ログインแม้ตอนแรกลูกค้าหน้าร้านของว่านเฟยเฟิ่งยังคงบางตาอยู่บ้าง เพราะคนที่ได้ยินข่าวลือต่างไม่ต้องการสุงสิงกับแม่ค้าที่ดูเหมือนว่าจะเป็นผู้หญิงไม่ดี แต่เมื่อเห็นมีคนทยอยซื้อ ทั้งยังเห็นเด็กน้อยทั้งสองกินไปชมไป ไหนจะมีกลิ่นหอมตีจมูก ทำให้อดใจไม่ไหวจำเป็นต้องเข้าไปซื้อบ้าง
ซ่งปาเยว่ที่เดินผ่านมาใกล้ก็ไม่เห็นว่าเฟยเฟิ่งจะทำสิ่งใดพิเศษ ก็เพียงแค่ตักขายให้ลูกเลี้ยงกินยั่วผู้อื่น แล้วก็เทแป้งลงกระทะสลับกันไปเช่นนั้น สะใภ้ที่ต้องแต่งเข้าบ้านอันรู้สึกผิดหวังนักที่ยามนั้นตนเองไม่เลือกซีจื่อหาน แต่กลับมาเลือกอันเหยียนเค่อ ที่แม้ว่าจะดูมั่นคงกว่าเพราะมาจากครอบครัวใหญ่ แต่นั่นก็หมายความว่าปาเยว่ต้องมารองมือรองเท้าคนจำนวนมากเช่นกัน
ตั้งแต่แต่งเข้ามาชีวิตของปาเยว่ก็มีแต่ทำงาน ทำงาน และทำงาน ผิงเจินที่เคยรับผิดชอบงานบ้านก็โยนมาให้ปาเยว่จนหมด ผิดกับเฟยเฟิ่งที่มีเพียงแม่สามี และลูกอีกสองคนให้รับผิดชอบ ภาระมีน้อยกว่าและมีอิสระมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด ปาเยว่มองต่อเพียงไม่นานก็เลี่ยงเดินหายไปหลังตลาด ใช้ความวุ่นวายของผู้คนเป็นเกราะกำบังหลบเลี่ยงไป โดยที่ผิงเจินและเฟยเฟิ่งไม่ได้รับรู้ถึงความคิดครั้งนี้ของสะใภ้บ้านอันเลย
.
.
.
“ในที่สุดก็เจอสหายแล้ว” เสียงที่คุ้นหูของตั้งงวนติ้งดังขึ้น
“เด็กๆ แพนเค้กหมดแล้ว ไม่มีอะไรที่ต้องลงกระทะแล้ว น้าฝากขายก่อนนะ น้าขอนั่งพักสักเดี๋ยว” ว่านเฟยเฟิ่งที่เห็นว่าผีทหารที่ขอให้มาช่วยน้องชายมาหาหลังจากเหตุการณ์นั้นก็คิดว่าคงมีเรื่องสำคัญต้องบอกจึงขอไปนั่งหลบให้สามารถตอบโต้ได้สะดวก
“นึกว่าไปสู่สุคติเสียแล้ว” เฟยเฟิ่งเอ่ยเมื่อมานั่งหลบมุมได้สำเร็จ
“ยังไม่ได้หรอก ยังไม่ได้บอกกล่าวกับสหายก่อน วันนั้นเพราะเป็นห่วงน้องชายมากจึงหายไปเฉยๆ ขออภัยด้วย”
“เรียกว่าเฟยเฟิ่งเถอะ มาถึงขั้นนี้แล้ว” ปากจิ้มลิ้มบอกออกไป
“หากยังมีชีวิตอยู่แล้วมีหญิงงามมากล่าวเช่นนี้คงคิดว่าหญิงผู้นั้นมีใจให้เสียแล้ว” งวนติ้งที่เคยเป็นบุรุษเจ้าชู้หาตัวจับยากอดไม่ไหวต้องพูดไปตามนิสัยตน
“พูดธุระมาได้แล้ว”
