แชร์

บทที่ 11

ผู้เขียน: จี้เวยเวย
“ที่ท่านน้าพูด หมายความว่าสิ่งที่ข้าทำที่จวนตระกูลซ่งวันนี้เป็นเรื่องเสื่อมเสียหรือเจ้าคะ?”

ซ่งรั่วเจินมองหลิ่วเฟยเยี่ยนตรงหน้าอย่างประเมิน ท่อนบนสวมเสื้อคลุมชวีจวี [1] ตัวยาวสีเขียวน้ำทะเลปักลายโบตั๋น ท่อนล่างคือกระโปรงเนื้อบางสีเหลืองปักลายโบตั๋น ทรงผมที่จัดแต่งอย่างประณีตนั้นประดับด้วยปิ่นปักผมลวดลายโบตั๋น สร้อยมุกโมราตรงลำคอยิ่งวาววับจับตา การแต่งตัวยังหรูหรากว่ามารดาของนางเสียอีก

แต่ถึงแม้หลิ่วเฟยเยี่ยนกับหลิ่วหรูเยียนจะเป็นพี่น้องแท้ๆ กัน รูปโฉมของนางกลับด้อยกว่าหลิ่วหรูเยียนชนิดทิ้งห่างกันไกล

ถึงตอนนี้จะสวมเครื่องประดับเต็มยศ แต่เมื่อมานั่งอยู่ข้างกายหลิ่วหรูเยียนผู้อ่อนโยนที่แต่งกายเรียบง่ายก็ยังคงเทียบไม่ติด กลับดูพะรุงพะรัง แต่งเยอะเกินงาม

“รั่วเจิน น้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น แต่เจ้าอายุเกินยี่สิบปีแล้ว เลือกคู่ครองดีๆ ไม่ได้แล้ว มิหนำซ้ำหลินโหวกำลังรุ่งโรจน์ ก่อเรื่องเช่นนี้แล้วผู้ใดจะกล้าเสี่ยงล่วงเกินหลินโหวมาสู่ขอเจ้า?”

หลิ่วเฟยเยี่ยนเอ่ยราวกับปรารถนาดี หากมิใช่เพราะซ่งรั่วเจินรู้โฉมหน้าที่แท้จริงของนางแล้ว มาได้ยินถ้อยคำเปี่ยมน้ำใสใจจริงเช่นนี้เกรงว่าคงหลงเชื่อว่านางเป็นห่วงตนเองจริงๆ

“ท่านน้า ท่านสายตาไม่ดีหรือเปล่าเจ้าคะ?” ซ่งรั่วเจินถาม

หลิ่วเฟยเยี่ยนอึ้งไป “เปล่านี่”

“ถ้าไม่ได้สายตาไม่ดี ไยจึงกล่าววาจาไร้หัวคิดเช่นนี้ออกมาได้เล่าเจ้าคะ?”

“หลินโหวตระบัดสัตย์ไม่รักษาสัญญา ทั้งที่มีพันธะหมั้นหมายกับข้าแต่กลับไปข้องแวะกับหญิงอื่น สองปีมานี้ทางหนึ่งเขาฝากฝังฮูหยินผู้เฒ่าหลินกับข้า อีกทางหนึ่งกลับไปชอบพอกับหญิงอื่นอยู่ข้างนอก”

“หากเขามีมโนธรรมอยู่สักนิด กลับมาแล้วก็ควรขอโทษข้า อธิบายเรื่องราวทั้งหมด แต่เขากลับปกปิดเอาไว้ไม่พูดออกมา ซ้ำร้ายในวันวิวาห์ยังกล่าวหาว่าข้าทำลายบุพเพของเขากับฉินซวงซวงอย่างเต็มปากเต็มคำ”

“ถ้าในใจเขามีเพียงฉินซวงซวง กลับมาถอนหมั้นกับข้า ข้าจะเคารพเขาว่าเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง แต่เรื่องเลยเถิดมาถึงขั้นนี้ นั่นก็จะเอานี่ก็จะเอา ท่านน้ายังคิดว่าเขาเป็นคู่ครองที่ดีพร้อมอยู่หรือเจ้าคะ?”

