เห็นได้ชัดว่าหร่วนเนี่ยนถังใจเย็นมาก แม้ว่ายามตกน้ำตกใจรับมือไม่ทัน แต่ตอนนี้ดึงสติกลับมาได้ ไม่มีวันปล่อยให้เถียนเจียวเจียวพูดจาเหลวไหลเดิมทีเถียนจื่ออี๋ต้องการช่วยพูดแทนเถียนเจียวเจียว คิดไม่ถึงถูกหร่วนเนี่ยนถังตอกกลับมาแล้ว คนอื่นรอบข้างหันหน้ามองกัน ก่อนนี้ใครก็ไม่เห็นสถานการณ์ทางฝั่งนี้“ข้าและเจ้ามีบุญคุณความแค้นต่อกันจริง อยากทำร้ายเจ้ามีมากมายหลายวิธี ยิ่งไปกว่านั้นเดิมทีเจ้าก็ว่ายน้ำเป็นอยู่แล้ว ข้าผลักเจ้าลงสระทำไม?” หร่วนเนี่ยนถังเอ่ยถาม“ก็เพราะเจ้าต้องการทำให้ข้าอับอาย!” เถียนเจียวเจียวสบถเสียงเย็น“หากข้าต้องการทำให้เจ้าอับอายจริง สั่งสาวใช้ไปโดยตรงก็พอ ไฉนเลยจะต้องลงมือด้วยตนเอง อันตรายมากเพียงใดกัน”ซ่งรั่วเจินเห็นหร่วนเนี่ยนถังตอกกลับเถียนเจียวเจียวจนพูดไม่อออก ลอบตกตะลึงภายในใจ สมเป็นบุตรีของหร่วนไท่ซือแม้ภายนอกมองดูแล้วอ่อนโยนบอบบาง แต่ภายในกลับแข็งแกร่ง มิได้ร้องไห้โวยวาย “ข้าสามารถเป็นพยานให้แม่นางหร่วนได้ ก่อนนี้นางอยากช่วยคน เพียงไม่ทันระวังจึงตกลงไปด้วย”ซ่งอี้อันเดินเนิบๆ ออกมา ได้รู้ว่าที่นี่กำลังขัดแย้งกัน เป็นฝ่ายเอ่ยปากออกมาแล้วหร่วนเนี่ยนถังหั
ซ่งอี้อันเห็นเถียนเจียวเจียวพูดจาเหลวไหล ขมวดคิ้วแน่น มีคนรู้เรื่องจี้หยกนี้ไม่น้อยเมื่อแรกตอนฮูหยินผู้เฒ่าเถียนยังอยู่ เคยมอบจี้หยกนี้ให้เถียนเจียวเจียว แสดงให้เห็นถึงความโปรดปรานที่มีต่อนางแม้ว่าจี้หยกมรดกตกทอดล้ำค่ามาก แต่ก็ไม่ถึงกับทุกคนต่างรู้กันอย่างถ้วนทั่ว ความนัยที่แท้จริงคือจี้หยกมรดกตกทอดนี้แสดงให้เห็นว่าเครื่องประดับของสกุลเถียนในเมืองหลวงส่งต่อให้แก่นางยามข่าวนี้แพร่ออกไป คนต่างพากันตกตะลึงไม่น้อย ลอบสะท้อนใจเถียนเจียวเจียวได้รับความโปรดปรานจากสกุลเถียนไม่ผิดไปดังคาดบัดนี้จี้หยกรับสืบทอดจากบรรพบุรุษหายไปแล้ว เห็นได้ชัดว่ามิได้มีเจตนาต่อเรื่องนี้ซ่งรั่วเจินฟังนิทานที่เถียนเจียวเจียวแต่งขึ้น นึกสะท้อนใจเลื่อมใสอย่างสุดระงับ คนเหล่านี้หนึ่งคนต่อหนึ่งคนล้วนแต่งเรื่องเก่งไม่ผิดไปดังคาดเพื่อทำให้ทุกคนเชื่อคำพูดนาง แม้แต่นิทานเช่นนี้ก็สามารถแต่งออกมาได้“หร่วนเนี่ยนถัง เจ้าจะปรักปรำข้าเยี่ยงไร ข้าไม่ใส่ใจ ขอเพียงเจ้าช่วยข้าหาจี้หยกกลับมาได้ก็พอ!” เถียนเจียวเจียวพูดอย่างมีโทสะหร่วนเนี่ยนถังย้อนคิดถึงเหตุการณ์ก่อนเถียนเจียวเจียวตกน้ำ กลับไม่เห็นจี้หยกอะไรบนคอนาง เอ่ย
“ไยต้องยุ่งยากเช่นนั้น แทนที่จะสิ้นเปลืองเวลาและเรี่ยวแรงไปตักน้ำในสระออกจนหมด ให้ข้าทำนายดูว่าจี้หยกนั่นอยู่ที่ไหนมิดีกว่าหรือ?”สิ้นเสียงเสนอของซ่งรั่วเจิน ทุกคนก็นึกถึงเรื่องที่นางเคยช่วยคุณชายน้อยต่งตามหาคนร้ายที่แท้จริงก่อนหน้านี้ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เรื่องยากขนาดนี้ยังทำได้ แค่ตามหาของสักชิ้นคงง่ายดายเหมือนพลิกฝ่ามือเลยสินะ?