“อ๋อ…น้องชายหายเกือบดีแล้ว ทุกคนรู้เรื่องแล้วว่าติ้งจื่อต้องมาเดือดร้อนเพราะผมติดการพนัน แต่สิ่งสำคัญคือคนที่บ้านอยากมาขอบคุณที่สหายช่วยไว้ ผมเองก็ยังไปไหนไม่ได้เพราะรู้สึกติดค้างในเรื่องนี้ พ่อแม่ผมคงเดินทางมาวันนี้อย่าตกใจนะ” ตั้งงวนติ้งพูดยาวเหยียดไม่เว้นช่องให้คนเป็นตอบเลยสักนิด เพราะไม่แน่ใจว่าตนเองจะรั้งอยู่ในภพที่ไม่ถูกไม่ควรได้อีกนานแค่ไหน
“ตอบแทนแบบไหนกัน”
“ก็คงจะมอบเงินมอบของมีค่าให้ตามสมควร เหลือลูกชายคนเดียวแล้ว ยังไงก็คงสมน้ำสมเนื้อ”
หลังจากนั้นผีทหารก็เล่าว่าเขาเป็นหนี้การพนันหมุนเงินมาจ่ายไม่ทัน คนเหล่านั้นจึงจะเอาไปต่อยใช้หนี้ แต่ระหว่างที่กำลังขัดแย้งกันดันเกิดหัวใจวายเฉียบพลันขึ้นมา จึงทำให้คนเหล่านั้นเอาน้องชายไปรับเคราะห์แทน ทหารระดับสูงหลายคนมีเอี่ยวรับเงิน
นับว่าว่านเฟยเฟิ่งโชคดีนักที่มีความสนิทกับนายพลจ้วงจึงรายงานตรงได้โดยไม่ต้องผ่านคนใต้บังคับบัญชาให้เสี่ยงไปเจอคนที่อยู่ในขบวนการมีโอกาสตัดตอนไป
“เรื่องนี้ก็ทำให้ฉันเสียหายไม่น้อยเลย ปู่จ้วงให้พี่จ้าวหลงมาส่งฉัน หลังจากที่หายไปทั้งคืน คนในหมู่บ้านเลยคิดกันไปไกล” เฟยเฟิ่งหน้าง้ำ
“งั้นผมควรไปดลใจพ่อแม่ให้จับน้องชายแต่งงานรับผิดชอบน้องเฟิ่งเลยจะดีกว่า” ตั้งงวนติ้งพูดจบก็หายไป ไม่ทันให้ว่านเฟยเฟิ่งย้ำว่าตัวเธอน่ะแต่งงานแล้ว แต่งซ้ำไม่ได้
“ลืมรึไงกันนะ”
เมื่อเรื่องราวเป็นเช่นนี้ว่านเฟยเฟิ่งก็ได้แต่กลับไปขายของให้หมดแล้วรีบกลับบ้าน เมื่องวนติ้งบอกว่าพ่อแม่จะมาวันนี้อย่างไรก็ควรจะต้องมาก่อนจะเย็นแน่ๆ
.
.
.
ไม่ผิดไปจากที่ว่านเฟยเฟิ่งทายเอาไว้ เมื่อมาถึงหน้าบ้านก็มีรถคันโตจอดอยู่ ทั้งยังมีชาวบ้านมามุงดูกันมากมาย
“ครอบครัวของคนที่มาส่งคงจะมาเจรจาเรื่องหย่าให้สินะ” ชาวบ้านคนหนึ่งกล่าวออกมา
“ไร้สาระจริง ถ้าฉันอยากหย่าฉันคุยกับเขาเองได้ไม่จำเป็นต้องให้ใครออกหน้า โตกันหมดแล้วไม่ต้องให้ใครมาทำแทน” เฟยเฟิ่งพูดจบก็รีบเข็นรถไปไว้ในบ้าน แล้วเดินเข้าห้องนั่งเล่นไปทันที
“คนพวกนี้บอกว่ามีธุระมาพบเธอ” อันซูเจินพูดจบก็หันหน้าไปอีกทางเหมือนกันว่าไม่สนใจ
“จื่อซวานหาน้ำให้แขกด้วย” เฟยเฟิ่งที่เห็นว่าแม่ของว่าที่สามีเพียงให้คนเข้ามานั่งรอ แต่ไม่หาน้ำต้อนรับก็ทำสีหน้าไม่ถูกเสียแล้ว
“แม่ลูกสวยทั้งคู่เลยนะคะ” คนที่เฟยเฟิ่งเดาว่าเป็นแม่ของตั้งงวนติ้งกล่าว
“นั่นสิตอนที่คุณไปช่วยไว้ ผมคิดว่าตายแล้วได้ขึ้นสวรรค์เห็นนางฟ้าซะอีก”
