Share

บทที่ 10

Penulis: จี้เวยเวย
เฉินเซียงตกตะลึง “คุณหนู นี่อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดหรือไม่เจ้าคะ?”

“เจ้าดูสิ ชุดที่นางใส่อยู่เป็นผ้าแบบเดียวกับคนใช้ของฉินซวงซวง คนรู้ก็รู้ว่าเจ้าเป็นสาวใช้ของข้า แต่คนไม่รู้คงคิดว่าเจ้าเป็นสาวใช้ของนาง!”

ซ่งรั่วเจินมองด้วยสายตาเย็นชา ตอนที่อ่านนิยายนางก็รู้เรื่องนี้แล้ว เหตุผลที่ฉินซวงซวงรู้เรื่องของตัวเอกคนเดิมได้ดี เพราะนางได้วางคนเอาไว้ใกล้ตัวนางเอกมานานแล้ว

เมื่อคิดดูอย่างละเอียด เพ่ยหลานก็คือสาวใช้ที่ ‘ท่านน้าคนดี’ ของนางเลือกมาให้โดยเฉพาะ

นอกจากนี้ ตั้งแต่ที่นางทะลุมิติมา ก็ได้ตรวจร่างกายอย่างละเอียด พบว่าสุขภาพแข็งแรงดี ไม่มีปัญหาใด ๆ แต่ตัวเอกหลังจากแต่งงานกับหลินโหวเพียงสองปีก็เสียชีวิต

ก่อนหน้านี้ที่อ่านนิยายนางไม่ได้คิดเรื่องนี้ เพียงคิดว่าไม่ได้รับความรักจากสามี และทำงานหนักเพื่อจวนหลินโหวจนป่วย แต่ตอนนี้พอคิดถึงวิธีการที่โหดร้ายและเพ่ยหลานที่อยู่ข้างกาย เกรงว่าอาจมีสาเหตุการตายที่น่าสงสัยกว่านั้น มิใช่เพราะร่างกายอ่อนแอ แต่เพราะมีคนไม่อยากให้นางมีชีวิตอยู่ต่างหาก!

คนชั่วช้าเช่นนี้ต้องรีบจัดการออกไปโดยเร็ว!

“พวกเจ้า นำตัวเพ่ยหลานไปตระกูลหลิ่ว!” ซ่งรั่วเจินยกมือขึ้นสั่งให้คนมาปิดปากเพ่ยหลานแล้วส่งตัวออกไป

“คุณหนูเจ้าคะ เพ่ยหลานถูกฉินซวงซวงซื้อตัวไปแล้วจริงหรือ? ฉินซวงซวงเพิ่งกลับมามิใช่หรือเจ้าคะ? นางจะซื้อตัวเพ่ยหลานได้อย่างไร?”

ดวงตาของเฉินเซียงเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ แต่เมื่อคิดอย่างละเอียดก็รู้สึกหวาดกลัว ฉินซวงซวงที่ดูอ่อนแอกลับมีวิธีการที่ร้ายกาจเช่นนี้ได้อย่างไร?

“เจ้าคิดว่าข้าพูดเหลวไหลหรือ?” ซ่งรั่วเจินหัวเราะเบา ๆ แล้วถามกลับ นางรู้ว่าเฉินเซียงภักดีต่อตัวเอกคนเดิม น่าเสียดายที่สุดท้ายก็ไม่ได้มีจุดจบที่ดี กลับเป็นเพ่ยหลานที่กลายเป็นคนของฉินซวงซวงเต็มตัวและมีชีวิตสุขสบาย

เฉินเซียงส่ายหน้า เอ่ยอย่างโกรธจัด “บ่าวก็คิดว่าวันนี้นางพูดจาน่ารำคาญ ปากก็ช่วยพูดแทนจวนหลินโหว แต่บ่าวไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าถ้าถูกฉินซวงซวงซื้อตัวไปแล้ว เช่นนั้นมิใช่ว่าควรหาวิธีหยุดยั้งไม่ให้คุณหนูแต่งงานไปมิใช่หรือเจ้าคะ?”

