี่ยวเหยาพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเดินดูร้านอื่นๆ ต่อไป เธอสังเกตเห็นว่าสินค้าส่วนใหญ่ในตลาดมืดนี้เป็นสินค้าที่หายากหรือถูกควบคุมโดยรัฐบาล เช่น อาหาร เสื้อผ้า ยารักษาโรค และสินค้าฟุ่มเฟือยต่างๆ
"พี่สาวคะ ผ้าไหมผืนนี้เท่าไหร่?" หลินเสี่ยวเหยาถามแม่ค้าขายผ้าไหม
"20 หยวน" แม่ค้าตอบกลับ
หลินเสี่ยวเหยาแสร้งทำเป็นตกใจ "แพงจังเลยค่ะพี่สาว ลดหน่อยได้ไหมคะ?"
"ไม่ได้หรอกน้องสาว นี่ก็ราคาถูกที่สุดแล้ว" แม่ค้าตอบอย่างไม่ไยดี
หลินเสี่ยวเหยาจึงเดินจากไปอย่างเงียบๆ เธอรู้ดีว่าการต่อรองราคาเป็นเรื่องปกติในตลาดมืด แต่เธอยังไม่กล้าพอที่จะต่อรองราคาสินค้าในตอนนี้เนื่องจากเธอไม่มีเงินติดตัวมากนัก ตอนนี้เธอต้องการร้านค้าขนาดใหญ่ที่สามารถรับซื้อสินค้าราคาแพงได้
หลังจากที่ร่างบางเดินสำรวจตลาดมืดอยู่พักใหญ่ หลินเสี่ยวเหยาก็เริ่มเข้าใจราคาสินค้าต่างๆ มากขึ้น เธอรู้ว่าจะต้องระมัดระวังตัวและไม่ทำตัวเป็นจุดเด่นจนเกินไป
เมื่อสำรวจจนพอใจแล้ว เธอเดินไปร้านขายของชำขนาดใหญ่ร้านหนึ่งในตลาดมืด เธอเดินเข้าไปหาหญิงสาววัยกลางคนที่เป็นเจ้าของร้าน
"พี่สาว ต้องการสิ่งนี้ไหมคะ?" หลินเสี่ยวเหยาเปิดตะกร้าหวายของเธอ ข้างในมีสบู่หอมหลากสีที่เธอแกะกล่องออกมาวางเรียงรายอย่างสวยงาม
"สบู่นี่น้องสาวได้มาที่จากไหน?" หญิงสาววัยกลางคนถามด้วยความสนใจ
"ฉันไปรับมาจากเมืองหลวงค่ะ พี่สาวลองดมดูสิคะ สบู่นำเข้าจากต่างประเทศมีกลิ่นหอมมากเลย" หลินเสี่ยวเหยาหยิบสบู่สีชมพูอ่อนขึ้นมาส่งให้เจ้าของร้านวัยกลางคน
เจ้าของร้านรับสบู่มาดม กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ทำให้เธอรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที
"สบู่นี่ก้อนละเท่าไหร่?" เจ้าของร้านเอ่ยถาม
"ก้อนละ 5 หยวนค่ะ" หลินเสี่ยวเหยาตอบกลับเจ้าของร้าน
ในปี 1970 นี้ เงิน 5 หยวนถือว่ามีมูลค่ามากพอสมควร โดยเฉลี่ยแล้วคนงานในโรงงานจะได้รับค่าแรงประมาณ 30-40 หยวนต่อเดือน ดังนั้นสบู่ 1 ก้อนจึงมีราคาค่อนข้างสูง แต่เนื่องจากเป็นสินค้าหายาก จึงมีคนจำนวนไม่น้อยที่ยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อ
"เอาสิ ฉันเอา 30 ก้อน" หญิงสาววัยกลางคนตัดสินใจซื้อสบู่
หลินเสี่ยวเหยายิ้มกว้างด้วยความดีใจ เธอรีบหยิบสบู่ 30 ก้อนส่งให้เจ้าของร้าน พร้อมกับรับเงิน 150 หยวนมา
"ขอบคุณมากค่ะพี่สาว" หลินเสี่ยวเหยากล่าวขอบคุณด้วยความจริงใจ "ฉันจะมาตลาดมืดแค่เดือนละ 2 ครั้ง ถ้าคราวหน้าฉันมาอีก ถ้าต้องการเพิ่มก็แจ้งมานะคะ ฉันมีแหล่งรับของ"
หลังขายของเสร็จหลินเสี่ยวเหยาก็บอกลาเจ้าของร้านอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเดินจากไป เธอสามารถขายสบู่ได้ทั้งหมดและได้เงินมา 150 หยวน ซึ่งถือว่าเป็นเงินจำนวนไม่น้อยสำหรับเธอ
เมื่อเธอเดินออกมานอกตลาด แต่แล้ว เสียงฝีเท้าหนักแน่นของทหารก็ดังขึ้น พร้อมกับเสียงตะโกนสั่งให้ทุกคนหยุดนิ่ง หลินเสี่ยวเหยาเห็นผู้คนแตกตื่น วิ่งหนีกันอลหม่าน เธอรีบเอาของใส่ในมิติทั้งหมด และรีบหลบเข้าไปในตรอกเล็กๆ หวังว่าจะรอดพ้นจากการตรวจค้นของพวกทหาร
ขณะที่แอบซุ่มดูสถานการณ์อยู่นั้น สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังถูกทหารล้อมกรอบสอบสวนอยู่ ชายหนุ่มคนนั้นมีใบหน้าคมคาย ผิวขาว รูปร่างสูงโปร่ง หลินเสี่ยวเหยาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เพราะชายหนุ่มคนนั้นมีใบหน้าละม้ายคล้ายกับ เจิ้งห้าว อดีตแฟนหนุ่มของเธอในชาติที่แล้ว!
