หน้าหลัก / อื่น ๆ / ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี / บทที่ 24 เล่นพนันด้วยชีวิตคน

แชร์

บทที่ 24 เล่นพนันด้วยชีวิตคน

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-12-06 19:19:40

บทที่ 24 เล่นพนันด้วยชีวิตคน 

       ครั้งนี้ตั้งงวนติ้งไม่ได้ให้เฟยเฟิ่งจุดตะเกียง แต่เขานำทางไปอย่างใกล้ชิด ว่านเฟยเฟิ่งลอบสังเกตคนตรงหน้า คราวก่อนเธอไม่ได้ถามวิญญาณตนนั้นว่าตายได้อย่างไร ไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าตามมารยาทแล้วสิ่งเหล่านี้ควรจะถามหรือไม่

       บนถนนที่เชื่อมต่อทั้งเก้าหมู่บ้านไม่มีใครเดินเพ่นพ่านแม้แต่คนเดียว เฟยเฟิ่งจึงก้าวเดินอย่างสบายใจ อย่างไรเมื่อเกิดเหตุเธอก็เอาตัวรอดได้ง่ายดายแล้ว

“ก่อนที่เราจะไปถึงสหายควรบอกมาว่านี่มันเรื่องอะไรกัน”

“น้องชายของผมติ้งจื่อ เขาถูกจับตัวมาที่นี่ ทุกคนเข้าใจว่าเขาหนีทหาร แต่…ไม่ใช่ มันเป็นการเข้าใจผิด พวกเขาจับไปผิดคน”

“ให้ไปช่วยคน ไม่ใช่ไปสะสางเรื่องที่ยังค้างคางั้นเหรอ ไม่มีรึไง”

“เรื่องค้างคาย่อมต้องมี แต่เรื่องพวกนั้นไม่สำคัญเท่าการช่วยชีวิตตั้งติ้งจื่อ!” งวนติ้งกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ช่วยชีวิตหมายความว่ายังไง มันต้องถึงตายกันเลยเหรอ”

“พวกเขาเล่นพนันด้วยชีวิตคน ให้ต่อสู้กันจนกว่าจะเหลือผู้ชนะเพียงคนเดียว แต่เท่าที่ตามดูมาไม่เคยมีใครรอดเกินเจ็ดคืน นี่คือคืนที่หก เขาไม่เหลือเวลาอีกแล้ว” 

“เข้าใจแล้ว”

“เราต้องรีบไปคืนพรุ่งนี้น้องชายผมคงไม่รอด” งวนติ้งหันมาพูดย้ำกับเฟยเฟิ่งอีกครั้ง

.

.

.

       เม็ดเหงื่อผุดขึ้นจนทั่วกรอบหน้างาม แม้ว่าอากาศในตอนกลางคืนจะเยือกเย็นเพียงใด แต่ด้วยความเร็วในการเดินเช่นนี้ย่อมทำให้ร่างกายอุ่นจนชื้นเหงื่อ 

       แต่ในที่สุดเธอก็ตามผีที่เพิ่งรู้ว่าเป็นทหารเช่นกันมาจนถึงหมู่บ้านผิงเหยียน ความรู้สึกแรกคือหมู่บ้านนี้เงียบเกินไป เงียบเหมือนกับว่าไม่มีใครอยู่ในบ้านเลยแม้แต่คนเดียว 

“ต้องไปตรงไหนต่อ ไหนล่ะคนที่จะให้มาช่วย”

“เราจะอ้อมไปด้านหลัง” งวนติ้งบอกกับเฟยเฟิ่ง

       โรงเก็บผลผลิตของหมู่บ้านตั้งอยู่อย่างลึกลับห่างไกลบริเวณที่มีบ้านคนไปหลายช่วงตัว แต่ด้านในกลับสว่างไสวผิดกับบริเวณอื่น ทั้งยังได้ยินเสียงตะโกนเชียร์บางอย่าง 

         เฟยเฟิ่งลองปีนขึ้นส่องบริเวณที่มีรูทำให้ให้ว่าผู้คนกำลังล้อมวงดูคนชกต่อยกันจนเลือดสาดกระเซ็น เธอรีบลงมาจากฐานที่ใช้ปีนทันที ทำให้ว่านเฟยเฟิ่งล้มก้นกระแทกพื้นต้องยอมกัดปากตนเองกลั้นเสียงร้องเอาไว้ 

