Home / อื่น ๆ / ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี / บทที่ 36 ฉันแต่งงานกับใครกันแน่!

Share

บทที่ 36 ฉันแต่งงานกับใครกันแน่!

last update Last Updated: 2025-12-17 20:32:34

บทที่ 36 ฉันแต่งงานกับใครกันแน่!

       ทุกฤดูเพาะปลูกหมู่บ้านจะจัดการประชุมใหญ่ขึ้น เพราะต้องการสร้างความเข้าใจให้ตรงกันทุกครัวเรือน ยิ่งปีนี้ปรับมาทำนาแบบบ้านใครบ้านมันแล้ว ยิ่งต้องคุยให้ชัดเจน แม้จะแจ้งและแบ่งที่ไว้แล้วก็ต้องย้ำอีกครั้ง

        ว่านเฟยเฟิ่งไม่ว่าจะเป็นดวงจิตเดิมหรือดวงจิตใหม่ต่างก็ไม่เคยอยู่ในเหตุการณ์ประชุมหมู่บ้านจึงรู้สึกตื่นเต้น ทั้งยังพิถีพิถันเลือกชุดเสมือนว่าจะไปประกวดนางงาม เด็กน้อยทั้งสองก็ถูกเธอจับขัดตัวทำผมให้ดูเหมือนลูกคนมีเงิน จะติดก็แต่เสื้อผ้าที่ดูซีดไปเสียหน่อย

“น้าละเลยเรื่องเสื้อผ้าพวกเธอเกินไปแล้วจริงๆ หน้าตาก็ดูดีมีสกุล แต่สีเสื้อซีดยิ่งกว่าอะไรดี ไม่ได้การ”

“เอาไว้จะย้อมสีให้ใหม่ ไม่ต้องคิดมากหรอก น้ำใจของคุณพวกเราเห็นแล้วครับ” ซีจื่อหานยิ้มกว้างวางมือลูบหัวของเฟยเฟิ่งอย่างเป็นธรรมชาติเสมือนว่าทำมาแล้วหลายครั้ง

“นี่! ฉันทำผมเสร็จแล้วอย่ามาจับนะ” ว่านเฟยเฟิ่งเบี่ยงตัวออกมา 

“อีกอย่างฉันห่วงภาพลักษณ์ตัวเองต่างหาก ชุดฉันสวยขนาดนี้เดินไปด้วยกันคนได้นินทาตายเลย ‘ดูผู้หญิงคนนั้นสิซื้อเสื้อผ้าให้ตัวเอง แต่ปล่อยลูกใส่ชุดเก่าๆ’ แบบนี้น่ะ” ว่านเฟยเฟิ่งดัดเสียงเล็กเสียงน้อยให้เหมือนเวลาผู้หญิงจับกลุ่มนินทากัน

“ใครจะพูดแบบนั้น คุณขนเสื้อผ้าตัวเองมาใครก็รู้”

“น้อยไปสิพ่อ” จื่อซวานส่ายหน้า เพราะเป็นเด็กผู้ใหญ่จึงคิดกันเอาเองว่าไม่รู้เรื่อง ใครเล่าจะรู้ว่าเครือข่ายเด็กเล็กนี่แหละที่กุมความลับของคนไว้ทั้งหมู่บ้าน ใครรักกับใคร เลิกกับใคร แอบเป็นชู้กับใคร พวกเขารู้กันทั้งหมดนั่นแหละ

“เรื่องแม่คุณ ฉันไม่ตามนะ ยังขนลุกไม่หาย จู่ๆ ก็มาลูกอย่างนั้น ลูกอย่างนี้ ฉันไม่ชิน” เฟยเฟิ่งตัดบท จูงมือซูลี่และกวักมือเรียกจื่อซวานให้เดินตามมา

       นั่งรออยู่หน้าบ้านได้ไม่นานจื่อหานก็ออกมาพร้อมกับอันซูเจินที่ดูสดใสแข็งแรง ริ้วรอยและความเหี่ยวย่นลดน้อยลง จนมีกลุ่มหญิงชราแวะเวียนมาขอเคล็ดลับทุกวัน แต่ซูเจินก็ไม่รู้ว่าตนเองไปทำอันใดมาจึงไม่อาจบอกวิธีการได้

