บทที่ 7 เตรียมของให้ท่านตาท่านยาย
เมิ่งซูเหยาตื่นแต่เช้าทำตามแผนที่วางเอาไว้ นางเดินเข้ามาที่ตำหนักของจางอี้ซือพร้อมสาวใช้ที่ยกสำรับมากมายตามหลังมา สองเท้าก้าวเข้ามาในห้องโถงด้วยใจที่เต้นถี่มากกว่าเดิม
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่” เมื่อก้าวเท้าเข้ามายังไม่ถึงสองเก้าเสียงเข้มขรึมได้เอ่ยถามขึ้นเสียงดัง เมิ่งซูเหยาถึงจะเตรียมใจแต่ก็มีสะดุ้งเล็กน้อยนางสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะฉีกยิ้มกว้างออกมา ผายมือให้สาวใช้นำสำรับไปจัดที่โต๊ะอาหาร
“มันเป็นเรื่องน่าแปลกตรงไหนเพคะ หม่อมฉันเป็นพระชายาต้องการนั่งรวมโต๊ะกับสวามีไม่ว่าที่ใดก็ทำกันเช่นนี้ พวกเจ้ายกสำรับนี้ไปไว้ที่โต๊ะแล้วจะไปทำอะไรก็ไป” สาวใช้ก้มโค้งเดินเข้าไปด้านในทำตามคำสั่งของพระชายาเอก ส่วนเมิ่งซูเหยากำลังเดินเข้ามาใกล้ใช้มือแตะลงที่อกแกร่งของบุรุษที่อยู่ตรงหน้า ยิ่งดูใกล้ ๆ เช่นนี้ยิ่งทำให้นางได้เห็นความสง่างามของบุรุษไม่แปลกเลยที่หานเฟยเยี่ยถึงต้องการครอบครองเขาเพียงผู้เดียว และไม่แปลกใจเลยที่เมิ่งซูเหยาคนเก่าจะยอมทนอยู่ที่นี่แม้จะเจ็บช้ำน้ำใจเพียงใด
“เจ้าทำอันใดเอามือของเจ้าออกไปจากตัวข้าเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงฉายแววเกรี้ยวกราดสาดลึกเข้าไปถึงดวงตาแต่มีหรือที่เมิ่งซูเหยาจะยอมหยุดยิ่งเห็นเขาโมโหนางยิ่งชอบใจหัวเราะในลำคออย่างไม่สะทกสะท้าน
“จะถือตัวไปทำไมเพคะทำราวกับว่าเราสองคนไม่เคยร่วมหลับนอนด้วยกันซ่ะอย่างนั้น หากเบื่อและไม่ชอบใจที่หม่อมฉันทำเช่นนี้ก็รีบหย่าให้สิเพคะ หากท่านไม่หย่าข้าจะมาหาท่านทุกเช้าเย็น”
ขวับ!!! จางอี้ซือจับมือของนางออกพร้อมบีบแน่นขลึงตาใส่อย่างดุดันกระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแต่แน่วแน่
“ข้าขอเตือนเจ้าอีกรอบอย่าทำเช่นนี้อีก ไม่ว่าเจ้าจะทำอันใดข้าไม่มีทางหย่าให้เจ้าเป็นอันขาด ข้าบอกเจ้าแล้วใช่มั้ยให้อยู่อย่างเงียบ ๆ” ใบหน้าของร่างบางซีดเซียวด้วยความเจ็บที่ข้อมือแต่ทว่าไม่ทันได้เอ่ยอันใดเสียงของบ่าวรับใช้หน้าตำหนักได้ตะโกนแจ้งว่ามีผู้มาเยือนอีกครั้ง
“พระชายารองหานเฟยเยี่ยเสด็จ” เมื่อเมิ่งซูเหยาได้ยินนางจึงร้องออกมาอย่างโอดครวญให้หานเฟยเยี่ยเข้าใจผิด
