LOGINธิดาเจ้าสมุทรหนันไห่...มีเรื่องกับโอรสของเจ้าสมุทรซีไห่ บิดาคิดลงโทษนาง นางจึงหนีมาที่แดนมนุษย์พร้อมสาวใช้คนสนิท นางได้พบองค์หญิงที่มีชื่อและหน้าตาเหมือนนางและกำลังจะตาย เจ้าแม่หนวี่วาได้มาบอกนางว่า...นางต้องเข้าร่างองค์หญิง เพื่ออภิเษกกับองค์รัชทายาทแคว้นฮุยหวง และต้องช่วยเขาปกป้องแคว้น 3 ปี ธิดามังกรจึงเข้าไปเป็นชายาขององค์รัชทายาทแห่งแคว้นฮุยหวง ทั้งคู่ช่วยกันแก้ปัญหาทั้งในวังและปัญหาชายแดน ทั้งคู่รักใคร่กลมเกลียวกันมาก เมื่อครบ 3 ปี มนุษย์กับมังกรยังจะอยู่ด้วยกันได้ไหม หรือต้องจากดันไปตลอดกาล...????
View Moreณ.ทะเลหนันไห่ (南海 = ทะเลใต้) อันกว้างใหญ่ มีพระราชวังสีเขียวมรกตงดงามตั้งอยู่ วังนี้เป็นที่ประทับของพญามังกร หรือเจ้าสมุทรหนันไห่ ทะเลแดนใต้นี้...ทั้งใหญ่และลึก จึงมีสัตว์น้ำและพืชน้ำหายากอยู่มากมาย
ท่านเจ้าสมุทรมีชายาที่งดงามมาก นางเป็นนางฟ้า...ที่เง็กเซียนประทานให้ มีนามว่า ซู่เจียว (淑娇) ทั้งคู่มีโอรส 2 องค์และธิดา 1 องค์
ธิดาองค์เล็กเป็นมังกรสาวมีเกล็ดสีรุ้งที่งดงาม แต่ซุกซนมาก วันนี้้นางก็ชวนบริวารกุ้งสาวกับปลาอีก 2 ตัว ว่ายน้ำไปเก็บปะการังที่เขตแดนของ ทะเลซีไห่ (西海 = ทะเลตะวันตก)
"พวกเจ้าว่ายน้ำให้เร็วกว่านี้ได้หรือไม่ หากชักช้า...เจ้าปูเกเรจะออกมาขวางเสียก่อน"
มังกรสาวกล่าวกับบริวาร
"องค์หญิง...พวกเราเร่งเต็มที่แล้วนะเพคะ เร็วกว่านี้คงไม่ได้แล้ว"
กุ้งสาวที่เป็นบริวารบอกกับนาง
"พวกเจ้าชักช้านัก ข้าล่วงหน้าไปก่อนล่ะ พวกเจ้าเร่งตามมาก็แล้วกัน"
มังกรสาวกล่าวแล้วก็เลื้อยไปอย่างรวดเร็ว แต่มีมังกรเกล็ดสีแดงมาขวางหน้านาง เขาคือโอรสองค์รองของเจ้าสมุทรหนันไห่ มีนามว่าองค์ชาย เพ่ยหลง (沛龍)
"น้องสาม...เจ้าจะไปที่ใด"
"พี่รอง...ข้าจะไปเอาปะการัง 7 สีมาถวายเสด็จแม่"
"เจ้าช่างซุกซนจริง รู้หรือไม่...ที่แห่งนั้นอันตรายนัก ฤทธิ์เจ้ายังน้อย เจ้าไปเอาไม่ได้หรอก"
"ทำไมจะไม่ได้ ข้าจะเอาเสียอย่าง ผู้ใดจะกล้ามาขวาง"
มังกรสาวพูดอย่างถือดี พี่ชายส่ายหัว...ระอาในความดื้อดึงของนาง