“ไปกันค่ะ คุณแม่…” เฟยเฟิ่งที่ไม่มั่นใจนักลองเรียกอีกฝ่ายออกไปว่าแม่ตามที่เคยถูกสั่ง

“ดูสิเรียกแม่แล้ว ดีจริง! จื่อหานไปจูงมือน้อง ส่วนเด็กๆ มาจูงมือย่า” เด็กน้อยทั้งสองที่เปิดใจรับน้าเฟิ่งคนสวยมาเป็นแม่เสียนานแล้วยินดีทำตามแต่โดยดี แม้จะยังไม่กล้าเรียกว่าแม่ก็รับเข้ามาในใจแล้ว หากน้าเฟิ่งกับพ่อรักกันเข้าใจกัน แม่คนนี้ก็ย่อมต้องอยู่ดูแลพวกเขาไปจนโต สำหรับเด็กไร้แม่ น้าที่ใจดีขนาดนี้ต้องรีบคว้าเอาไว้

“ไปครับ” จื่อหานยื่นมือออกไปรับเฟยเฟิ่ง

“เดินเองได้ค่ะ” ปากเล็กเบะออกมา จมูกย่นขึ้นอย่างดื้อรั้น เมื่อมีผู้ใหญ่ที่พึ่งพาได้อยู่ในบ้าน ก็คล้ายว่าเฟยเฟิ่งคนนี้จะผ่อนคลาย และกลับไปซุกซนตามวัยของตนเองได้เสียที การรับบทบาทผู้ใหญ่หลายเดือนที่ผ่านมาตึงเครียดนักสำหรับเธอ

“ผมรู้ว่าคุณเดินเองได้ แต่แม่บอกให้จูงมือ ตามใจคนแก่นิดหน่อยจะได้ไม่มีปัญหาไงครับ” จื่อหานที่เห็นว่านเฟยเฟิ่งยังนิ่งแม้ว่าคนในบ้านจะเดินนำไปไกลแล้วจึงเริ่มขู่ “ถ้ายังไม่จับผมจะอุ้มไปนะ”

“นี่! ก็ได้ๆ อะไรนัก ไม่จูงไปแม่ก็ไม่ว่าหรอก คุณนั่นแหละอยากจูงมือคนสวยแบบฉันล่ะสิ” 

        เฟยเฟิ่งตีมือลงไปอย่างแรงจนจื่อหานสะดุ้งแล้วก็เป็นฝ่ายลากเขาตามออกไปทันที เธอส่งสายตาคาดโทษไม่ให้เขาบ่นเรื่องที่โดนตี ส่วนชาวบ้านรอบข้างก็มองมาด้วยความอิจฉาที่คู่แต่งงานใหม่บ้านซีดูดีจนเกินไป

       เมื่อเดินเกือบถึงบ้านหยางก็เห็นคนแก่ล้อมวงเฝ้าเด็กๆ เล่นกัน ส่วนหนุ่มสาวยังคงเดินต่อไป ผู้คนต่างอออยู่หน้าลานบ้านของจงเย่

“ผู้ชายมาใกล้หน่อย ส่วนผู้หญิงยืนวงนอก” หยางจงเย่ตะโกนแจ้งชาวบ้านที่เริ่มมากันหลายคนแล้ว

“อ้าวทำไมผู้หญิงต้องไปข้างหลังด้วย แล้วแบบนี้ฉันจะฟังได้ยินเหรอคะ”

“ก็จะได้แน่ใจว่าหัวหน้าครอบครัวฟังไปถูกไงครับ”

“ฉันให้คุณเป็นหัวหน้าฉันเมื่อไหร่กัน” เฟยเฟิ่งสะบัดหน้าเชิดขึ้น

“บ้านเราผมเป็นคนรับผิดชอบนาเป็นหลัก หรือคุณอยากทำนาล่ะ ผมให้คุณไปยืนข้างหน้าสุดเลยแบบนั้น” จื่อหานพูดจบก็ถอนหายใจ รู้ดีว่าเธอเก่งและฉลาด แต่เรื่องทำนาก็ควรจะยอมให้เขาเป็นหัวหน้าให้สิ้นเรื่อง

“อ๋อ ไม่เอาอ่ะ คุณฟังเลย ฉันไปหลังสุดดีกว่า” พูดจบเฟยเฟิ่งก็แจกยิ้มหวานออกมาให้จื่อหานและผู้คนรอบข้าง ทำเอาผู้ชายที่เพิ่งกลับเข้ามาในหมู่บ้านใจกระตุกไปตามกัน

