ログインตลาดนัดศูนย์ห้า คือตลาดนัดที่จะเกิดขึ้นทุกวันที่ลงท้ายด้วยห้าหรือศูนย์ของเดือน ความคึกคักจะผิดกับตลาดเวลาปกติไปหลายเท่า คนขายของมากขึ้น คนซื้อของก็มากขึ้น เฟยเฟิ่งได้แต่ฟังคำบอกเล่าของคนรอบข้าง ด้วยร่างนี้เองก็ยังไม่เคยเยื้องย่างไปสักครั้ง ด้วยกลัวว่าต้องเบียดเสียดกับคนชนบทมากเกินไป
ครั้งนี้เฟยเฟิ่งคิดจะจับเสือมือเปล่า อย่างน้อยก็ในแง่ของเงินทุน เธอจะรอใช้ของจากมิติเป็นส่วนใหญ่ หากว่าชายผู้นั้นกลับมาแล้วไม่ยอมรับในตัวเธอ เฟยเฟิ่งย่อมจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก ของแห้งก็ถูกแม่สามียึดเอาไปแล้ว เรือนกระจกหลังบ้านก็คงไม่อาจมาใช้งานได้หากต้องแยกทาง
แต่ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร ว่านเฟยเฟิ่งก็ไม่มีทางไปกับคุณชายจ้วงผู้นั้นเด็ดขาด ต่อให้เข้าไปเป็นเมียแต่ง แต่หากต้องอยู่ร่วมบ้านกับเมียน้อยที่มาก่อนและยังมีลูกน้อยอีกคนหนึ่งก็คงไม่ได้ต่อสู้ง่ายนัก ทั้งเฟยเฟิ่งยังต้องนึกถึงใจเจ้าของร่างที่แค้นใจจนต้องประชดชีวิตมาชนบท และมาเปลี่ยนใจในภายหลังจนตกตายเช่นนี้
“น้าเฟิ่งคิดอะไรอยู่ครับ ผมจะช่วยก่อไฟ” จื่อซวานที่เห็นว่านเฟยเฟิ่งนั่งนิ่งๆ ไม่ไหวติงดวงตาเหม่อมองไปยังหลังบ้าน
“ไม่ต้องหรอก ตอนนี้พักผ่อนให้เต็มที่ น้าว่าจะมาทำตอนกลางคืน พรุ่งนี้ของร้านเราจะได้สดใหม่กว่าคนอื่น”
“แล้วอาหารเย็นล่ะ น้าเฟิ่งจะให้อดเหรอคะ” ซูลี่หันมาถามด้วยท่าทางเลิ่กลั่ก ระแวงว่าจะต้องอดข้าวก็หวาดกลัวขึ้นมา
“อ้อ จริงสิ งั้นก่อไฟเลย น้าจะทำกะหล่ำปลีผัดน้ำปลาให้กิน แล้วก็ไข่ตุ๋นดีไหม”
“ไม่เคยกินมาก่อนเลย แต่น้าเฟิ่งทำอะไรก็อร่อยพวกเราช่วยเองค่ะ” ซีซูลี่ลุกขึ้นด้วยความตื่นเต้น เด็กๆ ในหมู่บ้านเคยล้อเด็กหญิงว่าต่อไปคงทำอาหารได้ย่ำแย่ที่สุดในหมู่บ้าน เพราะไม่มีแม่คอยสอน แต่เมื่อมีน้าเฟิ่งเข้ามาก็เหมือนว่าเธอจะรู้จักอาหารมากขึ้นหลายอย่างทีเดียว
“งั้นก็มาดูเถอะ” เฟยเฟิ่งอมยิ้มน้อยๆ ไม่นานนักหนึ่งเด็กหนึ่งผู้ใหญ่ก็ทำอาหารหอมกรุ่นออกมาพร้อมทานในมื้อนี้
การทานอาหารวันนี้ออกจะดูแปลกไปเสียหน่อย เพราะเฟยเฟิ่งถูกป้าซีว่ากระทบอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อคิดจะตอบโต้ก็กลับถูกทำหูทวนลมใส่เสมือนว่าเฟยเฟิ่งไม่มีตัวตนไปเสียอย่างนั้น เสียดายที่ก่อนนี้เหมือนว่าจะดีขึ้นมาแล้วก็กลายเป็นความสัมพันธ์ย่ำแย่ลงอีก
หลังอาหารเย็นจึงชวนเด็กทั้งสองไปในบ้านผักที่เรียกกันจนติดปาก แต่ออกแรงกับผืนดินเพื่อระบายอารมณ์แทน
.