"ฉีลู่ (祺璐) เจ้าทะนงตนเกินไปแล้ว อย่าคิดว่าเจ้ามีหยกวิเศษ แล้วจะทำการสิ่งใดตามอำเภอใจได้นะ"
องค์ชายเพ่ยหลงปรามนาง นั่นเพราะมังกรสาวฉีลู่เกิดมาพร้อมหยกวิเศษที่กลมดุจไข่มุก มีสีรุ้งแพรวพราวและมีอานุภาพมาก
"พี่รอง...หากพี่ไม่คิดมาช่วยข้า ก็อย่าคิดมาขัดขวาง"
มังกรสาวสีรุ้งสะบัดหน้า เลื้อยไปโดยไม่สนใจพี่ชาย องค์ชายเพ่ยหลงคิดจะให้น้องสาวได้รับบทเรียน จึงไม่ขวางนางอีก แต่กลับไปบอกองค์ชายเวยหลง (威龍)...พี่ชายคนโต
องค์ชายเวยหลงมีเกล็ดสีเงินยวง เป็นมังกรที่สุขุมรอบคอบ เขาเป็นที่รักและเกรงใจของน้อง ๆ ตอนนี้... เขากำลังนั่งฝึกเวทย์ใหม่ ๆ อยู่เพียงลำพังในห้องพัก
"พี่ใหญ่...พี่ใหญ่"
องค์ชายเพ่ยหลงส่งเสียงเรียกมาแต่ไกล องค์ชายใหญ่เงยหน้ามอง
"น้องรอง...เจ้ามีเรื่องรีบด่วนอันใดหรือ จึงเรียกพี่เสียงดังเช่นนี้"
องค์ชายเพ่ยหลงแปลงร่างเป็นมนุษย์หนุ่มรูปงาม...เดินมาหาพี่ชาย
"ฉีลู่ซุกซนนัก นางกำลังจะไปเอาปะการัง 7 สี ข้าห้ามนางก็ไม่ฟัง"
องค์ชายใหญ่ถอนใจลุกขึ้นยืน เขาร่างกายกำยำสูงใหญ่กว่าน้องชาย
"ฉีลู่ทะนงตนว่ามีหยกวิเศษ จึงได้กล้าไปยังดินแดนอันตรายเช่นนั้น"
"เราจะทำอย่างไรดีพี่ใหญ่ หากเสด็จพ่อทรงรู้เข้า...ได้เกิดเรื่องแน่"
องค์ชายใหญ่นิ่งคิด
"ข้าว่า...พวกเราตามไปเถิด"
องค์ชายเพ่ยหลงพยักหน้า สององค์ชายคืนร่างเป็นมังกร เลื้อยออกจากวังมรกต...เพื่อไปยับยั้งน้องสาว
มังกรสาวฉีลู่มาถึงดินแดนที่อยู่ของปูยักษ์ เห็นปะการัง 7 สีส่องแสงแวววาวราวอัญมณี ฉีลู่จ้องปะการังกิ่งหนึ่ง นางแปลงร่างเป็นสาวน้อยโฉมสราญ กำลังจะเอื้อมมือไปดึง แต่กลับมีปูทะเลตัวมหึมามาขวางทาง
"เจ้าคิดทำสิ่งใด"
"ข้าปรารถนาปะการังไปถวายชายาเจ้าสมุทรหนันไห่ เจ้าให้ข้าสักกิ่งได้หรือไม่"
"ไม่ได้...ปะการังเหล่านี้เป็นของสูงค่า จะให้เจ้าเปล่า ๆ ได้อย่างไร"
"เช่นนั้น...จงบอกราคามา"
เจ้าปูยักษ์ใช้ตาที่ยืดยาวสอดส่ายมองมังกรสาว
"เจ้าควรมีสิ่งที่คู่ควรกับปะการังมาแลกกับข้าสิ"
"สิ่งใดที่เจ้าคิดว่าคู่ควรเล่า"
"มุกราตรีหนันไห่..."