“เป็นไง เคยบอกแล้วว่าเธอสวยเหมือนเทพเซียนก็ไม่มีใครเชื่อ” จางเข่อซินที่เคยเห็นเฟยเฟิ่งก่อนใคร เริ่มถามคนในหมู่บ้านที่หาว่าเขาพูดเกินจริงเมื่อหลายเดือนก่อน

“โชคดีเกินไปแล้ว” 

“มิน่าถึงอดใจไว้ไม่ไหว ต้องรีบตีตราจอง”

“ขาวไปทั้งตัวแบบนั้น แดงง่ายเลยล่ะสิ”

“พอได้แล้ว ใครสั่งสอนให้พูดถึงผู้หญิงแบบนี้ มีลูกสาวกันทั้งนั้น” ซีจื่อหานเอ่ยด้วยความจริงจังจึงทำให้คำพูดเงียบลง เหลือเพียงการส่งสายตาอย่างรู้กัน

        เสียงผู้ชายที่เอ่ยแซวกันดังแว่วเข้าหูว่านเฟยเฟิ่งจนสีหน้าเปลี่ยนเป็นดำคล้ำ มือกำแน่นจนสีซีด เพราะป้าอันคนเดียวแท้ๆ คงเอาไปโพนทะนาต่อจนรู้ทั่วทั้งหมู่บ้านว่าเธอได้กับสามีตั้งแต่คืนแรกที่เจอหน้ากัน กลายเป็นเรื่องให้คนพูดแซวกันจนสนุกปาก 

“อาเฟิ่ง” เสียงฮวาจูเอ่ยเรียก

“ผู้ชายพวกนั้นพูดถึงฉันได้ย่ำแย่ที่สุด พี่สะใภ้ใหญ่สวัสดีค่ะ” เฟยเฟิ่งบ่นกับฮวาจูหลานวัยเดียวกัน และไม่ลืมทักทายคู่สะใภ้ของตน

“เอาเถอะ เดี๋ยวมีเรื่องอื่นเกิดขึ้น พวกเขาก็ลืมเรื่องเธอไปเอง…ว่าแต่ว่าจริงรึเปล่าล่ะ” ซูหนิงฮวากระซิบถามในท่อนสุดท้าย

        เฟยเฟิ่งส่ายหน้า “เขาแค่ทำให้แม่เลิกด่าฉันค่ะ”

“ตกใจแทบแย่ นึกว่าอาจื่อหานจะกลายเป็นแบบผู้ชายทั่วไป ไม่รอให้ใครได้ทำใจซะแล้ว” ซีฮวาจูตบอกของตน ดีที่ได้มารู้เรื่องก่อนเช่นนี้ เพราะหากปล่อยไว้เธอคงต้องหาวันหยุดมาถามให้รู้เรื่อง

“อ่านหนังสือถึงไหนแล้ว” เฟยเฟิ่งเปลี่ยนเรื่อง เพราะไม่รู้จะวางสีหน้าอย่างไร

“คะแนนสอบยังได้ไม่ถึงห้าร้อยเลย ฉันเครียดจะตายอยู่แล้ว” 

“ไว้มาบ้านฉันนะ ฉันจะช่วย เอาน้องชายมาด้วยจะได้เรียนภาษาพร้อมจื่อซวานกับซูลี่”

“ตกลง”

“เงียบหน่อยทุกคน” เมื่อเสียงหัวหน้าหมู่บ้านดังขึ้นทุกคนก็เงียบเสียงลงอย่างพร้อมเพรียง

“วันนี้เราจะพูดกันสองเรื่อง อันดับแรกปีนี้ทุกบ้านต้องรับผิดชอบทำนากันเอง ที่ดินหารไว้ตามจำนวนสมาชิกแล้ว ไม่มีการใช้คะแนนแรงงานอีก หลังส่งข้าวเหลือเท่าไหร่ก็เป็นของคนทำ”

“แล้วรถไถจะเรียงลำดับยังไง ถ้ามาที่บ้านฉันช้าก็เสียเปรียบคนอื่นสิ” ชาวบ้านคนหนึ่งยกมือถาม

