เข้าสู่ระบบช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาว่านเฟยเฟิ่งไม่กล้าไปขายของที่ตลาดกลัวผลกระทบจากข่าวลือเหล่านั้น เมื่อยังไม่มีจดหมายอย่างเป็นทางการว่าเฟยเฟิ่งมีส่วนช่วย เพราะคดียังคงขยายผลต่อไปใหญ่โต จึงทำให้เฟยเฟิ่งไม่อาจมีสิ่งยืนยันได้เต็มปาก ส่วนร้านหน้าบ้านก็ต้องยกให้ซีซูเจินเป็นคนจัดการ เพราะป้าซีขอแลกกับการให้เฟยเฟิ่งกลับมานอน และใช้ครัวของบ้าน
แม้ว่าเฟยเฟิ่งสามารถอาศัยในมิติได้ช่วงกลางคืน แต่การทำแบบนั้นก็คงแปลกเกินไป แล้วคงยิ่งตอกย้ำว่าสะใภ้ว่านผู้นี้มักจะหายไปหาผู้ชายช่วงกลางคืน เฟยเฟิ่งจึงเข้าห้องก่อนที่จะเข้าไปในมิติ ดื่มกินและทำธุระในนั้นเสียเป็นส่วนใหญ่ แปลงผักถูกปลูกเพิ่มในมิติมากมาย ทั้งยังมีต้นผลไม้ที่เฟยเฟิ่งเล็งจะเอากิ่งออกไปปลูกนอกมิติ
ตอนนี้ว่านเฟยเฟิ่งยังไม่รู้ว่ากฎพิเศษจะเป็นอย่างไร แต่ที่รู้คือน้ำวิเศษนี้วิเศษสมชื่อ เธอสวยขึ้นผิวดีขึ้น ร่างกายเหนื่อยน้อยลง ข้อเข่าป้าซีดีขึ้นจากการกินน้ำวิเศษที่เธอผสมในอาหาร เด็กๆ ก็หัวไวขึ้นจดจำคำศัพท์จนเริ่มแต่งประโยคกันได้แล้ว ที่สำคัญคือผักที่ปลูกด้านนอกโตเร็วอวบสวยอย่างไม่น่าเชื่อ
วันนี้ผักเหล่านั้นดีพอจะเก็บเกี่ยว เธอก็ควรจะต้องขนออกไปขายแทนที่จะยังหลบอยู่ในบ้านเพราะกลัวฟังคนรุมด่าไม่ไหวแล้ว หากจะมีคนมาประณามแต่ป้าจูเหมยก็คงไม่ปล่อยให้เฟยเฟิ่งถูกด่าอยู่ฝ่ายเดียวแน่
.
.
.
“น้าขอโทษนะ ช่วงนี้พวกเธอเลยไม่ได้ค่าจ้างเลย” ว่านเฟยเฟิ่งยิ้มให้เด็กๆ อย่างไม่แน่ใจนัก
“พวกเราเชื่อน้าเฟิ่ง” จื่อซวานยืนยันออกมา
ทีแรกเขาเองก็ไม่แน่ใจ แต่เขาไปได้ยินป้าเหมยหลันคุยกับป้าๆ คนอื่นว่าหากน้าเฟยเฟิ่งไปอยู่กับนายทหารคนนั้นมาทั้งคืนจริงคงไม่กลับมาให้ถูกด่า สู้รออยู่กับคนรัก แล้วค่อยกลับมาหย่าทีเดียวคงง่ายกว่า แต่เมื่อเลือกกลับมาแปลว่าเรื่องที่เป็นคนแจ้งทางการเกี่ยวกับเรื่องราวที่หมู่บ้านผิงเหยียนย่อมเป็นเรื่องจริง เพราะไม่มีทางที่คนที่ไม่ได้อยู่ในหมู่บ้านจะรู้เรื่องนี้ตั้งแต่ขาแตะพื้นได้
“ใช่! ซูลี่ก็เชื่อน้าเฟิ่ง น้าเฟิ่งสวยไม่มีทางโกหก” ซูลี่ให้เหตุผลของตนเองออกไป แม้จะไม่สมเหตุสมผลนัก แต่ก็เรียกเสียงหัวเราะที่เงียบหายไปของเฟยเฟิ่งกลับมาได้บ้าง