“สหายว่าน!” ผีหนุ่มรีบเอาตัวเข้ามารับ แต่เพราะเป็นวิญญาณเฟยเฟิ่งจึงทะลุผ่านไปเฉยๆ

       คนเป็นที่ล้มคว่ำอยู่ สังเกตว่าตามพื้นรอบโรงเก็บผลผลิตนั้นมีบุหรี่กระจัดกระจายอยู่มากพอควร จึงหยิบขึ้นมายื่นให้งวนติ้งดูอันหนึ่ง

“การพนันแบบนี้คิดว่าใครเล่าจะสามารถเอาเงินมาลง” 

“แล้วฉันเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวจะช่วยได้ยังไง คนมากขนาดนี้”

“ผมแค่พามาให้เห็น เรื่องการช่วยเหลือหากไปบอกทางการตามตรงย่อมไม่มีคนเชื่อ แต่หากบอกให้พวกเขามาจับคนหนีทหารยังไงก็ต้องมีคนมา”

“แล้วจะพาฉันมาเสี่ยงทำไม” ว่านเฟยเฟิ่งคิดว่าตนเองนั้นแค่ไปแจ้งทางการก็เพียงพอแล้วไม่มีความจำเป็นต้องมาให้เห็นกับตาเช่นนี้เลย

แกร็บ

        เสียงคนเดินเหยียบกิ่งไม้แห้งดังขึ้น เฟยเฟิ่งจึงไม่อยู่รอเอาคำตอบ รีบจับมือข้างที่เป็นลายมิติชูหาแสงจันทร์ แล้วขอว่าจะเข้าไป แรงดูดที่ยังไม่คุ้นชินก็พาเฟยเฟิ่งหายวับไปทันเวลาก่อนที่ผู้เข้าพนันจะออกมาสูบบุหรี่ กว่าที่เธอจะออกมาการต่อสู้คืนนี้ก็จบลงเหลือแต่ความเงียบเชียบเสียแล้ว

“สหายต้องเอาสร้อยสลักชื่อของติ้งจื่อไปเป็นหลักฐาน กรงที่สามจากทางขวา” งวนติ้งกล่าวก่อนจะใช้ความเป็นผีของตนขยับให้เกิดเสียงหลอกล่อคนเฝ้าให้ออกไป

       ว่านเฟยเฟิ่งรีบเข้าไปในโรงเก็บผลผลิตที่ด้านในมีกรงอยู่ฝั่งละสี่กรง สภาพคนที่ถูกขังดูแล้วต่างบอบช้ำ เธอรีบไปยังกรงที่สาม

“สหายตั้ง” มือเรียวสะกิดเบาบางเรียกทหารผู้ที่ใบหน้าช้ำเลือดช้ำหนองด้วยความอ่อนโยน

“ใคร” ติ้งจื่อตอบอย่างไร้เรี่ยวแรง พยายามขืนตัวสู้กับยานอนหลับที่คนเหล่านี้ผสมน้ำให้กินทุกคืน แม้จะกระหายแค่ไหนเขาก็ไม่ยอมดื่มจนหมดอย่างคืนแรก ติ้งจื่อต้องการมีสติไว้รับรู้สิ่งรอบกายบ้าง

“ฉันชื่อว่านเฟยเฟิ่ง พี่ชายของสหายเป็นคนให้ฉันมาช่วย เอาสร้อยของคุณมา ฉันจะเอาไปให้ทางการเป็นหลักฐานให้พวกเขาส่งคนมาช่วย” 

       ตั้งติ้งจื่อที่แม้จะกลัวถูกหลอก และไม่เข้าใจว่าเหตุใดพี่ชายตนจึงไม่มาช่วยด้วยตนเอง แต่เพราะเสียงของเด็กสาวเป็นเสมือนความหวังสุดท้ายจึงยอมถอดสร้อยที่ใส่ติดตัวมาหลายปียัดใส่มือเธอ