ขณะที่พูด สายตาของซ่งรั่วเจินก็กวาดไปทางซุนเยียนเอ๋อร์ที่ดูเรื่องสนุกอยู่ข้างๆ “หากท่านน้าคิดว่าเขาดี ญาติผู้น้องก็อายุสิบเก้าปีแล้ว จนถึงบัดนี้ยังไม่ออกเรือน มิสู้ออกเรือนให้หลินโหวแทนข้า เช่นนี้ความสัมพันธ์สองบ้านก็ไม่นับว่าขาดสะบั้น ดีต่อคนทั้งสองฝ่ายเลยไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”

ซุนเยียนเอ๋อร์เป็นลูกสาวของหลิ่วเฟยเยี่ยนและเป็นญาติผู้น้องของซ่งรั่วเจิน ชอบแข่งขันชิงดีชิงเด่นกับเจ้าของร่างเดิมไปเสียทุกอย่างมาตั้งแต่เด็ก

เจ้าของร่างเดิมนิสัยดี กอปรกับถูกอบรมบ่มเพาะจนมีนิสัยแบบคุณหนูผู้ดีมาตั้งแต่เล็ก จึงยอมอดทนอดกลั้นถอยให้เสียทุกครา ทำให้ซุนเยียนเอ๋อร์มักแย่งชิงสิ่งของของนางไปอยู่บ่อยๆ

ซุนเยียนเอ๋อร์อิจฉาสัญญาหมั้นหมายระหว่างเจ้าของร่างเดิมกับหลินจือเยว่มาแต่แรก มักพูดจากระทบกระเทียบเสียดสีทั้งในที่ลับและที่แจ้ง คราวก่อนตอนที่หลินจือเยว่นำของหมั้นมาให้ นางก็พยายามหาวิธีเข้ามายุ่มย่าม ในใจคิดอะไรอยู่ไม่ว่าใครก็ล้วนดูออก

ไม่ผิดจากที่คิด เมื่อซ่งรั่วเจินพูดประโยคนั้นจบ ซุนเยียนเอ๋อร์ก็สองตาลุกวาวขึ้นมาทันที “ท่านแม่ ข้าคิดว่าข้อเสนอของญาติผู้พี่ไม่เลวเลยนะเจ้าคะ ในเมื่อนางไม่ยินดีออกเรือนก็ให้ข้าออกเรือนแทนนางดีกว่า ข้าไม่ได้เรื่องมากเหมือนญาติผู้พี่หรอกนะ มีสามีที่ดีขนาดนี้แล้วยังจะตินั่นตินี่”

เห็นซุนเยียนเอ๋อร์ทางหนึ่งหวังเอาเปรียบ อีกทางยังไม่ลืมเหยียบย่ำตนเอง แววตาของซ่งรั่วเจินเย็นเยียบ ความเป็นคนดีของครอบครัวเจ้าของร่างเดิมชักนำให้เกิดญาติสูบเลือดสูบเนื้อแบบนี้ ช่างอัปมงคลจริงๆ!

“ดีอะไรกัน!”

หลิ่วเฟยเยี่ยนตำหนิลูกสาว คิดไม่ถึงว่าซ่งรั่วเจินจะเสนอขึ้นมาแบบนี้ แต่เยียนเอ๋อร์จะออกเรือนไม่ได้เด็ดขาด

พวกฉินซวงซวงต้องการอะไร นางรู้ดีกว่าใคร แล้วจะส่งลูกสาวตัวเองเข้าไปในกองไฟได้อย่างไรกัน