"อะไรนะ...เจ้านี่ช่างกล้าขอนะ ปะการังของเจ้ามีค่าปานนั้นเชียวหรือ"
"ปะการัง 7 สีนี้ไม่เพียงมีต้นเดียวในหล้า มันยังสามารถใช้ชุบชีวิตได้ ต่อให้เคยตายไปเป็นร้อยปี...ก็สามารถฟื้นคืนชีพได้ด้วยการกินปะการัง 7 สีนี้"
"วิเศษปานนั้นเชียว"
ฉีลู่ทำหน้าไม่เชื่อถือ
"แน่นอน...เช่นนี้แล้ว คู่ควรกับมุกราตรีหนันไห่หรือไม่"
"ยังไม่คู่ควร ข้ารู้นะ...ไยเจ้าจึงปรารถนามุกราตรีหนันไห่ นั่นเพราะมันสามารถช่วยให้ปีศาจเช่นเจ้าแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ และหากเจ้ากลืนมุกเข้าไป ชีวิตเจ้าจะยืนยาวเป็นอมตะ ค่าของมุกจึงมีมากกว่าปะการังของเจ้ามากนัก ข้าไม่โง่เอามาแลกหรอกนะ"
ฉีลู่กอดอก จ้องเจ้าปูยักษ์อย่างดูหมิ่น เจ้าปูยักษ์โกรธ
"หากไม่ยอมแลก ก็อย่าได้หวังเอาปะการังของข้าไปได้"
"ข้าจะเอาเสียอย่าง...เจ้าขวางข้าไม่ได้หรอก"
มังกรสาวฉีลู่ปราดเข้าไปจะหักกิ่งปะการัง แต่เจ้าปูยักษ์พ่นฟองน้ำใส่นาง กุ้งสาวและบริวารที่มาด้วย รีบเข้ามาช่วยนายสาว ก็ถูกก้ามปูกวาดจนกระเจิง ฉีลู่ร่ายเวทย์เรียกกระบองออกมา เจ้าปูยักษ์เห็นกระบองก็หัวเราะ
"เจ้าจะใช้มันตีข้าหรือ"
"ใช่..."
"เจ้าคงไม่รู้ว่ากระดองข้าแข็งแกร่งนัก ไม่มีอาวุธใดทุบกระดองข้าแตกได้"
"เช่นนั้น...ข้าขอลองดูหน่อย"
ฉีลู่กระโดดขึ้นเหนือตัวปูยักษ์ นางฟาดกระบองลงมาที่กระดองปู เจ้าปูยักษ์ร้องลั่น รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดปานกระดองจะแตกเป็นเสี่ยง
"เป็นไปไม่ได้...เป็นไปไม่ได้"
มันร้องลั่น ที่กระดองปูมีรอยร้าว หากฟาดอีกที...เจ้าปูยักษ์ต้องตายแน่ ฉีลู่เงื้อกระบองขึ้นเตรียมจะฟาดลงมาอีกที...เพื่อปลิดชีพเจ้าปูยักษ์
ตำหนักขนาดเล็กอันเป็นที่พักชั่วคราว ถูกตกแต่งอย่างงดงาม มีสระบัวอยู่ตรงกลาง ฉีลู่ยิ้มดีใจ นางหาที่พักให้เสี่ยวเซี่ยได้แล้ว อาเถามาช่วยดูแลความเรียบร้อยให้"องค์หญิง...อยากเสวยอันใดไหมเพคะ ทางวังจัดเตรียมขนมหลายอย่างมาถวาย""จริงหรือ...เอามาสิ ข้าอยากกิน""เพคะ"อาเถาคำนับแล้วเดินออกไป ฉีลู่เปิดกระบอกไม้ไผ่ให้เสี่ยวเซี่ยออกมา"องค์หญิง..."