       ว่านเฟยเฟิ่งกระซิบขอให้เขาเชื่อใจอีกครั้งจากนั้นก็รีบหนีออกมาอย่างเฉียดฉิว เธอรีบออกตัววิ่งเมื่อย่องออกมาพ้นเขตหมู่บ้านลำดับที่เก้าแห่งนั้น เธอรู้อยู่แล้วว่าที่แห่งนี้ล้วนเต็มไปด้วยอันตรายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แต่ก็ไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีการพนันให้คนต่อยกันจนตายซุกซ่อนอยู่

       เธอไม่ได้ตรงกลับบ้านแต่เลือกจะไปยืมจักรยานบ้านเหมยหลันช่วงเกือบเช้า เร่งให้ตั้งงวนติ้งนำทางไปยังค่ายทหาร เฟยเฟิ่งปั่นจักรยานเกือบสองชั่วโมงแต่กลับไม่รู้สึกเหนื่อยเลย แต่เมื่อมาถึงเฟยเฟิ่งกลับหยุดชะงัก

“ของแบบนี้ต้องมีคนใหญ่โตอยู่เบื้องหลัง รู้ไหมว่าใครบ้าง”

“คนที่ตำแหน่งใหญ่ที่สุดที่นี่เพิ่งจะย้ายมารับตำแหน่ง คืนเดียวกับที่ผมตายและน้องชายถูกจับไป และเขาไม่เคยไปที่นั่น ต่อให้มีใจคิดอย่างจะทำชั่วก็คงยังไม่ได้รู้เรื่องนี้”

“เขาจะอยู่ในค่ายไหม ฉันต้องขอพบใคร”

“จ้วงไป่ชิง”

“ปู่จ้วง! สบายแล้ว!” เฟยเฟิ่งยิ้มกว้างออกมาทันที

“สหายรู้จัก”

“รู้จักสิ!”

.

.

.

       ว่านเฟยเฟิ่งรีบปรี่ไปยังทางเข้าค่ายทหารเพื่อขอพบคนอย่างผู้มีชัย “คุณทหารคะ ฉันมาขอพบจ้วงไป่ชิง ให้บอกว่าว่านเฟยเฟิ่งขอพบเป็นการด่วนค่ะ”

“สหายหญิงมาขอพบท่านนายพลเวลานี้ ใครจะอยู่ให้เธอพบกัน” ทหารเวรหน้าประตูหัวเราะออกมา

“นั่นสิคุณปู่จ้วงก็ควรจะอยู่ที่บ้านพัก” เฟยเฟิ่งคอตก “แล้วบ้านของคุณปู่อยู่ที่ไหน ช่วยบอกหน่อยค่ะ นี่เป็นเรื่องด่วนจริงๆ”

“สหายอยากตายรึไง ใครเขาจะเอาที่อยู่บ้านเจ้านายมาบอก แล้วฉันก็ไม่รู้ด้วย เธอไปได้แล้ว ก่อนที่จะลากตัวออกไป” ทหารผู้นั้นรีบไล่เฟยเฟิ่งให้ออกไป

“งั้นฉันจะรอด้านนอก ยังไงคุณปู่ก็ต้องมาทำงาน” 

       ทหารเวรหน้าประตูมองหน้ากันอย่างไม่มั่นใจนัก ไม่กล้าไล่เธอไปอย่างรุนแรงเพราะคำเรียกขานว่าปู่ดูแล้วสนิทสนม แต่จะให้รอก็เป็นเรื่องผิดระเบียบ สุดท้ายจึงให้ว่านเฟยเฟิ่งยืนห่างกำแพงไว้สองช่วงตัว และสั่งไม่ให้เข้าใกล้กว่านี้

“ปกติที่นี่เริ่มงานกี่โมง ฉันง่วงจริงๆ” เฟยเฟิ่งบ่นออกมาเมื่อยืนรอมาหนึ่งชั่วโมงเต็ม

“ถ้าทหารอย่างผมตีห้าก็ต้องเริ่มแล้ว แต่ทหารชั้นผู้ใหญ่แปดโมงอย่างเร็ว แต่เพิ่งมารับตำแหน่งอาจจะมาเร็วก็ได้ ช่วงเปลี่ยนถ่ายงานจะเยอะที่สุด แต่หลานนายพลมาอยู่ในหมู่บ้านแบบนี้ได้ยังไงกัน ถึงจะไม่กันดารเท่าไหร่ แต่ก็เป็นชนบทอยู่ดี” วิญญาณข้างกายถามยาวเหยียด