“เรื่องรถไถ หมู่บ้านเราได้เป็นหมู่บ้านที่สาม ส่วนลำดับในหมู่บ้านจะจับฉลากพร้อมกันว่าจะเริ่มไถจากฝั่งไหน”

“บ้านฉันคนน้อยได้ที่น้อย ตอนเก็บเกี่ยวคงไม่มีข้าวเหลือ” จางเข่อซินบ่น แต่ก็ไม่พ้นได้ยินไปถึงหูหยางจงเย่

“บ้านไหนที่ไม่พออยากทำเพิ่ม มาเสนอจ่ายเงินเช่าแบบสะใภ้ว่านบ้านซีได้ เงินจะเข้ากองกลางหมู่บ้านไว้จ่ายหนี้ของหมู่บ้านเรา”

“ขออนุญาตค่ะ” เฟยเฟิ่งยกมือเมื่อได้ยินชื่อของตัวเอง

“ว่ายังไงคุณหนูว่าน” ลุงหยางถาม

“ลุงพูดถึงที่ฉันเช่าที่เลยนึกได้ค่ะ ตอนนี้ฉันกำลังเปลี่ยนจากปลูกผักมาเพาะเห็ด ถ้าบ้านไหนอยากทำมาหาฉันได้ มาวันอังคารหน้าช่วงบ่ายแล้วกัน ส่วนที่ฉันปลูกผักตอนหนาวได้ไว้จะสอนทีหลัง”

       เมื่อว่านเฟยเฟิ่งอาสาจะสอนหาวิธีสร้างอาหารเพิ่มคนในหมู่บ้านก็พยักหน้ารับ เริ่มเห็นน้ำใจของสตรีต่างถิ่นผู้นี้บ้างแล้ว

“ทุกคนได้ยินชัดเจนนะ อังคารช่วงบ่ายใครต้องการเพาะเห็ดให้ไปบ้านเล็กซี กลับมาเรื่องข้าว ใครเบิกเมล็ดพันธุ์แล้วก็ดูแลรักษาให้ดี จบเรื่องแรก”

“เรื่องที่สองสามปีที่ผ่านมามีผู้หญิงในประชาคมเราหายไปแปดคนแล้ว ฤดูหนาวที่ผ่านมามีหายไปหนึ่งคน ไม่ใช่จากหมู่บ้านเรา แต่สองคนในจำนวนทั้งแปดมาจากหมู่บ้านของเรา”

“หายไปอีกคนแล้วครั้งนี้มีจดหมายไหมครับ” พวกผู้ชายที่เพิ่งกลับมามีสีหน้าวิตกไม่น้อยเริ่มขอข้อมูล

“ครั้งนี้ไม่มี” หยางจงเย่ส่ายหน้า

“แปดคน! หมายความว่ายังไง” ว่านเฟยเฟิ่งโพล่งออกมา

“ก็ตามนั้นเลยค่ะ ผู้หญิงหายไปแปดคน บางคนก็หนีไปแบบมีจดหมาย บางคนก็หายไปเฉยๆ ทางการไม่ได้สนใจเพราะเชื่อว่าทุกคนหนีไปเอง คนที่หายไปคือคนนอกพื้นที่แต่งเข้ามา หรือโดนจับแต่งข้ามหมู่บ้าน ทางการเลยคิดว่าอาจจะไม่พอใจกับการแต่งงานแบบนั้นกันน่ะ” ฮวาจูอธิบาย

“สองในแปดที่ว่าก็เมียเก่าของจื่อหานทั้งนั้น คนแรกที่ไม่ได้หายก็ป่วยตาย อีกสองคนก็มาหายไป ก็เลยกลายเป็นคนดวงกินเมียไปโดยปริยาย” ซูหนิงฮวากระซิบบอกว่านเฟยเฟิ่ง

“ดวงกินเมียบังเอิญเกินไปไหม เขาอาจจะเป็นคนร้ายซะเอง ฉันอาจจะเป็นรายต่อไปก็ได้” เฟยเฟิ่งที่คิดว่าเรื่องนี้อย่างไรก็ต้องเกี่ยวกับฆาตกรคนนั้นจึงเย็นวาบไปทั้งตัว

ฉันแต่งงานกับใครกันแน่!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี   บทที่ 38 หาวิธีคุยกับผีในบ้าน