"สหายคุณชื่ออะไร?" ทหารนายหนึ่งถามชายหนุ่มเสียงแข็ง
"ผมชื่อ หลี่เหว่ยเฉียง เป็นยุวชนปัญญาที่มาจากหมู่บ้านไป๋เหอ " ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบ
หลินเสี่ยวเหยาถึงกับกำหมัดแน่นด้วยความแค้นใจ หลี่เหว่ยเฉียง ชื่อนี้เธอจำได้ดี มันคือชื่อของพระเอกในนิยายที่เธอเคยอ่าน! ในนิยาย หลี่เหว่ยเฉียงเป็นยุวชนที่ถูกส่งตัวลงมาใช้แรงงานในชนบท แต่ด้วยความฉลาดและความสามารถของชายหนุ่ม เขาก็สามารถเอาตัวรอดและไต่เต้าขึ้นมาเป็นใหญ่เป็นโตได้ในที่สุด
"ยุวชนปัญญาอย่างนั้นรึ?" ทหารแสยะยิ้ม "พวกแกมันก็แค่พวกคนชั้นสูงที่ทำผิดคิดร้ายต่อท่านผู้นำ!"
หลี่เหว่ยเฉียงยังคงสงบนิ่ง ไม่แสดงความหวาดกลัวออกมาให้เห็น
"พวกแกจับมันไป!" หัวหน้าทหารสั่งลูกน้องเสียงแข็ง
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา รถไฟขบวนพิเศษจากเมืองหลวงก็แล่นเข้าสู่สถานีรถไฟเมืองจินหลง หยางกั๋วเฉิงและหลิวซิวหยวน พ่อแม่ของหยางเฟิง ย่างก้าวลงจากรถไฟด้วยสีหน้าที่เปี่ยมสุข ท่ามกลางเสียงต้อนรับของลูกชายและลูกสะใภ้ที่มารอรับอย่างพร้อมหน้า"คุณพ่อ คุณแม่" หยางเฟิงโผเข้ากอดพ่อแม่ด้วยความคิดถึง น้ำตาคลอหน่วย "ผมคิดถึงพ่อกับแม่เหลือเกิน""ลูกชายแม่" หลิวซิวหยวนลูบหลังลูกชายเบาๆ ปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงอบอุ่น "แม่ก็คิดถึงลูกเหมือนกัน"หยางกั๋วเฉิงยิ้มอย่างภาคภูมิใจ "เจ้าสามแกโตเป็นหนุ่มแล้วนะ แถมยังจะแต่งงานมีครอบครัวอีกต่างหาก""แล้วนี่หลินเสี่ยวเหยา คู่หมั้นของลูก ใช่ไหม?" หลิวซิวหยวนเอ่ยถามพลางมองไปยังหญิงสาวหน้าหวานที่ยืนข้างๆ ลูกชายด้วยสายตาเอ็นดู"สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่ หนูชื่อหลินเสี่ยวเหยาค่ะ" หลินเสี่ยวเหยาโค้งคำนับอย่างนอบน้อม"หนูเสี่ยวเหยา ไม่ต้องมากพิธีหรอก" หยางกั๋วเฉิงยิ้มให้หลินเสี่ยวเหยาอย่างเป็นมิตร "พ่อได้ยินเรื่องของลูกจากเจ้าสามมาเยอะพอสมควร พอได้มาเห็นตัวจริงแล้วน่ารักกว่าที่คิดไว้มาก""จริงสิ พี่ชายคนโตของพ่อกับลูกสะใภ้ก็มาด้วยนะ"
เสียงไซเรนดังกึกก้องไปทั่วบริเวณโรงแรมหลงหยวนชุน เซียวจิ้งหนานและเจียงเหม่ยหลิงถูกใส่กุญแจมือถูกลากตัวไปขึ้นรถทหาร หยางเฟิงหัวหน้าหน่วยที่ 13 ปาดเหงื่อที่ผุดพรายบนหน้าผาก เขาหันไปสั่งการเจียงเฉินเพื่อนสนิทของเขา"เจียงเฉิน นายรีบพาหลินฮวาไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!" หยางเฟิงสั่งการด้วยน้ำเสียงเข้มเจียงเฉินพยักหน้ารับคำสั่งอย่างรวดเร็ว เขารับร่างบอบบางของหลินฮวาที่หมดสติไปจากหัวหน้าหน่วยอย่างระมัดระวัง ใบหน้าซีดเผือดของหลินฮวามีรอยไหม้จากน้ำกรดปรากฏให้เห็นเป็นบาดแผลที่น่ากลัว ใบหน้าของเธอเสียหายไปทั้งใบหน้า เจียงเฉินกัดฟันแน่น เขาอุ้มหลินฮวาขึ้นรถ รีบบึ่งไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันทีเมื่อไปถึงโรงพยาบาล