“เรื่องมันยาว เอาเป็นว่าฉันเป็นคุณหนูของฉันอยู่ดีๆ ก็ถูกกลั่นแกล้งจนเป็นแบบนี้ก็แล้วกัน”

“นั่นรถประจำตำแหน่งนายพล” ตั้งงวนติ้งชี้

       ว่านเฟยเฟิ่งที่ทันเห็นก็รีบวิ่งเข้าไปทันที “ปู่จ้วงคะ” เธอเรียกได้เท่านั้นก็ถูกคนในรถออกมาคว้าแขนของเธอไขว้หลังไว้ “โอ๊ย ฉันเจ็บนะ ไม่เจอแค่ไม่กี่เดือนลืมหน้ากันแล้วรึไง”

“คุณหนูว่าน!” ทหารรับใช้ใกล้ชิดที่เห็นว่าคนที่พุ่งเข้ามาใกล้รถคือคนใกล้ชิดก็รีบปล่อยทันที

“หลานขึ้นรถเถอะ” จ้วงไป่ชิงเรียก

       เมื่อว่านเฟยเฟิ่งขึ้นรถเธอก็เริ่มเล่าเรื่องราวที่เจอในหมู่บ้านผิงเหยียนแห่งนั้นทันที พร้อมกับยื่นสร้อยคอของตั้งติ้งจื่อออกไปให้

“คุณปู่คะ เขาถึงขนาดกล้าจับทหารไปแบบนี้ ปล่อยไว้ไม่ได้แล้วค่ะ! หนูกลัว ขนาดผู้ชายที่ถูกฝึกมายังเป็นแบบนี้ต่อไปทุกคนจะเป็นยังไง หนูแต่งงานมาไกลแบบนี้ไม่มีใครหนุนหลัง น่ากลัวเกินไปแล้วจริงๆ” 

      ว่านเฟยเฟิ่งบีบน้ำตาเล่าจนในที่สุดก็ร้องไห้ออกมาจริงๆ ร่างนี้แม้จะถูกกล่าวถึงว่าเป็นสตรีร้ายกาจ แต่ใบหน้ากลับดูอ่อนหวานน่าสงสาร เมื่อมีน้ำตามาเคลือบไว้จึงยิ่งดูน่าเวทนา จ้วงไป่ชิงที่ไม่เคยมีลูกสาวหรือหลานสาวย่อมไม่มีภูมิต้านทานต่ออาการเช่นนี้ ยิ่งเฟยเฟิ่งเป็นหลานสาวของลูกสะใภ้ที่ถูกใจที่สุดยิ่งเกิดความเอ็นดูเหมือนเป็นหลานแท้ๆ

“ปู่เข้าใจแล้วย่อมต้องจัดการให้ ปู่ของหลานก็จริงๆ เลยเชียว แทนที่จะได้เป็นสะใภ้เล็กกลับต้องมาไกลถึงขนาดนี้”

“ปู่ว่านเชื่อแต่แม่เลี้ยง หลานเหมือนตัวคนเดียว ถ้าไม่มีอาหญิง อาเขย และปูจ้วงหลานคงไม่มีทางโตมาได้จนวันนี้” เฟยเฟิ่งได้ทีรีบประจบ แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไรต่อ ร่างกายที่ฝืนมาทั้งคืนก็อดทนไม่ไหววูบดับไปกลางอากาศ

“ตามหมอมาให้หลานเฟิ่ง! แล้วรีบไปช่วยเหลือทหารของเรา เร็วเข้า!”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี   บทที่ 39 เอาอาหารไปส่งสามี