“นี่เป็นเรื่องมงคลของญาติผู้พี่ของเจ้า เจ้าเป็นญาติผู้น้องแย่งคู่หมั้นของญาติผู้พี่ หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป มิถูกคนหัวเราะเยาะเอารึ”

หลิ่วหรูเยียนก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่เหมาะสม เห็นหลิ่วเฟยเยี่ยนตำหนิซุนเยียนเอ๋อร์แล้ว สีหน้าค่อยผ่อนคลายลงหลายส่วน เยียนเอ๋อร์ชอบแก่งแย่งชิงดีมาตั้งแต่เล็ก นางรับรู้มาโดยตลอดแต่มองว่านั่นเป็นเรื่องเล็กน้อย ทว่างานมงคลไม่ใช่การละเล่นของเด็กๆ

นางมองซ่งรั่วเจินด้วยสายตาหนักอึ้ง ไม่เข้าใจว่าเหตุใดลูกสาวจึงเสนอขึ้นมาเช่นนี้

“ข้าคิดว่าไม่มีอะไรไม่ดี อย่างไรเสียพวกเราก็เป็นคนครอบครัวเดียวกัน ผู้ใดออกเรือนก็เหมือนกันไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”

ซุนเยียนเอ๋อร์เม้มปาก นางอยากแต่งเข้าจวนหลินโหวจริงๆ

เพราะซ่งรั่วเจินเกิดในตระกูลสูงศักดิ์กว่านาง ยามปกติมักกดหัวนางไปเสียทุกเรื่อง ไม่ต้องพูดเลยว่านางอัดอั้นใจเพราะเรื่องนี้มากแค่ไหน

ตอนนี้ถึงคราววิวาห์ นางก็หวังว่าจะได้คู่ครองที่ดีกว่าซ่งรั่วเจิน หากสามารถออกเรือนให้หลินโหวได้ มิเท่ากับว่าเอาชนะอีกฝ่ายได้แล้วหรือ

“ข้าก็คิดเช่นนั้น” ซ่งรั่วเจินพยักหน้า ส่งสายตาบอกให้หลิ่วหรูเยียนวางใจแล้วกล่าวว่า “ท่านน้า ยามนี้ท่านพ่อหายสาบสูญไร้ร่องรอย พี่ชายก็เกิดเรื่อง ข้ารู้สึกไม่สบายใจเลยจริงๆ คิดว่าอยู่ที่บ้านต่อไปจะดีกว่า ในเมื่อญาติผู้น้องเองก็มีความคิดเช่นนี้ มิสู้ให้นางออกเรือนไปเถอะเจ้าค่ะ

เรื่องมงคลแบบนี้ใช่ว่าจะมีโอกาสพบได้ง่ายๆ เหตุใดจึงไม่ทำให้ญาติผู้น้องสมหวังเสียล่ะเจ้าคะ?”

“นั่นสิ ท่านแม่ ญาติผู้พี่พูดถูก” ซุนเยียนเอ๋อร์ตื่นเต้นสุดระงับ นี่เป็นโอกาสดีงามที่หล่นลงมาจากฟ้าชัดๆ!

“ไม่ได้ เจ้าแต่งไม่ได้!” หลิ่วเฟยเยี่ยนเอ่ยอย่างร้อนใจ

ซ่งรั่วเจินมุ่นคิ้ว “ท่านน้า ท่านพร่ำพูดว่าจวนหลินโหวเป็นที่พักพิงที่ดี เหตุใดข้าแต่งได้ แต่ญาติผู้น้องกลับแต่งไม่ได้เล่าเจ้าคะ?”

หลิ่วเฟยเยี่ยนเห็นซ่งรั่วเจินจู่ๆ ก็พูดจาเก่งกาจขึ้นมาเช่นนี้ ในใจอดสงสัยไม่ได้ คนสองคนที่เมื่อก่อนโดนจูงจมูกได้ง่ายๆ เหตุใดวันนี้จึงเปลี่ยนมาเด็ดขาดหนักแน่นเช่นนี้?

