Share

บทที่ 12

Author: จี้เวยเวย
เฉินเซียงที่อยู่ข้างๆ ได้ยินคำพูดคุณหนูของตนเองแล้วก็นึกขำอย่างอดไม่ได้ เมื่อวานเพ่ยหลานถูกมัดตัวส่งไปที่จวนตระกูลหลิ่วชัดๆ โดยส่งตรงถึงเรือนพักของพ่อบ้านหลิ่ว

เมื่อพ่อบ้านหลิ่วรู้ว่าเป็นเรื่องมงคลที่คุณหนูจัดแจงให้ก็หาได้ปฏิเสธ สานต่อเรื่องดีจนสำเร็จ พวกเขายังจดให้คนมาเฝ้าอยู่ข้างนอก ได้ยินว่าตอนแรกเพ่ยหลานไม่ยินยอม แต่ตอนหลังเสียงที่ดังออกมานั้นก็ฟังต่อไปไม่ไหวจริงๆ

จากคำบอกกล่าวของคนที่มารายงาน ตอนออกมาเช้าวันนี้เห็นภรรยาเอกของพ่อบ้านหลิ่วสีหน้าดำคล้ำนำคนบุกไปจัดการเพ่ยหลานอย่างเกรี้ยวกราด ได้ยินเสียงกรีดร้องน่าอนาถดังมาจากข้างหลัง รายละเอียดเป็นอย่างไรก็ไม่มีแก่ใจจะอยู่ฟังต่อไปแล้ว

“นี่มันเหลวไหลชัดๆ รั่วเจิน ต่อให้งานวิวาห์ของเจ้ามีปัญหาก็ไม่ควรเอาไปลงกับคนรับใช้เช่นนี้! ดีชั่วอย่างไรเพ่ยหลานก็ติดตามเจ้ามาหลายปี เจ้าทำลายชีวิตนางเช่นนี้ไม่เกินไปหน่อยหรือ?”

หลิ่วเฟยเยี่ยนพลันนึกโมโห เดิมเข้าใจว่าแค่ส่งคนกลับไป อย่างมากแค่รอให้ผ่านไปสักพักค่อยให้กลับมาก็ได้ แต่กลายเป็นว่าแต่งให้หลิ่วเหิงไปเสียแล้ว?

หลิ่วเหิงไม่ได้เป็นแค่พ่อบ้าน เตียงของเขา คนแบบเพ่ยหลานสามารถปีนขึ้นไปได้เช่นนั้นหรือ?

“ข้าเหลวไหลงั้นหรือ? ข้าไม่เอาชีวิตนางก็นับว่าเมตตามากแล้ว!” สีหน้าซ่งรั่วเจินเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ท่านน้า ข้าไม่ได้จะว่าท่านนะเจ้าคะ แต่สายตาของท่านย่ำแย่จริงๆ เพ่ยหลานถูกฉินซวงซวงซื้อตัวไปแล้ว คนที่ทรยศเนรคุณเจ้านายพรรค์นี้ เดิมทีสมควรตีให้ตายแล้วเอาไปโยนทิ้งด้วยซ้ำ แต่ข้าเห็นแก่ที่นางเป็นคนที่ท่านน้าตั้งใจเลือกมาถึงได้ไว้ชีวิตนาง”

“ต่อไปท่านน้าอย่าได้ส่งคนมาอยู่ข้างกายข้าอีกนะเจ้าคะ มิฉะนั้นหากข้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา ท่านมิกลายเป็นผู้ร้ายเอาหรือ?”

“เพ่ยหลานถูกฉินซวงซวงซื้อตัว?” หลิ่วหรูเยียนหน้าถอดสี หันไปมองหลิ่วเฟยเยี่ยนแล้วคาดคั้นว่า “นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

หลิ่วเฟยเยี่ยนตกใจ ด่าทอในใจว่าเพ่ยหลานช่างโง่เง่าจริงๆ ถูกจับได้ง่ายๆ แบบนี้ ไม่มีสมองเลยสักนิด!

“ข้า ข้าไม่รู้เรื่องเลยนะ มีเรื่องเข้าใจผิดกันหรือไม่? ก่อนนี้ข้าเห็นว่าเพ่ยหลานเป็นเด็กซื่อสัตย์รู้ความ จะทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างไรกัน?”

