บทที่ 5 ทำน้ำซุป
ฝั่งด้านซิ่นเจี่ยว
หลังจากที่ขับไล่ชิงฮวากับน้องของเธอออกไปจากบ้านได้ ซิ่นเจี่ยวมีความสุขที่ไม่ต้องทนเห็นใบหน้าของหลานอีก ต่อจากนี้บ้านหลังนี้เงินทองมากมายของน้องชายจะเป็นของเธอเพียงคนเดียว
“คุณแม่คะวันนี้ฉันจะออกไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนขอเงินหน่อยสิยิ่งตอนนี้มีกระเป๋าเข้ามาใหม่ ฉันไม่อยากจะตกยุคให้เพื่อนคนอื่นดูถูกต่อว่า” ซิ่นเจี่ยวดื่มน้ำชาอยู่ในห้องโถงของบ้านกำลังครุ่นคิดว่าวันนี้เธอจะไปเข้าบ่อนเพื่อเอาคืนที่เสียไปเมื่อวานครันนั้นเหมยอิ๋งได้เดินออกมาจากห้องแต่งกายสีฉูดฉาดแต่งแต้มใบหน้าเตรียมพร้อมจะออกไปข้างนอกเอ่ยขอเงินผู้เป็นแม่
“เหมยอิ๋งแกเองก็ต้องรู้จักประหยัดช่วยกันสิ เราไม่ได้ทำงานต่อให้เงินที่มีอยู่ตอนนี้มากแค่ไหนใช้ฟุ่มเฟือยสักวันมันต้องหมดแล้วกระเป๋าแกพึ่งไปซื้อมาใหม่ไม่กี่วันก่อนไม่ใช่หรือไงกัน”
“เฮอะ! แล้วทีคุณแม่ล่ะคะออกไปบ่อนทุกวันเสียทุกวันฉันยังไม่เคยว่าอะไรเลย ฉันซื้อของได้ของแต่คุณแม่เสียเงินแถมยังไม่ได้อะไรอีกด้วย”
“เจ้าลูกคนนี้ยอกย้อนจริง ๆ เอานี่เอาไปจะได้ไม่ต้องมาบ่นให้อารมณ์เสีย” ซิ่นเจี่ยวแม้ปากจะบ่นแต่ก็หยิบกระเป๋าล้วงนำเงินออกมาให้แก่เหมยอิ๋งไปเที่ยวเล่น เมื่อเธอได้เงินตามที่ต้องการแล้วรีบรับมาใส่กระเป๋าและเดินออกจากบ้าน
“ขอบคุณนะคะคุณแม่ขอให้คุณแม่เล่นชนะนะคะ” เหมยอิ๋งยิ้มระรื่นโบกมือลาแม่ของตน สักพักต้าหลงก็ได้เดินออกมาจากห้องของตัวเองเมื่อเห็นน้องสาวได้เงินเขาเองก็ไม่พอใจที่แม่เอ็นดูและตามใจแต่เหมยอิ๋ง
“คุณแม่วันนี้ฉันจะไปเที่ยวก่อนคุณแม่ออกไปอย่าลืมทำกับข้าวและเอาเงินไว้ให้ด้วยนะ รู้ใช่มั้ยว่าการที่ชิงฮวาออกจากบ้านหลังนี้เพราะใคร เพราะฉันข่มขู่มันแม่ต้องให้ค่าตอบแทนฉันสมน้ำสมเนื้อด้วยล่ะ”
“รู้แล้วน่า ส่วนเรื่องกับข้าวออกไปกินข้าวนอกแล้วกันตอนนี้ถึงเวลาที่แม่ต้องออกจากบ้านแล้ว” ซิ่นเจี่ยวจ้องมองนาฬิกาเห็นว่าตอนนี้บ่อนเปิดแล้วจึงรีบล้วงเงินให้ต้าหลงและลุกเดินออกไป ต้าหลงเห็นเงินจำนวนมากรอยยิ้มบนใบหน้าปรากฏออกมาพร้อมหยิบเงินขึ้นไปสูดดม