ตั้งติ้งจื่อที่ไม่แพรวพราวเท่าพี่ชายพูดจบก็ยกมือมาปิดปากเอาไว้ ไม่เข้าใจว่าทำไมตนเองพูดเช่นนั้น แต่เฟยเฟิ่งที่เห็นงวนติ้งยืนข้างน้องชายก็หลุดหัวเราะออกมาทันที
“อย่างนี้ก็ดีเลย หนูเสี่ยงชีวิตช่วยลูกชายคนเล็กของเราไว้ พวกเราไม่รังเกียจและอยากจะให้เจ้าติ้งจื่อรับผิดชอบหนูไปทั้งชีวิตหลีงจากนี้จะได้ไหมจ๊ะ ติ้งจื่อคิดว่าหนูสวย เรื่องจิตใจเราก็เห็นแล้ว หนูเองก็หัวเราะออกมาตอนถูกชมคงจะเข้ากันดีไม่น้อยเลย” สตรีที่แต่งตัวดีพูดยืดยาว
“คงไม่ได้ค่ะ คุณป้าคนนี้ไม่ใช่แม่ของฉัน แต่เป็นแม่สามีค่ะ ฉันแต่งงานแล้ว”
“แต่งงานแล้วแต่ก็ยังหายไปทั้งคืนจนมีผู้ชายมาส่งถึงบ้าน เธอยังไม่เคยเห็นหน้าลูกชายฉันด้วยซ้ำก็ทำตัวเละเทะแล้ว เขากลับมาเมื่อไหร่จะสั่งให้หย่าซะ” ซีซูเจินเหน็บแนม
“แล้วป้าจะให้ฉันกลับมายังไงคะ ไปรู้เห็นเรื่องแปลกๆ ฉันก็รีบไปรอบอกทางการ ปู่จ้วงที่เห็นว่ามันเป็นเรื่องใหญ่สั่งให้ลูกชายคนเล็กขับรถมาส่งที่บ้าน เพราะวุ่นวายหนีคนร้ายมาทั้งคืนแล้ว ป้าจะให้ปู่จ้วงใจดำปล่อยฉันปั่นจักรยานกลับเองเหรอคะ” ว่านเฟยเฟิ่งที่เห็นว่าตนเองมีหลักฐานยืนยันแล้วว่าคืนนั้นเธอไปธุระจริงๆ เริ่มอธิบาย
“ปู่จ้วง ท่านนายพลจ้วงไป่ชิงน่ะเหรอ” ตั้งติ้งจื่อพึมพำถามออกมา
“พอดีว่าอาหญิงเล็กของฉันแต่งงานกับลูกชายคนโตของท่านนายพล ฉันเลยเรียกพ่อสามีของอาหญิงว่าปู่น่ะค่ะ”
คำตอบนี้ทำให้คนบ้านตั้งมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจนัก แม้จะพอเห็นว่าท่าทางการพูดจาและเสื้อผ้าที่สตรีตรงหน้าใส่ไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา แต่ก็ไม่นึกเลยว่าบุตรหลานคนใหญ่โตจะมาอยู่ในที่ทางเช่นนี้
“ไม่ต้องสงสัยหรอกค่ะ ปู่ว่านลงโทษฉัน อยากให้ปรับปรุงตัวลงความเอาแต่ใจ หัดมีน้ำใจคิดถึงคนอื่นก่อนตัวเอง เลยให้มาเกิดใหม่แบบนี้ค่ะ แต่พอมีเรื่องแบบนี้ก็ไม่แน่ใจว่าถ้าสามีกลับมาจะยังเก็บฉันไว้ไหม” ว่านเฟยเฟิ่งพูดออกไปอย่างไร้ความกังวล จะมีหรือไม่มีสามีเธอก็ยังต้องทำมาหากิน และยังไม่จำเป็นต้องเครียดตอนนี้
“ถ้าหย่าจริงก็ดี บุญคุณช่วยชีวิตสำคัญท่วมหัว ต่อให้สหายเป็นนางคณิกาหรือกบฏล่มเมือง ผมก็ไม่มีวันรังเกียจ”