“เหตุใดพอตอนนี้ไม่แต่งไป พวกเขากลับร้อนใจ?”

“เพราะพวกเขาเสียดายเงินของตระกูลซ่ง เจ้าก็เห็นสภาพจวนหลินโหวในยามนี้ บัญชีแทบไม่มีเงินเลย แม้ฉินซวงซวงจะเป็นคุณหนูตระกูลฉิน แต่ฮูหยินฉินเป็นภรรยาคนใหม่ นางไม่ได้รับการยกย่องในตระกูลมากนัก”

“ตอนนี้นางแต่งงานกับหลินโหว สินสอดย่อมไม่มาก หลินจือเยว่ยังประกาศต่อหน้าขุนนางทั้งหมดว่าจะรับใช้ราชสำนัก ไม่ยอมรับทองคำและสมบัติล้ำค่าที่ฮ่องเต้พระราชทาน ทำให้ได้ชื่อเสียงที่ดีว่าเป็นคนสุจริต”

“ชื่อเสียงภายนอกฟังดูดี แต่การจะใช้ชีวิตก็ต้องใช้เงินไปทุกที่ จึงวางแผนไว้ที่ข้า คิดว่าข้าจะทนยอมรับการเสียเปรียบนี้อย่างบื้อใบ้”

เมื่อซ่งรั่วเจินเล่าความจริงออกมา เฉินเซียงก็รู้สึกขนลุกไปทั่วร่าง “คุณหนู โชคดีที่คุณหนูไม่ได้แต่งออกไป หลินโหวช่างกินคนไม่เหลือกระดูกจริง ๆ ! เขาไร้ยางอายถึงเพียงนี้ วันนี้ยังมีท่าทางหยิ่งยโสเช่นนั้นอีก คนเช่นนี้คู่ควรต่อการเป็นขุนนางคนสำคัญในราชสำนักหรือ?”

“ไม่ต้องกังวล ข้าก็ยังไม่ได้แต่งออกไปนี่” ซ่งรั่วเจินตบไหล่เฉินเซียง พลางยิ้มบาง ๆ

“คุณหนู เพ่ยหลานทำเรื่องทรยศลืมบุญคุณเช่นนี้ การส่งนางไปแต่งงานเช่นนี้ไม่ง่ายไปหรือเจ้าคะ?” เฉินเซียงยังไม่สามารถยอมรับได้ พวกนางเติบโตมากับคุณหนูตั้งแต่เล็ก ไยจึงทรยศคุณหนูเพียงเพราะเงินแค่เล็กน้อยได้เล่า?

“ในเมื่อนางถูกซื้อตัวไปแล้ว ต่อให้ทุบตีและขายนางออกไปก็จะถูกตระกูลหลิ่วหรือฉินซวงซวงซื้อตัวกลับไป ถึงตอนนั้นข้าก็จะถูกใส่ร้ายป้ายสีอีก เกรงว่าจะทำให้ชื่อเสียงที่ข้าเป็นคนขี้อิจฉาและใจแคบเป็นจริง”

“ตอนนี้ในจวนเรากำลังมีเรื่องมากมาย มีสายตาหลายคู่จับจ้อง ไม่สู้ส่งนางกลับไปตระกูลหลิ่วเสีย ภรรยาของพ่อบ้านหลิ่วไม่ใช่คนที่อยู่ด้วยง่าย ๆ พวกเราไม่ต้องลงมือเอง นางก็ต้องทนทุกข์ทรมานเป็นแน่”

ในดวงตาซ่งรั่วเจินมีประกายเย็นวาบ ท่านน้าส่งเพ่ยหลานมาอยู่ข้างกายนาง ตอนนี้นางก็ส่งคนกลับไปอย่างครบสามสิบสอง!