เสี่ยวเซี่ยยิ้มร่าเริง มองไปรอบ ๆ ตำหนักเล็ก"ที่นี่น่าอยู่ไม่น้อยนะเพคะ แต่เล็กกว่าวังมรกตมาก""นี่เป็นเพียงที่พักชั่วคราว"ฉีลู่ร่ายเวทย์เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เสี่ยวเซี่ย นางหมุนตัวยิ้มดีใจ"นับจากนี้...เจ้าก็มาเป็นคนรับใช้ข้าเช่นเดิม ด้านหลังนี้มีสระบัว...เจ้าใช้พักพิงยามค่ำคืนได้"เสี่ยวเซี่ยย่อตัวคารวะนาง"ขอบพระทัยองค์หญิงเพคะ แต่พวกนางจะไม่สงสัยหรือ""วางใจเถิด...นี่เป็นชุดนางกำนัลของแคว้นฮุยหวง หากพวกฮุยหวงถาม...เจ้าก็บอกว่าเป็นนางกำนัลจากฝานหรง และหากคนฝานหรงถาม เจ้าก็บอกว่าเป็นนางกำนัลของที่นี่ เห็นหรือไม่...ง่ายจะตาย""องค์หญิงฉลาดจริง ๆ""เดี๋ยวอาเถาจะเอาขนมมาให้ข้า เจ้าก็อยู่กินขนมกับข้านะ""เพคะ..."พูดยังไม่ทันขาดคำ อาเถากับนางกำนัลก็ยกขนม
ตำหนักขนาดกลางที่แวดล้อมด้วยสวนงาม เหวินซินเดินหน้าบึ้งเข้าไปในตำหนัก เหล่านางกำนัลและขันทีหลบกันเป็นทาง"เสด็จแม่...เสด็จแม่"เหวินซินตะโกนด้วยโทสะ สตรีหน้าตางดงามแหวกม่านออกมา และยิ้มหวานให้เขา"เสด็จพี่...มาหาเสด็จแม่หรือเพคะ เสด็จแม่กำลังพักผ่อน..."สตรีนางนี้คือชายาของเหวินซิน นางเป็นธิดาของเสนาบดีเฉิงปิน...ชื่อ เฉิงฉิน (程琴)"ไยเจ้ามาอยู่ที่นี่"เหวินซินนั่งลงที่เก้าอี้ เฉิงฉินยิ้มเข้ามานั่งข้าง ๆ"เสด็จแม่รับสั่งเรียกข้ามาพูดคุย ท่านเล่า...ไยจึงหน้าบึ้งตึงเช่นนี้ มีอันใดทำให้ขุ่นเคืองหรือเพคะ"เหวินซินเหลือบมองชายาที่เขาเคยคิดว่างามกว่่าสตรีใด แต่ครั้นได้มาพบฉีลู่ เขากลับรู่สึกว่าชายาของเขาก็แค่หน้าตาดี ไม่ได้งามอะไรนัก"เจ้ากลับไปก่อนเถิด ข้ามีเรื่องจะคุยกับเสด็จแม่""ข้าอยู่ฟังด้วยไม่ได้หรือ"เฉิงฉินจับมือเขาทำท่าอ้อน แต่กลับทำให้เหวินซินโมโห"เจ้าอย่าได้ดื้อดึง...ข้าบอกให้กลับก็กลับไปสิ"เฉิงฉินตกตะลึง นางไม่เคยถูกสวามีตวาดเช่นนี้มาก่อน จึงนึกน้อยใจ"เสด็จพี่...ไยจึงเสิอกไสข้าเช่นนี้"เหวินซินสะบัดหน้าเมิน มารดาของเขาที่เป็นถึงพระสนมเอก กุ้ยเฟย (贵妃) เดิมนางแซ่จิน (金) ทุกคนจึง