.
.
เฟยเฟิ่งไม่ได้ให้ผู้ใดอยู่ช่วยทำอาหารไปขายที่ตลาดนัด เพราะอาหารเหล่านี้เฟยเฟิ่งตัดสินใจจะตื่นมาช่วงตีสี่ และเข้าไปทำในมิติที่เวลาเดินช้ากว่าให้เสร็จ แล้วค่อยยกออกมาทีเดียว
“น้าเฟิ่งมาจากไหนน่ะ เมื่อกี้ผมมาดูไม่เห็นจะมีเลย มีแต่ของพวกนี้”
เสียงของจื่อซวานดังขึ้นจากด้านหลังของว่านเฟยเฟิ่งทำให้เธออดสะดุ้งไม่ได้ โชคดีที่เอาของออกมาครบถ้วนแล้ว เพียงแต่เฟยเฟิ่งกลับเข้าไปตรวจให้แน่ใจ ไม่เช่นนั้นหากเด็กน้อยเห็นของลอยออกมาเองคงประหลาดไม่น้อย
“คงคลาดสายตาไปเฉยๆ น้าก็ก้มๆ เงยๆ เตรียมของอยู่แถวนี้นั่นแหละ” เฟยเฟิ่งยิ้มหวานออกมานึกประหลาดใจที่เด็กตัวเท่านี้ตื่นตั้งแต่ตีห้าโดนไม่ต้องปลุกได้
“ผมเอาไปจัดขึ้นรถเข็นให้แล้วกันครับ น้าเฟิ่งนอนพักสักหน่อยดีกว่า” ซีจื่อซวานพูดจบก็เข้าไปปลุกน้องสาวให้มาล้างหน้า แปรงฟัน ส่วนตัวเองก็จัดของใส่รถเข็นอย่างรู้งาน ทั้งยังเตรียมถ่านไปมากกว่าปกติตามปริมาณอาหารที่ตัวเขาเห็น
ว่านเฟยเฟิ่งที่เห็นว่าจื่อซวานทำได้ก็นั่งลงพิงกำแพง ปิดเปลือกตาพักตามคำบอกของเด็กน้อย แม้จะแอบงีบในมิติมาแล้ว แต่เพราะอากาศเย็นๆ และท้องฟ้าที่ยังมืดมิดอยู่ก็ทำให้รู้สึกง่วงได้ไม่ยาก
.
.
.
เมื่อทุกคนเตรียมตัวพร้อมแล้ว ทั้งสามก็เริ่มเข็นรถออกไป โดยมีคนร่วมทางมากมายเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่ได้มีผู้ใดสนใจเฟยเฟิ่งมากมายนัก ไม่เหมือนกับคนบ้านอันที่พยายามจ้องมองว่าวันนี้เฟยเฟิ่งทำอะไรมาขาย
ว่านเฟยเฟิ่งได้แต่ลอบยิ้มเพราะของที่ขายวันนี้ต่อให้เธอบอกสูตรไปก็ใช่ว่าคนบ้านอันจะเอาไปทำตามได้ ทั้งอุปกรณ์และวัตถุดิบไม่ใช่ของที่พวกเขาจะมีในครอบครองได้โดยง่าย
“คิดจะลอกกันอีกแน่ๆ” ซูลี่บ่นออกมา
“ยังไงก็ลอกไม่ได้ค่ะ วันนี้อาหารของน้ามีแต่ของพิเศษทั้งนั้น รีบเดินกันค่ะใกล้ถึงแล้ว”
เช้านี้ป้าจูก็ยังคงจับจ้องที่ทำเลทองไว้ให้เฟยเฟิ่งเช่นเดิม ผักสดอวบกรอบถูกส่งให้จูเหมยจัดวางเพื่อขาย แต่ก่อนที่จะรับผักป้าจูยื่นเงินจำนวนหนึ่งมาให้เฟยเฟิ่ง รอยยิ้มที่รู้กันเพียงสองคนปรากฏขึ้น เพราะผักสดของเฟยเฟิ่งดีกว่าทั่วไป จนจูเหมยเรียกราคาได้อย่างงามทีเดียว
