แชร์

บทที่ 11

ผู้เขียน: จี้เวยเวย
“ที่ท่านน้าพูด หมายความว่าสิ่งที่ข้าทำที่จวนตระกูลซ่งวันนี้เป็นเรื่องเสื่อมเสียหรือเจ้าคะ?”

ซ่งรั่วเจินมองหลิ่วเฟยเยี่ยนตรงหน้าอย่างประเมิน ท่อนบนสวมเสื้อคลุมชวีจวี [1] ตัวยาวสีเขียวน้ำทะเลปักลายโบตั๋น ท่อนล่างคือกระโปรงเนื้อบางสีเหลืองปักลายโบตั๋น ทรงผมที่จัดแต่งอย่างประณีตนั้นประดับด้วยปิ่นปักผมลวดลายโบตั๋น สร้อยมุกโมราตรงลำคอยิ่งวาววับจับตา การแต่งตัวยังหรูหรากว่ามารดาของนางเสียอีก

แต่ถึงแม้หลิ่วเฟยเยี่ยนกับหลิ่วหรูเยียนจะเป็นพี่น้องแท้ๆ กัน รูปโฉมของนางกลับด้อยกว่าหลิ่วหรูเยียนชนิดทิ้งห่างกันไกล

ถึงตอนนี้จะสวมเครื่องประดับเต็มยศ แต่เมื่อมานั่งอยู่ข้างกายหลิ่วหรูเยียนผู้อ่อนโยนที่แต่งกายเรียบง่ายก็ยังคงเทียบไม่ติด กลับดูพะรุงพะรัง แต่งเยอะเกินงาม

“รั่วเจิน น้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น แต่เจ้าอายุเกินยี่สิบปีแล้ว เลือกคู่ครองดีๆ ไม่ได้แล้ว มิหนำซ้ำหลินโหวกำลังรุ่งโรจน์ ก่อเรื่องเช่นนี้แล้วผู้ใดจะกล้าเสี่ยงล่วงเกินหลินโหวมาสู่ขอเจ้า?”

หลิ่วเฟยเยี่ยนเอ่ยราวกับปรารถนาดี หากมิใช่เพราะซ่งรั่วเจินรู้โฉมหน้าที่แท้จริงของนางแล้ว มาได้ยินถ้อยคำเปี่ยมน้ำใสใจจริงเช่นนี้เกรงว่าคงหลงเชื่อว่านางเป็นห่วงตนเองจริงๆ

“ท่านน้า ท่านสายตาไม่ดีหรือเปล่าเจ้าคะ?” ซ่งรั่วเจินถาม

หลิ่วเฟยเยี่ยนอึ้งไป “เปล่านี่”

“ถ้าไม่ได้สายตาไม่ดี ไยจึงกล่าววาจาไร้หัวคิดเช่นนี้ออกมาได้เล่าเจ้าคะ?”

“หลินโหวตระบัดสัตย์ไม่รักษาสัญญา ทั้งที่มีพันธะหมั้นหมายกับข้าแต่กลับไปข้องแวะกับหญิงอื่น สองปีมานี้ทางหนึ่งเขาฝากฝังฮูหยินผู้เฒ่าหลินกับข้า อีกทางหนึ่งกลับไปชอบพอกับหญิงอื่นอยู่ข้างนอก”

“หากเขามีมโนธรรมอยู่สักนิด กลับมาแล้วก็ควรขอโทษข้า อธิบายเรื่องราวทั้งหมด แต่เขากลับปกปิดเอาไว้ไม่พูดออกมา ซ้ำร้ายในวันวิวาห์ยังกล่าวหาว่าข้าทำลายบุพเพของเขากับฉินซวงซวงอย่างเต็มปากเต็มคำ”

“ถ้าในใจเขามีเพียงฉินซวงซวง กลับมาถอนหมั้นกับข้า ข้าจะเคารพเขาว่าเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง แต่เรื่องเลยเถิดมาถึงขั้นนี้ นั่นก็จะเอานี่ก็จะเอา ท่านน้ายังคิดว่าเขาเป็นคู่ครองที่ดีพร้อมอยู่หรือเจ้าคะ?”

