แชร์

บทที่ 29 ต้องหย่าเท่านั้น

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-12-11 19:28:31

บทที่ 29 ต้องหย่าเท่านั้น

       เวลาผ่านไปถึงสามสัปดาห์ก็เป็นเวลาที่ว่านเฟยเฟิ่งจะต้องไปทำอาหารในงานเลี้ยงบ้านสกุลตั้ง โดยที่เด็กทั้งสองนั้นฝากให้คนบ้านเหมยหลันมาดูแล ทั้งยังจ้างเย่เหมยหลัน สู่หมิงลี่ และต้งจิ่งยุนให้ไปช่วยด้วย 

       ทางบ้านตั้งไม่ได้ว่าอะไรเพียงแค่ขอรายชื่อเอาไว้ ทำให้แม่ของตั้งติ้งจื่อสังเกตเห็นว่าจิ่งยุนเองก็แซ่ต้งเช่นเดียวกันกับตนเอง สืบสาวกันไปมาก็ได้ความว่ารุ่นทวดเป็นพี่น้องกัน กลายเป็นว่าคุณนายต้งได้พบเจอญาติที่ห่างหายกันไปหลายรุ่นโดยบังเอิญ

       ก่อนวันงานทางบ้านตั้งส่งรถมารับทั้งสามเพื่อไปค้างคืนเตรียมงาน โดยเป็นบ้านสี่ประสานที่เพิ่งจะได้คืนมาจากรัฐ ด้านเฟยเฟิ่งไม่ได้คิดอะไรเพียงแค่ฟังๆ ไปอย่างนั้น แต่เมื่อเห็นตัวบ้านก็เข้าใจว่าเหตุใดทั้งสามจึงได้ดูตื่นเต้นเช่นนี้ 

“แล้วบ้านสกุลว่านของเธอล่ะเป็นอย่างนี้ไหม” จิ่งยุนถาม

“ก็ใช่นะคะ แต่เพิ่งจะย้ายกลับเข้าไปอยู่ได้ไม่นานก็ต้องมาแต่งงานที่นี่น่ะ” เฟยเฟิ่งตอบยิ้มๆ พลางขนของลงจากรถ โดยที่ของส่วนมากแล้วจะมาจากในมิติ ทำให้งานครั้งนี้เหมือนว่าเฟยเฟิ่งจะไม่ต้องลงทุนอะไรนอกจากค่าจ้างของสตรีทั้งสาม

“เตรียมของกันดีกว่า” เหมยหลันเร่งทุกคนด้วยเห็นว่าต้องทำอาหารหลายโต๊ะจึงกลัวจะไม่ทัน

“ทำให้ดีนะทุกคน แขกที่มาคงมีแต่คนมีหน้ามีตา ถ้าเราทำได้ดี ไม่แน่ว่าเราอาจจะสามารถยึดเอาเป็นอาชีพได้เลย”

“ทำอาหารงานเลี้ยงเนี่ยเหรอเป็นงานหลักได้ ไม่มีทางหรอก ใครจะมาจัดงานทุกวันกันเล่า” หมิงลี่หัวเราะออกมา ไม่เชื่อว่าการทำอาหารตามงานจะเลี้ยงชีพได้ คิดแค่ว่างานอะไรแบบนี้เป็นโชคชั่วครั้งชั่วคราว

       ว่านเฟยเฟิ่งไม่ได้ตอบรับอะไร เธอเอาแต่ยิ้มคิดว่าหากวันนี้ผ่านไปได้ด้วยดี ไม่แน่วันหนึ่งอาจจะชวนทั้งสามคนมาหุ้นเปิดบริษัททำอาหารสำหรับจัดเลี้ยงโดยเฉพาะก็ได้ ผู้หญิงสมัยนี้ทำงานแบบนี้กันได้ทุกคน เพียงแค่มองไม่ออกว่านอกจากเปิดแผงอาหารจะต่อยอดอย่างไรก็เท่านั้น

       เมนูอาหารครั้งนี้เน้นให้มีความหลากหลายไม่ซ้ำใคร และต้องเป็นอาหารที่คนไม่ได้เห็นกันทุกวัน แต่ก็ยังจะมีผสมกับอาหารที่คนในยุคนี้คุ้นเคยไว้บ้าง โดยที่ในคืนนี้ทั้งสี่จะจัดเตรียม หั่น ล้าง ปอก สับ ของทุกอย่างที่เตรียมล่วงหน้าได้ แล้วจึงค่อยตื่นมาจัดการทำอาหารตั้งแต่เช้าตรู่