“ข้าแค่ไม่อยากให้พวกเจ้าพี่น้องต้องหมางใจกันเพราะงานวิวาห์ครั้งเดียวก็เท่านั้นเอง”

“ท่านน้าพูดจาประหลาดจริง ข้ากับญาติผู้น้องล้วนคิดว่าดี แล้วจะหมางใจกันได้อย่างไรเจ้าคะ? ขอเพียงญาติผู้น้องออกเรือน ข้าจะต้องส่งของขวัญแสดงความยินดีชิ้นใหญ่ไปให้แน่นอนเจ้าค่ะ!”

เห็นหลิ่วเฟยเยี่ยนลนลานไม่รู้ว่าควรปฏิเสธอย่างไรดี ซ่งรั่วเจินแสยะยิ้มเย็นในใจ เกรงว่าน้าสาวแสนดีผู้นี้คงล่วงรู้แผนการที่กำหนดให้เจ้าของร่างเดิมต้องเสียชีวิตในอีกสองปีหลังจากนี้ด้วยเช่นกัน ซ้ำร้ายยังเป็นไปได้มากว่าคงมีส่วนร่วมอีกต่างหาก

แต่นางตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าจะให้ซุนเยียนเอ๋อร์ออกเรือนไปให้ได้ แทนที่จะเผชิญหน้ากันตรงๆ มิสู้ให้พวกเขากัดกันเองดีกว่า!

ซุนเยียนเอ๋อร์เป็นคนไม่ฟังใครอยู่แล้ว เย่อหยิ่งเอาแต่ใจมาตั้งแต่เด็ก บ่มเพาะเป็นนิสัยไม่กลัวฟ้าไม่เกรงดิน ประกอบกับนิสัยมุทะลุบุ่มบ่าม ไปแย่งชิงผู้ชายกับฉินซวงซวงที่จวนตระกูลหลินนั่นคงเป็นละครที่น่าดูเลยเชียวล่ะ!

ในนิยายต้นฉบับ หลิ่วเฟยเยี่ยนกับฮูหยินตระกูลฉินมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่ไม่รู้ว่าถ้าลูกสาวกลายเป็นศัตรูกันแล้ว พวกนางยังจะญาติดีกันอยู่หรือเปล่า?

“รั่วเจิน ข้าได้ยินว่าเมื่อวานนี้เจ้าส่งเพ่ยหลานไปที่จวนตระกูลหลิ่ว? นางทำผิดอะไรหรือ มีอะไรไม่ถูกต้องเจ้าสั่งสอนเอาก็ได้ ไยต้องถึงขั้นส่งไปเช่นนี้?”

หลิ่วเฟยเยี่ยนเปลี่ยนหัวข้อสนทนา นางเพิ่งทราบข่าวตอนมาจวนตระกูลซ่งเมื่อเช้านี้ นางจงใจวางตัวสาวใช้คนนั้นไว้ข้างกายซ่งรั่วเจิน ตอนนี้ถึงเวลาเรียกใช้งานแต่คนกลับถูกส่งตัวไปที่อื่นเสียนี่

“ข้าไม่เพียงส่งนางไปที่จวนตระกูลหลิ่ว แต่ยังส่งนางขึ้นเตียงพ่อบ้านหลิ่วด้วยเจ้าค่ะ” ซ่งรั่วเจินเอ่ยขณะจิบชาอย่างรื่นรมย์

“อะไรนะ” หลิ่วเฟยเยี่ยนตกใจ “เจ้าทำแบบนี้มิเท่ากับจับคู่ส่งเดชหรอกรึ”

อย่าว่าแต่หลิ่วเฟยเยี่ยน แม้แต่หลิ่วหรูเยียนก็ประหลาดใจเช่นกัน คืนวานนางจิตใจว้าวุ่นสับสนจึงไม่รู้ว่าเจินเอ๋อร์ส่งเพ่ยหลานไปที่นั่นในคืนเดียวกัน ทั้งยังจัดแจงเรื่องมงคลให้อีกฝ่ายแล้วด้วย?