ขณะที่พูด สายตาของซ่งรั่วเจินก็กวาดไปทางซุนเยียนเอ๋อร์ที่ดูเรื่องสนุกอยู่ข้างๆ “หากท่านน้าคิดว่าเขาดี ญาติผู้น้องก็อายุสิบเก้าปีแล้ว จนถึงบัดนี้ยังไม่ออกเรือน มิสู้ออกเรือนให้หลินโหวแทนข้า เช่นนี้ความสัมพันธ์สองบ้านก็ไม่นับว่าขาดสะบั้น ดีต่อคนทั้งสองฝ่ายเลยไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”

ซุนเยียนเอ๋อร์เป็นลูกสาวของหลิ่วเฟยเยี่ยนและเป็นญาติผู้น้องของซ่งรั่วเจิน ชอบแข่งขันชิงดีชิงเด่นกับเจ้าของร่างเดิมไปเสียทุกอย่างมาตั้งแต่เด็ก

เจ้าของร่างเดิมนิสัยดี กอปรกับถูกอบรมบ่มเพาะจนมีนิสัยแบบคุณหนูผู้ดีมาตั้งแต่เล็ก จึงยอมอดทนอดกลั้นถอยให้เสียทุกครา ทำให้ซุนเยียนเอ๋อร์มักแย่งชิงสิ่งของของนางไปอยู่บ่อยๆ

ซุนเยียนเอ๋อร์อิจฉาสัญญาหมั้นหมายระหว่างเจ้าของร่างเดิมกับหลินจือเยว่มาแต่แรก มักพูดจากระทบกระเทียบเสียดสีทั้งในที่ลับและที่แจ้ง คราวก่อนตอนที่หลินจือเยว่นำของหมั้นมาให้ นางก็พยายามหาวิธีเข้ามายุ่มย่าม ในใจคิดอะไรอยู่ไม่ว่าใครก็ล้วนดูออก

ไม่ผิดจากที่คิด เมื่อซ่งรั่วเจินพูดประโยคนั้นจบ ซุนเยียนเอ๋อร์ก็สองตาลุกวาวขึ้นมาทันที “ท่านแม่ ข้าคิดว่าข้อเสนอของญาติผู้พี่ไม่เลวเลยนะเจ้าคะ ในเมื่อนางไม่ยินดีออกเรือนก็ให้ข้าออกเรือนแทนนางดีกว่า ข้าไม่ได้เรื่องมากเหมือนญาติผู้พี่หรอกนะ มีสามีที่ดีขนาดนี้แล้วยังจะตินั่นตินี่”

เห็นซุนเยียนเอ๋อร์ทางหนึ่งหวังเอาเปรียบ อีกทางยังไม่ลืมเหยียบย่ำตนเอง แววตาของซ่งรั่วเจินเย็นเยียบ ความเป็นคนดีของครอบครัวเจ้าของร่างเดิมชักนำให้เกิดญาติสูบเลือดสูบเนื้อแบบนี้ ช่างอัปมงคลจริงๆ!

“ดีอะไรกัน!”

หลิ่วเฟยเยี่ยนตำหนิลูกสาว คิดไม่ถึงว่าซ่งรั่วเจินจะเสนอขึ้นมาแบบนี้ แต่เยียนเอ๋อร์จะออกเรือนไม่ได้เด็ดขาด

พวกฉินซวงซวงต้องการอะไร นางรู้ดีกว่าใคร แล้วจะส่งลูกสาวตัวเองเข้าไปในกองไฟได้อย่างไรกัน

“นี่เป็นเรื่องมงคลของญาติผู้พี่ของเจ้า เจ้าเป็นญาติผู้น้องแย่งคู่หมั้นของญาติผู้พี่ หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป มิถูกคนหัวเราะเยาะเอารึ”

หลิ่วหรูเยียนก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่เหมาะสม เห็นหลิ่วเฟยเยี่ยนตำหนิซุนเยียนเอ๋อร์แล้ว สีหน้าค่อยผ่อนคลายลงหลายส่วน เยียนเอ๋อร์ชอบแก่งแย่งชิงดีมาตั้งแต่เล็ก นางรับรู้มาโดยตลอดแต่มองว่านั่นเป็นเรื่องเล็กน้อย ทว่างานมงคลไม่ใช่การละเล่นของเด็กๆ

นางมองซ่งรั่วเจินด้วยสายตาหนักอึ้ง ไม่เข้าใจว่าเหตุใดลูกสาวจึงเสนอขึ้นมาเช่นนี้

“ข้าคิดว่าไม่มีอะไรไม่ดี อย่างไรเสียพวกเราก็เป็นคนครอบครัวเดียวกัน ผู้ใดออกเรือนก็เหมือนกันไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”