เถียนเจียวเจียวและเถียนจื่ออี๋ล้วนอึ้งไป พวกนางลืมไปว่าแม่นางซ่งมีความสามารถเช่นนี้ด้วยความร้อนรนวาบผ่านดวงตาของเถียนจื่ออี๋ ฝีมือนี้หากนำไปใช้กับคนอื่นย่อมยอดเยี่ยมอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ถ้าซ่งรั่วเจินทำนายออกมาได้จริงๆ จะทำอย่างไรดีเล่า?“อย่าลนลานไป ข่าวลือก่อนหน้านี้ลือกันเสียพิสดารขนาดนั้น ไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องจริง” เถียนเจียวเจียวดึงมือเถียนจื่ออี๋ บอกให้นางเยือกเย็นเข้าไว้อย่างได้ร้อนรนไป“น้องหญิงห้า เจ้าสามารถทำนายออกมาได้หรือไม่?” ดวงตาซ่งอี้อันฉายแววคาดหวังซ่งรั่วเจินผงกหน้าผากมนงามน้อยๆ ยกกระดองเต่าขึ้นมาแล้วหยอดเหรียญทองแดงเข้าไปในกระดองเต่าสองมือประกบกันเริ่มเขย่ากระดองเต่า เหรียญทองแดงก็กระเด็นออกมาทุกคนชมดูภาพนี้ด้วยความสงสัยใคร่รู้ อย
เถียนจื่ออี๋ถูกสายตาซ่งรั่วเจินจับจ้องจนสะท้านเฮือกด้วยความตกใจ นางที่เพียงแต่ชมดูเรื่องสนุกในตอนแรกบัดนี้ถึงคราวทำอะไรไม่ถูกเสียแล้ว ได้แต่มองไปทางเถียนเจียวเจียวอย่างขอความช่วยเหลือหากไม่ใช่เพราะเจียวเจียวยืนกรานฝากจี้หยกไว้กับนาง ตอนนี้นางก็คงไม่ต้องกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้เถียนเจียวเจียวมีสีหน้าปั้นยาก เดิมนั้นนางอยากใช้เรื่องนี้วางอุบายหร่วนเนี่ยนถัง ถึงเวลาค่อยหาโอกาสแอบโยนจี้หยกทิ้งไป แล้วตนเองค่อยกลับมาตามหาผู้ใดจะคาดว่าซ่งรั่วเจินจะตัดไฟแต่ต้นลมต่อหน้าคนมากมายแบบนี้ นางไม่รู้เลยว่าควรทำอย่างไรดี“ถุงหอมใบเดียวเท่านั้นเอง ทำไมถึงไม่กล้าปลดลงมา? เกรงว่าแม่นางซ่งคงพูดถูกแล้ว พี่สาวขโมยของของน้องสาว แบบนี้เข้าตำราโจรในบ้านยากจะป้องกันแท้ๆ!”“แม้ว่าเถียนจื่ออี๋กับเถียนเจียวเจียวจะเป็นพี่น้องแท้ๆ แต่ฮูหยินผู้เฒ่าเถียนกลับยกจี้หยกที่ตกทอดจากบรรพบุรุษให้เถียนเจียวเจียว ไม่แน่ว่าอาจลอบแค้นใจอยู่ก็เป็นได้ ถึงได้จงใจฉวยโอกาสลงมือตอนวุ่นวายแบบนี้?”“ตระกูลเถียนไม่ใช่ตระกูลเล็กๆ คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กสาวที่เลี้ยงดูมาจะมีพฤติกรรมไม่สะอาดแบบนี้ จุ๊ๆ”ทุกคนเห็นเถียนจื่ออี๋กำถุงหอมไว้
ตั้งแต่ต้นจนจบ หร่วนเนี่ยนถังเป็นผู้บริสุทธิ์ ส่วนเถียนเจียวเจียวจงใจสร้างเรื่องทั้งหมดขึ้นมาเพื่อเรียกร้องความสนใจจากซ่งอี้อัน พอแผนการล้มเหลวก็คิดจะใส่ร้ายหร่วนเนี่ยนถัง...“แม่นางสองคนนี้จิตใจชั่วร้ายขนาดนี้ ช่างชวนให้คนหวาดหวั่นยิ่งนัก”“เรียกร้องความสนใจจากคุณชายรองซ่งอะไรกัน เห็นได้ชัดว่ารอจนคุณชายรองซ่งช่วยนางแล้วก็จะยกเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างในการตอบแทนด้วยร่างกาย หากคุณชายรองซ่งไม่ยินดีก็จะบอกว่าสูญเสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว จะไม่สู่ขอก็ไม่ได้”“ช่วงก่อนหน้านี้ ลูกสาวอนุของตระกูลอวิ๋น