“วันนี้มีอะไรมาขายบ้าง” จูเหมยถามเสียงดังตั้งใจให้คนอื่นได้ยิน
“วันนี้มีอาหารคาวสามอย่าง อาหารหวานอีกสามอย่าง ของกินเล่นอีกสองอย่าง ป้าอยากดูอะไรก่อนดีคะ” ว่านเฟยเฟิ่งตอบรับด้วยเสียงที่ดังพอกัน
“ย่อมต้องอยากรู้ทั้งหมด”
“อาหารคาววันนี้ฉันมีเส้นข้าวเจ้าราดน้ำแกงปลารสชาติเผ็ดสดชื่น มีผักสดอย่างถั่วงอกกับแตงกว่าแถมไปด้วยนะป้า” เฟยเฟิ่งเริ่มพูดถึงขนมจีนน้ำยาป่าเป็นอย่างแรก
“แถมผักสดในฤดูนี้! บ้าไปแล้วคุ้มค่าจริงๆ ผักแพงอย่างกับจักรยาน เธอนี่ใจถึงจริง มีอะไรอีก”
“ไก่ผัดตะไคร้ กับหมูผัดกระเทียม สองอย่างนี้จะเลือกราดข้าวหรือราดมันฝรั่งก้อนก็ได้จ้ะ ส่วนของกินเล่นจะมีเป็นมันฝรั่งราดซอส แล้วก็เต้าหู้ปลาเสียบไม้”
ว่านเฟยเฟิ่งไม่พูดเปล่ามือตัดอาหารให้เด็กๆ ไปด้วย ภาพอาหารที่เห็นประกอบกับคำอธิบาย และกลิ่นที่ตีขึ้นจมูก ทำให้เริ่มมีลูกค้ามายืนออบ้างแล้ว โชคดีที่ในมิติมีกล่องเก็บอุณหภูมิเฟยเฟิ่งจึงไม่ต้องมานั่งอุ่นซ้ำให้ล่าช้า ของเหล่านี้เธอเห็นจื่อซวานมองซ้ำอยู่หลายครั้ง แต่เมื่อเขาไม่ถามเธอก็จะไม่บอกว่ามันมาจากที่ใด
“ขนมล่ะแม่ค้า สหายทำอะไรมาขายอีก” ลูกค้าที่ยืนรออยู่อดไม่ไหวถามออกมา
เฟยเฟิ่งยิ้มบางๆ หยิบถาดขนมขึ้นมาสามถาด วันนี้ที่เธอเลือกทำมาคือเค้กเรดเวลเวทที่มีสีแดงสวยรอถูกตัดแบ่งไปให้ลูกค้าได้ลิ้มลอง แต่แน่นอนว่าป้าจู ตัวเธอ และเด็กๆ ทั้งสอง ย่อมได้ชิมกันคนละชิ้น
“นี่คือขนมแบบตะวันตก เรียกว่าเรดเวลเวทไส้ในคือครีมชีสส่วนด้านบนเป็นครีมจ้ะ มีมาขายแค่สามถาดเท่านั้น ส่วนนี่คือคุกกี้ และสุดท้ายคือแพนเค้ก แต่อันนี้ต้องสั่งก่อนฉันถึงจะทำค่ะ”
“น้าเฟิ่ง…ซูลี่อยากกินแพนเค้ก”
“ได้เลย” เฟยเฟิ่งลงมืออย่างมีความสุข เพราะในมิติของครบครัน ทำให้เธอไม่รู้สึกว่าถูกตีกรอบไว้ “ซูลี่อยากราดอะไร นมข้นหวาน ซอสสตอเบอร์รี่ ชาเขียว หรือว่าน้ำผึ้ง”
“น้ำผึ้งค่ะ”
“ฉันเอาทุกอย่างเลยแล้วกัน แค่เห็นก็น้ำลายสอแล้ว” ลูกค้าคนแรกที่ยืนมองอยู่นานตัดสินใจสั่งเมื่อกลิ่นแพนเค้กตีขึ้นจมูก หลังจากนั้นก็มีคนทยอยมาสั่งเรื่อยๆ แต่เห็นทีของที่จะหมดเป็นสิ่งแรกคือเค้กที่เฟยเฟิ่งทำมาน้อยที่สุด
.
.
.