ซุนเยียนเอ๋อร์เม้มปาก นางอยากแต่งเข้าจวนหลินโหวจริงๆ

เพราะซ่งรั่วเจินเกิดในตระกูลสูงศักดิ์กว่านาง ยามปกติมักกดหัวนางไปเสียทุกเรื่อง ไม่ต้องพูดเลยว่านางอัดอั้นใจเพราะเรื่องนี้มากแค่ไหน

ตอนนี้ถึงคราววิวาห์ นางก็หวังว่าจะได้คู่ครองที่ดีกว่าซ่งรั่วเจิน หากสามารถออกเรือนให้หลินโหวได้ มิเท่ากับว่าเอาชนะอีกฝ่ายได้แล้วหรือ

“ข้าก็คิดเช่นนั้น” ซ่งรั่วเจินพยักหน้า ส่งสายตาบอกให้หลิ่วหรูเยียนวางใจแล้วกล่าวว่า “ท่านน้า ยามนี้ท่านพ่อหายสาบสูญไร้ร่องรอย พี่ชายก็เกิดเรื่อง ข้ารู้สึกไม่สบายใจเลยจริงๆ คิดว่าอยู่ที่บ้านต่อไปจะดีกว่า ในเมื่อญาติผู้น้องเองก็มีความคิดเช่นนี้ มิสู้ให้นางออกเรือนไปเถอะเจ้าค่ะ

เรื่องมงคลแบบนี้ใช่ว่าจะมีโอกาสพบได้ง่ายๆ เหตุใดจึงไม่ทำให้ญาติผู้น้องสมหวังเสียล่ะเจ้าคะ?”

“นั่นสิ ท่านแม่ ญาติผู้พี่พูดถูก” ซุนเยียนเอ๋อร์ตื่นเต้นสุดระงับ นี่เป็นโอกาสดีงามที่หล่นลงมาจากฟ้าชัดๆ!

“ไม่ได้ เจ้าแต่งไม่ได้!” หลิ่วเฟยเยี่ยนเอ่ยอย่างร้อนใจ

ซ่งรั่วเจินมุ่นคิ้ว “ท่านน้า ท่านพร่ำพูดว่าจวนหลินโหวเป็นที่พักพิงที่ดี เหตุใดข้าแต่งได้ แต่ญาติผู้น้องกลับแต่งไม่ได้เล่าเจ้าคะ?”

หลิ่วเฟยเยี่ยนเห็นซ่งรั่วเจินจู่ๆ ก็พูดจาเก่งกาจขึ้นมาเช่นนี้ ในใจอดสงสัยไม่ได้ คนสองคนที่เมื่อก่อนโดนจูงจมูกได้ง่ายๆ เหตุใดวันนี้จึงเปลี่ยนมาเด็ดขาดหนักแน่นเช่นนี้?

“ข้าแค่ไม่อยากให้พวกเจ้าพี่น้องต้องหมางใจกันเพราะงานวิวาห์ครั้งเดียวก็เท่านั้นเอง”

“ท่านน้าพูดจาประหลาดจริง ข้ากับญาติผู้น้องล้วนคิดว่าดี แล้วจะหมางใจกันได้อย่างไรเจ้าคะ? ขอเพียงญาติผู้น้องออกเรือน ข้าจะต้องส่งของขวัญแสดงความยินดีชิ้นใหญ่ไปให้แน่นอนเจ้าค่ะ!”

เห็นหลิ่วเฟยเยี่ยนลนลานไม่รู้ว่าควรปฏิเสธอย่างไรดี ซ่งรั่วเจินแสยะยิ้มเย็นในใจ เกรงว่าน้าสาวแสนดีผู้นี้คงล่วงรู้แผนการที่กำหนดให้เจ้าของร่างเดิมต้องเสียชีวิตในอีกสองปีหลังจากนี้ด้วยเช่นกัน ซ้ำร้ายยังเป็นไปได้มากว่าคงมีส่วนร่วมอีกต่างหาก

แต่นางตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าจะให้ซุนเยียนเอ๋อร์ออกเรือนไปให้ได้ แทนที่จะเผชิญหน้ากันตรงๆ มิสู้ให้พวกเขากัดกันเองดีกว่า!