แม้ว่าจะไม่พอใจที่ปู่จ้วงคงมัวแต่ยุ่งกับการขยายผลคดีนี้ แต่ก็เพราะตั๋วเหล่านั้นทำให้เฟยเฟิ่งมีของมากมายไปให้มิติ ต่อให้ยุคนี้จะมีการใช้อยู่บ้าง แต่ที่หมู่บ้านนี้ก็เริ่มจะไม่จำเป็นต้องใช้ตั๋วแลกแล้ว เกือบทุกอย่างสามารถซื้อหาได้ และเธอเองก็ยังมิติให้ใช้งานอีก รวมกับตั๋วเดิมที่มีเป็นสินเดิมก็คงถือว่าเฟยเฟิ่งได้เพิ่มของลงในมิติบ้างแล้ว
คิดไม่เท่าไหร่ก็มาถึงตลาด ลูกค้าที่เห็นหน้าเฟยเฟิ่งรีบเข้ามาถามหาอาหาร แต่ก็ต้องพากันคอตกเมื่อรู้ว่าไม่มีอาหารสักรายการเดียว
“ฉันไม่รู้เลยว่ายังมีคนรอกินกับข้าวฝีมือฉันอยู่” ว่านเฟยเฟิ่งร้องไห้ออกมาเบาๆ
“สหายทำอร่อย ให้เยอะ ราคาสมเหตุสมผล เรื่องส่วนตัวของสหายจะเป็นยังไงเราไม่สนใจหรอก ความจริงก็ยังไม่แน่ชัด” ลูกค้าหญิงคนหนึ่งพูดออกมา ตัวเธอได้ยินข่าวลือมาทั้งสองแบบ ในใจรู้สึกว่าเหลือเชื่อทั้งสองเรื่อง ไม่ว่าจะนายทหารคิดแย่งภรรยาคน หรือแม่ค้าแผงลอยจับผู้มีอิทธิพลก็เกินจริงทั้งนั้น
“ความจริงสักวันก็ต้องออกมา ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ฉันจะกลับมาขายแน่นอนค่ะ”
“ดีๆ พรุ่งนี้วันที่สิบห้า มีตลาดนัดห้ามพลาดเด็ดขาดคนมาซื้อของกันเยอะ” ป้าจูเหมยแทรกขึ้นมาจากนั้นก็หยิบผักของเฟยเฟิ่งขึ้นมาดู
“ผักเธอสวยจริงๆ ถ้าไม่บอกคงคิดว่าเป็นผักฤดูใบไม้ผลิแล้ว”
ว่านเฟยเฟิ่งยิ้มรับเธอสามารถร่นระยะเวลาปลูกมาได้ ทั้งยังได้ผักคุณภาพเหลือเชื่อเพราะรดด้วยน้ำวิเศษจากในมิติ ขาดก็แต่เพียงการตั้งราคาเท่านั้น ไม่แน่ว่าสองเดือนนี้เธอคงโกยเงินได้เป็นกอบเป็นกำ
“ฉันขายให้ป้าแล้วกัน ยังไงคนก็มีภาพจำว่าป้าขายผักแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นผักของเธอป้าจะแบ่งเงินให้เธอแปดส่วน ป้าเอาสองส่วน ต่อให้หมดหนาวแล้วก็ขายต่อให้ฉันเถอะ ปลูกได้ดีจริงๆ”
“ตกลงค่ะ” เฟยเฟิ่งพยักหน้ารับเอารถเข็นจอดไว้ ป้าจูเริ่มขายผักอย่างแข็งขัน เธอเห็นเช่นนั้นจึงเอาบางส่วนใส่ถุง แล้วชวนเด็กน้อยทั้งสองไปที่ร้านรับเหมาที่พ่อเด็กๆ เป็นคนงานอยู่