“หลักฐานค้นเจอหมดแล้ว ท่านน้าต้องการให้ข้ายกมาไล่เรียงทีละข้อหรือเจ้าคะ?” ซ่งรั่วเจินหัวเราะเบาๆ สีหน้าดุดัน “พอมาคิดดูดีๆ แล้ว ระหว่างเพ่ยหลานกับฉินซวงซวงไม่น่ามีโอกาสมารู้จักกันได้ ประจวบกับได้ยินว่าท่านน้ากับฮูหยินตระกูลฉินมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน แล้วเพ่ยหลานก็ยังเป็นสาวใช้ที่ท่านพามา...”

“น้องหญิง หรือเจ้ามีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้?”

หลิ่วหรูเยียนได้ยินวาจาของลูกสาวแล้วยังจะไม่เข้าใจความหมายอีกได้อย่างไร?

เพ่ยหลานเป็นแค่สาวใช้คนหนึ่ง ฉินซวงซวงกับหลินโหวเพิ่งกลับเมืองหลวงมาได้ไม่นาน ถูกคนซื้อตัวได้รวดเร็วเช่นนี้ ยากนักที่จะไม่ทำให้คนนึกสงสัย

หลิ่วเฟยเยี่ยนประท้วงว่า “ท่านพี่ ข้าเป็นคนอย่างไรท่านยังไม่รู้อีกหรือเจ้าคะ? รั่วเจินเป็นลูกสาวท่าน ข้าเห็นนางเป็นเสมือนลูกบังเกิดเกล้า แล้วจะทำเรื่องแบบนั้นออกมาได้อย่างไร?

ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเพ่ยหลานจะขวัญกล้าเทียมฟ้าถึงขั้นทำเรื่องพรรค์นี้ออกมาได้ พวกท่านคอยดูเถอะ ประเดี๋ยวข้าจะไปจัดการนางคนต่ำช้านั่นเอง!”

“ถ้าเจ้ารู้สึกว่ารั่วเจินได้รับความอยุติธรรมจริงๆ และยังให้ความสำคัญกับพี่สาวอย่างข้าคนนี้อยู่ ก็อยู่ให้ห่างจากฮูหยินตระกูลฉิน ไม่อย่างนั้นจะให้พวกข้ารู้สึกอย่างไร?”

หลิ่วหรูเยียนมีสีหน้าเย็นชา ต่อให้หลิ่วเฟยเยี่ยนไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ก็คงมีส่วนแพร่งพรายข้อมูล ฉินซวงซวงซื้อตัวเพ่ยหลาน เห็นได้ชัดว่ามีเจตนาร้าย เวลาแบบนี้ถ้าหลิ่วเฟยเยี่ยนยังไปมาหาสู่กับฮูหยินตระกูลฉิน เท่ากับตบหน้าพวกตนอย่างไม่ต้องสงสัย!

หลิ่วเฟยเยี่ยนเห็นอย่างนั้นก็ทำได้เพียงรับปาก ในใจกลับอึดอัดคับข้อง เมื่อก่อนล้วนเป็นนางพูดหลิ่วหรูเยียนฟัง วันนี้ประเสริฐนัก ถูกสองแม่ลูกโต้กลับจนพูดอะไรไม่ออก

ทุกอย่างกลายเป็นความผิดของนาง!

ด้วยความโมโห หลิ่วเฟยเยี่ยนไม่สนแม้แต่จะอยู่กินมื้อเที่ยงด้วยกัน พาซุนเยียนเอ๋อร์จากไปแล้ว พร่ำบอกว่าจะไปสั่งสอนเพ่ยหลานคนเนรคุณผู้นี้

“เจินเอ๋อร์ ครู่ก่อนเหตุใดเจ้าจึงพูดว่าอยากให้เยียนเอ๋อร์กับหลินจือเยว่แต่งงานกันเล่า?” หลิ่วหรูเยียนอดถามไม่ได้

ซ่งอี้อันก็ฟังเรื่องราวทั้งหมดจนกระจ่างแจ้งแล้วเช่นกัน จึงเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เรื่องนี้...เจ้าสงสัยว่าท่านน้ามีส่วนเกี่ยวข้อง?”