ติ้งจื่อกล่าวอย่างหนักแน่นทำให้พ่อและแม่ของเขาพยักหน้าตาม เพราะตามที่ฟังแม้จะแต่งงานแล้ว คุณหนูผู้นี้ก็ยังไม่ได้พบหน้าสามีเลยสักครั้ง หากเหตุการณ์นี้จะทำให้ต้องถึงขั้นหย่า อย่างไรสกุลตั้งก็ต้องรับผิดชอบ ยิ่งเรื่องเริ่มมาจากผีพนันของลูกชายคนโตด้วยแล้ว ยิ่งต้องรับผิดชอบให้ถึงที่สุด
“อย่าพึ่งคิดไปไกลเลยค่ะ จะหย่าหรือไม่ก็คงต้องรอลูกชายของป้าซูเจินมาตัดสินใจ แต่ถ้าหย่าแล้วก็คงไม่กล้ารบกวนค่ะ ฉันทำงานหาเงินดูแลตัวเองได้อยู่ค่ะ พวกคุณรู้จักกับปู่จ้วงก็คงจะมีหน้ามีตา แต่งผู้หญิงอย่างฉันไม่ได้หรอกค่ะ” คำพูดของเฟยเฟิ่งทำให้เด็กน้อยทั้งสองที่เอาน้ำเข้ามาให้แขกแล้วก็ยังนั่งนิ่งแอบฟังอยู่โล่งใจขึ้นมา
“ที่ว่าหาเงินได้ หายังไงล่ะ” ตั้งคนพ่อเอ่ยถามออกมาเป็นครั้งแรก
“ฉันขายอาหารค่ะ จะคาวหวานก็ขายค่ะ หมดทุกวันรสชาติก็คงได้เรื่องอยู่บ้างค่ะ”
“หลานสาวบ้านว่านมีฝีมือด้วย ไม่น่าเชื่อจริงๆ” แม่ของติ้งจื่อชมออกมา
“อร่อยมากที่สุดเลยด้วย พวกเราได้กินทุกวันยืนยันได้” ซีซูลี่หลุดปากชมออกมา
“อย่างนั้นงานเลี้ยงปลอบใจติ้งจื่อเราจะจ้างหนูว่านมารับผิดชอบอาหาร แขกประมาณห้าสิบคน คิดว่าทำไหวไหม” ตั้งหลงติ้งกล่าวถาม เมื่อเด็กสาวว่าชอบทำงาน เขาก็จะหางานให้เด็กคนนี้มีเงินทุน หากหย่าจริงจะต้องไม่ลำบาก
“แขกห้าสิบคน จัดแบบเป็นโต๊ะห้าถึงหกโต๊ะ แล้วมีกับข้าวกองกลาง หรือจัดแบบทุกคนมีจานใครจานมันอย่างตะวันตกคะ”
“คงเป็นโต๊ะและมีกับข้าวกองกลาง อย่างตะวันตกไว้เป็นงานเล็กๆ คนไม่เกินยี่สิบคนจะเหมาะสมกว่า”
“เห็นด้วยค่ะ ถ้าต้องเสิร์ฟทีละคอร์สหนูคงต้องปฏิเสธเพราะมีกำลังคนไม่พอ แต่ถ้าแบบโต๊ะห้าสิบคนไม่มีปัญหาค่ะ” ว่านเฟยเฟิ่งสรุปคำตอบให้อย่างรวดเร็ว
“อย่างนั้นเราก็ร่างสัญญากันเลย ส่วนของขวัญขอบคุณพวกนี้รับไว้เถอะนะ” ต้งลี่จูแม่ของติ้งจื่อที่เสียดายเด็กสาวคนนี้นักกล่าวออกมา
“ขอบคุณมากค่ะ”
ว่านเฟยเฟิ่งยิ้มกว้างจักรยาน จักรเย็บผ้า วิทยุ ตู้เย็น และของอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง ถูกวางไว้ด้านหลังคนบ้านตั้ง เฟยเฟิ่งไม่ได้ต้องการ แต่ที่เธอดีใจเป็นเพราะมีของไปให้มิติเพิ่มขึ้นแล้ว
“ที่นี่ไม่มีไฟฟ้า หลายอย่างฉันคงต้องเอาไปขาย ถ้ายังไงอย่างว่ากล่าวกันนะคะ”
“ของให้แล้วจะจัดการยังไงก็ต้องแล้วแต่เจ้าของครับ” ตั้งติ้งจื่อที่แม้จะยังช้ำบวมอยู่หลายจุดกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