นอกจากนี้ พูดถึงพ่อบ้านหลิ่วผู้นี้ก็มีความน่าสนใจ คนอื่นอาจไม่รู้ แต่นางรู้ว่าเหตุผลที่เขาสามารถเป็นพ่อบ้านตระกูลหลิ่วได้ในอายุแค่นี้ ไม่ใช่เพราะความสามารถโดดเด่น แต่เพราะมีความลับบางอย่าง

ท่านน้าโจมตีพวกเขาอย่างต่อเนื่อง โศกนาฏกรรมของครอบครัวนางเอกมีส่วนมาจากคนผู้นั้นไม่น้อย ตอนนี้นางมาแล้ว นางจะเอาคืนอย่างสาสม!

“จริงสิ เก็บของของนางให้เรียบร้อย แล้วส่งของขวัญเพิ่มเติมจากข้าไปพร้อมกันเลย!”

“จำไว้นะ ของสิ่งนี้ส่งให้ถึงมือเพ่ยหลาน อย่าเปิดเอง”

เฉินเซียงสงสัยว่ามีอะไรอยู่ข้างใน แต่เมื่อได้ยินคำพูดของคุณหนูก็รีบล้มเลิกความคิด แค่รู้สึกว่าท่าทางของคุณหนูจริงจังมาก นางจึงไม่กล้าทำตามใจตนเอง

ทั้ง ๆ ที่เป็นคุณหนูที่คุ้นเคย แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดในวันนี้กลับรู้สึกเหมือนว่าคุณหนูเปลี่ยนไป ในอดีตเพ่ยหลานก็ทำเรื่องผิดพลาดไม่น้อย นางทนดูไม่ไหวจึงเอ่ยเตือนคุณหนูอยู่บ่อยครั้ง ทว่าคุณหนูก็ให้อภัยเพราะเห็นแก่ท่านน้า นานวันเข้านางก็ไม่พูดเตือนอีก

แต่วันนี้...ช่างสะใจเสียจริง!

เช้าวันต่อมา ซ่งรั่วเจินตื่นแต่เช้าตรู่ ตั้งใจจะไปหาไต้ซืออวิ๋นสุ่ยเพื่อสะสางเรื่องราว แต่ไม่คิดว่าจะมีคนมาเยือนเช้ากว่า

“น้องหญิง ข้าได้ยินเรื่องเมื่อวานแล้ว ดูสิ เรื่องนี้ใหญ่โตมากจนทั้งเมืองหลวงรู้กันหมด แม้ว่าการที่หลินโหวจะแต่งงานกับแม่นางตระกูลฉินพร้อมกันจะไม่เหมาะสม แต่รั่วเจินประกาศถอนหมั้นที่หน้าจวนหลินโหว มันผิดธรรมเนียมเกินไปแล้ว เช่นนี้จะให้จวนหลินโหวเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”

“ตอนนี้ทุกคนต่างพูดว่ารั่วเจินขี้อิจฉา ไม่มีความใจกว้าง ทำให้ชื่อเสียงเสื่อมเสีย แล้วจะทำอย่างไรต่อไปดี?”

หลิ่วเฟยเยี่ยนมีสีหน้ากังวล พูดปลอบโยนอย่างใจดี “ข้าได้ยินว่าฮูหยินผู้เฒ่าหลินและหลินโหวมาขอโทษเมื่อวานนี้ สองปีที่ผ่านมาพวกเจ้าก็เข้ากันได้ดี เหตุใดต้องไม่พอใจกันเพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ด้วย?”

“หลินโหวเป็นสามีที่ดีขนาดนี้ หลายตระกูลต่างอิจฉา รั่วเจินกลับทำให้ความมั่งคั่งมหาศาลนี้หลุดมือไป เจ้าไม่คิดว่าสิ้นคิดไปหน่อยหรือ?”