“เงินนี่มันหอมจริง ๆ คุณแม่ให้เยอะแบบนี้คืนนี้จะดื่มด่ำให้สนุกเลย ฮ่า ฮ่า” พูดจบต้าหลงเดินเข้าห้องไปนอนต่อ
ดวงตะวันเริ่มคล้อยต่ำลงหลิวหลิวเดินสำรวจทั่วตัวบ้านหาสิ่งของที่ได้มาจัดการทำเป็นโต๊ะเก้าอี้ และจัดหน้าบ้านให้สวยงามเมื่อเงยหน้ามองท้องฟ้าเห็นว่าใกล้จะค่ำแล้วเธอจึงบอกให้น้องไปอาบน้ำล้างกาย
“ชิงเทียน ชิงหนี่ว์พวกเธอทั้งสองพากันไปอาบน้ำล้างตัวรอพี่นะ พี่จะเข้าครัวทำอาหารเย็นให้กิน”
“ได้ค่ะ/ได้ครับ” เด็ก ๆ คิดถึงอาหารที่พี่เอามาให้กินตอนกลางวันน้ำลายเริ่มสอออกมารีบพากันวิ่งไปอาบน้ำตามที่พี่บอก
“เด็ก ๆ คงหิวมากสินะทันทีที่บอกก็รีบไปอาบน้ำกันเลย ดีล่ะฉันจะเข้าในมิติเพื่อหากับข้าวมาทำให้เด็ก ๆ ได้กิน” พูดจบหลิวหลิวเดินเข้าไปในครัวเข้าไปในมิติเลือกหยิบของใช้ข้าวสารและอาหารสดในมิติห้างออกมาเพื่อปรุงอาหาร ไม่นานเธอก็สามารถทำอาหารมากมายเสร็จสิ้นและวางบนโต๊ะอาหารเพื่อรอน้อง ๆ
“โชคดีนะที่ฉันชอบทำอาหารและอยู่ตัวคนเดียวตั้งแต่เรียนจบ จึงพอมีฝีมืออยู่บ้างหวังว่ากับข้าววันนี้จะถูกใจเด็กทั้งสองนะ คืนนี้คงยังอีกยาวไกลเมื่อเด็ก ๆ นอนหลับแล้วฉันจะเข้าไปที่มิติอีกครั้งเพื่อไปนำของมาทำหมาล่าก่อนจะเปิดร้านฉันจะทำชิมก่อน” หลิวหลิวกอดอกมองกับข้าวที่น่ากินอย่างภูมิใจและคิดเรื่องที่หมาล่าที่เธอจะทำขาย
ไม่นานน้อง ๆ ก็พากันลงมาจากชั้นบนเห็นอาหารและข้าวสารที่เรียงตัวสวยอยู่ในชามข้าวทำให้ทั้งสองตาลุกวาวราวกับเห็นของมีค่าแถมของกินยังส่งกลิ่นหอมโชยเย้ายวน
“พี่ชิงฮวาเรากินทั้งหมดนี่ได้จริง ๆ หรือครับ”
“ใช่นะสิ ต่อไปนี้ไม่ว่าชิงเทียนกับชิงหนี่ว์อยากกินอะไรเมื่อไหร่สามารถกินได้เสมอ ไม่มีใครกล้ามาว่าหรือรังแกเราได้อีก เอาล่ะมานั่งที่เก้าอี้ได้แล้วเดี๋ยวกับข้าวจะเย็นและไม่อร่อย” หลิวหลิวยิ้มกริ่มรีบกวักมือให้เด็ก ๆ มานั่งที่เก้าอี้ทั้งสามคนกินข้าวกันอย่างมีความสุข
หลังจากที่ทุกคนกินอิ่มหลิวหลิวให้ทั้งสองขึ้นไปนอนหลับเพราะพรุ่งนี้มีงานให้เด็ก ๆ ได้ทำ น้อง ๆ เป็นเด็กที่เชื่อฟังพี่สาวไม่ว่าเธอจะให้ทำอะไรย่อมทำตามทุกอย่าง