หนึ่งผู้ใหญ่สองเด็กเดินเอื่อยๆ มาจนถึงหน้าร้านรับเหมาอวี้ย่งจาก็ได้เจอกับช่างหูเข้าพอดี
“ช่างหู เด็กๆ เอาผักที่ปลูกมาฝากพ่อน่ะ ฝากช่างหูเอาให้เขาทีนะคะ” เฟยเฟิ่งพูดออกไปท่ามกลางความสับสนของเด็กทั้งสอง เพราะพวกเขาไม่ได้เป็นต้นคิดว่าจะเอาผักมาฝากพ่อเสียด้วยซ้ำ
“เขาไม่ได้อยู่ที่ร้านหรอก ต้องไปทำงานที่อื่น กินนอนที่นั่นเลย เรื่องอะไรที่เกิดขึ้นทางนี้เขายังไม่รู้หรอก” ช่างหูบอกกล่าวอย่างเข้าใจเจตนาว่าเด็กสาวคงมาเพื่อหยั่งเชิงว่าสามีรู้ข่าวลือที่ไม่ค่อยดีนั้นเข้าแล้วหรือยัง
ว่านเฟยเฟิ่งมองรอบร้านก็ได้รับสายตาหลากหลายแบบมองเข้ามา บ้างก็เห็นใจ บ้างสงสัย บ้างก็เป็นสายตารังเกียจ เธอเห็นเช่นนั้นแล้วจึงรีบเอาผักยัดใส่มือช่างหูแล้วเดินกลับไปทิศทางเดิม น้ำตารื้นขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่
“น้าเฟิ่งร้องไห้ทำไม” ซีซูลี่ถามออกมา
“น้าแค่รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ยุติธรรมเกินไปหน่อย”
เฟยเฟิ่งปาดน้ำตาทิ้ง ต่อให้ตัวเธอมาจากสี่สิบห้าปีข้างหน้า แต่ข่าวลือแบบนี้ก็ยังเป็นเรื่องน่าอาย เรื่องชู้รักจะสมัยไหนก็คงยอมรับไม่ได้ การมีคนรักเก่าคือเรื่องหนึ่ง แต่การที่คนเข้าใจว่าเธอหายไปกับคนรักเก่าทั้งคืนเป็นเรื่องที่สังคมยอมรับไม่ได้ หากผู้ชายคนนั้นรู้คงต้องมาหย่าทันที
แม้เฟยเฟิ่งจะไม่ได้กลัวการหย่า แต่การเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวไม่มีคนหนุนหลังปกป้องในยุคนี้คงไม่ง่าย ความปลอดภัยคงตกต่ำลงไปอีก จะกลับบ้านสกุลว่านปู่คงไม่ยอม จะไปอยู่กับอาหญิงก็คงต้องถูกจ้าวหลงตามรบกวน ผู้ชายอย่างนั้นให้ตายเฟยเฟิ่งก็ไม่ขอข้องเกี่ยว เพราะผู้ชายเช่นนี้ในความคิดของเธอนั้น คือคนที่พึ่งพาไม่ได้ อยากได้จนยอมทำลายชื่อเสียงผู้หญิงตัวคนเดียว หากวันนึงเขาเลิกรักเลิกพิศวาสขึ้นมาร่างนี้คงดูไม่จืด
“ที่รัก พี่กำลังจะไปหาเธอพอดี มาอยู่กับพี่เถอะ บ้านพักของคุณพ่อกว้างขวาง ไว้ค่อยมาหย่ากับเขากัน”
เสียงของจ้วงจ้าวหลงดังขึ้นจากด้านหลัง เฟยเฟิ่งหันไปก็เห็นว่าเขาโผล่หน้าออกมาจากรถคันเดิมที่เคยใช้มาส่ง
“ฉันไม่ไป พี่อย่ามายุ่งกับฉัน ฉันแต่งงานแล้ว นี่ก็ลูกๆ ฉัน”