“กุ้งนับไว้ครบแล้ว หมูกับไก่อย่างลืมดูให้แน่ใจนะ” เฟยเฟิ่งเอ่ยเตือน

“ครบหมดแล้ว ไปล้างมืออาบน้ำนอนกันได้แล้ว” จิ่งยุนที่นับของที่ต้องเตรียมจนครบทุกรายการยืนยันออกไป จากนั้นทั้งสี่ก็ทยอยกันออกไปนอนในห้องว่างของบ้านโบราณนี้

“พื้นอุ่นจริงๆ แตกต่างจากบ้านพวกเราจริงๆ” เหมยหลันกล่าวเมื่อรู้สึกว่าก้าวไปทางไหนเท้าก็ยังอุ่นอยู่

“หน้าหนาวดีแค่ของสดนาน แต่ที่เหลือแย่หมดเลยนะ เวลาฉันไปรดน้ำผักถึงจะอุ่นขึ้นบ้าง” เฟยเฟิ่งตอบออกไป

“เธอนี่ก็เก่งจริงหาวิธีปลูกผักในฤดูหนาวมาจนได้ หนาวหน้าคงต้องทำตามบ้าง” 

       เหมยหลันชมออกไป ทั้งยังขอลอกเลียนแบบกับเจ้าตัวโดยตรงเพื่อเลี่ยงปัญหาแบบบ้านอัน ซึ่งเธอเองก็เชื่อว่าหากมาพูดคุยดีๆ เฟยเฟิ่งย่อมต้องยินดีให้ทำตาม เพราะขนาดมาทำอาหารยังให้ค่าจ้างสูงถึงสิบหยวน และมีค่านอนค้างนอกสถานที่อีกห้าหยวน รวมแล้วก็เกือบจะได้เท่าเงินเดือนคนงานครึ่งเดือน แต่เสียเวลาเพียงสองวัน

“พวกฉันก็ขอทำด้วย แต่เฟยเฟิ่งเธอรู้ไหมว่าทำไมพื้นอุ่นได้” หมิงลี่เอ่ยถามเพราะความสงสัยยังค้างคาในใจ

“จะไปรู้ได้ยังไงกัน เอ๊ะ อ๋อ ใต้บ้านมีท่อ แล้วก็จะมีการเติมถ่านให้มีความอบอุ่นไหลผ่านอะไรทำนองนี้” ว่านเฟยเฟิ่งหยิบเรื่องราวจากในความทรงจำเกี่ยวกับตัวบ้านสี่ประสานที่มีน้อยนิดของเจ้าของร่างมาอธิบาย 

“นอนกันเถอะ เราต้องรีบตื่น” แม้จะพูดแบบนั้นแต่เมื่อเอนตัวกันแล้วทั้งสี่ก็ยังยกเรื่องนั้นเรื่องนี้มาแอบคุยกันไปอีกเกือบชั่วโมงเลยทีเดียว ต้องรอจนต้งลี่จูมาดุเหมือนเด็กๆ จึงจะเงียบไป

.

.

.

        เช้าตรู่ของวันงานก็เป็นเวลาที่จะเปลี่ยนครัวบ้านตั้งให้กลายเป็นโรงงานนรกขนาดย่อมๆ งานต้อนรับนี้สกุลตั้งได้ฤกษ์จัดงานเป็นช่วงแปดโมง จึงทำให้ทั้งสี่ต้องโหมเร่งงานกันในออกมาทันเวลา และกับข้าวไม่เย็นชืดไปเสียก่อน

       อาหารอย่างแรกเป็นของว่างที่ถูกเตรียมไว้ก่อนแล้ว ตั้งแต่ในมิติอย่างทุกเรียนทอด และหมั่นโถวแป้งขาวหอมนุ่ม อย่างต่อมาคือยำกุ้งย่างที่อยู่ด้านในแครอทที่ชสานเป็นลูกบอล เน้นรสชาติออกเปรี้ยวหวานเพื่อเรียกน้ำย่อย 

