แชร์

บทที่ 6 ไข้หวัด

ผู้เขียน: วริษา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-03 19:44:20

บทที่ 6 ไข้หวัด

รุ่งสางของอีกวัน

แสงแดดสาดส่องเข้ามากระทบร่างกายของหานเสี่ยว์แต่ทว่าตอนนี้นางกลับมีอาการหนาวสั่นไปทั้งร่างกาย เข่อซิงที่เขามาดูแลจัดการเสื้อผ้าอาภรณ์ของหานเสี่ยว์ในทุก ๆ เช้าเมื่อเห็นว่าคุณหนูของตนเองยังไม่ตื่นก็รู้สึกผิดแปลกเพราะหานเสี่ยว์นั้นมักจะตื่นมารอเข่อซิงในทุก ๆ เช้าเพื่อให้นางยกน้ำมาให้ล้างตา เข่อซิงจึงได้เข้าไปดูที่ห้องนอนก็พบว่าหานเสี่ยว์นอนหนาวสั่นอยู่บนเตียงนอน เมื่อเข้าไปดูใกล้ ๆ ก็เห็นเหงื่อที่ผุดออกมาจากรูขุมขนมากมาย

“คุณหนู คุณหนูท่านไม่สบายหรือเจ้าคะ” เข่อซิงมาจับตัวของหานเสี่ยว์ก็รับรู้ถึงความร้อนของร่างกายราวกับเพลิงเผาไหม้

“โอ๊ะ! คุณหนูท่านตัวร้อนมากเลย นี่ผู้ใดอยู่ข้างนอกเข้ามานี่ที " เข่อซิงเรียกสาวใช้อีกคนที่อยู่ด้านนอกเข้ามาด้านใน

“มีอะไรหรือ ".

“เจ้าไปตามท่านหมอมาตรวจร่างกายของฮูหยินที ดูเหมือนนางจะไม่สบาย” เข่อซิงสั่งสาวใช้ให้ไปตามท่านหมอมาโดยเร็ว 

“ได้ข้าจะไปตามเดี๋ยวนี้” สาวใช้รีบเดินออกไปตามท่านหมอที่โรงหมอในหมู่บ้านทันที ส่วนเข่อซิงก็ได้นำผ้ากระถังน้ำมาเช็ดตัวให้หานเสี่ยว์บรรเทาความร้อนลงได้บ้าง

ฝั่งด้านลู่เอ๋อร์นางตื่นเต้นมากที่จะได้ไปหาหานเสี่ยว์แม้จะยังกลัวอยู่แต่ก็ไม่ได้ดูน่ากลัวเหมือนเมื่อก่อนทั้งแววตาทั้งคำพูดที่นางใช้พูดคุย ทำให้ลู่เอ๋อร์กล้าที่จะเดินไปที่ห้องของหานเสี่ยว์

“ลู่เอ๋อร์เจ้าจะไปที่ใด”เลี่ยงเฟิงก็เอ่ยถามน้องสาวของตนเพราะห้องของทั้งคู่อยู่ติดกัน

“ข้าจะไปหาท่านแม่ ท่านพี่ก็คงจะไปอ่านตำราสินะเจ้าคะ”

“ใช้แล้ว ข้ากำลังจะไปหาท่านพ่อที่ห้องอ่านตำรา แต่ว่าข้าจะไปส่งเจ้าก่อนเพราะข้ายังไม่ไว้ใจท่านแม่สักเท่าไหร่ หากอยู่กับเจ้าเพียงลำพังข้าเกรงว่าเจ้าจะถูกนางหักกระดูกเอาได้” เลี่ยงเฟิงทำท่าทางเหมือนเหิงเยว์จนลู่เอ๋อร์หัวเราะออกมาอย่างขบขัน

“ท่านพี่ช่างเหมือนท่านพ่อยิ่งนัก ข้าว่าท่านแม่เปลี่ยนไปแล้วข้าสัมผัสได้ว่านางมิใช่คนเดินอีกต่อไป "

“เด็กโง่เจ้าอย่าเชื่อใจนางมากนัก แต่ก่อนเจ้าโดนนางทำอะไรไว้บ้างอย่าลืมสิ .” เลี่ยงเฟิงใช้นิ้วชี้แตะลงที่หน้าผากของลู่เอ๋อร์ก่อนจะตักเตือนในเรื่องที่ผ่านมา