“ไม่มีอะไรหรอกเจ้าค่ะ เพ่ยหลานอายุไม่น้อยแล้ว ทั้งยังมีใจอยากออกเรือน ใคร่ครวญดูแล้วพบว่าพ่อบ้านหลิ่วเป็นตัวเลือกที่ดี จึงให้นางตบแต่งออกไปก็เท่านั้น”

ซ่งรั่วเจินคลี่ยิ้มบาง “ท่านน้าสั่งสอนสาวใช้ได้ดีจริงๆ เพ่ยหลานอายุพอๆ กันกับข้า แต่กลับเปิดกว้างมาก คิดว่าบุรุษมีสามภรรยาสี่อนุเป็นเรื่องปกติ ยินดีเป็นอนุของพ่อบ้านหลิ่ว

คิดได้เช่นนี้ เมื่อคืนจึงเข้าห้องหอกันแล้ว ก็ถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดีเรื่องหนึ่ง”

----------------------------------------------

[1] ชวีจวี คือ ชุดตัวยาวที่สาบเสื้อฝั่งซ้ายเป็นปลายแหลม เวลาสวมต้องพันไปข้างหลังมาข้างหน้า เป็นที่นิยมในสมัยราชวงศ์ฮั่น
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
siriporn
ฉันอยากออกจากที่นี่
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1358

    ลู่ฉิงเสวี่ยส่ายหน้า ท่าทางมุ่งมั่นอย่างมาก “ข้าคิดดูแล้ว ก่อนหน้านี้ลูกของข้าเกือบรักษาเอาไว้ไม่ได้ เจ้าไม่ได้ใช้เพียงวิชาแพทย์ คล้ายยัง...ยังใช้วิชานั้น ดังนั้นข้าจึงอยากถาม ใช่หรือไม่ว่า...”ซ่งรั่วเจินเข้าใจแล้ว “ท่านอยากถามข้าว่าเหตุที่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ใช่หรือไม่ว่าถูกสิ่งชั่วร้ายเข้าสิง?”ลู่ฉิงเสวี่ยพยักหน้า “ข้าไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้ เพียงอยากถามให้ชัดเจนจะได้วางใจ”ซ่งรั่วเจินเห็นอารมณ์ของลู่ฉิงเสวี่ยกลับมาเป็นปกติแล้ว ต่อให้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย แต่นางสตรีเข้มแข็งคนหนึ่ง ทั้งหมดนี้ไม่ส่งผลต่ออารมณ์ของนาง นี่จึงเอ่ยออกมา“มีปัญหาจริงเจ้าค่ะ”เพียงเอ่ยถ้อยคำนี้ออกมา ลู่ฉิงเสวี่ยก็ตึงเครียด “ตกลงเป็นเพราะเหตุใดกันแน่? เจ้าสามารถบอกข้าได้หรือไม่?”“วันนี้ตอนข้าเห็นท่าน ก็พบว่าเด็กในท้องถูกวิญญาณแค้นโอบล้อมอยู่ วิญญาณแค้นคิดจะสิงร่างเด็ก”“หากทำสำเร็จ ลูกที่ท่านคลอดจะกลายเป็นหายนะยิ่งใหญ่”“แต่ลูกของท่านยอดเยี่ยมมาก เขาดิ้นรนอยู่ตลอด ชนิดที่ว่าตอนทนไม่ไหว เขายอมตายจากไป แต่ไม่ยอมถูกวิญญาณแค้นสิงร่าง”“ก็เพราะสาเหตุนี้ วันนี้ครรภ์ของท่านจึงเกือบรักษาไว้ไม่ได้”ลู่ฉิงเส