ทีมแพทย์และพยาบาลต่างก็กรูเข้ามาช่วยเหลือหลินฮวาอย่างเร่งด่วน พวกเขาเข็นเตียงของหลินฮวาเข้าห้องฉุกเฉินทันที เจียงเฉินมองตามร่างของหญิงสาวที่หายลับเข้าไปในห้องฉุกเฉิน"คุณหมอครับ อาการของเธอจะเป็นยังไงบ้างครับ" เจียงเฉินถามคุณหมอเมื่อเห็นทีมแพทย์ออกจากห้องฉุกเฉินมา"อาการของเธอค่อนข้างสาหัส ของเหลวที่เธอได้รับเข้าไปนั้นเป็นกรดที่มีฤทธิ์รุนแรงมาก ตอนนี้เ
หลังจากได้ข้อมูลทั้งหมดจากหลี่เหว่ยแล้ว หลินเสี่ยวเหยาก็รีบแจ้งหยางเฟิงถึงแผนที่จะไปช่วยลูกชายของหลี่เหว่ยที่บ้านพักตากอากาศชานเมืองจินหลงทันทีหยางเฟิงแสดงสีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด "เหยาเหยา เธอแน่ใจนะว่าจะไปเอง? ไม่ให้พี่ไปด้วย"หลินเสี่ยวเหยาส่ายหน้า "ไม่เป็นไรหรอกพี่เฟิง พี่ไปจัดการเรื่องจับกุมเซียวจิ้งหนานเถอะ เรื่องหลี่เหว่ยตงฉันจัดการเองได้" เธอพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น"แต่ว่า..." หยางเฟิงยังคงลังเล"ไม่มีแต่ค่ะ ฉันดูแลตัวเองได้ พี่ไม่ต้องห่วง" หลินเสี่ยวเหยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล พร้อมส่งยิ้มหวานละมุนให้คู่หมั้นหนุ่มหยางเฟิงถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงห่วงใย "ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นเหยาเหยาก็ระวังตัวด้วยนะ มีอะไรโทรมาที่ค่ายทหารติดต่อพี่ได้ตลอด"หลินเสี่ยวเหยาพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน "ค่ะ...พี่เฟิง งั้นเดี๋ยวฉันขอยืมรถพี่เฟิงหน่อยนะคะ""เหยาเหยาขับรถเป็นด้วยหรือครับ" หยางเฟิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะไม่เคยเห็นหลินเสี่ยวเหยาขับรถมาก่อน"ฉันขับรถเป็นค่ะ" หลินเสี่ยวเหยากล่าวอย่
แสงอาทิตย์สีทองค่อยๆ ลับหายไปหลังแนวขุนเขา ทิ้งไว้เพียงสีส้มจางๆ ระบายขอบฟ้า แต่แสงนั้นไม่อาจบรรเทาความร้อนรุ่มในใจของเจียงเหม่ยหลิงได้เลยแม้แต่น้อย รถยนต์คันใหญ่เคลื่อนตัวเข้าสู่เมืองจินหลงในยามพลบค่ำ เธอหันไปสั่งคนสนิทเสียงเข้ม"ไปสืบเรื่องหลินฮวาที่ร้านจินหยวนมาให้ฉันเดี๋ยวนี้"รถยนต์ยังคงแล่นไปตามถนนที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนและรถลาก เจียงเหม่ยหลิงมองออกไปนอกหน้าต่าง ทิวทัศน์ที่คุ้นเคยกลับดูหม่นหมองลงในสายตา"นายหญิงครับ" เสียงของลูกน้องคนสนิทดังขึ้น ทำให้เจียงเหม่ยหลิงละสายตาจากภาพด้านนอก"ว่าอย่างไร" เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงแววเคร่งขรึม"คุณเซียวได้ไถ่ตัวหลินฮวาจากร้านจินหยวนจริงครับ จากการสืบปากคำเจ้าของร้านทำให้ทราบว่าตอนนี้เธอพักอยู่ที่โรงแรมหลงหยวนชุน" ลูกน้องคนหนึ่งเอ่ยรายงานเจียงเหม่ยหลิงกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ ความโกรธเกรี้ยวประดุจเปลวไฟลุกโชนขึ้นในอก เธอหวนนึกถึงคำพูดของบรรดาอนุภรรยาของเซียวจิ้งหนานที่คอยพูดจาดูถูกเหยียดหยาม ชอบโอ้อวดเรื่องสามีให้เธอฟัง แม้จะโกรธเพียงใด แต่เจียงเหม่ยหลิงก็รู้ดีว่าเธอต้องอดทน เธอรู้ว