ซุนเยียนเอ๋อร์เป็นคนไม่ฟังใครอยู่แล้ว เย่อหยิ่งเอาแต่ใจมาตั้งแต่เด็ก บ่มเพาะเป็นนิสัยไม่กลัวฟ้าไม่เกรงดิน ประกอบกับนิสัยมุทะลุบุ่มบ่าม ไปแย่งชิงผู้ชายกับฉินซวงซวงที่จวนตระกูลหลินนั่นคงเป็นละครที่น่าดูเลยเชียวล่ะ!

ในนิยายต้นฉบับ หลิ่วเฟยเยี่ยนกับฮูหยินตระกูลฉินมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่ไม่รู้ว่าถ้าลูกสาวกลายเป็นศัตรูกันแล้ว พวกนางยังจะญาติดีกันอยู่หรือเปล่า?

“รั่วเจิน ข้าได้ยินว่าเมื่อวานนี้เจ้าส่งเพ่ยหลานไปที่จวนตระกูลหลิ่ว? นางทำผิดอะไรหรือ มีอะไรไม่ถูกต้องเจ้าสั่งสอนเอาก็ได้ ไยต้องถึงขั้นส่งไปเช่นนี้?”

หลิ่วเฟยเยี่ยนเปลี่ยนหัวข้อสนทนา นางเพิ่งทราบข่าวตอนมาจวนตระกูลซ่งเมื่อเช้านี้ นางจงใจวางตัวสาวใช้คนนั้นไว้ข้างกายซ่งรั่วเจิน ตอนนี้ถึงเวลาเรียกใช้งานแต่คนกลับถูกส่งตัวไปที่อื่นเสียนี่

“ข้าไม่เพียงส่งนางไปที่จวนตระกูลหลิ่ว แต่ยังส่งนางขึ้นเตียงพ่อบ้านหลิ่วด้วยเจ้าค่ะ” ซ่งรั่วเจินเอ่ยขณะจิบชาอย่างรื่นรมย์

“อะไรนะ” หลิ่วเฟยเยี่ยนตกใจ “เจ้าทำแบบนี้มิเท่ากับจับคู่ส่งเดชหรอกรึ”

อย่าว่าแต่หลิ่วเฟยเยี่ยน แม้แต่หลิ่วหรูเยียนก็ประหลาดใจเช่นกัน คืนวานนางจิตใจว้าวุ่นสับสนจึงไม่รู้ว่าเจินเอ๋อร์ส่งเพ่ยหลานไปที่นั่นในคืนเดียวกัน ทั้งยังจัดแจงเรื่องมงคลให้อีกฝ่ายแล้วด้วย?

“ไม่มีอะไรหรอกเจ้าค่ะ เพ่ยหลานอายุไม่น้อยแล้ว ทั้งยังมีใจอยากออกเรือน ใคร่ครวญดูแล้วพบว่าพ่อบ้านหลิ่วเป็นตัวเลือกที่ดี จึงให้นางตบแต่งออกไปก็เท่านั้น”

ซ่งรั่วเจินคลี่ยิ้มบาง “ท่านน้าสั่งสอนสาวใช้ได้ดีจริงๆ เพ่ยหลานอายุพอๆ กันกับข้า แต่กลับเปิดกว้างมาก คิดว่าบุรุษมีสามภรรยาสี่อนุเป็นเรื่องปกติ ยินดีเป็นอนุของพ่อบ้านหลิ่ว

คิดได้เช่นนี้ เมื่อคืนจึงเข้าห้องหอกันแล้ว ก็ถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดีเรื่องหนึ่ง”

----------------------------------------------

[1] ชวีจวี คือ ชุดตัวยาวที่สาบเสื้อฝั่งซ้ายเป็นปลายแหลม เวลาสวมต้องพันไปข้างหลังมาข้างหน้า เป็นที่นิยมในสมัยราชวงศ์ฮั่น
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
siriporn
ฉันอยากออกจากที่นี่
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1174