    บทที่ 39 เอาอาหารไปส่งสามีสองสัปดาห์ผ่านไปแปลงผักในพื้นที่หลังบ้านเริ่มที่จะเข้าที่แล้ว ช่วงแรกแม้จะทดลองปลูกกันไปแล้ว แต่การจัดสรรพื้นที่ยังไม่ลงตัวจึงทำให้ต้องลดปริมาณผักที่เก็บไปส่งให้ป้าจูด้วย แต่เมื่อตกลงกันกับเด็กๆ เรียบร้อยแล้ว เฟยเฟิ่งก็ให้เด็กทั้งสองเดินหน้าเต็มกำลังหลังบ้านซีไม่มีพื้นที่ส่วนใดที่ไร้ประโยชน์ พื้นที่จุดที่ได้รับเฉพาะแดดเช้าลงผักที่ไม่ต้องการแดดมาก ในโรงเรือนมีเห็ดหลากชนิดให้หมุนเวียนตัดไปกินและขาย เหนือพื้นดินด้านนอกมีราวไม้สำหรับแขวนกระถางปลูกผักเพิ่ม อีกแถวไว้ปลูกกล้วยไม้สวยงามจากในมิติที่เฟยเฟิ่งอ้างว่าพบเจอบนภูเขา หากขยายพันธุ์ให้ดีก็สามารถทำเงินได้ ด้วยผู้คนยังนิยมให้กันเป็นของขวัญนอกจากนั้นแล้วยังมีไก่ที่ซีจื่อซวาน

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี   บทที่ 38 หาวิธีคุยกับผีในบ้าน

    บทที่ 38 หาวิธีคุยกับผีในบ้านว่านเฟยเฟิ่งทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้สามีกังวลใจ แต่ก็ไม่ได้ทิ้งให้เป็นทุกข์นาน หยิบเห็ดหลินจือที่ทดลองเพาะอย่างลับๆ ออกมาให้จื่อหานดู พร้อมกับถุงใส่สปอร์เห็ดที่เก็บสำเร็จมาแล้วรอบหนึ่งออกมาไว้ข้างกัน“น่ะนี่มัน…?”“เห็ดหลินจือน่ะสิคะ” เฟยเฟิ่งที่เข้าไปปลูกในมิติเมื่อรู้ว่าทำได้ก็คิดจะเอามาขยายให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่เธอเองก็รู้ตัวว่าคงทำเองไม่ไหว จึงคิดจะสอนจื่อหานแล้วยกให้เขาลงแรงไปเสีย“คุณไปเอามาจากไหน”“มีเทพเอามาให้ค่ะ ล้อเล่นค่ะ ก็เก็บมาสิคุณ ฉันตัดใจไม่ขายเพราะจะเอามาทดลองปลูกเลยนะว่าเราเพาะได้ไหม และคำตอบก็คือได้ แต่ว่าฉัน

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี   บทที่ 37 ปู่ว่านมาถึงบ้าน

    บทที่ 37 ปู่ว่านมาถึงบ้าน“อาเฟิ่งคิดอะไรแบบนั้น เป็นไปไม่ได้หรอก ทุกครั้งที่มีคนหายไปเป็นช่วงที่อาเล็กไปทำงานในเมืองทั้งนั้น อีกอย่างผู้หญิงจะหายไปแค่ช่วงฤดูหนาว ช่วงนี้ทุกคนยังปลอดภัยค่ะ”“หายแค่ฤดูหนาวเท่านั้นเหรอ”เฟยเฟิ่งพึมพำกับตัวเองไม่ได้ฟังพวกผู้ชายถกเถียงกันเรื่องนี้อีก นั่นหมายความว่าช่วงเวลาที่เฟยเฟิ่งรู้มานั้นไม่ถูกต้อง ฆาตกรคนนั้นเริ่มลงมือแล้ว แต่เมื่อพ้นฤดูหนาวมาแล้วแปลว่าเธอยังคงปลอดภัย นั่นย่อมหมายความว่าก่อนที่ฤดูหนาวถัดไปจะมาถึง เธอจำเป็นจะต้องซื้อบ้านในเมืองให้ได้เพื่อความอยู่รอด!...&nbs

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี   บทที่ 36 ฉันแต่งงานกับใครกันแน่!