“โถ่ ยังไม่ได้เจอสามีสักหน่อย เวลานี้เธอยังเปลี่ยนใจได้เธอไม่รักพี่เหรอ ให้พี่ไปส่งเถอะนะ” ผิวขาวจัดของคุณชายเล็กส่องประกายกลางแดดจ้า เขาก้าวลงมาจากรถประจันหน้ากับเฟยเฟิ่งที่แม้จะไม่ได้บรรจงแต่งหน้าอย่างเดิม แต่กลับดูสวยกว่าที่เขาเคยจำได้เสียอีก
จ้วงจ้าวหลงคว้ามือนิ่มมากอบกุมไว้ อยากจะอุ้มเฟยเฟิ่งขึ้นรถแต่ก็ต้องยั้งใจเอาไว้ เพราะกลัวว่าคนรักจะโกรธที่เอาเปรียบเธอ
“พี่ไปส่งฉันไม่ได้ แค่เท่านี้ก็ถูกประณามมากพออยู่แล้ว ถ้าที่ผ่านมาเคยรักกันจริงก็กลับไปเถอะค่ะ ถ้าพี่ตามมาฉันจะเกลียดพี่ไปตลอดชีวิต” เฟยเฟิ่งสะบัดมือออกแล้วรีบหันหลังเดินหนีไป
ทิ้งให้จ้วงจ้าวหลงยืนอยู่ริมถนนไม่กล้าตามมาเพราะกลัวว่าเฟยเฟิ่งจะเกลียดจริงอย่างที่พูด และเขาเองก็รู้สึกว่ายังไงเรื่องนี้ผู้ชายคนนั้นก็ไม่มีทางเก็บว่านเฟยเฟิ่งไว้เป็นภรรยา การมีภรรยาเคยผ่านมือชายอื่นมาก่อนเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การที่ทุกคนในสังคมของตนรู้ว่าภรรยาเคยมีชายอื่นมาก่อนนั้นเป็นอีกเรื่อง เพราะอย่างหลังนับว่าเป็นการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีและภาพลักษณ์อย่างถึงที่สุด แม้จะเป็นเรื่องไม่จริงก็อธิบายต่อผู้ใดไม่ได้
.
.
.
“เขาขาวมาก แต่ไม่หล่อเท่าพ่อหรอก” ซีซูลี่พูดออกมา
“นายทหารคนนั้นนิสัยไม่ดี คิดให้คนหย่ากัน” จื่อซวานส่ายหน้า “อยากให้พ่อกลับมาเร็วๆ จะได้ปกป้องน้าเฟิ่งจากเขา”
“พ่อของจื่อซวานอาจจะไม่ยอมรับน้า” เฟยเฟิ่งพูดเสียงเบา
“เดี๋ยวทางการก็ต้องลงหนังสือพิมพ์ หรือออกประกาศขอบคุณความดีของน้าเฟิ่ง วันนั้นทุกคนก็ต้องเชื่อคำพูดน้าเฟิ่งแน่” ซีจื่อซวานบีบมือว่านเฟยเฟิ่งแน่น
“อืม นั่นสิ งั้นเราก็รีบกลับไปคิดกันเถอะว่าเราจะเอาอะไรไปขายในตลาดนัดศูนย์ห้า”
“จริงด้วย! ต้องหาเงินให้มากหน่อย” ซูลี่พยักหน้าวิ่งนำออกไป