เหวินเชียนจูงฉีลู่มายืนตรงหน้าฮ่องเต้และฮองเฮา ฉีลู่คุกเข่าประสานมือคารวะอย่างอ่อนหวาน"ฉีลู่แห่งฝานหรง ขอถวายบังคมฮ่องเต้และฮองเฮา ขอให้ทั้งสองพระองค์ทรงพระเจริญเพคะ""ลุกขึ้นเถิดหลานสาว ไม่พบเจ้านานปี...เจ้าเติบใหญ่งดงามปานนี้ พ่อแม่เจ้าสบายดีหรือ"อาเถาพยุงฉีลู่ลุกขึ้น"เสด็จพ่อเสด็จแม่สบายดีเพคะ"ฮ่องเต้ยิ้มพอพระทัย แนะนำรัชทายาทให้นางรู้จัก"ผู้นี้คือโอรสองค์โตของข้า เป็นรัชทายาทแห่งแคว้น...ชื่อเหวินเชียน พวกเจ้าจงทำความคุ้นเคยกันเสีย"ฉีลู่หันไปสบตากับเหวินเชียน ใบหน้าร้อนวูบวาบด้วยความเขินอาย แต่ก็ประสานมือคารวะเขา"คารวะองค์รัชทายาทเพคะ""องค์หญิงฉีลู่...ยินดีต้อนรับสู่แคว้นเรา""ขอบพระทัย...""องค์หญิง...ข้าชื่อเหวินซิน เป็นองค์ชายรอง ยินดีที่ได้รู้จัก"เหวินซินรีบมาแนะนำตัว เขามองฉีลู่ไม่วางตา ฉีลู่ไม่ชอบสายตาที่เขามอง แต่จำต้องรักษามารยาท นางเพียงค้อมหัวให้เขา"คารวะองค์ชายรอง""ข้าคือองค์ชายสาม ชื่อเหวินซู (文舒) ยินดีต้อนรับนะ"องค์ชายสามเป็นคนร่าเริง เขายิ้มแย้มบอกนาง"ขอบพระทัยองค์ชายสามเพคะ""เอาล่ะจ้ะ...องค์หญิงเดินทางมาไกล ให้นางได้พักผ่อนก่อนเถิด"ฮองเฮาบอกแก่เหล่าองค
รุ่งเช้า...ขบวนเจ้าสาวก็เก็บข้าวของและออกเดินทางต่อ ฉีลู่ตัดกระบอกไม้ไผ่ ให้เสี่ยวเซี่ยแปลงเป็นปลาน้อยอยู่ในนั้น นางคิดว่ารอให้ถึงแคว้นฮุยหวงค่อยนำเสี่ยวเซี่ยออกมาการเดินทางรอนแรมข้ามแคว้นไม่ง่ายเลย ต้องผ่านป่า ข้ามเขา แต่ทุกอย่างก็ราบรื่นดี เพราะชิงวาได้ป่าวประกาศไปสู่หมู่ปีศาจที่เฝ้าทางด้วยกัน ให้ช่วยอารักขาธิดามังกรไปจนถึงแคว้นฮุยหวงอย่างปลอดภัยขบวนเจ้าสาวเดินทางอยู่ 2 เดือนกว่า ก็ได้เห็นกำแพงเมืองอยู่ไกล ๆ แล้ว ยิ่งใกล้จะเข้าสู่แคว้นฮุยหวง ฉีลู่ก็ยิ่งไม่สบายใจ"องค์หญิง...วันนี้เป็นอันใดหรือเพคะ ไยจึงไม่พูดคุยกับข้า"เสี่ยวเซี่ยถามจากในกระบอก"ใกล้ถึงแคว้นฮุยหวงแล้วนะสิ""ไม่ทรงดีพระทัยหรือเพคะ""มีอันใดน่าดีใจ...""ข้าอยากเห็นคู่วิวาห์ของท่านนัก ไม่รู้ว่าจะรูปงามปานใด"ฉีลู่สะบัดหน้าค้อนเสี่ยวเซี่ย ใจจริงนางก็อยากเห็นรัชทายาทคู่หมั้นเช่นกัน และไม่รู้ควรทำตัวอย่างไรกับเขา ฉีลู่นึกหนักใจอยู่คนเดียวตอนสายของวันนั้น...ขบวนเจ้าสาวก็มาถึงประตูเมืองแคว้นฮุยหวง ฉีลู่แง้มม่านมองประตูเมืองและกำแพงเมืองที่ทั้งใหญ่และดูสูงแข็งแกร่ง ที่หน้าประตูมีคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ ชายวัยกลางคนแต่งกายด้วย