    ในเวลาเดียวกัน วังหลังฮองเฮาเผชิญหน้ากับพี่น้องทุกท่านที่มาเยี่ยมคารวะ อารมณ์ไม่ดีสุดขีดคนเหล่านี้ใบหน้าเผยความกังวล แต่แท้จริงแล้วกลับอยากให้เกิดเรื่องกับฉู่อ๋องและอวิ๋นอ๋องแทบแย่หากเกิดเรื่องกับพวกเขาสองคน เช่นนั้นนางที่เป็นฮองเฮาก็ไร้ที่พึ่งแล้ว“ฮองเฮา จงเฟยตั้งใจส่งพระคัมภีร์มา พูดว่าหลังรู้ข่าวเรื่องค่ายทหาร ก็ตั้งใจคัดบทสวดเพื่อขอพรให้องค์ชายทั้งสองท่านเพคะ”“ตอนนี้เอง แม่นมข้างกายฮองเอาถือพระคัมภีร์หนึ่งฉบับเข้ามาจากภายนอก นี่คือแม่นมของจงเฟยส่งเข้ามาทุกคนภายในห้องได้ยินแล้ว ต่างมีสีหน้าแปลกใจนับตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งก่อนจงเฟยก็ถูกขัง จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่ถูกปล่อยออกมา บัดนี้ช่างไม่ยอมปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไปจริงๆ คิดเพียงอยากออกมา!เพียงแต่ฮองเฮากลับเข้าใจความคิดอีกชั้นหนึ่งของจงเฟยนี่ขอพรที่ใดกัน เห็นได้ชัดว่ายั่วโมโหนาง!หลังเกิดเรื่องนี้ขึ้น นางก็ใคร่ครวญดีๆ มาก่อนแล้ว แผนการร้ายนี้เห็นชัดว่าพุ่งเป้ามาที่ฉู่อ๋อง บัดนี้คนที่อยากลงมือกับฉู่อ๋องอย่างรอแทบไม่ไหว ย่อมเป็นองค์ชายคนอื่นภายในนั้น...เช่ออ๋องเป็นคนแรกที่พุ่งเป้ามา!“ข้ารับพระคัมภีร์ไว้แล้ว ให้จงเฟย

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1173

    ราชครูกู้เห็นว่าหลิงไท่ซือต้องการกล่าวโทษฉู่อ๋องให้ได้ บัดนี้ฐานะของลูกเขยตนไม่เหมาะสม ไม่สะดวกออกมาพูดได้เพียงแต่บัดนี้ท่าทางต้องการให้ฉู่อ๋องพลิกสถานการณ์กลับมาไม่ได้ของหลิงไท่ซือคนต่ำต้อยคนนี้ เขามองแล้วไม่สบอารมณ์อย่างมาก“ฉู่อ๋องจัดการในทันทีแล้ว บัดนี้ฉู่อ๋องเองก็ติดโรคระบาด ไม่สบายไปด้วย ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่หาทางรักษาโรคระบาดหรอกหรือ?”ราชครูกู้มองทางหลิงไท่ซือ “เหตุใดหลิงไท่ซือต้องร้อนใจตัดสินโทษถึงเพียงนี้ด้วยเล่า?”สีหน้าหลิงไท่ซือเคร่งขรึมลงไป ขณะกำลังจะเอ่ยปาก หร่วนไท่ซือกลับพูดออกมาก่อน “ราชครูกู้พูดถูกแล้ว ตอนนี้จะคลี่คลายเยี่ยงไรต่างหากสำคัญที่สุด”“หากจะตัดสินโทษจริง ไม่สู้รอฉู่อ๋องกลับเข้าราชสำนักก่อนค่อยว่ากัน เชื่อว่าด้วยอุปนิสัยของฉู่อ๋อง จะต้องไม่ปัดความรับผิดชอบแน่”สีหน้าทุกคนล้วนแปลกใจ ทุกคนเองก็ล้วนได้ยินมาว่าสกุลหร่วนและสกุลซ่งแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กัน บัดนี้ท่าทีของหร่วนไท่ซือชัดเจนอย่างมากทว่า พวกเขาคิดว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน วิธีรับมือของฉู่อ๋องเองก็ดีมากแล้ว หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก็ไม่แน่ว่าจะทำได้ดียิ่งกว่านี้!เช่ออ๋องเห็นราชครูก