บทที่ 39 เอาอาหารไปส่งสามีสองสัปดาห์ผ่านไปแปลงผักในพื้นที่หลังบ้านเริ่มที่จะเข้าที่แล้ว ช่วงแรกแม้จะทดลองปลูกกันไปแล้ว แต่การจัดสรรพื้นที่ยังไม่ลงตัวจึงทำให้ต้องลดปริมาณผักที่เก็บไปส่งให้ป้าจูด้วย แต่เมื่อตกลงกันกับเด็กๆ เรียบร้อยแล้ว เฟยเฟิ่งก็ให้เด็กทั้งสองเดินหน้าเต็มกำลังหลังบ้านซีไม่มีพื้นที่ส่วนใดที่ไร้ประโยชน์ พื้นที่จุดที่ได้รับเฉพาะแดดเช้าลงผักที่ไม่ต้องการแดดมาก ในโรงเรือนมีเห็ดหลากชนิดให้หมุนเวียนตัดไปกินและขาย เหนือพื้นดินด้านนอกมีราวไม้สำหรับแขวนกระถางปลูกผักเพิ่ม อีกแถวไว้ปลูกกล้วยไม้สวยงามจากในมิติที่เฟยเฟิ่งอ้างว่าพบเจอบนภูเขา หากขยายพันธุ์ให้ดีก็สามารถทำเงินได้ ด้วยผู้คนยังนิยมให้กันเป็นของขวัญนอกจากนั้นแล้วยังมีไก่ที่ซีจื่อซวาน
บทที่ 38 หาวิธีคุยกับผีในบ้านว่านเฟยเฟิ่งทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้สามีกังวลใจ แต่ก็ไม่ได้ทิ้งให้เป็นทุกข์นาน หยิบเห็ดหลินจือที่ทดลองเพาะอย่างลับๆ ออกมาให้จื่อหานดู พร้อมกับถุงใส่สปอร์เห็ดที่เก็บสำเร็จมาแล้วรอบหนึ่งออกมาไว้ข้างกัน“น่ะนี่มัน…?”“เห็ดหลินจือน่ะสิคะ” เฟยเฟิ่งที่เข้าไปปลูกในมิติเมื่อรู้ว่าทำได้ก็คิดจะเอามาขยายให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่เธอเองก็รู้ตัวว่าคงทำเองไม่ไหว จึงคิดจะสอนจื่อหานแล้วยกให้เขาลงแรงไปเสีย“คุณไปเอามาจากไหน”“มีเทพเอามาให้ค่ะ ล้อเล่นค่ะ ก็เก็บมาสิคุณ ฉันตัดใจไม่ขายเพราะจะเอามาทดลองปลูกเลยนะว่าเราเพาะได้ไหม และคำตอบก็คือได้ แต่ว่าฉัน
บทที่ 37 ปู่ว่านมาถึงบ้าน“อาเฟิ่งคิดอะไรแบบนั้น เป็นไปไม่ได้หรอก ทุกครั้งที่มีคนหายไปเป็นช่วงที่อาเล็กไปทำงานในเมืองทั้งนั้น อีกอย่างผู้หญิงจะหายไปแค่ช่วงฤดูหนาว ช่วงนี้ทุกคนยังปลอดภัยค่ะ”“หายแค่ฤดูหนาวเท่านั้นเหรอ”เฟยเฟิ่งพึมพำกับตัวเองไม่ได้ฟังพวกผู้ชายถกเถียงกันเรื่องนี้อีก นั่นหมายความว่าช่วงเวลาที่เฟยเฟิ่งรู้มานั้นไม่ถูกต้อง ฆาตกรคนนั้นเริ่มลงมือแล้ว แต่เมื่อพ้นฤดูหนาวมาแล้วแปลว่าเธอยังคงปลอดภัย นั่นย่อมหมายความว่าก่อนที่ฤดูหนาวถัดไปจะมาถึง เธอจำเป็นจะต้องซื้อบ้านในเมืองให้ได้เพื่อความอยู่รอด!...&nbs