“หรือว่าท่านพี่ไม่เห็นว่านางเปลี่ยนไปแล้ว ตั้งแต่ข้าจำความได้ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะได้นั่งกินอาหารกับท่านแม่ ข้าว่าท่านแม่เปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ หากท่านพี่ไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้นก็รีบไปส่งข้าเถิด ข้าจะแกล้งทำน้ำหกใส่ท่านแม่หากท่านแม่เป็นคนเดิมต้องลงโทษข้าแน่ ๆ” ลู่เอ๋อร์พูดออกมาอย่างมั่นใจก่อนที่ทั้งสองคนจะพากันเดินไปที่ห้องของหานเสี่ยว์ แต่เมื่อก้าวเท้าเข้ามาก็พบว่าสาวใช้ในเรือนต่างพากันเดินวุ่นไปมาเข้าออกห้องของหานเสี่ยว์ ลู่เอ๋อร์จึงรีบเดินเข้าไปด้านในพบท่านหมอกำลังตรวจร่างกายของหานเสี่ยว์อยู่ นางจึงเดินไปกระตุกเสื้อของเข่อซิงเพื่อถามในความอยากรู้

“เข่อซิงท่านแม่เป็นอันใดอีก ทำไมท่านหมอถึงมาตรวจร่างกายท่านแม่แต่เช้า” เข่อซิงที่ใจจดใจจ่ออยู่กับอาการของหานเสี่ยว์จึงไม่ทันได้สังเกตว่าลู่เอ๋อร์กับเลี่ยงเฟิงเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อนางรู้ตัวจึงได้หันไปตอบคำถามของลู่เอ๋อร์

“ฮูหยินไม่สบายเจ้าค่ะ มีไข้ตัวร้อนข้าจึงไปตามท่านหมอมาตรวจอาการ "

“เมื่อวานท่านแม่ก็ยังปกติอยู่เลย เหตุใดถึงไม่สบายได้ เช่นนั้นวันนี้ข้าจะดูแลท่านแม่เอง” ลู่เอ๋อร์ตัวน้อยได้พูดออกมาอย่างน่าเอ็นดูทำให้เข่อซิงเอ็นดูในความเป็นเด็กทั้ง ๆ ที่หานเสี่ยว์กลั่นแกล้งเฆี่ยนตีบ่อยครั้งแต่กลับไม่ถือโทษแม้แต่น้อย เด็กก็เปรียบเสมือนผ้าขาวดั่งที่ร่ำลือกันมาจริง ๆ

“ลู่เอ๋อร์ในเมื่อข้ามาส่งเจ้าถึงที่แล้ว ข้าต้องไปพบท่านพ่อก่อน”

“เจ้าค่ะท่านพี่” ลู่เอ๋อร์โบกมือให้พี่ชายของตนก่อนจะเดินไปนั่งบนที่นอนกับหานเสี่ยว์ที่ท่านหมอกำลังตรวจอยู่

“ท่านหมอท่านแม่ของข้าเป็นเช่นไรบ้าง”

“ฮูหยินเป็นไข้หวัดธรรมดาขอรับ กินยาต้มสักหมอก็จะหายขอรับไม่ได้รุนแรงเท่าไหร่นัก” ลู่เอ๋อร์มองหานเสี่ยว์ที่นอนตัวสั่นเทานางจึงใช้มือแตะที่ร่างกายของท่านแม่อย่างเป็นห่วง

“เข่อซิงทำไมท่านแม่ถึงได้ตัวร้อนราวกับไฟเช่นนี้ ท่านแม่จะตายหรือไม่”ร่างเล็กเริ่มเอ่ยเสียงสั่น

“คุณหนูเจ้าคะ ฮูหยินแค่เป็นไข้หวัดข้าจะนำผ้ามาเช็ดตัวให้ฮูหยินส่วนยาข้าได้ให้สาวใช้ไปต้มมาให้แก่ฮูหยินแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูไม่ต้องกังวลนะเจ้าคะ เป็นเพราะเมื่อคืนนี้ฮูหยินจู่ ๆ ก็อยากไปบึงน้ำที่ตกไปเมื่อคราวก่อน แต่เมื่อไปถึงฮูหยินกลับกระโดดลงไป ข้าเองก็ไม่เข้าใจฮูหยินเช่นกัน แต่คุณหนูไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะเมื่อยาออกฤทธิ์ฮูหยินก็จะฟื้นและหายตัวร้อนได้ ตอนนี้ท่านหมอจะฝังเข็มให้ คุณหนูยังเด็กออกไปรอด้านนอกกับข้าก่อนนะเจ้าค่ะ” เข่อซิงผายมือไปด้านหน้า ให้ลู่เอ๋อร์ออกไปด้านนอกกับนางแต่นางก็หันไปมองหานเสี่ยว์อย่างเป็นห่วงแต่ก็ยอมเดินออกไปข้างนอก