        หลังจากนั้นเป็นเกี๊ยวน้ำใสไส้กุ้ง ตามด้วยปูก้อนคลุกบะหมี่กระเทียม ข้าวผัดหมูนุ่ม หมูสามชั้นตุ๋นน้ำแดง ซุปไก่ตุ๋นมะนาวดอง ปลานึ่งมะนาว เต้าหู้ทรงเครื่อง กุ้งชุบแป้งทอดพร้อมน้ำจิ้มบ๊วย และปิดท้ายด้วยของหวานสองอย่างคือเค้กเรดเวลเวท และเงาะลอยแก้วล้างปาก

       เฟยเฟิ่งไม่ได้ออกไปคอยเสิร์ฟอาหารด้วยตนเองในช่วงแรกเพราะคิดว่าอาหารเหล่านี้ แม้จะไม่เคยกินแต่ก็คงจะคาดเดาได้ว่าต้องกินอย่างไร แต่เมื่อถึงเค้กก็คิดว่าควรออกไปแนะนำเสียหน่อย

“ทุกท่านคะดิฉันขอเวลาให้แม่ครัวกิตติมศักดิ์ของเราได้อธิบายอะไรสักหน่อยนะคะ” ต้งลี่จูเกริ่นนำให้หลังจากเฟยเฟิ่งมาขออนุญาตอธิบาย

“สวัสดีค่ะ อาหารชนิดถัดไปคือเค้กเรดเวลเวทค่ะ มีเนื้อสีแดงที่ทำจากแป้ง ส่วนชั้นสีขาวทำมาจากครีมชีสที่ได้มาจากนมมีรสออกเปรี้ยวนิดหน่อย เป็นขนมแบบตะวันตกค่ะ และอยากที่สองคือผลไม้ในน้ำเชื่อมเย็นจัดกินเป็นอย่างสุดท้ายเพื่อล้างปาก ถ้าอาหารวันนี้ถูกปากอย่าลืมเรียกใช้พวกเราในงานเลี้ยงของทุกท่านด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ”

       ว่านเฟยเฟิ่งอธิบายไปจนจบก็ไม่ทันได้สังเกตว่าภายในงานนั้นมีคนที่ร่างนี้คุ้นเคยนั่งอยู่ด้วยเช่นกัน จึงหมุนตัวกลับไปเก็บของในครัวโดยไม่ได้ทักทาย

“คุณพ่อจะไปไหนคะ”

“ก็ตามไปดูหลานสาวน่ะสิ ไหนฟางลี่ยืนยันว่าสามีที่หาให้หลานขยันหาเงิน ไปดัดนิสัยก็แค่ต้องทำงานบ้าน เลี้ยงไก่นิดหน่อย ทำไมหลานถึงต้องออกมาทำงานหาเงินเองแบบนี้” ผู้เฒ่าว่านไม่ยอมให้จานจิ่งเหมยภรรยาคนที่สองของบุตรชายมารั้งไว้อีกจึงรีบออกไป แต่กว่าจะเดินไปถึงก็ถูกคนในงานทักทายชวนพูดคุยเสียจนเกือบคลาดกันหลานสาวเสียแล้ว

.

.

.

“คุณปู่…” เฟยเฟิ่งเรียกชายที่เดินตามหลังลี่จูมาจนถึงครัว

“หลานคงลำบากมาก เปลี่ยนไปเยอะจริงๆ แววตาแตกต่างจนหลานต้องพูดอยู่หลายคำถึงจะจำได้ ปู่ขอโทษเจ้าแล้วเฟยเฟยของปู่” ว่านหนิงมู่เอ่ยเสียงสั่นจนเฟยเฟิ่งที่กำลังล้างจานถึงกับชะงักไป

“ไม่ลำบากเลยค่ะ ปู่ไม่ต้องกังวล” เฟยเฟิ่งที่เห็นคนแก่เป็นทุกข์ก็พยายามพูดปลอบพลางกลั้นน้ำตากดความรู้สึกเจ้าของร่างเอาไว้

“ไปกันเดี๋ยวนี้ ปู่ผิดไปแล้ว ไปหย่าแล้วกลับไปเรียนต่อซะ จากคนร่วมงานกลายมาเป็นคนทำงานแบบนี้ปู่ทำกับหลานเกินไปแล้วจริงๆ”