“น้องหญิง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้อีกแล้ว หลินโหวมีคนรักอยู่แล้ว ต่อให้รั่วเจินแต่งงานไปก็ไม่ได้รับการใส่ใจ ในเมื่อทำให้เรื่องใหญ่โตขนาดนี้แล้ว เช่นนั้นก็ถอนหมั้นให้จบไปเถิด”

หลิ่วหรูเยียนโบกมือ นางนอนไม่หลับทั้งคืน ครุ่นคิดตลอดทั้งราตรี ทว่าไม่เสียใจที่ยกเลิกการหมั้นครั้งนี้ เพียงแค่รู้สึกไม่ยุติธรรมแทนรั่วเจิน

นางเสียเวลาไปกับหลินโหวถึงสองปี เสียช่วงเวลาที่ดีที่สุดของชีวิต และโทษตนเองในฐานะแม่ที่มองผิดไป คิดว่าจวนหลินโหวเป็นที่พึ่งพิงที่ดี

หลิ่วเฟยเยี่ยนเห็นหลิ่วหรูเยียนไม่หวั่นไหว ก็แปลกใจ “พี่หญิง ท่านเป็นอะไรไป? ข้าทำเพื่อรั่วเจินนะ หากพลาดการหมั้นหมายครั้งนี้ ต่อไปนางจะทำอย่างไร?”

“นางยังเด็ก อาจสับสนและแยกไม่ออกก็เท่านั้น แต่ท่านจะเลอะเลือนไม่ได้ ต้องคำนึงถึงนางให้ดี”

“ท่านน้าไม่ต้องเปลืองน้ำลายพูดมากแล้วเจ้าค่ะ ข้าจะไม่แต่งเข้าจวนหลินโหว” ซ่งรั่วเจินเดินเข้ามาพร้อมพูดด้วยเสียงเย็นชา

หลิ่วเฟยเยี่ยนเห็นซ่งรั่วเจินก็แสดงท่าทางเป็นมิตรทันที “รั่วเจิน เจ้ามาพอดี น้าคิดเพื่อเจ้าอย่างจริงใจ สตรีอย่างไรก็ต้องแต่งงาน สองปีมานี้เจ้ายุ่งอยู่แต่ในจวนหลินโหว ทุกคนต่างคิดว่าเจ้าเป็นฮูหยินของหลินโหว ตอนนี้การหมั้นยกเลิกไปแล้ว เกรงว่าจะไม่มีใครต้องการเจ้า”

“ไม่สู้เจ้าอดทนกล้ำกลืนไปก่อน? มีฮูหยินผู้เฒ่าหลินคอยหนุนหลังให้ก็สามารถใช้ชีวิตอย่างมีเกียรติได้มิใช่หรือ”
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1174

    ในเวลาเดียวกัน วังหลังฮองเฮาเผชิญหน้ากับพี่น้องทุกท่านที่มาเยี่ยมคารวะ อารมณ์ไม่ดีสุดขีดคนเหล่านี้ใบหน้าเผยความกังวล แต่แท้จริงแล้วกลับอยากให้เกิดเรื่องกับฉู่อ๋องและอวิ๋นอ๋องแทบแย่หากเกิดเรื่องกับพวกเขาสองคน เช่นนั้นนางที่เป็นฮองเฮาก็ไร้ที่พึ่งแล้ว“ฮองเฮา จงเฟยตั้งใจส่งพระคัมภีร์มา พูดว่าหลังรู้ข่าวเรื่องค่ายทหาร ก็ตั้งใจคัดบทสวดเพื่อขอพรให้องค์ชายทั้งสองท่านเพคะ”“ตอนนี้เอง แม่นมข้างกายฮองเอาถือพระคัมภีร์หนึ่งฉบับเข้ามาจากภายนอก นี่คือแม่นมของจงเฟยส่งเข้ามาทุกคนภายในห้องได้ยินแล้ว ต่างมีสีหน้าแปลกใจนับตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งก่อนจงเฟยก็ถูกขัง จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่ถูกปล่อยออกมา บัดนี้ช่างไม่ยอมปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไปจริงๆ คิดเพียงอยากออกมา!เพียงแต่ฮองเฮากลับเข้าใจความคิดอีกชั้นหนึ่งของจงเฟยนี่ขอพรที่ใดกัน เห็นได้ชัดว่ายั่วโมโหนาง!หลังเกิดเรื่องนี้ขึ้น นางก็ใคร่ครวญดีๆ มาก่อนแล้ว แผนการร้ายนี้เห็นชัดว่าพุ่งเป้ามาที่ฉู่อ๋อง บัดนี้คนที่อยากลงมือกับฉู่อ๋องอย่างรอแทบไม่ไหว ย่อมเป็นองค์ชายคนอื่นภายในนั้น...เช่ออ๋องเป็นคนแรกที่พุ่งเป้ามา!“ข้ารับพระคัมภีร์ไว้แล้ว ให้จงเฟย