ผ่านไปสักพักใบหน้าของลู่เอ๋อร์ยังไม่คายความกังวลทำให้เข่อซิงเองก็ไม่สบายใจจึงได้จับที่บ่าของนางเพื่อไถ่ถาม

“คุณหนูสีหน้าไม่ดีเลย เป็นห่วงฮูหยินหรือเจ้าคะ"

“เพราะข้ากับท่านพี่ท่านแม่ถึงเป็นเช่นนี้ หากข้าไม่ผลักท่านแม่ลงน้ำท่านแม่ก็จะไม่หวนคิดถึงบ่อน้ำนั้นและไปดูที่นั้นอีก เพราะข้าใช่มั้ย? " เข่อซิงลูบหลังร่างเล็กอย่างเบามือ

“อย่าคิดเช่นนั้นเลยเจ้าค่ะ ไม่ใช่เพราะคุณหนูหรอกเจ้าค่ะ " เข่อซิงปลอบจนลู่เอ๋อร์รู้สึกดีขึ้น สักพักท่านหมอก็ได้ออกมาจากห้องเดินถือกระดาษมาให้เข่อซิงเพื่อไปซื้อยาตามที่สั่งไป

“นี่คือเทียบยาเจ้าไปซื้อที่ตลาดแล้วมาต้มให้ฮูหยินดื่มหลังอาหารทุกมื้อไม่กี่วันร่างกายของฮูหยินจะกลับมาเป็นปกติ ข้าต้องขอตัวกลับก่อน”

“ได้เจ้าค่ะ ขอบคุณท่านหมอมากที่มาตรวจฮูหยิน " เข่อซิงรับกระดาษสั่งยาก่อนจะร่ำลาท่านหมอ และพากันเข้าไปในห้องเพื่อดูอาการของนายหญิงของตน

“ข้าจะอยู่กับท่านแม่เองเจ้าไปซื้อยาตามที่ท่านหมอสั่งเถิด " เสียงเล็กได้หันไปบอกเข่อซิงเมื่อเข้ามาในห้อง

“แต่ว่าคุณหนูยังเล็กนักจะดูแลฮูหยินได้หรือเจ้าคะ”

“ได้สิเจ้าไปเถิด” ลู่เอ๋อร์ปัดมือให้เข่อซิงออกไปด้านนอก เด็กน้อยก็ได้ใช้ผ้าที่อยู่ในกระถังน้ำเช็ดตัวให้แก่หานเสี่ยว์เพื่อลดความร้อน เข่อซิงเองเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ได้ออกไปซื้อยาตามที่ท่านหมอได้จดให้ 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยงใจร้าย   บที่ 39  น้องของสองแฝด

    บที่ 39 น้องของสองแฝด1 ปีต่อมา หลังจากวันนั้นหานเสี่ยว์ก็ได้ย้ายมาอยู่ห้องเดียวกันกับเหิงเยว์ใช้เวลาค่ำคืนด้วยกันอย่างมีความสุข จนกระทั่งนางนั้นได้ตั้งท้องให้กับเหิงเยว์จนตอนนี้ท้องเริ่มแก่มากแล้ว แถมฤดูนี้ก็เป็นฤดูใบไม้ผลิอีกด้วย เหิงเยว์จึงเฝ้าประคบประหงมไม่ให้หานเสี่ยว์ไปใกล้แม่น้ำนั้นอีกเลย ในตอนแรกเขาแทบสั่งให้บ่าวนำดินมากลบบ่อน้ำนั้นไปส่ะเพราะกลัวว่าหานเสี่ยว์คิดจะกลับไปอีก แต่ถูกนางขอไว้ เพราะนี่คือความทรงจำที่ดีของนางหากไม่มีบ่อน้ำนี้ก็ไม่มีนางเช่นกัน เหิงเยว์ถึงยอมตามใจฮูหยินของเขา "คุณหนูเข้าไปด้านในเถิดเจ้าค่ะยืนนาน ๆ จะทำให้เหนื่อยเอาได้นะเจ้าคะท้องของคุณหนูก็โตมากกว่าสตรีที่อายุครรภ์เท่ากันด้วยซ้ำ หรือว่าคุณหนูจะตั้งท้องแฝดเจ้าคะ"เข่อซิงที่คอยประคองหานเสี่ยว์ได้เอ่ยขึ้นพร้อมมองไปที่ท้องของหานเสี่ยว์ "จริงหรือท่านแม่ เช่นนั้นก็ดีนะสิ" เลี่ยงเฟิงที่เดินมาจากห้องของตนเองก็ได้ยินที่เข่อซิงกล่าว "ท่านแม่จะมีน้องสองคนหรือเจ้าคะ งั้นก็เป็นเรื่องดีเสียจริงข้ากับท่านพี่จะได้ไม่ต้องแย่งกัน น้องจ๋าเจ้าจงออกมาเป็นหญิงหนึ่งบุรุษหนึ่งนะได้ยินที่ข้าพูดหรือไม่" ลู่เอ๋อร์ใช้มือเล็กลู

  • ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยงใจร้าย   บทที่ 38 ทำน้องให้เด็กทั้งสอง

    บทที่ 38 ทำน้องให้เด็กทั้งสอง"หานเสี่ยว์เมื่อไหร่เจ้าจะฟื้นนี่ก็ล่วงเลยมาหลายวันแล้ว ข้าเฝ้ารอเจ้าอยู่ทุกวันเด็ก ๆ ทั้งสองก็อยากเข้ามาหาเจ้าแต่ข้าก็ต้องโกหกไปว่าเจ้าไม่สบาย เพราะข้าไม่อยากให้เลี่ยงเฟิงกับลู่เอ๋อร์ต้องเสียใจที่รู้ว่าเจ้าจากไป เจ้าอยู่ที่ใดไม่สงสารใจข้าบางหรือ ข้าทำได้เพียงเฝ้ารอเจ้าอย่างท้อใจข้ามิอาจทำเช่นใดได้เลยกับมาหาข้าเถอะนะ หานเสี่ยว์ ไม่สิซู่ซ่าน หรือว่าจิวฉิง ไม่ว่าเจ้าจะชื่อนามอันใดข้าก็รักที่เจ้าเป็นเจ้ากลับมาหาข้าเถอะนะตอนนี้หัวใจของข้าแทบสลายแล้ว อย่าจากข้าไปเลย ข้ารักเจ้า เจ้าได้ยินมั้ยว่าข้ารักเจ้าเพียงใด" น้ำเสียงโศกเศร้าใบหน้าซูบผอมของเหิงเยว์ที่คร่ำครวญอยู่ข้างร่างหานเสี่ยว์พร้อมจับมือนางแน่นไม่ยอมปล่อย "รักเพียงใดหรือเจ้าคะ" จิวฉิงที่ฟื้นขึ้นมาอยู่ในร่างของหานเสี่ยว์ก็ส่งยิ้มพร้อมเอ่ยถามบุรุษที่พร่ำรักนางอยู่ต่อหน้า"ข้ารักเจ้ามาก ชีวิตของข้าก็ให้เจ้าได้ เอ๊ะ! เดี๋ยวสินางยังไม่ฟื้นนี่น่าหรือว่าข้าสติฟั่นเฟือนไปแล้ว " เหิงเยว์ชะงักเมื่อจู่ ๆ เขาก็ตอบคำถามหานเสี่ยว์ จึงได้ใช้มือตบหน้าตนเองเบา ๆจนหานเสี่ยว์ต้องจับมือของเขาเอาไว้"อย่าตีตนเองเลยนี่มิใช่

  • ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยงใจร้าย   บทที่ 37 อย่าทิ้งข้าไป