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1172

    เห็นว่าตำรับยาถูกรับไปแล้ว ฉู่จวินถิงไปสอบสวนคนสอดแนมที่ถูกจับไว้ ซ่งรั่วเจินจึงกลับเข้ากระโจมขณะกำลังเตรียมให้เหล่าหมอหลวงไปพักผ่อน กลับพบว่าพวกเขาล้วนสบมองนางด้วยสายตาทอประกาย ภายในสายตาเปี่ยมความหวัง“พระชายา ท่านไม่ได้ไปปรุงยาหรือ?”“ยาถูกนำไปปรุงแล้ว พวกเรารออยู่ที่นี่ก็พอ”ซ่งรั่วเจินยิ้มน้อยๆ “ทุกท่านล้วนลำบากแล้ว ไม่สู้กลับไปพักผ่อนสักครู่?”“ข้าไม่ง่วง ข้าอยากเห็นผลลัพธ์ของยาก่อนว่าเป็นเช่นไร”หมอหลวงหยางโบกมือ เมื่อคืนเขาดีใจที่สุด อีกทั้งยังนับว่าเขาได้เห็นวิชาแพทย์อันล้ำเลิศของพระชายาฉู่อ๋องอย่างแท้จริงแล้ว สมกับที่เคยได้ยินมาไม่ผิดไปดังคาด!บางส่วนที่พวกเขาไม่เข้าใจ พระชายาฉู่อ๋องคิดเพียงเล็กน้อยก็เข้าใจประเด็นสำคัญภายในนั้นแล้วมีอยู่หลายครั้ง เขาล้วนรู้สึกราวกับสติปัญญาแล่นพล่านขึ้นมาอย่างกะทันหันหากมีโอกาสได้ร่วมศึกษากับพระชายาฉู่อ๋องอีกหลายครั้ง เขาคิดว่าวิชาแพทย์ของตนจะต้องก้าวหน้าขึ้นไม่น้อยแน่“ใช่ หากไม่ได้รับผล พวกเรานอนก็นอนหลับไม่สนิทพ่ะย่ะค่ะ!”หมอหลวงคนอื่นเองก็มีท่าทีเช่นนี้ ครั้งนี้พวกเขามั่นใจมาก!ซ่งรั่วเจินคลี่ยิ้มบางๆ “เช่นนั้นพวกเราก็มารอ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1171

    ตอนซ่งรั่วเจินเดินออกจากกระโจมก็พบว่าหนึ่งคืนที่ผ่านมา ภายในค่ายทหารเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อยเห็นได้ชัดว่ารองแม่ทัพหลายท่านไม่ได้นอนพักผ่อนตลอดทั้งคืน ทว่าสีหน้าพวกเขากลับสะท้อนคุณธรรมเต็มเปี่ยม อีกทั้งยังมีเพลิงโทสะลุกโชน“ข้าก็บอกแล้วว่าหนึ่งคืนจะต้องลากตัวไอ้สารเลวคนนี้ออกมาให้ได้ ท่านอ๋องดีต่อทหารทุกคนมาก ถึงขั้นมีคนกล้าฉวยโอกาสนี้สร้างความเดือดร้อนให้ทั้งค่ายทหาร นี่ถูกเขาเอาเปรียบหมดแล้วจริงๆ!”“คนผู้นี้ก็คือเดรัจฉานโดยแท้ ก่อนหน้านี้ตอนเข้าอยู่ในค่ายไม่ได้รับความสนใจ ยังเป็นทานอ๋องเลื่อนตำแหน่งให้ บัดนี้กลับตอบแทนบุญคุณด้วยความแค้น!”“มารดาเถอะ หากครั้งนี้สามารถรอดตายผ่านด่านนี้ไปได้ คืนนี้ข้าจะไปขุดหลุดฝังบรรพชนบ้านเขา!”คนอื่นต่างเผยสีหน้าเห็นด้วย ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหจริงๆ คิดไม่ถึงเลยว่าขณะกำลังจะไปรายงานท่านอ๋องจะได้พบพระชายาฉู่อ๋อง จึงรีบเก็บสีหน้าและทำความเคารพ “คารวะพระชายา”“จับคนสอดแนมได้แล้วหรือ?”หูของซ่งรั่วเจินว่องไวมาก ย่อมไม่พลาดบทสนทนาของพวกเขาเมื่อคืนตอนจวินถิงกลับมาฟ้าก็มืดมากแล้ว เขาพูดว่าไม่เกินวันนี้จะต้องจับตัวคนสอดแนมออกมาให้ได้ตอนนั้นนางยังแปลกใจเหตุใ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1170