หลิวหลิวได้เวลาเข้ามิติอีกครั้งเพื่อเลือกหยิบของมาทำซุปหมาล่า เธอเดินเลือกของอย่างเพลิดเพลินจนได้ของครบแล้วเธอได้ปิดมิติและตั้งหม้อเพื่อทำซุปหมาล่าต่อ
เธอจัดการก่อไฟอีกครั้งแม้ที่นี่จะมีไฟฟ้าแต่ทว่ายุคนี้เครื่องใช้ครัวเรือนยังคงไม่พัฒนาเหมือนยุคปัจจุบันมากนักและยังคงใช้เตาฟืน เธอตั้งกระทะใส่น้ำมันงาลงไปจากนั้นใส่เครื่องเทศลงไปผัดโดยมีเครื่องเทศมากมายได้แก่ ลูกกระวาน โป๊ยกั๊ก อบเชยแท่ง เก๋ากี้ ผัดให้หอม ใส่พริกแห้งลงไปในกระทะ ต่อด้วยขิงและกระเทียมผัดจนหอมก่อนใส่น้ำซุป
ตั้งหม้อใส่น้ำซุปกระดูกหมูและใส่เครื่องเทศที่เธอเอาไปผัดลงไป ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย เกลือสมุทร ซีอิ๊วขาว พริกหมาล่า เพียงเท่านี้น้ำซุปของเธอก็เสร็จสิ้น
จากนั้นเธอมาจัดการในส่วนของเนื้อและผัก วันนี้หลิวหลิวทำเพียงหั่นหมูเป็นชิ้นพร้อมนำไปหมักกับเครื่องหมักหมูที่เธอหยิบมาจากมิติห้าง ก่อนจะมาหั่นผักและทำน้ำจิ้ม เธอจะทำน้ำจิ้มแค่อย่างเดียวก่อนลองดูว่าลูกค้าที่มากินพึงพอใจระดับไหนเธอค่อยทำน้ำจิ้มสูตรใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง น้ำจิ้มของเธอเป็นน้ำจิ้มน้ำมันงา โดยมีส่วนผสมดังนี้
ซอสงา 2 ช้อนชา น้ำมันหอย 2 ช้อนชา ซีอิ๊วขาว ครึ่งช้อน
น้ำมันพริกหม่าล่า 1 ช้อนชา ซอสเห็ดสับ 2 ช้อนชา
น้ำมะนาว 1 ช้อนชา น้ำมันงา 2 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา ผงชูรส เกือบครึ่งช้อน
กระเทียมสับ พริกขี้หนู ผงพริกหม่าล่า งาคั่ว ต้นหอม
ผักชี เมื่อใส่ทุกอย่างครบแล้วเธอคนเครื่องให้เข้ากันแล้วค่อย ๆ ตักมาชิมอย่างคาดหวัง
“อื้มม..อร่อยเหมือนกันนะเนี้ยะไม่คิดเลยว่าฉันจะทำมันออกมาได้อร่อยขนาดนี้ไม่ผิดหวังเลยที่เป็นคนชอบหมาล่า ต่อไปคงต้องรอให้ซุปเข้าที่และเนื้อนุ่ม ค่อยมาชินอีกครั้งแล้วกัน” หลิวหลิววางช้อนลงก่อนจะเดินออกไปที่ด้านนอกเพื่อจัดเตรียมโต๊ะเก้าอี้สำหรับเปิดร้านขายหมาล่า โชคดีที่ในมิติมีทุกอย่างที่เธอต้องการ เธอวาดรูปวางแผนการจัดร้านก่อนจะเปิดมิติไปนำเอาโต๊ะเก้าอี้ ออกมาจัดพร้อมทั้งหม้อถ้วยชามไว้สำหรับไว้ให้ลูกค้าเมื่อเข้ามากินที่นี่ เธอใช้แรงและเวลานานพอสมควรในการจัดแจงร้านจนตอนนี้ทุกอย่างลงตัว