บทที่ 36 ฉันแต่งงานกับใครกันแน่!ทุกฤดูเพาะปลูกหมู่บ้านจะจัดการประชุมใหญ่ขึ้น เพราะต้องการสร้างความเข้าใจให้ตรงกันทุกครัวเรือน ยิ่งปีนี้ปรับมาทำนาแบบบ้านใครบ้านมันแล้ว ยิ่งต้องคุยให้ชัดเจน แม้จะแจ้งและแบ่งที่ไว้แล้วก็ต้องย้ำอีกครั้งว่านเฟยเฟิ่งไม่ว่าจะเป็นดวงจิตเดิมหรือดวงจิตใหม่ต่างก็ไม่เคยอยู่ในเหตุการณ์ประชุมหมู่บ้านจึงรู้สึกตื่นเต้น ทั้งยังพิถีพิถันเลือกชุดเสมือนว่าจะไปประกวดนางงาม เด็กน้อยทั้งสองก็ถูกเธอจับขัดตัวทำผมให้ดูเหมือนลูกคนมีเงิน จะติดก็แต่เสื้อผ้าที่ดูซีดไปเสียหน่อย“น้าละเลยเรื่องเสื้อผ้าพวกเธอเกินไปแล้วจริงๆ หน้าตาก็ดูดีมีสกุล แต่สีเสื้อซีดยิ่งกว่าอะไรดี ไม่ได้การ”“เอาไว้จะย้อมสีให้ใหม่ ไ
บทที่ 34 อ่อนแอเกินไป“ที่ระบายอารมณ์เนี่ยนะ คุณจะบ้ารึไงคะ ฉันไม่ใช่คนโรคจิตแบบนั้นนะ ปล่อยข้อมือฉันก่อน”“ก็คุณไง รับไม่ได้ที่ต้องมาชนบทเลยมาลงที่ลูกผม เมื่อกี้ก็เหมือนกัน ทำจนชินมือเลยล่ะสิ คล่องจริงนะกับการตีลูกคนอื่น”“ตบๆ สองทีแบบนี้มันเจ็บรึไง ตั้งสติก่อนไหมคะ ไหนเรื่องอื่นยังรอฟังได้ ทำไมครั้งนี้ไม่รอถามความจริงจากฉันบ้างเลยคะ” ว่านเฟยเฟิ่งร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความผิดนี้ไม่ใช่เธอก่อ แต่จะพูดอย่างไรว่าวิญญาณในร่างเป็นคนละดวง ใครที่ไหนจะเชื่อเธอกันมือเล็กทั้งสองถูกยกขึ้นปิดหน้าในตอนที่เธอปล่อยโฮออกมา เฟยเฟิ่งพยายามคิดหาเหตุผลว่าควรจะแก้ตัวอย่างไรให้เหมาะสม ซีจื่อหานเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ได้สติ เขาใช้มือหยาบกร้านลูบไปบนหัวเธอ
บทที่ 34 อ่อนแอเกินไป“ที่ระบายอารมณ์เนี่ยนะ คุณจะบ้ารึไงคะ ฉันไม่ใช่คนโรคจิตแบบนั้นนะ ปล่อยข้อมือฉันก่อน”“ก็คุณไง รับไม่ได้ที่ต้องมาชนบทเลยมาลงที่ลูกผม เมื่อกี้ก็เหมือนกัน ทำจนชินมือเลยล่ะสิ คล่องจริงนะกับการตีลูกคนอื่น”“ตบๆ สองทีแบบนี้มันเจ็บรึไง ตั้งสติก่อนไหมคะ ไหนเรื่องอื่นยังรอฟังได้ ทำไมครั้งนี้ไม่รอถามความจริงจากฉันบ้างเลยคะ” ว่านเฟยเฟิ่งร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความผิดนี้ไม่ใช่เธอก่อ แต่จะพูดอย่างไรว่าวิญญาณในร่างเป็นคนละดวง ใครที่ไหนจะเชื่อเธอกันมือเล็กทั้งสองถูกยกขึ้นปิดหน้าในตอนที่เธอปล่อยโฮออกมา เฟยเฟิ่งพยายามคิดหาเหตุผลว่าควรจะแก้ตัวอย่างไรให้เหมาะสม ซีจื่อหานเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ได้สติ เขาใช้มือหยาบกร้านลูบไปบนหัวเธอ