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1357

    เดิมทีฟ่านหัวหรงก็ไม่ยอมแพ้ เขาไม่มีวันยอมหย่ากับลู่ฉิงเสวี่ย!ภายในใจเขามีลู่ฉิงเสวี่ยมาโดยตลอด เรื่องนี้ไม่เคยหวั่นไหวมาก่อน ส่วนชุยอิงเอ๋อร์ เดิมทีก็ไม่สามารถเทียบกับฉิงเสวี่ยได้!เพียงแต่ ทุกคนของสกุลลู่เข้มงวดมาก ไม่คิดมอบโอกาสให้เขาใต้เท้าลู่สั่งให้คนเขียนหนังสือหย่าแล้วมอบให้ฟ่านหัวหรง ส่วนด้านบนนั้น ลู่ฉิงเสวี่ยลงชื่อไว้เรียบร้อยแล้วฟ่านหัวหรงเหม่อมองหนังสือหย่าในมือ ภายใต้ความโมโหจึงลืมมารยาทของผู้น้อย ฉีกหนังสือหย่าทิ้งต่อหน้าคนสกุลลู่ สุดท้ายถูกไล่ออกไปซ่งรั่วเจินเห็นเส้นเลือดบนขมับของฟ่านหัวหรงเต้นตุบๆ ดวงตาแดงก่ำ คล้ายไม่อาจทนต่อความเจ็บปวดใหญ่หลวงได้ ชนิดที่ว่าคุกเข่าต่อหน้าทุกคน ท่าทางคล้ายขอโอกาสให้เขาสักครั้ง ภายในใจรู้สึกอยากขันหลายส่วนคนมากมายล้วนรอให้เสียไปก่อนถึงจะรู้ว่าที่มีอยู่นั้นล้ำค่ามากเพียงใด แต่เห็นได้ชัดเจนมากว่าสายไปเสียแล้ว“ไม่เข้าใจจริงๆ ต้องการอันใดกันแน่?”ฉู่จวินถิงสบสายตาซับซ้อนของฮูหยินตนแล้วพูดว่า “ก็แค่ต้องการทุกอย่าง เขาไม่ได้ชอบชุยอิงเอ๋อร์ เพียงแต่ชอบให้แม่นางเคารพยกย่องโดยสันดานเท่านั้น”“ท่านพี่กลับมองออกอย่างกระจ่างชัด ข้าเห็น

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1356

    ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเกิดเรื่องบาดหมางกับฮูหยินน้อยสกุลเมิ่ง นี่ถึงทำให้แท้งลูก จริงหรือไม่?”“พ่อของลูกเปลี่ยนใจ ความรักระหว่างพ่อแม่ไม่หลงเหลืออีก บางทีเขาอาจรับรู้ได้ถึงเป็นเช่นนี้กระมัง” ลู่ฉิงเสวี่ยเอ่ยตอบเสียงเรียบ“ไม่ ข้าไม่ได้เปลี่ยนใจ! ภายในใจข้ารักเจ้าที่สุดมาโดยตลอด เรื่องนี้ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง”ฟ่านหัวหรงมีสีหน้าร้อนใจ “ข้ารู้เจ้ายอมรับเรื่องนี้ไม่ได้ แต่เจ้าให้โอกาสข้าสักครั้ง”“เจ้าไม่ชอบชุยอิงเอ๋อร์ ข้าจะไล่นางไปเดี๋ยวนี้เลย รับรองว่าภายภาคหน้าไม่มีวันพบนางอีก จะตัดขาดจากนาง ดีหรือไม่?”สายตาลู่ฉิงเสวี่ยซับซ้อน มองผ่านท่าทีของฟ่านหัวหรง นางรู้ได้ว่าเขาสามารถตัดขาดความสัมพันธ์กับชุยอิงเอ๋อร์เพื่อตนเองได้นึกถึงท่าทางเย่อหยิ่งโอหังยามชุยอิงเอ๋อร์วิ่งมาเบ่งบารมีต่อหน้านางก่อนหน้านี้ พูดว่าบัดนี้ฟ่านหัวหรงใส่ใจมากที่สุดก็คือนางชุยอิงเอ๋อร์ ไม่ใช่ตนเองบัดนี้นางเพียงคิดว่าน่าขัน เดิมทีนางก็หมิ่นแคลนเกินกว่าจะไปแย่งชิงกับชุยอิงเอ๋อร์ เพราะฐานะของพวกเขาแตกต่างกันตั้งแต่แรกนางเป็นลูกสาวของสกุลลู่ นางเป็นฝ่ายลดตัวลงมาแต่งงาน ต่อให้ไม่แต่งกับฟ่านหัวหรง นางก็มีชีวิตที่ดีมา