“ไม่ไปค่ะ หนูเองก็อยากเรียนต่อ แต่หนูไม่กลับไปอยู่กับผู้หญิงคนนั้นแน่ เกิดวันหน้านังใจยักษ์บอกให้ปู่เอาหนูไปฆ่า หนูก็คงไม่รอดแล้ว” ว่านเฟยเฟิ่งตัดพ้อออกมาอย่างน้อยใจ

“หย่ากับคนไม่เอาไหนที่ต้องให้หลานมาทำงานซะเถอะ ไม่อยู่บ้านก็ไปที่อื่นได้ ปู่จะดูแลเฟยเฟยเอง”

“สามีของเฟยเฟยไปทำงานค่ะให้เงินไว้แล้ว แต่หนูว่าง หนูอยากทำค่ะ ถ้าจะหย่าก็ควรต้องปรึกษากันก่อน ปู่เลือกให้หนูมาแต่งงานแล้ว ปู่ก็ต้องยอมรับความจริงข้อนี้ด้วยค่ะ หนูต้องทำงานต่อแล้ว ไม่ส่งนะคะ”

       ว่านเฟยเฟิ่งพูดจบก็หันหลังใส่ นั่งจัดของส่วนที่เป็นของตนเองเตรียมมาเก็บให้เรียบร้อย ปู่ว่านที่คิดว่าหลานสาวคงจะยังโกรธอยู่ก็ยอมล่าถอยไปก่อน แต่ชายแก่สาบานกับตนเองแล้วว่าอย่างไรก็จะต้องให้หลานสาวหย่าออกมาให้ได้ 

       ทั้งยังนึกเสียใจที่เผลอไปเชื่อคำพูดของแม่เลี้ยงหลานตนจนเรื่องผิดพลาดไปเช่นนี้ แต่เขาเองก็ดีใจนักที่ได้รู้ว่าหลานสาวมีความสามารถทำอาหารได้ถึงขนาดนี้ ท่าทางเอาแต่ใจ ไม่เอาไหน เอาแต่เรียนที่แท้ก็ซ่อนความสามารถเช่นนี้ไว้ด้วย

“อาหารที่เหลือแบ่งไว้ให้บ้านตั้งชุดหนึ่ง ส่วนที่เหลือพวกเธอก็แบ่งกันเถอะ อาหารรสชาติดีจริงๆ คิดไม่ผิดที่จ้างเธอมาแทนที่จะใช้อาหารจากร้านของรัฐเหมือนทุกที”

“เสร็จงานแล้วพวกเราขอแวะไปตลาดได้ไหมคะ เมืองใหญ่แบบนี้ฉันอยากให้เพื่อนๆ ได้เห็นน่ะค่ะ”

“ได้สิ ไว้จะให้ติ้งจื่อขับไปให้ ฉันไปเอาค่าจ้างให้เธอก่อน” ต้งลี่จูที่แม้จะพยายามไม่ฟัง แต่เมื่อได้ยินปู่ของเฟยเฟิ่งพูดเรื่องหย่าก็รู้สึกมีประกายความหวังจะได้เด็กสาวที่ไม่ได้มีดีแค่หน้าตามาเป็นสะใภ้ จึงได้รีบจัดแจงให้หนุ่มสาวได้ใกล้ชิดกัน

“นี่พอแผลหายสนิทแล้ว เขาก็หล่อใช้ได้เลยนะ วันที่ไปบ้านเธอยังเห็นไม่ชัด แล้วหน้าก็บวมจนดูไม่ค่อยออก” จิ่งยุนชมออกมาจากที่เธอแอบมองตอนออกไปเสิร์ฟอาหาร

“เธอก็ไปจีบเขาเลยสิ” เฟยเฟิ่งยุแยงออกไป

“จะบ้าไปแล้วเหรอ เธอพูดอะไรกันเนี่ย”

        หลังจากนั้นในห้องก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเพราะงานผ่านไปได้ด้วยดี คำชมแว่วเข้าหูอยู่ตลอดเวลา ทั้งจะได้ไปเที่ยวตลาดเมืองใหญ่ ใช้เงินที่ตัวเองเป็นคนหามาได้ สำหรับหญิงชาวบ้านเท่านี้ก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี   บทที่ 39 เอาอาหารไปส่งสามี