“เฮ้อ! ในที่สุดร้านเล็ก ๆ ของฉันก็สำเร็จเสียทีมีโต๊ะไว้สำหรับตอนรับลูกค้าสามโต๊ะ เท่านี้ก็พอแล้วสำหรับร้านใหม่ เอาล่ะตอนนี้ถึงเวลาชิมซุปหมาล่าแล้ว” พูดจบหลิวหลิวเดินเข้าไปในครัวตักซุปหมาล่าใส่หม้อสำหรับตั้งโต๊ะเธอเริ่มชิมของที่เธอทำเอาไว้ คิดไม่ถึงเลยว่าน้ำซุปที่ทำจะออกมาได้อร่อยขนาดนี้
“ว๊าวว น้ำซุปเผ็ดกำลังดีเนื้อนี่ฉันคงต้องหมักผงปรุงรสเพิ่มสักหน่อย เท่านี้ถือว่าดีมาก ๆ แล้ว พรุ่งนี้ร้านหมาล่าสกุลไป๋พร้อมที่จะเปิดร้านแล้ว” หลิวหลิวคลี่ยิ้มเต็มดวงหน้าจัดการกินของที่อยู่ตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อยก่อนจะเก็บของและขึ้นนอน เมื่อหัวถึงหมอนเธอก็หลับในทันที
บทที่ 35 ซีรี่ย์จบอย่างบริบูรณ์2 เดือนต่อมาหลิวหลิวได้แต่งงานกับซุนเย่ร้านของเธอถูกย้ายเข้าไปอยู่ในโรงแรมตามที่แม่ของซุนพูดเอาไว้ ตอนนี้ทุกอย่างลงตัวอย่างไม่คาดคิดมาก่อน เธอพาน้อง ๆ ย้ายกลับไปอยู่บ้านหลังเดิมที่เป็นสมบัติของสกุลไป๋ เธอได้ดีไม่ลืมคนที่เคยช่วยเหลืออย่างป้ามิ่งจู เธอเปิดมิตินำของใช้มากมายและช่วยกันตกแต่งร้านใหม่ให้แก่ป้ามิ่งจูเป็นการตอบแทนส่วนเหมยอิ๋งตอนนี้เธอได้หางานทำเป็นสาวโรงงานเย็บผ้าจากคนที่ไม่เคยทำงานชีวิตสุขสบายแต่เมื่อไม่มีใครให้พึ่งพาเธอจำเป็นต้องหาเงินใช้เอง ตอนนี้เธอเริ่มคิดได้ว่าสิ่งที่ผ่านมาเธอกับครอบครัวทำผิดกับชิงฮวามากแค่ไหน แต่ก็ไม่กล้าโผล่หน้ามาขอโทษเธอด้วยซ้ำ เพราะเธออายจนไม่กล้าที่จะมาพบเจอลมหนาวเริ่มพัดมากระทบกายหลิวหลิวยืนมองออกไปนอกหน้าต่างในใจคิดถึงชีวิตที่ผ่านมา จู่ ๆ ก็ถูกสองแขนโอบกอดมาจากด้านหลัง“ยืนคิดอะไรอยู่เหรอ?”“แค่คิดว่านี่ใช่ความจริงหรือความฝันนะคะ”"ทำไมคิดแบบนั้นล่ะครับ”“ใครจะคิดล่ะคะว่าวันหนึ่งฉันที่เคยถูกขับไล่ออกจากบ้านหลังนี้จะได้กลับเข้ามาอยู่ที่นี่ และใครจะไปคิดว่าฉันจะได้แต่งงานกับคนที่ร่ำรวยเช่นคุณมันเหมือนความฝันเลยละค