    บทที่ 38 หาวิธีคุยกับผีในบ้านว่านเฟยเฟิ่งทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้สามีกังวลใจ แต่ก็ไม่ได้ทิ้งให้เป็นทุกข์นาน หยิบเห็ดหลินจือที่ทดลองเพาะอย่างลับๆ ออกมาให้จื่อหานดู พร้อมกับถุงใส่สปอร์เห็ดที่เก็บสำเร็จมาแล้วรอบหนึ่งออกมาไว้ข้างกัน“น่ะนี่มัน…?”“เห็ดหลินจือน่ะสิคะ” เฟยเฟิ่งที่เข้าไปปลูกในมิติเมื่อรู้ว่าทำได้ก็คิดจะเอามาขยายให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่เธอเองก็รู้ตัวว่าคงทำเองไม่ไหว จึงคิดจะสอนจื่อหานแล้วยกให้เขาลงแรงไปเสีย“คุณไปเอามาจากไหน”“มีเทพเอามาให้ค่ะ ล้อเล่นค่ะ ก็เก็บมาสิคุณ ฉันตัดใจไม่ขายเพราะจะเอามาทดลองปลูกเลยนะว่าเราเพาะได้ไหม และคำตอบก็คือได้ แต่ว่าฉัน

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี   บทที่ 37 ปู่ว่านมาถึงบ้าน

    บทที่ 37 ปู่ว่านมาถึงบ้าน“อาเฟิ่งคิดอะไรแบบนั้น เป็นไปไม่ได้หรอก ทุกครั้งที่มีคนหายไปเป็นช่วงที่อาเล็กไปทำงานในเมืองทั้งนั้น อีกอย่างผู้หญิงจะหายไปแค่ช่วงฤดูหนาว ช่วงนี้ทุกคนยังปลอดภัยค่ะ”“หายแค่ฤดูหนาวเท่านั้นเหรอ”เฟยเฟิ่งพึมพำกับตัวเองไม่ได้ฟังพวกผู้ชายถกเถียงกันเรื่องนี้อีก นั่นหมายความว่าช่วงเวลาที่เฟยเฟิ่งรู้มานั้นไม่ถูกต้อง ฆาตกรคนนั้นเริ่มลงมือแล้ว แต่เมื่อพ้นฤดูหนาวมาแล้วแปลว่าเธอยังคงปลอดภัย นั่นย่อมหมายความว่าก่อนที่ฤดูหนาวถัดไปจะมาถึง เธอจำเป็นจะต้องซื้อบ้านในเมืองให้ได้เพื่อความอยู่รอด!...&nbs

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี   บทที่ 36 ฉันแต่งงานกับใครกันแน่!

    บทที่ 36 ฉันแต่งงานกับใครกันแน่!ทุกฤดูเพาะปลูกหมู่บ้านจะจัดการประชุมใหญ่ขึ้น เพราะต้องการสร้างความเข้าใจให้ตรงกันทุกครัวเรือน ยิ่งปีนี้ปรับมาทำนาแบบบ้านใครบ้านมันแล้ว ยิ่งต้องคุยให้ชัดเจน แม้จะแจ้งและแบ่งที่ไว้แล้วก็ต้องย้ำอีกครั้งว่านเฟยเฟิ่งไม่ว่าจะเป็นดวงจิตเดิมหรือดวงจิตใหม่ต่างก็ไม่เคยอยู่ในเหตุการณ์ประชุมหมู่บ้านจึงรู้สึกตื่นเต้น ทั้งยังพิถีพิถันเลือกชุดเสมือนว่าจะไปประกวดนางงาม เด็กน้อยทั้งสองก็ถูกเธอจับขัดตัวทำผมให้ดูเหมือนลูกคนมีเงิน จะติดก็แต่เสื้อผ้าที่ดูซีดไปเสียหน่อย“น้าละเลยเรื่องเสื้อผ้าพวกเธอเกินไปแล้วจริงๆ หน้าตาก็ดูดีมีสกุล แต่สีเสื้อซีดยิ่งกว่าอะไรดี ไม่ได้การ”“เอาไว้จะย้อมสีให้ใหม่ ไ

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี   บทที่ 35 ทำไมต้องแกล้งน้าเฟิ่ง