    บทที่ 39 เอาอาหารไปส่งสามีสองสัปดาห์ผ่านไปแปลงผักในพื้นที่หลังบ้านเริ่มที่จะเข้าที่แล้ว ช่วงแรกแม้จะทดลองปลูกกันไปแล้ว แต่การจัดสรรพื้นที่ยังไม่ลงตัวจึงทำให้ต้องลดปริมาณผักที่เก็บไปส่งให้ป้าจูด้วย แต่เมื่อตกลงกันกับเด็กๆ เรียบร้อยแล้ว เฟยเฟิ่งก็ให้เด็กทั้งสองเดินหน้าเต็มกำลังหลังบ้านซีไม่มีพื้นที่ส่วนใดที่ไร้ประโยชน์ พื้นที่จุดที่ได้รับเฉพาะแดดเช้าลงผักที่ไม่ต้องการแดดมาก ในโรงเรือนมีเห็ดหลากชนิดให้หมุนเวียนตัดไปกินและขาย เหนือพื้นดินด้านนอกมีราวไม้สำหรับแขวนกระถางปลูกผักเพิ่ม อีกแถวไว้ปลูกกล้วยไม้สวยงามจากในมิติที่เฟยเฟิ่งอ้างว่าพบเจอบนภูเขา หากขยายพันธุ์ให้ดีก็สามารถทำเงินได้ ด้วยผู้คนยังนิยมให้กันเป็นของขวัญนอกจากนั้นแล้วยังมีไก่ที่ซีจื่อซวาน

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี   บทที่ 38 หาวิธีคุยกับผีในบ้าน

    บทที่ 38 หาวิธีคุยกับผีในบ้านว่านเฟยเฟิ่งทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้สามีกังวลใจ แต่ก็ไม่ได้ทิ้งให้เป็นทุกข์นาน หยิบเห็ดหลินจือที่ทดลองเพาะอย่างลับๆ ออกมาให้จื่อหานดู พร้อมกับถุงใส่สปอร์เห็ดที่เก็บสำเร็จมาแล้วรอบหนึ่งออกมาไว้ข้างกัน“น่ะนี่มัน…?”“เห็ดหลินจือน่ะสิคะ” เฟยเฟิ่งที่เข้าไปปลูกในมิติเมื่อรู้ว่าทำได้ก็คิดจะเอามาขยายให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่เธอเองก็รู้ตัวว่าคงทำเองไม่ไหว จึงคิดจะสอนจื่อหานแล้วยกให้เขาลงแรงไปเสีย“คุณไปเอามาจากไหน”“มีเทพเอามาให้ค่ะ ล้อเล่นค่ะ ก็เก็บมาสิคุณ ฉันตัดใจไม่ขายเพราะจะเอามาทดลองปลูกเลยนะว่าเราเพาะได้ไหม และคำตอบก็คือได้ แต่ว่าฉัน

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี   บทที่ 37 ปู่ว่านมาถึงบ้าน

    บทที่ 37 ปู่ว่านมาถึงบ้าน“อาเฟิ่งคิดอะไรแบบนั้น เป็นไปไม่ได้หรอก ทุกครั้งที่มีคนหายไปเป็นช่วงที่อาเล็กไปทำงานในเมืองทั้งนั้น อีกอย่างผู้หญิงจะหายไปแค่ช่วงฤดูหนาว ช่วงนี้ทุกคนยังปลอดภัยค่ะ”“หายแค่ฤดูหนาวเท่านั้นเหรอ”เฟยเฟิ่งพึมพำกับตัวเองไม่ได้ฟังพวกผู้ชายถกเถียงกันเรื่องนี้อีก นั่นหมายความว่าช่วงเวลาที่เฟยเฟิ่งรู้มานั้นไม่ถูกต้อง ฆาตกรคนนั้นเริ่มลงมือแล้ว แต่เมื่อพ้นฤดูหนาวมาแล้วแปลว่าเธอยังคงปลอดภัย นั่นย่อมหมายความว่าก่อนที่ฤดูหนาวถัดไปจะมาถึง เธอจำเป็นจะต้องซื้อบ้านในเมืองให้ได้เพื่อความอยู่รอด!...&nbs

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี   บทที่ 36 ฉันแต่งงานกับใครกันแน่!