บทที่ 34 แต่งงานกับผมนะหลิวหลิวเปิดดูเห็นโฉนดที่ดินของสกุลไป๋เธอทั้งดีใจและซาบซึ้งหัวใจเหลือเกินไม่คิดว่าคนคนหนึ่งจะทำเพื่อเธอได้ขนาดนี้ ตอนนี้เธอไม่อยากจะปิดกั้นความรู้สึกแล้วรีบเอ่ยถามจื่อห้าวอย่างเร่งรีบ"ตอนนี้ซุนเย่อยู่ไหน พาฉันไปหาเขาได้มั้ย""ตอนนี้ซุนเย่อยู่โรงแรมเราไปพร้อมกันเถอะนะ" แม่ของซุนเย่ดีใจที่เธอยอมเชื่อและจะไปพบกับลูกชายของเธอ ทั้งสามนั่งรถยนต์ไปที่โรงแรมทันที ใจของหลิวหลิวร้อนรุ่มไปหมดทำไมเขาต้องยอมเจ็บตัวเพื่อเธอขนาดนี้ที่ทำเพราะอยากจะลบสิ่งที่เขาย่ำยีเธออย่างนั้นสินะ ช่างไม่ห่วงตัวเองเอาเสียเลยไม่นานรถยนต์ก็มาถึงโรงแรมจื่อห้าวนำรถไปจอดทำให้หลิวหลิวได้เดินตามหลังแม่ของซุนเย่ที่ห้องพัก เมื่อมาถึงหลิวหลิวได้ก้าวเท้าเข้ามาในห้องเห็นซุนเย่นอนอยู่บนเตียงนอนบนหัวถูกโพกด้วยผ้าสีขาวใบหน้าและร่างกายเขียวช้ำไปหมด"เขาได้รับบาดเจ็บขนาดนี้เลยเหรอคะ""ใช่แล้ว เขาเป็นคนเก็บอาการแม้จะเจ็บปวดแค่ไหนก็ไม่ยอมแสดงออกจนจัดการคนพวกนั้นเสร็จเขาได้สลบล้มลงกับพื้น จนจื่อห้าวต้องหามกลับโรงแรม ซุนเย่เป็นคนอวดดีไม่ยอมให้จื่อห้าวกับลูกน้องจัดการคนเลวพวกนั้น เขาขอลงมือจัดการเองจนเป็นอย่างที่
บทที่ 33 สะสางหลิวหลิวได้ยินเสียงเอะโวยวายเสียงดังคล้ายคนกำลังมีเรื่องกันเธอออกมาจากผ้าห่มมาชะเง้อดูอยู่หน้าต่างเห็นว่าตอนนี้ซุนเย่กำลังสู้อยู่กับกลุ่มต้าหลง เธอทั้งตกใจและตกตะลึงคน ๆ เดียวสู้กับคนนับสิบให้นอนกองกับพื้นได้ทั้ง ๆ ที่ตัวเองได้รับบาดเจ็บไม่มากแต่มองเห็นเพื่อนของต้าหลงบาดเจ็บระนาว เธอรู้แล้วว่าตอนนี้เขาปกป้องเธอมากขนาดไหนแต่เมื่อนึกย้อนในสิ่งที่เขาโกหกเธอไม่สามารถเอาความดีครั้งนี้ของเขามาลบแก้คำโกหกและเรื่องที่เขาย่ำยีเธอได้เลยรุ่งเช้าวันต่อมาต้าหลงถูกตำรวจจับเพราะเขาเล่นยาและมียาให้ครอบครอง อีกทั้งจื่อห้าวจัดฉากเรื่องที่บาดเจ็บว่าคนพวกนี้ขัดแย้งกันเรื่องผลประโยชน์ตอนนี้ตำรวจทั้งสถานีเป็นคนของซุนเย่หมดแล้วไม่ยากในการจัดการและยังนำกำลังเข้าไปตรวจค้นที่กบดานของต้าหลงพบซิ่นเจี่ยวกับเหมยอิ๋งอยู่ที่นั่น ซิ่นเจี่ยวถูกตั้งข้อหายึดของคนอื่นไปครอบครองและใช้สมบัติที่ไม่ใช่ของตัวเองจนหมด ก่อนที่จะทำสัญญาจำนำโฉนดที่ดินบ้านสกุลไป๋ เขาได้ทำหนังสือสัญญาและลงนามทำให้เธอไม่อาจจะดิ้นหนีได้ ตอนนี้เหมยอิ๋งเคว้งคว้างไปหมด ไม่ว่าพี่ชายหรือแม่ถูกทางการจับตัวไปจนหมดทุกคน"ไม่จริง เรื่องนี้ต้อ