“ท่านพี่อย่าทำแรงเช่นนี้เพคะ หม่อมฉันระบมไปทั้งร่างกายแล้วยามวิกาลที่ผ่านมาข้าได้ยินมาจากสาวใช้ว่าท่านพี่ไปที่ตำหนักของพระชายารองเหตุใดถึงมีเรี่ยวมีแรงได้ถึงขนาดนี้ เอาไว้ให้ท้องฟ้ามืดครึ้มตะวันตกดินก่อนสิเพคะหม่อมฉันอายสาวใช้ในจวน” คิ้วของจางอี้ซือขมวดเข้าหากันชั่วครู่ก่อนจะเข้าใจทุกอย่างว่านางต้องการอันใด กระซิบข้างหูให้นางหยุดส่งเสียงเรื่องที่ไม่เป็นจริง
“หยุดเดี๋ยวนี้หากเจ้าไม่หยุดอย่าหาว่าข้าใจร้าย” เมิ่งซูเหยาได้ยินและเห็นสีหน้าจริงจังของจางอี้ซือถึงกับชะงักก่อนจะสะบัดมือออกจากมือหนา
“ท่านพี่เพคะ วันนี้หม่อมฉันสั่งให้สาวใช้เตรียมซุปมาเพิ่มกำลังให้ท่านเมื่อคืนนี้ท่านเสียแรงไปมาก เอ่อ...หม่อมฉันไม่รู้ว่าพระชายาจะอยู่ที่นี่ด้วยต้องขออภัยด้วยเพคะ” หานเฟยเยี่ยได้ยินสิ่งที่เมิ่งซูเหยาเอ่ยมาเต็มสองหูยามนี้นางสั่นเทาด้วยความโกรธแค้นแต่ทว่าต้องกักเก็บความรู้สึกของตนเองเอาไว้ แสร้งทำเป็นไม่รู้และไม่ได้ยินว่าพระชายาเอกอยู่ที่นี่
“เพราะที่ผ่านมาเจ้าไม่เคยเห็นข้าปรากฏตัวอยู่ที่นี่จึงไม่คุ้นชินแต่ต่อจากนี้เจ้าต้องรับรู้ด้วยว่าข้าจะมาที่นี่หรือไม่แน่ข้าอาจจะย้ายมานอนที่ตำหนักใหญ่ทุกคืน อีกอย่างเช้านี้ข้าเตรียมอาหารเช้ามาแล้วในเมื่อเจ้ามาก็ร่วมกินอาหารด้วยกันที่นี่เลยดีหรือไม่ ตั้งแต่แต่งเข้าจวนข้ายังไม่เคยร่วมกินอาหารพร้อมหน้าพร้อมตาสามคนผัวเมียสักครา”
“พระชายาเจ้าเอ่ยอันใดรู้ตัวหรือไม่ ช่างน่าเกียจยิ่งนักวันนี้ข้าไม่หิวหากพวกเจ้าหิวก็กินกันสองคนเถอะข้ามีเรื่องต้องทำอีกมากมาย” จางอี้ซือเริ่มรู้สึกถึงสงครามอารมณ์จึงหาเรื่องออกจากที่ตรงนี้ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ต่อว่าลงไม้ลงมือ
“หม่อมฉันอิ่มแล้วเพคะในเมื่อพระชายาอยากอยู่ที่ก็เชิญ ท่านพี่รอหม่อมฉันด้วยเพคะ หม่อมฉันมีเรื่องจะหารือครู่หนึ่ง” หานเฟยเยี่ยรีบวิ่งตามหลังจางอี้ซือออกไปนอกตำหนัก ส่วนเมิ่งซูเหยากอดอกแสยะยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
‘นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น ต่อจากนี้ต่างหากคือของจริง’
ยามซื่อ (10.00)
เมิ่งซูเหยากลับมาที่ตำหนักหลังจากที่ไปหาจางอี้ซื้อ นางให้เหมยหลงหาสาวใช้ที่ใสซื่อและบังคับง่ายและนางก็ได้พามาที่ตำหนัก เมิ่งซูเหยาสั่งการให้นางคอยเฝ้ามองและคอยฟังคำพูดของหานเฟยเยี่ยหากมีเรื่องอันใดน่าสงสัยหรือเอะใจให้มาแจ้งนางทันที เมื่อจัดการเสร็จแล้วเมิ่งซูเหยาได้ไปหาเด็ก ๆ ที่ตำหนัก