ไม่ถึงสิบนาที ประตูห้องสอบสวนก็เปิดออกอีกครั้ง ร่างระหงของหลินเสี่ยวเหยาปรากฏขึ้น เธอเดินอย่างสง่าผ่าเผยออกมาจากห้อง ทิ้งให้หลี่เหว่ยจมอยู่กับความคิดอันสับสนวุ่นวายเพียงลำพังทันทีที่ก้าวพ้นประตู หลินเสี่ยวเหยาต้องเผชิญหน้ากับบุรุษสองนายที่ยืนรออยู่ หยางเฟิงในชุดทหารที่ดูสง่างามยืนรออยู่เคียงข้างพลตรีเฉินกั๋วชิง ผู้บังคับบัญชาของเขา ดวงตาคมกริบของหยางเฟิงจับจ้องมาที่หลินเสี่ยวเหยาอย่างร้อนรน ความอยากรู้ฉายชัดอยู่ในแววตา"เหยาเหยา เป็นยังไงบ้าง หลี่เหว่ยมันยอมปริปากหรือยัง?" เสียงทุ้มเข้มของพันตรีหนุ่มดังขึ้น ท่ามกลางความเงียบของทางเดินหลินเสี่ยวเหยาหยุดยืนอยู่หน้าหยางเฟิงและพลตรีเฉินกั๋วชิง เธอสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะตอบ "แน่นอนค่ะว่าหลี่เหว่ยสารภาพ" เธอตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับกำลังพูดถึงเรื่องดินฟ้าอากาศหยางเฟิงเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ เขาและเหว่ยเจี้ยน ต่างก็เค้นสอบสวนหลี่เหว่ยมาตลอดทั้งอาทิตย์ ใช้ทั้งวิธีข่มขู่และทรมานสารพัด แต่หัวหน้ากลุ่มกบฏก็ยังคงปิดปากเงียบ ไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียวแต่หลินเสี่ยวเหยาที่เข้าไปในห้องสืบสวน
ท้องฟ้าเหนือเมืองจินหลงยังคงมืดครึ้ม แม้แสงอาทิตย์แรกของวันใหม่จะเริ่มสาดส่อง ทว่าบรรยากาศในเซฟเฮาส์ลับกลับเย็นเยียบราวกับถูกปกคลุมด้วยเงามืดเซียวจิ้งหนานนั่งนิ่ง สายตาคมกริบจับจ้องไปยังลูกน้องที่ยืนตัวสั่นอยู่เบื้องหน้า ใบหน้าที่ถึงจะมีอายุเยอะแต่ก็ยังคงความหล่อเหลา บัดนี้ใบหน้าเขากลับบิดเบี้ยวด้วยความโกรธเกรี้ยวเมื่อทุกสิ่งที่เขาได้วางแผนไว้ล้มเหลวไม่เป็นท่า"นายท่านผมมีเรื่องจะแจ้งให้ทราบ ผมได้รับรายงานว่าค่ายของพวกกบฏที่เราสนับสนุนถูกทหารบุกโจมตีตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วครับ" เสียงของลูกน้องรายงานด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "อาวุธและคนของเราถูกจับยึดไปทั้งหมด...""ว่ายังไงนะ!" เสียงทุ้มต่ำของเซียวจิ้งหนานดังก้องไปทั่วห้องทำงานเมื่อได้ยินข่าวร้าย "ค่ายของเราถูกพวกทหารรัฐบาลบุกโจมตีงั้นเหรอ?"แก้วเหล้าคริสตัลที่บรรจุของเหลวสีอำพันล้ำค่าหลุดร่วงจากมือหนา กระทบกับพื้นหินอ่อนแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ของเหลวสีทองอร่ามไหลนองไปทั่วพรมเปอร์เซียราคาแพง"ครับนายท่าน" ลูกน้องคนสนิทก้มหน้าลงต่ำด้วยความหวาดกลัว "พวกมันบุกเข้ามาโดยที่เราไม่ทันตั้งตัว ทำให้คนของเราเสียชีวิ