ซ่งรั่วเจินพยักหน้า กวาดสายตาไปหาหลิ่วหรูเยียน “ท่านแม่ ข้ารู้ว่าท่านสนิทสนมกับท่านน้า ถ้าท่านไม่เชื่อ รอจนข้ารวบรวมหลักฐานครบแล้วจะนำมาบอกท่านแม่นะเจ้าคะ”

“เจินเอ๋อร์ เจ้าเป็นลูกสาวแม่ แม่ย่อมคิดถึงเจ้าเป็นอันดับแรกอยู่แล้ว” หลิ่วหรูเยียนอดปวดใจไม่ได้ สีหน้าจริงจังหาใดเปรียบ “เมื่อก่อนแม่ตามใจน้าเจ้ามากเกินไป แต่นั่นเป็นเรื่องเล็ก จะนำมาเทียบกับเจ้าได้อย่างไร?”

ซ่งรั่วเจินทราบใจจริงของหลิ่วหรูเยียนแล้วก็ว่า “ท่านแม่ เกรงว่าความสัมพันธ์ระหว่างท่านน้ากับฮูหยินตระกูลฉินจะแน่นแฟ้นกันยิ่งกว่าท่าน เพ่ยหลานรายงานเรื่องน้อยใหญ่เกี่ยวกับข้าให้พวกเขารู้โดยละเอียดทุกอย่างแล้ว พวกเขาถึงกล้าคิดจะเอาเปรียบข้าโดยไม่กลัวเกรงเช่นนี้”

“แต่ไหนแต่ไรมาท่านน้ามักอยากให้ญาติผู้น้องเหนือกว่าข้าในทุกๆ เรื่อง ยามนี้เรื่องมงคลนี้อาจไม่ได้ล้ำค่าสำหรับพวกเรา แต่สำหรับญาติผู้น้อง หลินโหวเป็นคู่ครองที่ดีอย่างไม่ต้องสงสัย”

“ด้วยนิสัยของท่านน้า ผลประโยชน์ดีๆ เช่นนี้จะต้องรีบตอบรับโดยไว แต่กลับบ่ายเบี่ยงครั้งแล้วครั้วเล่า นี่ไม่แปลกหรือเจ้าคะ?”

หลิ่วหรูเยียนขมวดคิ้วมุ่น วันนี้นางเองก็สังเกตเห็นแล้ว นิสัยของซุนเยียนเอ๋อร์เหมือนกับหลิ่วเฟยเยี่ยน หลิ่วเฟยเยี่ยนเองก็ชอบแย่งชิงกับนางมาตั้งแต่เล็ก วันนี้อยู่ดีๆ กลับมีเหตุผลขึ้นมา นับว่าประหลาดจริงๆ

“ฉินซวงซวงอยากออกเรือนให้หลินโหวก็ไม่แปลก แต่ตอนนี้กลับอยากให้เจ้าออกเรือนไปด้วยขนาดนี้ นับว่าแปลกจริงๆ” ซ่งอี้อันเอ่ยอย่างครุ่นคิด

หลิ่วหรูเยียนลังเล “หรือหวังทรัพย์สิน? ข้าได้ยินมาว่าแม้ฉินซวงซวงจะเป็นคุณหนูตระกูลฉิน แต่ไม่ได้รับความโปรดปรานจากคนในตระกูลมากนัก สินเดิมในงานวิวาห์ครานี้ก็น้อยนิดจนน่าสงสาร”

“เกรงว่าคงไม่ได้หวังแค่ทรัพย์ แต่หวังเอาชีวิตด้วยน่ะสิขอรับ!” สีหน้าซ่งอี้อันฉายแววเย็นเยียบ สองมือกำแน่นจนข้อนิ้วซีดขาว “ไม่เช่นนั้น พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องทุ่มเทถึงเพียงนี้!”