“ลูกสะใภ้นังซูเจินนิสัยเป็นอย่างนั้น ทำไมคนถึงได้เปลี่ยนใจไปชอบมัน แถมยังขายดิบขายดีออกอย่างนี้ ดูสิไม่มีใครมาร้านเราเลย แกมันไม่ได้เรื่องหัดเรียกลูกค้าบ้างสิ” อันผิงเจินที่ตามมาเฝ้าหลานสะใภ้บ่นอุบ
“ป้าก็เรียกลูกค้าเองสิ แค่ฉันตื่นมาทำก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว” ซ่งปาเยว่หลับตาข่มใจตนเองเอาไว้ พลางโทษเฟยเฟิ่งที่จู่ๆ ก็ลุกขึ้นมาขายของเพิ่มภาระงานให้เธอเสียอย่างนั้น
“แกก็ต้องทำกับข้าวให้คนทั้งบ้านอยู่แล้ว ทำเพิ่มนิดหน่อยจะไปเหนื่อยอะไรกัน”
“งั้นฉันขอไปสืบหน่อย ว่าสะใภ้บ้านนั้นขายอะไรเรียกลูกค้ายังไง” ปาเยว่ที่รำคาญเต็มที ในที่สุดก็หาทางหนีออกมาได้
บทที่ 39 เอาอาหารไปส่งสามีสองสัปดาห์ผ่านไปแปลงผักในพื้นที่หลังบ้านเริ่มที่จะเข้าที่แล้ว ช่วงแรกแม้จะทดลองปลูกกันไปแล้ว แต่การจัดสรรพื้นที่ยังไม่ลงตัวจึงทำให้ต้องลดปริมาณผักที่เก็บไปส่งให้ป้าจูด้วย แต่เมื่อตกลงกันกับเด็กๆ เรียบร้อยแล้ว เฟยเฟิ่งก็ให้เด็กทั้งสองเดินหน้าเต็มกำลังหลังบ้านซีไม่มีพื้นที่ส่วนใดที่ไร้ประโยชน์ พื้นที่จุดที่ได้รับเฉพาะแดดเช้าลงผักที่ไม่ต้องการแดดมาก ในโรงเรือนมีเห็ดหลากชนิดให้หมุนเวียนตัดไปกินและขาย เหนือพื้นดินด้านนอกมีราวไม้สำหรับแขวนกระถางปลูกผักเพิ่ม อีกแถวไว้ปลูกกล้วยไม้สวยงามจากในมิติที่เฟยเฟิ่งอ้างว่าพบเจอบนภูเขา หากขยายพันธุ์ให้ดีก็สามารถทำเงินได้ ด้วยผู้คนยังนิยมให้กันเป็นของขวัญนอกจากนั้นแล้วยังมีไก่ที่ซีจื่อซวาน
บทที่ 38 หาวิธีคุยกับผีในบ้านว่านเฟยเฟิ่งทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้สามีกังวลใจ แต่ก็ไม่ได้ทิ้งให้เป็นทุกข์นาน หยิบเห็ดหลินจือที่ทดลองเพาะอย่างลับๆ ออกมาให้จื่อหานดู พร้อมกับถุงใส่สปอร์เห็ดที่เก็บสำเร็จมาแล้วรอบหนึ่งออกมาไว้ข้างกัน“น่ะนี่มัน…?”“เห็ดหลินจือน่ะสิคะ” เฟยเฟิ่งที่เข้าไปปลูกในมิติเมื่อรู้ว่าทำได้ก็คิดจะเอามาขยายให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่เธอเองก็รู้ตัวว่าคงทำเองไม่ไหว จึงคิดจะสอนจื่อหานแล้วยกให้เขาลงแรงไปเสีย“คุณไปเอามาจากไหน”“มีเทพเอามาให้ค่ะ ล้อเล่นค่ะ ก็เก็บมาสิคุณ ฉันตัดใจไม่ขายเพราะจะเอามาทดลองปลูกเลยนะว่าเราเพาะได้ไหม และคำตอบก็คือได้ แต่ว่าฉัน
บทที่ 37 ปู่ว่านมาถึงบ้าน“อาเฟิ่งคิดอะไรแบบนั้น เป็นไปไม่ได้หรอก ทุกครั้งที่มีคนหายไปเป็นช่วงที่อาเล็กไปทำงานในเมืองทั้งนั้น อีกอย่างผู้หญิงจะหายไปแค่ช่วงฤดูหนาว ช่วงนี้ทุกคนยังปลอดภัยค่ะ”“หายแค่ฤดูหนาวเท่านั้นเหรอ”เฟยเฟิ่งพึมพำกับตัวเองไม่ได้ฟังพวกผู้ชายถกเถียงกันเรื่องนี้อีก นั่นหมายความว่าช่วงเวลาที่เฟยเฟิ่งรู้มานั้นไม่ถูกต้อง ฆาตกรคนนั้นเริ่มลงมือแล้ว แต่เมื่อพ้นฤดูหนาวมาแล้วแปลว่าเธอยังคงปลอดภัย นั่นย่อมหมายความว่าก่อนที่ฤดูหนาวถัดไปจะมาถึง เธอจำเป็นจะต้องซื้อบ้านในเมืองให้ได้เพื่อความอยู่รอด!...&nbs