“ท่านแม่ข้ากำลังคิดถึงท่านพอดีเลยขอรับ” จิ้นเอ๋อวิ่งเข้ามาสวมกอดเมิ่งซูเหยานางแทบตั้งตัวไม่ทัน
“จิ้นเอ๋อของข้าเริ่มโตจนข้าแทบรับแรงของเจ้าไม่ไหว ว่าแต่เจ้าคิดถึงแม่ผู้นี้เพราะเรื่องอันใดหรือ? สองวันมานี้อากาศเริ่มไม่ค่อยหนาวเท่าไหร่แล้วเมื่อไหร่ที่หิมะเริ่มละลายข้าจะพาเจ้ากับเสี่ยวเออร์ออกไปเที่ยวเล่นที่ตลาดดีหรือไม่”
“จริงนะขอรับ ที่ข้าคิดถึงท่านแม่นั้นเพราะข้าได้ให้สัญญากับท่านตาท่านยายที่ช่วยเหลือเราไว้ว่าหากข้ากลับมาที่จวนได้เมื่อไหร่จะส่งอาหารไปให้ทั้งสองเพื่อเป็นการตอบแทน” ดวงตาประกายใสซื่อของจิ้นเอ๋อทำให้นางเอ็นดูเด็กผู้นี้เหลือเกิน
“จิ้นเอ๋อเจ้าเป็นเด็กดีรักษาคำพูด เรื่องเท่านั้นทำไมข้าจะทำให้ไม่ได้เพราะข้าเองก็ติดบุญคุณท่านผู้เฒ่าทั้งสองยิ่งนักอย่างนั้นวันนี้เราไปจัดเตรียมของใส่รถม้าให้บ่าวไปส่งให้ท่านตาท่านยายดีหรือไม่”
“ดีขอรับ”
“ท่านแม่ ท่านแม่เจ้าคะดูนี่สิข้าให้แม่นมนำผ้าที่ไม่ได้ใช้ออกมาเตรียมส่งให้ท่านยายด้วย เสื้อผ้าอาภรณ์ของนางทั้งบางและขาดหากในเมื่อเราไม่ได้ใช้และของพวกนี้มีประโยชน์ต่อผู้อื่นน่าจะเป็นเรื่องที่ดีใช่หรือไม่เจ้าคะ” เสี่ยวเออร์เดินออกมาจากห้องของตัวเองพร้อมแม่นมและสาวรับใช้ที่อุ้มผ้ามากมายออกมาด้านนอก เมิ่งซูเหยาจ้องมองเด็กทั้งสองช่างตื้นตันใจยิ่งนัก
‘เมิ่งซุเหยาท่านจะเห็นมั้ยว่าบุตรของท่านทั้งสองคนเป็นเด็กดีจริง ๆ จิตใจเมตตาหาที่เปรียบไม่ได้’ นางคิดในใจก่อนจะเดินไปหาเสี่ยวเออร์ลูบหัวนางเบา ๆ อย่างอ่อนโยน
“เสี่ยวเออร์ของแม่มีน้ำใจดีจริง ๆ ใช้แล้วของที่เราไม่ใช้แล้วหากอยู่กับเราก็ล้วนไม่มีประโยชน์ให้ผู้อื่นที่ต้องการใช้มันเป็นการดี อย่างนั้นเราทั้งสามไปดูที่ห้องเก็บของกันเถอะ มีของกินอันใดบ้างที่สามารถส่งไปให้ท่านผู้เฒ่าทั้งสอง” เด็กทั้งสองยิ้มกว้างเดินตามหลังผู้เป็นมารดาไปที่ห้องเก็บของ
บทที่ 21 คลี่คลายตำหนักมู่หลันเมิ่งซูเหยาเมื่อได้ยินเรื่องทั้งหมดถึงกับตกใจไม่น้อย เสียงซุบซิบนินทาของสาวใช้ในจวนที่พูดถึงเรื่องหานเฟยเยี่ย ไม่เว้นแม้แต่เหมยหลง“หม่อมฉันละสะใจจริง ๆ เพคะที่ตระกูลหานถูกลงโทษอย่างสาสมต่อจากนี้พระชายาก็ไม่ต้องเกรงกลัวผู้ใดอีกแล้ว ไม่มีผู้ใดมาปองร้ายท่านอีกต่อไป”“นั่นสิ แม้จะรู้สึกสะใจแต่ก็ใจหายไม่น้อยเลยล่ะ ”“ท่านชินอ๋องปราดเปรียวเก่งกาจจริง ๆ เพคะที่ยอมใจแข็งกัดฟันยอมใต้เท้าหานเพื่อปกป้องพระชายา