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1173

    ราชครูกู้เห็นว่าหลิงไท่ซือต้องการกล่าวโทษฉู่อ๋องให้ได้ บัดนี้ฐานะของลูกเขยตนไม่เหมาะสม ไม่สะดวกออกมาพูดได้เพียงแต่บัดนี้ท่าทางต้องการให้ฉู่อ๋องพลิกสถานการณ์กลับมาไม่ได้ของหลิงไท่ซือคนต่ำต้อยคนนี้ เขามองแล้วไม่สบอารมณ์อย่างมาก“ฉู่อ๋องจัดการในทันทีแล้ว บัดนี้ฉู่อ๋องเองก็ติดโรคระบาด ไม่สบายไปด้วย ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่หาทางรักษาโรคระบาดหรอกหรือ?”ราชครูกู้มองทางหลิงไท่ซือ “เหตุใดหลิงไท่ซือต้องร้อนใจตัดสินโทษถึงเพียงนี้ด้วยเล่า?”สีหน้าหลิงไท่ซือเคร่งขรึมลงไป ขณะกำลังจะเอ่ยปาก หร่วนไท่ซือกลับพูดออกมาก่อน “ราชครูกู้พูดถูกแล้ว ตอนนี้จะคลี่คลายเยี่ยงไรต่างหากสำคัญที่สุด”“หากจะตัดสินโทษจริง ไม่สู้รอฉู่อ๋องกลับเข้าราชสำนักก่อนค่อยว่ากัน เชื่อว่าด้วยอุปนิสัยของฉู่อ๋อง จะต้องไม่ปัดความรับผิดชอบแน่”สีหน้าทุกคนล้วนแปลกใจ ทุกคนเองก็ล้วนได้ยินมาว่าสกุลหร่วนและสกุลซ่งแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กัน บัดนี้ท่าทีของหร่วนไท่ซือชัดเจนอย่างมากทว่า พวกเขาคิดว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน วิธีรับมือของฉู่อ๋องเองก็ดีมากแล้ว หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก็ไม่แน่ว่าจะทำได้ดียิ่งกว่านี้!เช่ออ๋องเห็นราชครูก

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1172

    เห็นว่าตำรับยาถูกรับไปแล้ว ฉู่จวินถิงไปสอบสวนคนสอดแนมที่ถูกจับไว้ ซ่งรั่วเจินจึงกลับเข้ากระโจมขณะกำลังเตรียมให้เหล่าหมอหลวงไปพักผ่อน กลับพบว่าพวกเขาล้วนสบมองนางด้วยสายตาทอประกาย ภายในสายตาเปี่ยมความหวัง“พระชายา ท่านไม่ได้ไปปรุงยาหรือ?”“ยาถูกนำไปปรุงแล้ว พวกเรารออยู่ที่นี่ก็พอ”ซ่งรั่วเจินยิ้มน้อยๆ “ทุกท่านล้วนลำบากแล้ว ไม่สู้กลับไปพักผ่อนสักครู่?”“ข้าไม่ง่วง ข้าอยากเห็นผลลัพธ์ของยาก่อนว่าเป็นเช่นไร”หมอหลวงหยางโบกมือ เมื่อคืนเขาดีใจที่สุด อีกทั้งยังนับว่าเขาได้เห็นวิชาแพทย์อันล้ำเลิศของพระชายาฉู่อ๋องอย่างแท้จริงแล้ว สมกับที่เคยได้ยินมาไม่ผิดไปดังคาด!บางส่วนที่พวกเขาไม่เข้าใจ พระชายาฉู่อ๋องคิดเพียงเล็กน้อยก็เข้าใจประเด็นสำคัญภายในนั้นแล้วมีอยู่หลายครั้ง เขาล้วนรู้สึกราวกับสติปัญญาแล่นพล่านขึ้นมาอย่างกะทันหันหากมีโอกาสได้ร่วมศึกษากับพระชายาฉู่อ๋องอีกหลายครั้ง เขาคิดว่าวิชาแพทย์ของตนจะต้องก้าวหน้าขึ้นไม่น้อยแน่“ใช่ หากไม่ได้รับผล พวกเรานอนก็นอนหลับไม่สนิทพ่ะย่ะค่ะ!”หมอหลวงคนอื่นเองก็มีท่าทีเช่นนี้ ครั้งนี้พวกเขามั่นใจมาก!ซ่งรั่วเจินคลี่ยิ้มบางๆ “เช่นนั้นพวกเราก็มารอ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1171