    สถานการณ์ในตอนนี้ หากเขาสอดมือเข้าไป ก็ยากจะถูกคนหยิบยกเรื่องนี้ออกมากล่าวหา ให้เสด็จพ่อส่งคนออกมาสืบถึงจะทำให้คนเชื่อถือที่สุด!อีกด้านหนึ่ง คนสร้างเรื่องทั้งหมดกำลังดีใจ“บัดนี้ทั่วทั้งเมืองหลวงต่างรู้ว่าโรคระบาดแพร่จากค่ายทหาร ชื่อเสียงอันดีงามที่เขาสั่งสมมานานหลายปี นับว่าถูกทำลายทั้งหมดแล้ว!”“ทว่าตอนเหล่าขุนนางในราชสำนักถกเถียงกันเรื่องนี้ ท่าทีของเสด็จพ่อกลับไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ เห็นได้ชัดว่ายังปกป้องเขาอยู่”ฝ่ายชายขมวดคิ้ว สีหน้าสะท้อนความไม่พอใจ บัดนี้เกิดเรื่องใหญ่ภายในค่ายทหาร ไม่ว่ามองอย่างไรก็สมควรลงโทษอย่างหนัก แต่กลับไม่มีความเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย“อย่าเพิ่งร้อนใจเพคะ” หญิงสาวทางด้านข้างผลิยิ้มพลางเอ่ยปาก “ตอนนี้ฉู่อ๋องยังเอาตนเองไม่รอด ฝ่าบาทกังวลความปลอดภัยของเขา ย่อมไม่ใส่ใจจัดการเขาในตอนนี้!”“ไม่แน่ว่าไม่ต้องรอให้ฝ่าบาทจัดการ ฉู่อ๋องก็ตายในค่ายทหารก่อนแล้ว”ได้ยินดังนั้น ฝ่ายชายพยักหน้า ใบหน้าเผยความระอา“ทีแรกข้าก็ไม่อยากเอาชีวิตเขา ใครให้เขาโดดเด่นเกินหน้าเกินตาเช่นนี้ พูดได้เพียงว่าเขารนหาที่ตายเอง!”ภายในสายตาหญิงสาวสะท้อนไอเย็น “ทุกคนที่ขวางทางท่านล้

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1169

    เมืองหลวง ข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วทุกหนแห่งพวกกู้หรูเยียนได้รู้ว่าบัดนี้คนในเมืองหลวงกำลังกระสับกระส่าย โรคระบาดเริ่มขยายวงกว้าง ยิ่งไปกว่านั้นราษฎรก็แน่ใจว่าโรคระบาดในครั้งนี้แพร่มาจากค่ายทหารของฉู่อ๋อง ใบหน้าจึงเผยความกังวล“เสนาบดีศาลต้าหลี่สืบออกมาได้แล้วไม่ใช่หรือ ทั้งๆ ที่หมู่บ้านชิงหยางแห่งนั้นเกิดโรคระบาดก่อน แต่ราษฎรเหล่านี้กลับปักใจว่าโรคระบาดออกมาจากค่ายทหาร น่าโมโหนัก!”บัดนี้กู้หรูเยียนนับว่ารู้แล้วว่าซิ่วไฉเจอทหาร มีเหตุผลไปก็ไร้ประโยชน์ ทั้งๆ ที่ทั้งหมดล้วนพูดไว้อย่างชัดเจนแล้ว เอือมระอาคนเหล่านี้ไม่เชื่อ“ท่านแม่ ท่านอย่าโมโหเพราะข่าวลือภายนอกเหล่านั้นเลย นี่เห็นได้ชัดว่ามีคนปลุกปั่น ท่านโมโหไปก็ไร้ประโยชน์”“ก็เพียงปากของพวกเราเหล่านี้ พูดออกไปก็ไร้ประโยชน์”ซ่งจิ่งเซินเห็นมารดาร้อนใจดุจไฟเผา มุมปากล้วนพองขึ้นมาแล้ว เอ่ยออกมาอย่างสุดระงับ“เรื่องนี้โทษท่านแม่ที่ร้อนใจไม่ได้ ข้าได้ยินข่าวลือเหล่านั้นก็อยากตีคนเหลือเกิน!”สีหน้าซ่งจืออวี้ไม่สบอารมณ์ “ตอนนี้น้องหญิงห้าไม่อยู่ข้างนอกก็ดี คำพูดของคนข้างนอกเหล่านั้นเกินไปจริงๆ ชวนให้คนโมโหแทบแย่!”ซ่งอี้อันมองเห็นท่า

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status