    บทที่ 37 อย่าทิ้งข้าไป"นี่เจ้าจะทิ้งข้า ทิ้งเลี่ยงเฟิงกับลู่เอ๋อร์ไปจริง ๆ หรือ แล้วข้าจะอยู่อย่างไรเด็กทั้งสองจะอยู่อย่างไร ไม่ข้าไม่เชื่อเจ้าต้องฟื้นสิ ท่านหมอหลอกลวงข้าเจ้าต้องฟื้น แล้วเช่นนี้ข้าจะทนได้อย่างเล่าในเมื่อตอนนี้ข้ารักเจ้าหมดทั้งหัวใจ " ความเคว้งคว้างในหัวใจของเหิงเยว์ได้ก่อตัวขึ้น เขาซบหน้าลงซบร่างกายของหานเสี่ยว์สะอึกไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด ภายในห้องก็มีเพียงเสียงร้องไห้ทุกข์ระทมของทุกคน เหิงเยว์ทำอะไรมิได้ทำได้เพียงร้องไห้แม้แต่เรี่ยวแรงที่เช็ดน้ำตาของตนเขายังทำไม่ได้เสมือนโลกทั้งใบได้แตกสลายไปแล้ว ความรู้สึกนี้เหมือนตอนที่เขาได้เสียซู่ซ่านไปมันได้เกิดขึ้นอีกครั้ง ต่อให้เขาเรียกนางซ้ำ ๆ เท่าไร่ร่างบางที่นอนแน่นิ่งก็มิอาจตอบสนอง "ข้ามิอาจจะช่วยเหลือฮูหยินของท่านได้ ต้องขออภัยอีกครั้งร่างที่นอนไร้สติของฮูหยินไม่นานชีพจรอาจจะหยุดเต้น ถึงเวลานั้นท่านคงรู้นะขอรับ หมดหน้าที่ข้าแล้วข้าขอตัว" ท่านหมอโค้งคำนับพร้อมออกจากห้องไป ปล่อยให้เหิงเยว์จมอยู่กับความทรมานใจอยู่เช่นนั้น แต่แล้วจู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามา ในตอนแรกเขาคิดว่าเป็นท่านหมอ แต่เมื่อเงยหน้ามองกลับพบเห็

  • ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยงใจร้าย   บทที่ 36 ลาก่อน

    บทที่ 36 ลาก่อนฝั่งด้านหานเสี่ยว์นางกินอาหารเย็นเสร็จสิ้นก็ไล่ให้เข่อซิงกลับไปพักผ่อน วันนี้เป็นวันพระจันทร์เต็มดวง เป็นวันที่นางรอคอยมาตลอด จึงอ้างกับเลี่ยงเฟิงลู่เอ๋อร์ว่านางมีอาการไม่ค่อยสบายจึงไม่ได้ไปร่วมโต๊ะอาหารด้วย เด็กทั้งสองเห็นท่านแม่มีอาการแปลกไปจึงคิดว่าไม่สบายจริง ๆ และไม่อยากรบกวนให้ท่านแม่ได้พักผ่อน นางรอจนทุกคนเข้านอนเมื่อนางเปิดประตูดูสถานการณ์ด้านนอกเมื่อไม่เห็นผู้ใดจึงได้เดินออกมาจากห้องเพื่อไปที่สระน้ำอยู่ด้านหลังเรือน ความเงียบสงัดทำให้หานเสี่ยว์เองก็รู็สึกเงียบเหงาเหลือเกิน นางเดินไปอย่างเชื่องช้า มองรอบ ๆ เห็นภาพความทรงจำที่ผ่านมาน้ำตาใส ๆ ก็เริ่มเอ่อนอง ความผูกพันธ์กับคนที่นี่ล้วนมีความหมายกับนางเหลือเกินมันเป็นความทรงจำที่มีค่ามาก ๆ ยิ่งก้าวเท้าเดินก็ยิ่งเจ็บถึงขั่วหัวใจ รอยยิ้มแววตาของเด็กทั้งสองที่คอยยิ้มให้ก็ยิ่งทำให้นางร้องไห้มากกว่าเดิม แต่ทุกอย่างนางต้องทิ้งไว้ที่นี่ "จากนี้ข้าคงไม่ได้พบเจอพวกเจ้าอีกแล้ว หวังว่าพวกเจ้าจะมีความสุขในทุก ๆ วัน ลาก่อนนะเลี่ยงเฟิงลู่เอ๋อร์ " เมื่อมาถึงสะพานหานเสี่ยว์ก็ได้ก้าวเท้าขึ้นไปยังสะพานเพื่อไปอยู่ตรงกลางแม่น้ำ ก่อ

  • ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยงใจร้าย   บทที่ 35  คำสอนของท่านแม่คล้ายคำกล่าวลา