บทที่ 39 เอาอาหารไปส่งสามีสองสัปดาห์ผ่านไปแปลงผักในพื้นที่หลังบ้านเริ่มที่จะเข้าที่แล้ว ช่วงแรกแม้จะทดลองปลูกกันไปแล้ว แต่การจัดสรรพื้นที่ยังไม่ลงตัวจึงทำให้ต้องลดปริมาณผักที่เก็บไปส่งให้ป้าจูด้วย แต่เมื่อตกลงกันกับเด็กๆ เรียบร้อยแล้ว เฟยเฟิ่งก็ให้เด็กทั้งสองเดินหน้าเต็มกำลังหลังบ้านซีไม่มีพื้นที่ส่วนใดที่ไร้ประโยชน์ พื้นที่จุดที่ได้รับเฉพาะแดดเช้าลงผักที่ไม่ต้องการแดดมาก ในโรงเรือนมีเห็ดหลากชนิดให้หมุนเวียนตัดไปกินและขาย เหนือพื้นดินด้านนอกมีราวไม้สำหรับแขวนกระถางปลูกผักเพิ่ม อีกแถวไว้ปลูกกล้วยไม้สวยงามจากในมิติที่เฟยเฟิ่งอ้างว่าพบเจอบนภูเขา หากขยายพันธุ์ให้ดีก็สามารถทำเงินได้ ด้วยผู้คนยังนิยมให้กันเป็นของขวัญนอกจากนั้นแล้วยังมีไก่ที่ซีจื่อซวาน
บทที่ 38 หาวิธีคุยกับผีในบ้านว่านเฟยเฟิ่งทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้สามีกังวลใจ แต่ก็ไม่ได้ทิ้งให้เป็นทุกข์นาน หยิบเห็ดหลินจือที่ทดลองเพาะอย่างลับๆ ออกมาให้จื่อหานดู พร้อมกับถุงใส่สปอร์เห็ดที่เก็บสำเร็จมาแล้วรอบหนึ่งออกมาไว้ข้างกัน“น่ะนี่มัน…?”“เห็ดหลินจือน่ะสิคะ” เฟยเฟิ่งที่เข้าไปปลูกในมิติเมื่อรู้ว่าทำได้ก็คิดจะเอามาขยายให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่เธอเองก็รู้ตัวว่าคงทำเองไม่ไหว จึงคิดจะสอนจื่อหานแล้วยกให้เขาลงแรงไปเสีย“คุณไปเอามาจากไหน”“มีเทพเอามาให้ค่ะ ล้อเล่นค่ะ ก็เก็บมาสิคุณ ฉันตัดใจไม่ขายเพราะจะเอามาทดลองปลูกเลยนะว่าเราเพาะได้ไหม และคำตอบก็คือได้ แต่ว่าฉัน
บทที่ 37 ปู่ว่านมาถึงบ้าน“อาเฟิ่งคิดอะไรแบบนั้น เป็นไปไม่ได้หรอก ทุกครั้งที่มีคนหายไปเป็นช่วงที่อาเล็กไปทำงานในเมืองทั้งนั้น อีกอย่างผู้หญิงจะหายไปแค่ช่วงฤดูหนาว ช่วงนี้ทุกคนยังปลอดภัยค่ะ”“หายแค่ฤดูหนาวเท่านั้นเหรอ”เฟยเฟิ่งพึมพำกับตัวเองไม่ได้ฟังพวกผู้ชายถกเถียงกันเรื่องนี้อีก นั่นหมายความว่าช่วงเวลาที่เฟยเฟิ่งรู้มานั้นไม่ถูกต้อง ฆาตกรคนนั้นเริ่มลงมือแล้ว แต่เมื่อพ้นฤดูหนาวมาแล้วแปลว่าเธอยังคงปลอดภัย นั่นย่อมหมายความว่าก่อนที่ฤดูหนาวถัดไปจะมาถึง เธอจำเป็นจะต้องซื้อบ้านในเมืองให้ได้เพื่อความอยู่รอด!...&nbs