“อะไรนะ? พวกเขากล้าดีอย่างไร?” หลิ่วหรูเยียนเบิกตากว้างอย่างตื่นตระหนก มือที่กุมมือซ่งรั่วเจินออกแรงมากกว่าเดิมโดยไม่รู้ตัว

ซ่งรั่วเจินมองพี่รองของตนอย่างแปลกใจ สมแล้วที่ใครๆ ยกย่องเขาว่าเป็นบัณฑิตผู้ปราดเปรื่อง อาศัยเพียงร่องรอยแค่นี้ก็สามารถคาดคะเนเรื่องราวออกมาได้แล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนละเอียดรอบคอบ หากไม่ใช่เพราะตาบอดสองข้างจะลงเอยด้วยการตายอย่างน่าอนาถเช่นนั้นได้อย่างไร?

“พี่รอง ข้าก็คิดเหมือนกับท่าน แต่ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐาน อย่าทำอะไรกระโตกกระตากจะดีกว่า”

ซ่งอี้อันเห็นน้องสาวที่นิสัยอ่อนโยนผู้นี้ไม่ได้ละล้าละลังทำอะไรไม่ถูก แต่กลับเหมือนมีความคิดของตัวเองอยู่แล้ว ก็นึกประหลาดใจ แต่ที่มีมากกว่านั้นคือความยินดี

“อี้อัน ถ้านี่เป็นเรื่องจริง เจ้าว่าควรทำอย่างไรดี?”

หลิ่วหรูเยียนคิดมาตลอดว่าซ่งอี้อันเป็นคนฉลาดเจ้าความคิด มักปรึกษาเรื่องต่างๆ กับเขามานานแล้ว จึงอดร้อนใจไม่ได้ “ครอบครัวหลินโหวต่ำช้าเช่นนี้ คิดจะทำร้ายน้องสาวเจ้า พวกเราจะยอมอดทนอดกลั้นไม่ได้เด็ดขาด!”

“แทนที่จะมาถามข้า ลองถามความคิดของน้องหญิงห้าดีกว่าไหมขอรับ?”

ซ่งรั่วเจินแย้มยิ้ม “ความคิดของข้าเรียบง่ายมาก ให้ซุนเยียนเอ๋อร์ออกเรือน”

“ข้าก็คิดเช่นนี้” ซ่งอี้อันยิ้มบางแล้วว่า “ท่านแม่ เรื่องนี้คงต้องให้ท่านออกแรงแล้ว”

หลิ่วหรูเยียนมองซ่งอี้อันสลับกับมองซ่งรั่วเจิน ในสมองปรากฏภาพการอยู่ร่วมกับหลิ่วเฟยเยี่ยนในช่วงหลายปีมานี้ สุดท้ายแววตาเปลี่ยนเป็นหนักแน่น

“ได้!”

ใครก็ไม่สำคัญเท่าลูกสาวของนาง!

หลิ่วเฟยเยี่ยนสนิทสนมกับฮูหยินตระกูลฉิน เกรงว่าคงมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ใครก็ตามที่กล้าทำร้ายลูกนาง นางจะไม่ปล่อยไปเด็ดขาด!
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
เย่อิง
ถือว่าแม่ฉลาดรู้จักปกป้องลูก
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1350

    จากนั้นฮูหยินผู้เฒ่าลู่ ลู่ฮูหยินไปจนถึงลู่ฉิงเสวี่ยได้รู้ข่าวนี้ ภายในใจรู้สึกตกตะลึง“พวกเขาถึงขั้นกลับมาแล้ว?” ลู่ฮูหยินหรี่ตาลง พูดด้วยความโมโห “วันนี้ข้าจะหักขาไอ้สารเลวคนนั้น!”“เจ้าอย่าเพิ่งวู่วาม ฟังความเห็นของฉิงเสวี่ยก่อน”ฮูหยินผู้เฒ่าลู่เห็นท่าทางโมโหจะไปตีคนด้วยตนเองของลูกสะใภ้ ภายในสายตาสะท้อนความระอาลูกสะใภ้คนนี้ดีไปหมดทุกอย่าง ก็แค่วู่วาม ต่อให้เป็นนายหญิงสกุลลู่มาหลายปีเพียงนี้ อุปนิสัยกลับไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิดลู่ฮูหยินหันหน้ามองทางลู่ฉิงเสวี่ยแล้วถามว่า “ฉิงเสวี่ย เจ้าคิดเห็นเช่นไร?”“ข้าอยากฉวยโอกาสในวันนี้หย่ากับพวกเขา ให้ทุกคนช่วยข้าปิดบังข่าวลูกในท้อง ให้เขาคิดว่าไม่มีเด็กคนนี้เจ้าค่ะ”สีหน้าลู่ฉิงเสวี่ยเผือดซีด สายตากลับมุ่งมั่น นางไม่อยากอดทนอีกต่อไปแล้วอันที่จริงนับตั้งแต่ได้รู้ว่าถูกหักหลัง นางก็ไม่เคยคิดจะกลับมาคืนดีกัน เพียงแต่เพราะความรู้สึกผูกพันตลอดหลายปีที่ผ่านมา จึงไม่อาจตัดขาดได้ในทันทีดังนั้นนางจึงใช้เวลาระยะหนึ่ง มองดูเขาหลอกตนเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า มองดูฟ่านหัวหรงคอยตีสองหน้าอยู่ระหว่างพวกเขาทั้งสอง ในที่สุดตอนนี้นางก็ตัดใจได้อย่างสมบูรณ์แล้