    ตอนซ่งรั่วเจินเดินออกจากกระโจมก็พบว่าหนึ่งคืนที่ผ่านมา ภายในค่ายทหารเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อยเห็นได้ชัดว่ารองแม่ทัพหลายท่านไม่ได้นอนพักผ่อนตลอดทั้งคืน ทว่าสีหน้าพวกเขากลับสะท้อนคุณธรรมเต็มเปี่ยม อีกทั้งยังมีเพลิงโทสะลุกโชน“ข้าก็บอกแล้วว่าหนึ่งคืนจะต้องลากตัวไอ้สารเลวคนนี้ออกมาให้ได้ ท่านอ๋องดีต่อทหารทุกคนมาก ถึงขั้นมีคนกล้าฉวยโอกาสนี้สร้างความเดือดร้อนให้ทั้งค่ายทหาร นี่ถูกเขาเอาเปรียบหมดแล้วจริงๆ!”“คนผู้นี้ก็คือเดรัจฉานโดยแท้ ก่อนหน้านี้ตอนเข้าอยู่ในค่ายไม่ได้รับความสนใจ ยังเป็นทานอ๋องเลื่อนตำแหน่งให้ บัดนี้กลับตอบแทนบุญคุณด้วยความแค้น!”“มารดาเถอะ หากครั้งนี้สามารถรอดตายผ่านด่านนี้ไปได้ คืนนี้ข้าจะไปขุดหลุดฝังบรรพชนบ้านเขา!”คนอื่นต่างเผยสีหน้าเห็นด้วย ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหจริงๆ คิดไม่ถึงเลยว่าขณะกำลังจะไปรายงานท่านอ๋องจะได้พบพระชายาฉู่อ๋อง จึงรีบเก็บสีหน้าและทำความเคารพ “คารวะพระชายา”“จับคนสอดแนมได้แล้วหรือ?”หูของซ่งรั่วเจินว่องไวมาก ย่อมไม่พลาดบทสนทนาของพวกเขาเมื่อคืนตอนจวินถิงกลับมาฟ้าก็มืดมากแล้ว เขาพูดว่าไม่เกินวันนี้จะต้องจับตัวคนสอดแนมออกมาให้ได้ตอนนั้นนางยังแปลกใจเหตุใ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1170