บทที่ 36 ฉันแต่งงานกับใครกันแน่!ทุกฤดูเพาะปลูกหมู่บ้านจะจัดการประชุมใหญ่ขึ้น เพราะต้องการสร้างความเข้าใจให้ตรงกันทุกครัวเรือน ยิ่งปีนี้ปรับมาทำนาแบบบ้านใครบ้านมันแล้ว ยิ่งต้องคุยให้ชัดเจน แม้จะแจ้งและแบ่งที่ไว้แล้วก็ต้องย้ำอีกครั้งว่านเฟยเฟิ่งไม่ว่าจะเป็นดวงจิตเดิมหรือดวงจิตใหม่ต่างก็ไม่เคยอยู่ในเหตุการณ์ประชุมหมู่บ้านจึงรู้สึกตื่นเต้น ทั้งยังพิถีพิถันเลือกชุดเสมือนว่าจะไปประกวดนางงาม เด็กน้อยทั้งสองก็ถูกเธอจับขัดตัวทำผมให้ดูเหมือนลูกคนมีเงิน จะติดก็แต่เสื้อผ้าที่ดูซีดไปเสียหน่อย“น้าละเลยเรื่องเสื้อผ้าพวกเธอเกินไปแล้วจริงๆ หน้าตาก็ดูดีมีสกุล แต่สีเสื้อซีดยิ่งกว่าอะไรดี ไม่ได้การ”“เอาไว้จะย้อมสีให้ใหม่ ไ
บทที่ 34 อ่อนแอเกินไป“ที่ระบายอารมณ์เนี่ยนะ คุณจะบ้ารึไงคะ ฉันไม่ใช่คนโรคจิตแบบนั้นนะ ปล่อยข้อมือฉันก่อน”“ก็คุณไง รับไม่ได้ที่ต้องมาชนบทเลยมาลงที่ลูกผม เมื่อกี้ก็เหมือนกัน ทำจนชินมือเลยล่ะสิ คล่องจริงนะกับการตีลูกคนอื่น”“ตบๆ สองทีแบบนี้มันเจ็บรึไง ตั้งสติก่อนไหมคะ ไหนเรื่องอื่นยังรอฟังได้ ทำไมครั้งนี้ไม่รอถามความจริงจากฉันบ้างเลยคะ” ว่านเฟยเฟิ่งร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความผิดนี้ไม่ใช่เธอก่อ แต่จะพูดอย่างไรว่าวิญญาณในร่างเป็นคนละดวง ใครที่ไหนจะเชื่อเธอกันมือเล็กทั้งสองถูกยกขึ้นปิดหน้าในตอนที่เธอปล่อยโฮออกมา เฟยเฟิ่งพยายามคิดหาเหตุผลว่าควรจะแก้ตัวอย่างไรให้เหมาะสม ซีจื่อหานเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ได้สติ เขาใช้มือหยาบกร้านลูบไปบนหัวเธอ
บทที่ 34 อ่อนแอเกินไป“ที่ระบายอารมณ์เนี่ยนะ คุณจะบ้ารึไงคะ ฉันไม่ใช่คนโรคจิตแบบนั้นนะ ปล่อยข้อมือฉันก่อน”“ก็คุณไง รับไม่ได้ที่ต้องมาชนบทเลยมาลงที่ลูกผม เมื่อกี้ก็เหมือนกัน ทำจนชินมือเลยล่ะสิ คล่องจริงนะกับการตีลูกคนอื่น”“ตบๆ สองทีแบบนี้มันเจ็บรึไง ตั้งสติก่อนไหมคะ ไหนเรื่องอื่นยังรอฟังได้ ทำไมครั้งนี้ไม่รอถามความจริงจากฉันบ้างเลยคะ” ว่านเฟยเฟิ่งร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความผิดนี้ไม่ใช่เธอก่อ แต่จะพูดอย่างไรว่าวิญญาณในร่างเป็นคนละดวง ใครที่ไหนจะเชื่อเธอกันมือเล็กทั้งสองถูกยกขึ้นปิดหน้าในตอนที่เธอปล่อยโฮออกมา เฟยเฟิ่งพยายามคิดหาเหตุผลว่าควรจะแก้ตัวอย่างไรให้เหมาะสม ซีจื่อหานเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ได้สติ เขาใช้มือหยาบกร้านลูบไปบนหัวเธอ