ท่านคงรักพระชายามากไม่เช่นนั้นคงไม่อดทนเย็นชาต่อพระชายาเช่นนี้ รักแท้เป็นอย่างนี้สินะหวังว่าวันหนึ่งหม่อมฉันจะได้พบเจอความรักดี ๆ เช่นนี้บ้าง”เมิ่งซูเหยาได้ยินคำพูดของเหมยหลงพลางครุ่นคิดเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นคำพูดของเขาที่เคยบอกนางเอาไว้ สายตาที่นางเห็นคราวนั้นคงเป็นเรื่องจริงมิใช่นางตาฝาดไป‘เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะเขาปกป้องข้ากับลูกทั้งสองคน เขาคงเจ็บปวดใจไม่น้อยสินะเมิ่งซูเหยาตัวจริงหากยังอยู่คงจะดีท่านจะได้รู้ว่าชินอ๋องสามีของท่านรักท่านเพียงใด แต่ทำไมเพียงแค่นึกถึงจิตใจของข้าถึงได้สั่นไหวเช่นนี้ ’ เมิ่งซูเหยาคิดในใจเดินไปที่หน้าต่างจ้
บทที่ 20 จับกบฏหลังจากนั้นเมิ่งซูเหยาพาร่างกายที่สั่นเทากลับเข้างานเทศกาลไปหาบุตรทั้งสองและชักชวนกันกลับจวนอ้างว่าตนเองรู้สึกไม่ค่อยสบาย และไม่มีผู้ใดที่ขัดคำสั่งเพราะยามนี้เด็ก ๆ ก็เหน็ดเหนื่อยอยากจะเข้าบรรทมแล้วเมื่อมาถึงตำหนักเมิ่งซูเหยาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างหมดแรงเมื่อครู่นี้นางแสร้งทำเป็นเข้มแข็งต่อหน้าทุกคนไม่แสดงว่านางเองก็หวาดกลัวไม่น้อยกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งเมื่อครู่ยังติดจมูกนางกลับมาที่จวน จนเหมยหลงผิดสังเกตและสงสัยว่าเมื่อครู่พระชายาหายตัวไปที่ใดมา แถมยังกลับมาด้วยใบหน้าซีดเซียว“พระชายาไม่สบายตรงไหนหรือไม่เพคะ ใบหน้าของพระชายาซีดเซียว แล้วเมื่อครู่ท่านออกไปที่ใดมา”“เหมยหลงข้าไม่รู้ว่าสิ่งที่ข้าทำลงไปถูกหรือผิด ข้าสั่งให้ทหารลงมือฆ่าคน หากมีคนตามเจอข้าจะถูกลงโทษหรือไม่”“พระชายาสั่งให้ทหารลงดาบฆ่าคนหรือเพคะ แล้วคนผู้นั้นเป็นผู้ใดกันเพคะ”“ก็สารถีที่พาข้าไปเรือนตระกูลเมิ่ง วันนี้ข้าเห็นเขาที่งานเทศกาลจึงตามไปเพื่อสอบถามความจริง ตอนนั้นข้าเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเช่นเดียวกันทำไมถึงได้โมโหจนสั่งทหารไปเช่นนั้น ตอนนี้ข้ากลัวกลัวเหลือเกิน” ร่างบางเริ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเ
บทที่ 19 เดินเที่ยวงานอีกฝั่งของเรือนตอนนี้ตะวันคล้อยต่ำลงทุกคนต่างพากันกินอาหารกลางวันด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาจางอี้ซือจึงขอตัวกลับจวน“วันนี้ข้าต้องขอบคุณท่านใต้เท้าหานที่ต้อนรับข้าเป็นอย่างดี ข้ามารบกวนเวลาของท่านมากแล้วขอตัวกลับจวนก่อนแล้วกัน องค์ชายสามข้าขอให้ท่านเดินทางปลอดภัยขอให้พระชายาทรงสุขภาพแข็งแรงพะย่ะค่ะ”“นั่นสิมิใช่แค่ท่านชินอ๋องที่มารบกวนเวลาท่านพ่อตา ข้าเองก็มาตั้งแต่เช้าตรู่ เจ้าเองก็เดินทางปลอดภัยเช่นเดียวกัน” องค์ชายสามเอ่ยขึ้นมา“กระหม่อมผู้เป็นบิดาไม่เคยคิดว่าการที่ราชบุตรเขยทั้งสองมาเยือนที่เรือนเป็นการรบกวนเวลา จะมาเยือนที่เรือนตระกูลหานเมื่อไหร่นับเป็นวาสนาของตระกูลพะย่ะค่ะ”“เช่นนั้นข้าเองก็ขอให้ท่านสุขภาพแข็งแรง ข้าต้องขอพาพระชายากลับวังหลวงเสียก่อนป่านนี้องค์ชายตัวน้อยคงโยเยหามารดา ” องค์ชายสามเอ่ยพลางโอบบ่าของพระชายาตนเองเดินไปที่เกี้ยวเพื่อเดินทางกลับวังหลวง ชินอ๋องกับใต้เท้าหานก้มโค้งลงเพื่ออำลา ก่อนที่จางอี้ซือจะเดินทางกลับจวนเช่นเดียวกันระหว่างทางกลับจวนใบหน้าของหานเฟยเยี่ยดูมีความสุขมากกว่าตอนที่เดินทางมาทำให้จางอี้ซือสังเกตได้อย่างง่ายดาย“พระชายา
บทที่ 18 เจอหลักฐานชิ้นสำคัญฝั่งด้านถังอู่ฟงเขาลอบเข้ามาด้านหลังเรือนรีบเดินไปที่ห้องทำงานของใต้เท้าโชคดีที่เขาเคยมาที่นี่แล้วหลายครั้งทำให้รู้หนทางว่าไปทางใด“ใต้เท้ากำชับพวกเจ้าให้ตรวจตราให้ดี แต่วันนี้มีองค์ชายสามกับท่านชินอ๋องมาคงไม่มีผู้ใดอุกอาจเข้ามาหรอกน่า เจ้าเองก็เหนื่อยมากเช่นกันมิใช่หรือ? ไปหาอะไรกินกันเถอะ”“นั่นสิ ไปเพียงชั่วครู่คงไม่เป็นอะไรหรอกกระมั่ง” บ่าวรับใช้ที่เดินตรวจตราอยู่พูดคุยกันเสียงดังพร้อมชักชวนกันไปหาอะไรกิน ทำให้ถังอู่ฟงโล่งใจเพราะความปลอดภัยละหลวมทำให้เขาทำการได้ง่ายเมื่อเห็นว่ายามนี้ไม่มีผู้ใดเขารีบย่องเข้าไปที่ห้องของท่านใต้เท้าซอกหาหนังสือลงนามและจัดวางของทุกอย่างให้เป็นเช่นเดิมเหมือนไม่มีผู้ใดเข้ามาด้านใน ไม่ว่าจะหาตรงไหนก็ไม่พบเจอเหลือเพียงที่เดียวที่เขายังไม่ได้หาคือห้องเคารพบรรพบุรุษ เมื่อหาที่นี่ไม่พบถังอู่ฟงเปลี่ยนเป้าหมายรีบจ้องมองด้านนอกไม่เห็นบ่าวในเรือนรีบปลีกตัวออกมาและลัดเลาะไปที่ห้องเคารพบรรพบุรุษของตระกูลหานฝั่งด้านหานเฟยเยี่ยนางเดินออกมารับลมด้านนอกจ้องมองหน้าท้องของพี่สาวที่กำลังใหญ่อย่างอิจฉานางพึ่งคลอดบุตรคนแรกไปไม่นานก็ตั้งครรภ์อี