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1355

    “ฉิงเสวี่ย เจ้าเข้าใจข้าผิดไปหรือไม่ หรือมีใครพูดอันใดต่อหน้าเจ้ากระนั้น?”ฟ่านหัวหรงสืบเท้าขึ้นมาจับมือลู่ฉิงเสวี่ย “พวกเราอยู่ร่วมกันมานานเพียงนี้ ความจริงใจของข้าเจ้าเองก็รู้ดี!”ลู่ฉิงเสวี่ยมองชายที่นางเคยรักอย่างลึกซึ้งคนนี้ เป็นเขาสร้างความฝันอันงดงาม ทีแรกคิดว่าชาตินี้จะติดอยู่ในความฝันอันงดงาม บัดนี้ตื่นขึ้นมาแล้ว นางไม่มีวันทำเรื่องโง่งมอีก“หัวหรง ข้าเคยพูดไว้ตั้งแต่แรก ข้าลู่ฉิงเสวี่ยไม่ชอบการหลอกลวง ยิ่งไม่ชอบถูกทรยศ”“หากวันหนึ่งท่านมีคนอื่น ไม่สู้บอกข้าโดยตรง พวกเราจะได้จบลงด้วยดี แต่ทั้งๆ ที่ท่านรับปากข้าแล้ว กลับยังเห็นข้าเป็นตัวโง่งมหลอกลวงกันเช่นนี้ นี่จำเป็นด้วยหรือ?”ฟ่านหัวหรงตึงเครียดขึ้นมา ความโชคดีรางๆ นั้นมลายหายไปแล้วทว่าทั้งๆ ที่เขาปกปิดไว้ดีถึงเพียงนั้น ฉิงเสวี่ยไม่ควรรู้เรื่องถึงจะถูก...“ช่วงนี้ท่านและชุยอิงเอ๋อร์ออกไปเที่ยวเล่นที่ภายนอกมีความสุขหรือไม่?” ลู่ฉิงเสวี่ยเอ่ยถามเสียงเรียบรูม่านตาฟ่านหัวหรงหดเกร็ง ฉิงเสวี่ยไม่เพียงรู้เรื่องชุยอิงเอ๋อร์ แม้แต่เรื่องเขาพาชุยอิงเอ๋อร์ออกไปพร้อมกันก็รู้ทั้งหมด!“ฉิงเสวี่ย เจ้าฟังข้าอธิบาย เรื่องไม่เป็นอย