บทที่ 32 ที่ระบายอารมณ์ช่วงเวลาประมาณ 5 ทุ่มจื่อห้าวกำลังยืนดื่มอยูกับคนอื่น ๆ เห็นคุณชายเดินมาใบหน้าเคร่งเครียดเขารีบวางแก้วไวน์ไว้ที่โต๊ะและเข้าไปถามทันที"คุณชายทำไมมีสีหน้าเช่นนั้นครับ หรือว่ายังไม่ได้ปรับความเข้าใจกับคุณชิงฮวา ""เรื่องปรับความเข้าใจนะฉันทำแล้วแต่มันเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดก่อนนะสิ แต่ว่าตอนนี้มีเรื่องที่จะต้องทำเร่งด่วนเอารถออกฉันจะไปโรงพยาบาล""เกิดอะไรขึ้นกับลูกหรือว่ารู้สึกไม่สบาย"แม่ของซุนเย่ที่กำลังจะเดินกลับห้องพักได้ยินเสียงลูกชายรีบเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง"คุณแม่ครับผมทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ เอาไว้ผมกลับมาจากหาหมอจะเล่าให้ฟังนะครับ คุณแม่ขึ้นไปพักผ่อนเถอะครับกว่าจะกลับมา เอาไว้พรุ่งนี้ผมจะเล่าทุกอย่างให้คุณแม่ได้รับรู้" เธอทำได้เพียงพยักหน้ารับรู้เพราะว่าตอนนี้น้ำเสียงทั้งแววตาของซุนเย่จริงจังอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน"อย่างนั้นลูกก็รีบไปโรงพยาบาลเถอะ"จื่อห้าวไม่รอช้ารีบทำตามที่คุณชายต้องการ ตอนนี้ทั้งสองได้ไปหาหมอโรงพยาบาบที่ใกล้ที่สุด ซุนเย่แจ้งหมอเรื่องที่เขาต้องการตรวจ แต่ทว่าตอนนี้ห้องตรวจเลือดได้ปิดการทำการ ทำได้เพียงนำเลือดของเขาเอาไว้และตรวจกว่าผล
บทที่ 31 เจ็บปวดทั้งกายและจิตใจสายตาคู่งามจ้องมองใบหน้าของเขาพร้อมสะท้อนความเจ็บปวดด้านในให้อีกฝ่ายได้รับรู้ซุนเย่ไม่อยากจะเสียเธอไปในเมื่อตอนนี้ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรเธอคงไม่เชื่อง่ายๆ แต่ว่าวันนี้อย่างไรเขาจะต้องพูดกับเธอให้รู้เรื่อง จึงอุ้มเธอไปที่ห้องเพื่ออธิบายให้เธอได้รู้“ปล่อยนะ ปล่อยฉันลงไป”“ไม่เราต้องคุยกันให้รู้เรื่องผมไม่อยากปล่อยคุณไปทั้ง