บทที่ 17 เยือนเรือนใต้เท้าหานฝั่งด้านหานเฟยเยี่ยนางตื่นขึ้นมามองหาจางอี้ซือมีเพียงความว่างเปล่ากับคราบน้ำกามที่นางร่วมรักกันเมื่อคืนอย่างสุขสม"ท่านพี่ออกไปที่ใดแต่เช้าทั้ง ๆ ที่เมื่อคืนเล่นสนุกกับข้าทั้งคืน ดูสิคราบน้ำรักของท่านพี่เต็มที่นอนไปหมด ครั้งนี้ข้าต้องตั้งครรภ์แน่ ๆ " นางยิ้มอย่างเบิกบานไม่นานเสียงสาวใช้ได้เข้ามาด้านใน"พระชายาเพคะท่านชินอ๋องฝากบอกพระชายาว่าวันนี้จะพาพระชายาไปเยี่ยมท่านใต้เท้าหานฉิงถิงที่เรือนให้พระชายาเตรียมตัวรอเพคะ" ไป๋ลี่ซูเดินเข้ามาแจ้งเมื่อเห็นว่านายหญิงของตนตื่น"ท่านพี่เอ่ยเช่นนั้นหรือ ? ดีเช่นกันนานแล้วที่ข้าไม่ได้กลับเรือนพร้อมท่านพี่ เจ้าช่วยเตรียมน้ำให้ข้าทีข้าจะล้างตัวเสียหน่อย""เพคะ"จางอี้ซือตื่นแต่เช้าแม้ว่าเมื่อคืนนี้เขายังอยากนอนกอดร่างบางของเมิ่งซูเหยาทั้งคืนแต่มิอาจทำเช่นนั้นได้จึงลุกขึ้นมาใกล้สว่าง เพราะเขายังมีเรื่องสำคัญให้ต้องไปจัดการ หากเรื่องทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดีเขาจะนอนกอดนางเท่าไหร่ย่อมได้“ถังอู่ฟงวันนี้เจ้าเดินทางไปที่เรือนใต้เท้าหานด้วยกัน ระหว่างที่ข้าเข้าไปด้านในเจ้าจงตามหาให้ได้ว่าหนังสือลงนามของใต้เท้าอยู่ที่ใด เมื่อคร
บทที่16 ปลดปล่อย"นี่ท่านเป็นบ้าไปแล้วอย่างนั้นหรือ? ปล่อยนะเพคะ" เมิ่งซูเหยากล่าวพลางใช้มือดันอกของเขาให้ปล่อยนางออกจากอ้อมแขนครั้นนั้นนางได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรงอีกทั้งลมหายใจของเขาที่เริ่มเต้นถี่ระรัวและติดขัด"เกิดอะไรขึ้นทำไมสีหน้าของท่านถึงแดงเช่นนี้""ทำไมจู่ ๆ เกิดเป็นห่วงข้าขึ้นมาหรือไง " เขาเอ่ยพลางเดินย่างเท้าไปที่ห้องบรรทมของเมิ่งซูเหยา"ที่หม่อมฉันเอ่ยถามเพราะสงสัยหรือว่าท่านไม่สบายทำอะไรที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเช่นนี้อีกด้วย เมื่อไหร่จะปล่อยหม่อมฉันเพคะ ""เมื่อถึงเตียงนอน" เขาพูดออกมาหน้าตาเฉยแต่ทว่าใจของเมิ่งซูเหยากลับกลายเป็นฝ่ายที่เต้นแรงระรัว นางไม่รู้และคาดเดาไม่ได้เลยว่าชายคนนี้ต้องการอะไรกันแน่"ท่านมีแผนอันใดมาทำเช่นนี้กับข้า ข้าไม่ใจสั่นหรือรู้สึกดีกับท่านหรอกนะ""อย่างนั้นต้องลองดู " เอ่ยจบเขาวางกายของนางลงเตียงหนานุ่มจับปลายคงมนของนางให้เชิดขึ้นเล็กน้อยก่อนจะก้มลงจูบที่ริมฝีปากของนางอย่างนุ่มนวล เมิ่งซูเหยาเบิกตาโพลงโตด้วยความตกใจคิดไม่ถึงว่าเขาจะทำเช่นนี้ นางรีบใช้มือดันอกของเขาให้ออกจากตนเองทันที"นี่ท่านมันเป็นบ้าไปแล้วจริง ๆ มาทำสิ่งสกปรกกับข้าเช่นนี้ได้ยังไ