    สถานการณ์ในตอนนี้ หากเขาสอดมือเข้าไป ก็ยากจะถูกคนหยิบยกเรื่องนี้ออกมากล่าวหา ให้เสด็จพ่อส่งคนออกมาสืบถึงจะทำให้คนเชื่อถือที่สุด!อีกด้านหนึ่ง คนสร้างเรื่องทั้งหมดกำลังดีใจ“บัดนี้ทั่วทั้งเมืองหลวงต่างรู้ว่าโรคระบาดแพร่จากค่ายทหาร ชื่อเสียงอันดีงามที่เขาสั่งสมมานานหลายปี นับว่าถูกทำลายทั้งหมดแล้ว!”“ทว่าตอนเหล่าขุนนางในราชสำนักถกเถียงกันเรื่องนี้ ท่าทีของเสด็จพ่อกลับไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ เห็นได้ชัดว่ายังปกป้องเขาอยู่”ฝ่ายชายขมวดคิ้ว สีหน้าสะท้อนความไม่พอใจ บัดนี้เกิดเรื่องใหญ่ภายในค่ายทหาร ไม่ว่ามองอย่างไรก็สมควรลงโทษอย่างหนัก แต่กลับไม่มีความเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย“อย่าเพิ่งร้อนใจเพคะ” หญิงสาวทางด้านข้างผลิยิ้มพลางเอ่ยปาก “ตอนนี้ฉู่อ๋องยังเอาตนเองไม่รอด ฝ่าบาทกังวลความปลอดภัยของเขา ย่อมไม่ใส่ใจจัดการเขาในตอนนี้!”“ไม่แน่ว่าไม่ต้องรอให้ฝ่าบาทจัดการ ฉู่อ๋องก็ตายในค่ายทหารก่อนแล้ว”ได้ยินดังนั้น ฝ่ายชายพยักหน้า ใบหน้าเผยความระอา“ทีแรกข้าก็ไม่อยากเอาชีวิตเขา ใครให้เขาโดดเด่นเกินหน้าเกินตาเช่นนี้ พูดได้เพียงว่าเขารนหาที่ตายเอง!”ภายในสายตาหญิงสาวสะท้อนไอเย็น “ทุกคนที่ขวางทางท่านล้

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1169

    เมืองหลวง ข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วทุกหนแห่งพวกกู้หรูเยียนได้รู้ว่าบัดนี้คนในเมืองหลวงกำลังกระสับกระส่าย โรคระบาดเริ่มขยายวงกว้าง ยิ่งไปกว่านั้นราษฎรก็แน่ใจว่าโรคระบาดในครั้งนี้แพร่มาจากค่ายทหารของฉู่อ๋อง ใบหน้าจึงเผยความกังวล“เสนาบดีศาลต้าหลี่สืบออกมาได้แล้วไม่ใช่หรือ ทั้งๆ ที่หมู่บ้านชิงหยางแห่งนั้นเกิดโรคระบาดก่อน แต่ราษฎรเหล่านี้กลับปักใจว่าโรคระบาดออกมาจากค่ายทหาร น่าโมโหนัก!”บัดนี้กู้หรูเยียนนับว่ารู้แล้วว่าซิ่วไฉเจอทหาร มีเหตุผลไปก็ไร้ประโยชน์ ทั้งๆ ที่ทั้งหมดล้วนพูดไว้อย่างชัดเจนแล้ว เอือมระอาคนเหล่านี้ไม่เชื่อ“ท่านแม่ ท่านอย่าโมโหเพราะข่าวลือภายนอกเหล่านั้นเลย นี่เห็นได้ชัดว่ามีคนปลุกปั่น ท่านโมโหไปก็ไร้ประโยชน์”“ก็เพียงปากของพวกเราเหล่านี้ พูดออกไปก็ไร้ประโยชน์”ซ่งจิ่งเซินเห็นมารดาร้อนใจดุจไฟเผา มุมปากล้วนพองขึ้นมาแล้ว เอ่ยออกมาอย่างสุดระงับ“เรื่องนี้โทษท่านแม่ที่ร้อนใจไม่ได้ ข้าได้ยินข่าวลือเหล่านั้นก็อยากตีคนเหลือเกิน!”สีหน้าซ่งจืออวี้ไม่สบอารมณ์ “ตอนนี้น้องหญิงห้าไม่อยู่ข้างนอกก็ดี คำพูดของคนข้างนอกเหล่านั้นเกินไปจริงๆ ชวนให้คนโมโหแทบแย่!”ซ่งอี้อันมองเห็นท่า

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status