    บทที่ 36 ฉันแต่งงานกับใครกันแน่!ทุกฤดูเพาะปลูกหมู่บ้านจะจัดการประชุมใหญ่ขึ้น เพราะต้องการสร้างความเข้าใจให้ตรงกันทุกครัวเรือน ยิ่งปีนี้ปรับมาทำนาแบบบ้านใครบ้านมันแล้ว ยิ่งต้องคุยให้ชัดเจน แม้จะแจ้งและแบ่งที่ไว้แล้วก็ต้องย้ำอีกครั้งว่านเฟยเฟิ่งไม่ว่าจะเป็นดวงจิตเดิมหรือดวงจิตใหม่ต่างก็ไม่เคยอยู่ในเหตุการณ์ประชุมหมู่บ้านจึงรู้สึกตื่นเต้น ทั้งยังพิถีพิถันเลือกชุดเสมือนว่าจะไปประกวดนางงาม เด็กน้อยทั้งสองก็ถูกเธอจับขัดตัวทำผมให้ดูเหมือนลูกคนมีเงิน จะติดก็แต่เสื้อผ้าที่ดูซีดไปเสียหน่อย“น้าละเลยเรื่องเสื้อผ้าพวกเธอเกินไปแล้วจริงๆ หน้าตาก็ดูดีมีสกุล แต่สีเสื้อซีดยิ่งกว่าอะไรดี ไม่ได้การ”“เอาไว้จะย้อมสีให้ใหม่ ไ

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี   บทที่ 35 ทำไมต้องแกล้งน้าเฟิ่ง

    บทที่ 34 อ่อนแอเกินไป“ที่ระบายอารมณ์เนี่ยนะ คุณจะบ้ารึไงคะ ฉันไม่ใช่คนโรคจิตแบบนั้นนะ ปล่อยข้อมือฉันก่อน”“ก็คุณไง รับไม่ได้ที่ต้องมาชนบทเลยมาลงที่ลูกผม เมื่อกี้ก็เหมือนกัน ทำจนชินมือเลยล่ะสิ คล่องจริงนะกับการตีลูกคนอื่น”“ตบๆ สองทีแบบนี้มันเจ็บรึไง ตั้งสติก่อนไหมคะ ไหนเรื่องอื่นยังรอฟังได้ ทำไมครั้งนี้ไม่รอถามความจริงจากฉันบ้างเลยคะ” ว่านเฟยเฟิ่งร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความผิดนี้ไม่ใช่เธอก่อ แต่จะพูดอย่างไรว่าวิญญาณในร่างเป็นคนละดวง ใครที่ไหนจะเชื่อเธอกันมือเล็กทั้งสองถูกยกขึ้นปิดหน้าในตอนที่เธอปล่อยโฮออกมา เฟยเฟิ่งพยายามคิดหาเหตุผลว่าควรจะแก้ตัวอย่างไรให้เหมาะสม ซีจื่อหานเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ได้สติ เขาใช้มือหยาบกร้านลูบไปบนหัวเธอ

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี   บทที่ 34 อ่อนแอเกินไป

    บทที่ 34 อ่อนแอเกินไป“ที่ระบายอารมณ์เนี่ยนะ คุณจะบ้ารึไงคะ ฉันไม่ใช่คนโรคจิตแบบนั้นนะ ปล่อยข้อมือฉันก่อน”“ก็คุณไง รับไม่ได้ที่ต้องมาชนบทเลยมาลงที่ลูกผม เมื่อกี้ก็เหมือนกัน ทำจนชินมือเลยล่ะสิ คล่องจริงนะกับการตีลูกคนอื่น”“ตบๆ สองทีแบบนี้มันเจ็บรึไง ตั้งสติก่อนไหมคะ ไหนเรื่องอื่นยังรอฟังได้ ทำไมครั้งนี้ไม่รอถามความจริงจากฉันบ้างเลยคะ” ว่านเฟยเฟิ่งร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความผิดนี้ไม่ใช่เธอก่อ แต่จะพูดอย่างไรว่าวิญญาณในร่างเป็นคนละดวง ใครที่ไหนจะเชื่อเธอกันมือเล็กทั้งสองถูกยกขึ้นปิดหน้าในตอนที่เธอปล่อยโฮออกมา เฟยเฟิ่งพยายามคิดหาเหตุผลว่าควรจะแก้ตัวอย่างไรให้เหมาะสม ซีจื่อหานเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ได้สติ เขาใช้มือหยาบกร้านลูบไปบนหัวเธอ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status