    บทที่ 35 คำสอนของท่านแม่คล้ายคำกล่าวลารุ่งสางมาเยือนอีกคราหานเสี่ยว์ร้องไห้ทั้งคืนเมื่อนางตื่นเช้ามาเปลือกตาของนางก็มีอาการบวมแดง เข่อซิงได้เข้ามานำน้ำมาให้นางล้างหน้าล้างตาก็ต้องตกใจแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอันใดเพราะเป็นเรื่องของเจ้านาย"คุณหนูข้านำน้ำมาให้เจ้าค่ะ วันนี้ด้านนอกอากาศดีมากหากคุณหนูล้างหน้าเสร็จแล้วเราไปด้านนอกดีมั้ยเจ้าคะ" "ดีเช่นกัน" หานเสี่ยว์ก็ได้ล้างหน้าล้างตาเข่อซิงเองก็ช่วยแปรงผมให้ ไม่นานทั้งสองก็ได้ออกมารับลมด้านนอกต้นไม้นานาชนิดเริ่มผลิใบเขียวขจี อากาศสดชื่นยิ่งนักหานเสี่ยว์ทอดสายตามองเหล่าผีเสื้อแมลงปอต่างพากันบินวนดมเกสรดอกไม้เพื่อดำรงชีวิต "คงถึงเวลาแล้วสินะ" นางเอ่ยออกมาเมื่อถึงเวลาที่นางจะต้องไปแต่หัวใจของนางตอนนี้ช่างปวดร้าวเหลือเกิน ไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิดทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนนางรอคอยเวลานี้มาตลอด นางคิดว่าวันที่นางไม่อยู่เด็กทั้งสองจะเป็นเช่นไรจะคิดถึงนางหรือไม่? หรือจะร้องไห้คร่ำครวญเพราะคิดถึงนาง แต่หากนางไม่ไปก็เป็นห่วงคุณย่าที่รอคอยนางอยู่อีกโลก นางยังมีห่วงหากจะอยู่ที่นี่ต่อ หานเสี่ยว์ยังคงต้องรอวันที่ดวงจันทร์เต็มดวงนางถึงจะกลับได้ นางถึงเอ่ยถามเข่อ

  • ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยงใจร้าย   บทที่ 34  เรามาจบเรื่องนี้กันเถอะ

    บทที่ 34 เรามาจบเรื่องนี้กันเถอะเข่อซิงเมื่อรับรู้ว่าคุณชายเหิงเยว์ต้องการอยู่เพียงลำพังกับนายหญิงของตนนางก็ก้มหน้าเพื่อรับรู้และเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างก็กลับมาเหมือนเดิมนางเองก็อยากให้นายหญิงของตนมีความสุขเสียที เพราะอย่างไรตอนนี้คุณชายเหิงเยว์ก็ได้แสดงท่าทีว่ารักนายหญิงของนางเข้าแล้วและพร้อมจะดูแลนางตลอดไป เพียงแต่นายหญิงของนางต่างหากที่เริ่มเปลี่ยนไป "อย่าพึ่งไปอยู่ชมจันทร์กับข้าเสียก่อน ""ไม่ข้าอยากจะพัก ข้าเหนื่อย" เหิงเยว์มองใบหน้าของหานเสี่ยว์ก่อนจะตัดสินใจอุ้มนางมาอยู่ในอ้อมแขน ทำให้นางตกใจเพราะไม่ทันตั้งตัวและกลับตกจากอ้อมแขนของเขา"หากข้าอุ้มเจ้าอยู่เช่นนี้เจ้าคงไม่เหนื่อยใช่หรือไม่ ?""อ๊าย ! นี่ท่านทำอะไรของท่านปล่อยข้าลงไปนะ ""ทำไมล่ะ เจ้าเอ่ยเองว่าเจ้าเหนื่อยข้าก็ช่วยให้เจ้าได้พักอยู่นี่อย่างไรล่ะ ""มะ....ไม่ต้องปล่อยข้าลง ข้ายืนเองดีกว่า""ฮึ ก็ได้ " เขาปล่อยนางให้ยืนเอาเอง ตอนนี้หัวใจของหานเสี่ยว์เต้นแรงเมื่อร่างกายสัมผัสกันแถมเมื่อครู่ตอนที่เขาอุ้มนางได้กอดคอเขาแน่นเพราะกลัวตกได้ยินเสียงหัวใจของเหิงเยว์ที่เต้นไม่เป็นจังหวะทั้ง ๆ ที่นางพยายามห

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status