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1354

    “ตอนนั้นข้าได้ยินแล้วก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ เกือบทะเลาะต่อยตีกับสวีปินคนนั้น แต่ฟ่านหัวหรงห้ามไว้”สีหน้าคุณชายใหญ่สกุลลู่เคร่งขรึมลงไป “มิน่าเล่า คนดีย่อมคบคนดี คนชั่วย่อมคบคนชั่ว คบหากับคนชั่วกลุ่มนี้ เขาจะดีได้อย่างไร?”“เมื่อแรกเจ้าสมควรต่อยตีพวกเขาแรงๆ สักที หลังกลับมาแล้วก็แจ้งพวกเรา สวีปินไอ้ชั่วคนนั้นข้าเองก็รู้จัก ไม่ใช่คนดีอะไร!”ลู่เป่ยชวนพยักหน้า บัดนี้เขานึกเสียใจภายหลังหากรู้แต่แรกว่าจะเป็นเช่นนี้ เมื่อแรกก็ควรให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้ เอ่ยเตือนพี่หญิงไม่ให้ฟ่านหัวหรงไปอยู่รวมกับคนชั่วเหล่านี้ นี่ก็เกิดเรื่องไม่ผิดไปดังคาดทุกคนได้เห็นฟ่านหัวหรงรีบเข้ามาอย่างว่องไวฟ่านหัวหรงคิดไม่ถึงเลยว่าเพียงมาถึงก็จะได้พบการต้อนรับยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความกังวลทวีคูณยิ่งขึ้น“หัวหรงคารวะท่านย่า ท่านพ่อ ท่านแม่”ใต้เท้าลู่มองเขาด้วยสีหน้าเย็นชาแวบหนึ่ง ภายในสายตาเปี่ยมความเยาะหยัน “ฟ่านโหวงานยุ่ง ถึงขั้นมีเวลามาที่สกุลลู่ของพวกเรากระนั้นรึ?”“ท่านพ่อ ลูกเขยไม่เข้าใจความนัยของท่าน”ฟ่านหัวหรงเผยสีหน้าจริงใจ “ลูกเขยได้รับคำสั่งให้ไปทำธุระที่คูเมืองอื่น วันนี้เพิ่งกลับถึงเมืองหลวง ได้ยิ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1353

    “ไอ้สารเลวคนนั้นถึงขั้นกล้ามา?”ใต้เท้าลู่ได้ยินข่าวการมาของฟ่านหัวหรงแล้ว สีหน้าเย็นชาลงไป“มาแล้วก็ดี ประเดี๋ยวฉิงเสวี่ยเห็นแล้วเขาจะไม่สบอารมณ์ ไม่สู้รีบตัดให้ขาดไป ให้เขาเขียนหนังสือหย่า แยกย้ายจากไปด้วยดี!”ลู่ฮูหยินพยักหน้าเห็นด้วย “ก่อนหน้านี้สาบานต่อหน้าพวกเรา จะดีต่อฉิงเสวี่ย ปรากฏว่าลับหลังกลับทำเรื่องพรรค์นี้ นางแพศยาคนนั้นตั้งครรภ์ลูกของเขาแล้ว ยังคิดจะหลอกฉิงเสวี่ยไปตลอด!”“ข้ารู้สึกไม่คุ้มค่าแทนฉิงเสวี่ยจริงๆ เมื่อแรกทั้งๆ ที่เลือกคุณชายน้อยสกุลต้วนไว้ให้ฉิงเสวี่ย แต่เขาตามตอแยไม่เลิกรา”“แต่งงานได้เพียงไม่นานก็เลิกทะนุถนอมแล้ว คำพูดของผู้ชายไม่น่าเชื่อถือจริงๆ!”เพียงสิ้นเสียงของลู่ฮูหยิน ใต้เท้าลู่และลูกชายสองสามคนของสกุลลู่ต่างมองหน้ากัน ครู่ต่อมาอยากอธิบาย แต่นึกถึงอารมณ์ของลู่ฮูหยิน แต่ละคนล้วนเลือกจะเงียบปากลง“เพราะฉิงเสวี่ยไม่ตั้งครรภ์มาโดยตลอด จึงรู้สึกผิดต่อเขาอยู่ในใจ เพื่อรักษาอาการป่วย แต่ไหนแต่ไรมาไม่รู้นางกินน้ำแกงยาไปมากน้อยเพียงใด”“ข้าที่เป็นแม่ล้วนเห็นอยู่ในสายตา ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อแรกฉิงเสวี่ยรู้สึกผิดต่อเขา ยังคิดเสนอให้เขารับอนุจิตใจดีมาคนหนึ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status