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1349

    ลู่เป่ยชวนดูสีหน้าที่เปลี่ยนไปของมารดาตน รู้สึกเอือมระอาอย่างอดไม่ได้เขาคุ้นชินกับท่าทางเช่นนี้ของมารดาตนแล้ว แต่พี่สะใภ้อาจยังไม่คุ้นชินกระมังจากนั้น ซ่งรั่วเจินกลับพูดราวกับมีศัตรูคนเดียวกันก็มิปาน “ท่านป้า ข้าคิดว่าท่านพูดถูกแล้ว ชายใจทรามลืมบุญคุณคนพรรค์นี้ สมควรสั่งสอนดีๆ จะปล่อยให้เขามีจุดจบที่ดีไม่ได้เป็นอันขาดเจ้าค่ะ!”“หากไม่ใช่เพราะเขา ญาติผู้พี่ก็ไม่ต้องลำบาก เขาไม่เพียงหลอกญาติผู้พี่ ยังทำผิดต่อความเชื่อใจที่พวกท่านมอบให้เขาอีกด้วยเจ้าค่ะ”“ยิ่งไม่ต้องพูดว่าเสด็จพ่อให้เขาออกไปทำงานราชการ เขากลับพาสาวงามไปด้วย เห็นได้ชัดว่าไม่ว่าทำงานหรือเป็นคนดีก็ทำไม่ได้!”ลู่ฮูหยินคิดไม่ถึงเลยว่าซ่งรั่วเจินจะพูดจาเช่นนี้ ตอนแรกชะงักไป ต่อมาใบหน้าเผยรอยยิ้ม“เจินเอ๋อร์ ก่อนหน้านี้ป้าได้พบเจ้าไม่บ่อยนัก คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะเป็นแม่นางฉลาดมากคนหนึ่ง”“ครั้งนี้ขอบคุณเจ้าที่ช่วยญาติผู้พี่เจ้า ข้าไม่รู้จะตอบแทนเจ้าเช่นไร พอดีสองวันนี้ข้าได้โสมร้อยปีมา เจ้าเอากลับไปบำรุงร่างกายดีๆ เถอะ”ลู่ฮูหยินคิดว่าเมื่อครู่เห็นซ่งรั่วเจินรักษาอาการป่วยให้ฉิงเสวี่ย สีหน้ากลายเป็นขาวซีด มองออกว่าเสีย