    บทที่ 36 ฉันแต่งงานกับใครกันแน่!ทุกฤดูเพาะปลูกหมู่บ้านจะจัดการประชุมใหญ่ขึ้น เพราะต้องการสร้างความเข้าใจให้ตรงกันทุกครัวเรือน ยิ่งปีนี้ปรับมาทำนาแบบบ้านใครบ้านมันแล้ว ยิ่งต้องคุยให้ชัดเจน แม้จะแจ้งและแบ่งที่ไว้แล้วก็ต้องย้ำอีกครั้งว่านเฟยเฟิ่งไม่ว่าจะเป็นดวงจิตเดิมหรือดวงจิตใหม่ต่างก็ไม่เคยอยู่ในเหตุการณ์ประชุมหมู่บ้านจึงรู้สึกตื่นเต้น ทั้งยังพิถีพิถันเลือกชุดเสมือนว่าจะไปประกวดนางงาม เด็กน้อยทั้งสองก็ถูกเธอจับขัดตัวทำผมให้ดูเหมือนลูกคนมีเงิน จะติดก็แต่เสื้อผ้าที่ดูซีดไปเสียหน่อย“น้าละเลยเรื่องเสื้อผ้าพวกเธอเกินไปแล้วจริงๆ หน้าตาก็ดูดีมีสกุล แต่สีเสื้อซีดยิ่งกว่าอะไรดี ไม่ได้การ”“เอาไว้จะย้อมสีให้ใหม่ ไ

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี   บทที่ 35 ทำไมต้องแกล้งน้าเฟิ่ง

    บทที่ 34 อ่อนแอเกินไป“ที่ระบายอารมณ์เนี่ยนะ คุณจะบ้ารึไงคะ ฉันไม่ใช่คนโรคจิตแบบนั้นนะ ปล่อยข้อมือฉันก่อน”“ก็คุณไง รับไม่ได้ที่ต้องมาชนบทเลยมาลงที่ลูกผม เมื่อกี้ก็เหมือนกัน ทำจนชินมือเลยล่ะสิ คล่องจริงนะกับการตีลูกคนอื่น”“ตบๆ สองทีแบบนี้มันเจ็บรึไง ตั้งสติก่อนไหมคะ ไหนเรื่องอื่นยังรอฟังได้ ทำไมครั้งนี้ไม่รอถามความจริงจากฉันบ้างเลยคะ” ว่านเฟยเฟิ่งร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความผิดนี้ไม่ใช่เธอก่อ แต่จะพูดอย่างไรว่าวิญญาณในร่างเป็นคนละดวง ใครที่ไหนจะเชื่อเธอกันมือเล็กทั้งสองถูกยกขึ้นปิดหน้าในตอนที่เธอปล่อยโฮออกมา เฟยเฟิ่งพยายามคิดหาเหตุผลว่าควรจะแก้ตัวอย่างไรให้เหมาะสม ซีจื่อหานเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ได้สติ เขาใช้มือหยาบกร้านลูบไปบนหัวเธอ

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี   บทที่ 34 อ่อนแอเกินไป

    บทที่ 34 อ่อนแอเกินไป“ที่ระบายอารมณ์เนี่ยนะ คุณจะบ้ารึไงคะ ฉันไม่ใช่คนโรคจิตแบบนั้นนะ ปล่อยข้อมือฉันก่อน”“ก็คุณไง รับไม่ได้ที่ต้องมาชนบทเลยมาลงที่ลูกผม เมื่อกี้ก็เหมือนกัน ทำจนชินมือเลยล่ะสิ คล่องจริงนะกับการตีลูกคนอื่น”“ตบๆ สองทีแบบนี้มันเจ็บรึไง ตั้งสติก่อนไหมคะ ไหนเรื่องอื่นยังรอฟังได้ ทำไมครั้งนี้ไม่รอถามความจริงจากฉันบ้างเลยคะ” ว่านเฟยเฟิ่งร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความผิดนี้ไม่ใช่เธอก่อ แต่จะพูดอย่างไรว่าวิญญาณในร่างเป็นคนละดวง ใครที่ไหนจะเชื่อเธอกันมือเล็กทั้งสองถูกยกขึ้นปิดหน้าในตอนที่เธอปล่อยโฮออกมา เฟยเฟิ่งพยายามคิดหาเหตุผลว่าควรจะแก้ตัวอย่างไรให้เหมาะสม ซีจื่อหานเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ได้สติ เขาใช้มือหยาบกร้านลูบไปบนหัวเธอ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status