ๆ ที่เรายังไม่เข้าใจกัน” ซุนเย่รีบอุ้มชิงฮวาไปที่ห้องของตัวเองเมื่อมาถึงห้องเขารีบล็อกประตูและพาเธอไปที่โซฟาวางเธอลงอย่างเบามือ“พาฉันมาที่นี่ทำไมเรามีอะไรจะคุยกับอีกปล่อยฉันจะกลับไปน้อง ๆ ” ซุนเย่นั่งลงคุกเข่าต่อหน้าเธอสองมือยื่นไปจับมือของหลิวหลิวไว้แน่น เงยหน้ามองเธอพร้อมพูดออกไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ผมไม่อยากจะโกหกคุณเลยไม่ว่าจะเรื่องครอบครัวของผมหรือว่าจะเป็นการที่ผมเข้าหาคุณ ผมมีเหตุผลบางอย่างและเรื่องผมกับหวางลี่อิงไม่ใช่เรื่องจริง”“ไม่อยากโกหกแต่คุณทำมันไปแล้วหยุดพูดเถอะค่ะ ฉันไม่อยากฟังช่วยปล่อยฉันออกไปเสียที” หลิวหลิวเบือนหน้าหนีไม่อยากจะเห็นหน้าเขากลัวใจตัวเองที่ไม่เข้มแข็งพอจะใจอ่อนยอมให้อภัยเขาอีก แต่ทว่าจู่ร่างกายขชองซุนเย่เ
บทที่ 30 รู้ความจริงหลิวหลิวเปิดร้านปกติและวันนี้เธอขายหมดเร็วกว่าทุกวันเพราะลงของน้อย เมื่อเธอเก็บของเสร็จออกมารอรับน้อง ๆ คิดว่าวันนี้จะพาเด็ก ๆ ไปเที่ยวเล่นที่ห้างสักวันตั้งแต่ทะลุมิติเธอไม่เคยได้ไปไหนเลยนอกจากตลาด แต่ทว่าสายตาของเธอกลับเหลียวไปเห็นสองแม่ลูกกำลังเดินมุ่งหน้ามาที่นี่‘มาทำไมกันนะ หรือว่าจะมาหาเรื่องเอาสิครั้งนี้ฉันไม่ยอมหรอกนะ’ หลิวหลิวคิดในใจยืนกอดอกพร้อมปะทะกับทั้งสองแม่ลูก“มาที่นี่ทำไมอีก”“เอ่อ..ชิงฮวาป้าผิดไปแล้วให้อภัยป้าเถอะนะเรื่องที่ผ่านมาป้าสำนึกผิดแล้ว เรามาดีกันเถอะนะ” หลิวหลิวคิ้วขมวดเข้าหากันด้วยความงงงวยจู่ ๆ ทำไมซิ่นเจี่ยวถึงได้มาพูดดีกับเธอแบบนี้แถมยังทำหน้าตาเศร้าหมองแบบนี้ เธอมีแผนอะไรอีกเลย“นี่มันเรื่องอะไรกัน ป้ามีแผนอะไรอีกคิดว่ามาบีบน้ำตาอ้อนวอนพูดดีด้วยแล้วฉันจะใจอ่อนเหมือนเมื่อก่อนเหรอคะ ฉันไม่มีทางยอมป้าอีกแล้วค่ะ มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลยค่ะฉันไม่ต้อนรับ” หลิวหลิวขับไล่เสียงแข็งซิ่นเจี่ยวไม่มีที่จะไปจริง ๆ หากไม่ได้อยู่ที่นี่คืนนี้เธอคงไม่มีที่ซุกหัวนอน เธอจะทำทุกอย่างให้หลิวหลิวยอมให้อภัยเธอคุกเข่าลงต่อหน้าหลิวหลิวทำให้ทั้งหลิวหลิวกับเห