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1348

    หากยังมีทางออก ไฉนเลยจะจนมุม?ฉิงเสวี่ยลำบากมากเพียงนั้น อยู่สกุลฟ่านต่อไปมีอันใดดี?แทนที่จะทนอึดอัดคับข้องใจ ไม่สู้ตัดให้ขาดไปเสียเลยดีกว่า รีบให้นางกลับมาก็ไม่ต้องลำบากแล้ว ต่อให้พวกเขาสกุลลู่ต้องเลี้ยงดูฉิงเสวี่ยไปทั้งชาติก็ไม่มีปัญหาฮูหยินผู้เฒ่าลู่เห็นท่าทีมุ่งมั่นหนักแน่นของทุกคนก็เผยสีหน้าพึงพอใจซ่งรั่วเจินได้เห็นภาพนี้ กลับดีใจแทนลู่ฉิงเสวี่ยแม้ว่านางไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดระหว่างนางและตระกูลสามี แต่อย่างน้อยก็มีครอบครัวที่ดีต่อนาง นี่ก็เป็นความมั่นใจอย่างหนึ่งเพียงนางหันหน้าไปก็พบว่าสามีตนกำลังสบมองตนเอง ทั้งคู่สอดประสานสายตากัน ซ่งรั่วเจินเดินออกจากห้อง ฉู่จวินถิงเองก็เดินตามไป“ท่านพี่ ท่านรู้หรือไม่ว่าญาติผู้พี่เป็นอันใด?”ฉู่จวินถิงพยักหน้า “ข้าเองก็เพิ่งได้ยินมา เมื่อแรกตอนฟ่านหัวหรงไล่เกี้ยวพานาง ไม่มีผู้ใดในเมืองหลวงไม่รู้”“อันที่จริงครอบครัวอยากหมั้นหมายญาติผู้พี่กับผู้อื่น แต่ฟ่านหัวหรงเกิดรักแรกพบกับญาติผู้พี่ นับแต่นั้นมาก็ไล่ตามไม่ยอมปล่อย อีกทั้งยังรับปากกับท่านลุงและท่านป้าอีกหลายหน”“ทุกคนล้วนรู้ว่าเขาหลงใหลญาติผู้พี่มาก สุดท้ายญาติผู้พี่เองก็หวั่น

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1347

    ทุกคนต่างมองซ่งรั่วเจินด้วยความตื่นเต้น ไม่อยากจะเชื่อว่าเด็กที่เดิมทีไม่อาจรักษาไว้ได้ กลับสามารถรักษาเอาไว้ได้ในตอนนี้ลู่ฉิงเสวี่ยผ่านความตกตะลึงดีใจมาแล้วก็คล้ายเพิ่งได้สติว่าก่อนหน้านี้เพิ่งผ่านเรื่องใดมา จู่ๆ ก็ร้องไห้ดังลั่น“ลูกของข้า รักษาลูกของข้าเอาไว้ได้แล้ว”เห็นจู่ๆ ลู่ฉิงเสวี่ยก็ระเบิดอารมณ์ ภายในสายตาลู่ฮูหยินเปี่ยมความปวดใจ รีบโอบนางไว้ในอ้อมกอดแน่น“ลูกเอ๋ยอย่าร้องเลย ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว”ลู่ฉิงเสวี่ยพยักหน้าพลางสะอึกสะอื้น “ท่านแม่ ตอนนี้ข้ามีลูกคนนี้แล้ว...”ลู่ฮูหยินเองก็น้ำตาไหล “ลูกสาวชะตาอาภัพของข้า ก่อนหน้านี้หลงผิดไปเชื่อฟ่านหัวหรง คิดว่าเขาจริงใจต่อเจ้าจริงๆ ใครคิดเล่าว่าเขาถึงขั้นทำกับเจ้าเช่นนี้ ช่างชวนให้คนปวดใจโดยแท้”“ท่านแม่ หลังผ่านเรื่องครั้งนี้มาข้าก็คิดตกแล้ว ข้าอยากหย่ากับเขาเจ้าค่ะ”ลู่ฉิงเสวี่ยยกมือหนึ่งกุมท้อง ภายในสายตาเปี่ยมความมุ่งมั่น หลังแต่งงานกัน นางก็ไม่ตั้งครรภ์มาโดยตลอด แต่พวกเขามีความสัมพันธ์ดีมากนับตั้งแต่ได้รู้ว่าตั้งครรภ์ในวันนั้น นางคิดว่านี่เป็นสวรรค์มาโปรด ในที่สุดพวกเขาก็มีลูกแล้วจากนั้น นางคิดไม่ถึงเลยว่าตอนนางกำลั