บทที่ 36 ฉันแต่งงานกับใครกันแน่!ทุกฤดูเพาะปลูกหมู่บ้านจะจัดการประชุมใหญ่ขึ้น เพราะต้องการสร้างความเข้าใจให้ตรงกันทุกครัวเรือน ยิ่งปีนี้ปรับมาทำนาแบบบ้านใครบ้านมันแล้ว ยิ่งต้องคุยให้ชัดเจน แม้จะแจ้งและแบ่งที่ไว้แล้วก็ต้องย้ำอีกครั้งว่านเฟยเฟิ่งไม่ว่าจะเป็นดวงจิตเดิมหรือดวงจิตใหม่ต่างก็ไม่เคยอยู่ในเหตุการณ์ประชุมหมู่บ้านจึงรู้สึกตื่นเต้น ทั้งยังพิถีพิถันเลือกชุดเสมือนว่าจะไปประกวดนางงาม เด็กน้อยทั้งสองก็ถูกเธอจับขัดตัวทำผมให้ดูเหมือนลูกคนมีเงิน จะติดก็แต่เสื้อผ้าที่ดูซีดไปเสียหน่อย“น้าละเลยเรื่องเสื้อผ้าพวกเธอเกินไปแล้วจริงๆ หน้าตาก็ดูดีมีสกุล แต่สีเสื้อซีดยิ่งกว่าอะไรดี ไม่ได้การ”“เอาไว้จะย้อมสีให้ใหม่ ไ
บทที่ 34 อ่อนแอเกินไป“ที่ระบายอารมณ์เนี่ยนะ คุณจะบ้ารึไงคะ ฉันไม่ใช่คนโรคจิตแบบนั้นนะ ปล่อยข้อมือฉันก่อน”“ก็คุณไง รับไม่ได้ที่ต้องมาชนบทเลยมาลงที่ลูกผม เมื่อกี้ก็เหมือนกัน ทำจนชินมือเลยล่ะสิ คล่องจริงนะกับการตีลูกคนอื่น”“ตบๆ สองทีแบบนี้มันเจ็บรึไง ตั้งสติก่อนไหมคะ ไหนเรื่องอื่นยังรอฟังได้ ทำไมครั้งนี้ไม่รอถามความจริงจากฉันบ้างเลยคะ” ว่านเฟยเฟิ่งร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความผิดนี้ไม่ใช่เธอก่อ แต่จะพูดอย่างไรว่าวิญญาณในร่างเป็นคนละดวง ใครที่ไหนจะเชื่อเธอกันมือเล็กทั้งสองถูกยกขึ้นปิดหน้าในตอนที่เธอปล่อยโฮออกมา เฟยเฟิ่งพยายามคิดหาเหตุผลว่าควรจะแก้ตัวอย่างไรให้เหมาะสม ซีจื่อหานเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ได้สติ เขาใช้มือหยาบกร้านลูบไปบนหัวเธอ
บทที่ 34 อ่อนแอเกินไป“ที่ระบายอารมณ์เนี่ยนะ คุณจะบ้ารึไงคะ ฉันไม่ใช่คนโรคจิตแบบนั้นนะ ปล่อยข้อมือฉันก่อน”“ก็คุณไง รับไม่ได้ที่ต้องมาชนบทเลยมาลงที่ลูกผม เมื่อกี้ก็เหมือนกัน ทำจนชินมือเลยล่ะสิ คล่องจริงนะกับการตีลูกคนอื่น”“ตบๆ สองทีแบบนี้มันเจ็บรึไง ตั้งสติก่อนไหมคะ ไหนเรื่องอื่นยังรอฟังได้ ทำไมครั้งนี้ไม่รอถามความจริงจากฉันบ้างเลยคะ” ว่านเฟยเฟิ่งร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความผิดนี้ไม่ใช่เธอก่อ แต่จะพูดอย่างไรว่าวิญญาณในร่างเป็นคนละดวง ใครที่ไหนจะเชื่อเธอกันมือเล็กทั้งสองถูกยกขึ้นปิดหน้าในตอนที่เธอปล่อยโฮออกมา เฟยเฟิ่งพยายามคิดหาเหตุผลว่าควรจะแก้ตัวอย่างไรให้เหมาะสม ซีจื่อหานเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ได้สติ เขาใช้มือหยาบกร้านลูบไปบนหัวเธอ