    บทที่ 34 อ่อนแอเกินไป“ที่ระบายอารมณ์เนี่ยนะ คุณจะบ้ารึไงคะ ฉันไม่ใช่คนโรคจิตแบบนั้นนะ ปล่อยข้อมือฉันก่อน”“ก็คุณไง รับไม่ได้ที่ต้องมาชนบทเลยมาลงที่ลูกผม เมื่อกี้ก็เหมือนกัน ทำจนชินมือเลยล่ะสิ คล่องจริงนะกับการตีลูกคนอื่น”“ตบๆ สองทีแบบนี้มันเจ็บรึไง ตั้งสติก่อนไหมคะ ไหนเรื่องอื่นยังรอฟังได้ ทำไมครั้งนี้ไม่รอถามความจริงจากฉันบ้างเลยคะ” ว่านเฟยเฟิ่งร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความผิดนี้ไม่ใช่เธอก่อ แต่จะพูดอย่างไรว่าวิญญาณในร่างเป็นคนละดวง ใครที่ไหนจะเชื่อเธอกันมือเล็กทั้งสองถูกยกขึ้นปิดหน้าในตอนที่เธอปล่อยโฮออกมา เฟยเฟิ่งพยายามคิดหาเหตุผลว่าควรจะแก้ตัวอย่างไรให้เหมาะสม ซีจื่อหานเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ได้สติ เขาใช้มือหยาบกร้านลูบไปบนหัวเธอ

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี   บทที่ 34 อ่อนแอเกินไป

    บทที่ 34 อ่อนแอเกินไป“ที่ระบายอารมณ์เนี่ยนะ คุณจะบ้ารึไงคะ ฉันไม่ใช่คนโรคจิตแบบนั้นนะ ปล่อยข้อมือฉันก่อน”“ก็คุณไง รับไม่ได้ที่ต้องมาชนบทเลยมาลงที่ลูกผม เมื่อกี้ก็เหมือนกัน ทำจนชินมือเลยล่ะสิ คล่องจริงนะกับการตีลูกคนอื่น”“ตบๆ สองทีแบบนี้มันเจ็บรึไง ตั้งสติก่อนไหมคะ ไหนเรื่องอื่นยังรอฟังได้ ทำไมครั้งนี้ไม่รอถามความจริงจากฉันบ้างเลยคะ” ว่านเฟยเฟิ่งร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความผิดนี้ไม่ใช่เธอก่อ แต่จะพูดอย่างไรว่าวิญญาณในร่างเป็นคนละดวง ใครที่ไหนจะเชื่อเธอกันมือเล็กทั้งสองถูกยกขึ้นปิดหน้าในตอนที่เธอปล่อยโฮออกมา เฟยเฟิ่งพยายามคิดหาเหตุผลว่าควรจะแก้ตัวอย่างไรให้เหมาะสม ซีจื่อหานเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ได้สติ เขาใช้มือหยาบกร้านลูบไปบนหัวเธอ

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี   บทที่ 33 คุณไม่มีสิทธิ์ตีลูกผม

    บทที่ 33 คุณไม่มีสิทธิ์ตีลูกผมว่านเฟยเฟิ่งที่ยังตักของขายให้ลูกค้าในตลาดไม่ได้รู้เรื่องเลยว่าตอนนี้เธอกลายเป็นผู้หญิงไวไฟที่เจอหน้าสามีแค่วันเดียวก็ยอมนอนด้วยไปเสียแล้ว“ฮัดชิ้ว ฮัดชิ้ว ฮัดชิ้ว” เสียงจามสามครั้งติดทำให้เฟยเฟิ่งต้องขมวดคิ้วแน่น“ตายจริง ทั้งฤดูหนาวไม่เป็นอะไร พออุ่นขึ้นดันมาไม่สบาย ขายหมดแล้วก็รีบกลับบ้านไปพักเถอะ” ป้าจูเหมยกล่าวด้วยความเอ็นดู ช่วงนี้เธอมีความสุขนักเพราะลูกชายคนเดียวกลับมาจากรับจ้างแล้ว ทั้งยังได้ไปจัดการเรื่องพ่อให้ถูกต้อง ทำให้จูเหมยสบายใจเป็นครั้งแรกในรอบยี่สิบปี“ให้ฉันไปส่งไหมสหายว่าน สหายมีบุญคุณต่อฉันกับแม่จนไม่รู้จะตอบแทนยังไงแล้ว” ลูกชายของป้าจูกล่าว บุญคุณนับว่าเป็นเรื่องหนึ่ง แต่ส

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status