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1346

    นางหยิบเข็มเงินออกมา หลังบอกกล่าวให้ฉู่จวินถิงเหล่าบุรุษทั้งหลายหลบฉากออกไปแล้ว นี่ถึงถอดเสื้อผ้าของลู่ฉิงเสวี่ยและเอ่ยเตือนว่า“ญาติผู้พี่ อีกเดี๋ยวอาจเจ็บเล็กน้อย ท่านต้องอดทนสักหน่อยเจ้าค่ะ”ลู่ฉิงเสวี่ยรีบพยักหน้า “ขอเพียงสามารถรักษาลูกของข้าเอาไว้ได้ ไม่ว่าเจ็บมากเพียงใดข้าก็ทนไหว”ฮูหยินผู้เฒ่าลู่และลู่ฮูหยินเห็นใบหน้าเล็กอ่อนแอของลู่ฉิงเสวี่ย ภายในสายตาเปี่ยมความปวดใจ รู้สึกเพียงว่าเด็กคนนี้ลำบากโดยแท้บัดนี้ฉิงเสวี่ยต้องทุกข์ทรมานอยู่ที่นี่ แต่สามีคนนั้นของนางถึงขั้นยังไม่โผล่หน้ามาพบนาง น่าแค้นใจนัก!จากนั้นซ่งรั่วเจินแทงเข็มเงินลงบนจุดฝังเข็มของลู่ฉิงเสวี่ย ทุกคนได้ยินนางเปล่งเสียงร้องทีหนึ่งนางกัดกลีบปากแน่น มือสองข้างกำแน่น ใบหน้าเล็กที่เดิมทีเผือดซีดอยู่แล้วเต็มไปด้วยมุกเหงื่อ กลีบปากถูกกัดจนเลือดซึมออกมา“ฉิงเสวี่ย เจ้าจะต้องพยายามประคองเอาไว้ให้ได้”ลู่ฮูหยินจับมือลู่ฉิงเสวี่ย ภายในสายตาเปี่ยมความกังวล อยากย้ายความเจ็บปวดนั้นมาอยู่บนตัวนาง เอือมระอาสถานการณ์เช่นนี้ไม่สามารถทำได้หลังซ่งรั่วเจินฝังเข็มเรียบร้อยแล้ว เด็กคนนั้นคล้ายได้รับพลังบางอย่าง อาการที่เดิมท

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1345    

    ซ่งรั่วเจินฟังคำอธิบายของหมอหลวงเหยา เข้าใจสถานการณ์มากขึ้นเล็กน้อย พอเดินเข้าไปในห้อง นางก็เห็นลู่ฉิงเสวี่ยที่นอนอยู่บนตั่ง สีหน้าซีดเซียว หน้าผากของนางในตอนนี้เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ เส้นผมข้างขมับเปียกชุ่มด้วยเหงื่อ ใบหน้าแสดงความเจ็บปวด ริมฝีปากแห้งแตกมีเลือดซึม ร่างกายอ่อนแรงถึงที่สุด “หมอหลวง ขอร้องท่าน ต้องรักษาลูกของข้าไว้ให้ได้” ในดวงตาของลู่ฉิงเสวี่ยเต็มไปด้วยความร้อนรน นางในเวลานี้ไม่สนใจความเจ็บปวดบนร่างกายด้วยซ้ำ สิ่งที่คิดอยู่เต็มหัวคือเด็กคนนี้ต้องไม่เป็นอะไรเด็ดขาด แม้นางจะมีปากเสียงกับสามี วันเวลาจากนี้ไปยังจะสามารถอยู่อย่างมีความสุขได้หรือไม่นั้น ผู้ใดก็ไม่อาจรู้ได้ แต่เด็กคนนี้เป็นของนาง แต่งงานนานขนาดนี้ ก็ยังไม่สามารถมีลูกมาโดยตลอด ตอนนี้ในที่สุดก็เฝ้ารอจนเป็นจริง ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องไม่ให้ลูกเป็นอะไรเด็ดขาด! “ญาติผู้พี่ ข้าจะตรวจดูชีพจรให้ท่าน” ซ่งรั่วเจินมองลู่ฉิงเสวี่ยที่อ่อนแรง แล้วเอ่ยปากขึ้นก่อน ในดวงตาของลู่ฉิงเสวี่ยปรากฏความประหลาดใจ แต่ก็ราวกับคว้าความหวังอันริบหรี่ไว้ได้ จึงพยักหน้ารัว ๆ “พระชายาฉู่อ๋อง ทุกอย่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status