อวิ๋นซีหว่านก็ได้หมั้นหมายกับฉินเซี่ยงเหิงด้วยวิธีการเช่นนี้ไม่ใช่รึ? แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะมีเรื่องกันที่ศาลาว่าการซุ่นเทียน เรื่องมงคลจึงยกเลิกไปแล้ว”เถียนเจียวเจียวโต้เถียงกับเถียนจื่ออี๋ไปยกหนึ่ง ยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกว่าขายหน้า สุดท้ายจึงหันหลังวิ่งหนีไปเถียนจื่ออี๋เห็นอย่างนั้นก็ไม่มีหน้าจะอยู่ต่อจึงรีบเผ่นหนีตามหลังไปอีกคนจวนสกุลซ่งจึงกลับคืนสู่ความครึกครื้นก่อนหน้านี้ แต่มีหัวข้อสนทนาเพิ่มมาเล็กน้อย“แม่นางซ่ง ขอบคุณเจ้ามากจริงๆ ถ้าไม่ได้เจ้าทำนายตำแหน่งของจี้หยก เกรงว่าวันนี้ข้าคงยากจะกอบ
“เจ้ารับข้าไว้อะไรกัน?”เหอเซียงหนิงขึ้นเสียงแหลม “ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าจะตกต่ำถึงขั้นนี้งั้นรึ?”“ตอนนี้ข้าไม่มีเวลามาต่อล้อต่อเถียงกับเจ้า เงินนี่ให้เจ้า เจ้าก็ไปซื้อเองก็แล้วกัน!”ฉินซวงซวงส่งเงินก้อนหนึ่งให้เหอเซียงหนิงอย่างดูถูก ตอนนี้นางสนใจแค่ว่าเรื่องอวิ๋นซีหว่านจะพัวพันมาถึงนางหรือไม่เท่านั้นนางไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมตั้งแต่ต้นจนจบ มีแค่พูดต่อหน้าอวิ๋นซีหว่านไม่กี่ครั้ง อวิ๋นซีหว่านไม่มีหลักฐาน คงไม่พัวพันมาถึงนางหรอก...“ข้าไปเองก็ได้!”เหอเซียงหนิงรับเงินมา รู้สึกว่าฉินซวงซวงขี้เหนียวเกินไปแล้วเดิมนั้นคิดว่าจะให้ฉินซวงซวงหาเรือนข้างนอกสักหลังให้นางพัก แต่คนขี้เหนียวคนนี้กลับไม่อยากจ่ายเงินมากมายให้นาง จึงให้นางพักอยู่ในจวนสกุลฉินหลังเรื่องที่ตรอกหย่งอัน นางราวกับหนูบนถนนอย่างไรอย่างนั้น ไม่มีหน้าออกไปเจอคนอื่นเลยสักนิดอยู่ในจวน สายตาที่ทุกคนมองนางก็แปลกประหลาด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสาวใช้ที่ปรนนิบัตินางที่ชักสีหน้าให้เห็นอย่างโจ่งแจ้งโตมาจนป่านนี้ นางเคยได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมขนาดนี้เสียเมื่อไร?“ซวงซวง ข้าเตือนเจ้าด้วยความหวังดีนะ ช่วงหลายวันนี้เจ้าอยู่แ
ฉินจื้อหย่วนเห็นคนกำลังจะล้มจึงเข้าไปประคองคนโดยไม่ทันคิด ผลคือหญิงสาวถลาเข้ามาในอ้อมอกเขาสัมผัมนุ่มนิ่มละมุนละไมซ่านออกมาจากบริเวณทรวงอก ก้มหน้าลงเล็กน้อยก็สบเข้ากับดวงตากระจ่างใสของหญิงสาว“คุณชายฉิน ขอโทษเจ้าค่ะ”เหอเซียงหนิงแสร้งเป็นตกใจทำอะไรไม่ถูก ใบหน้าดวงน้อยเต็มไปด้วยความกังวล รีบร้อนกลับไปยืนให้มั่นคง แต่ความเจ็บกลับซ่านมาจากฝ่าเท้า ทำให้คนล้มลงไปทั้งตัวอีกครั้งมือทั้งสองของนางทาบอยู่บนทรวงอกฉินจื้อหย่วน ร่างทับอยู่บนตัวเขา ระหว่างดิ้นขลุกขลักอยู่นั้น สัมผัสนุ่มนิ่มบนทรวงอกก็ไปกระตุ้นประสาทรับรู้ของชายหนุ่มปฏิกิริยาแรกของฉินจื้อหย่วนตอนได้สติคืนมาคืออยากผลักเหอเซียงหนิงออกไป แต่จนใจที่หญิงสาวในอ้อมอกเนื้อตัวนุ่มนิ่มเหลือเกิน ภรรยาของตนเองก็ไม่กลับบ้านมาหลายวันแล้ว...“แม่นางเหอ เจ้าได้รับบาดเจ็บ ข้าไปส่งเจ้ากลับห้องก่อนดีหรือไม่?”“นี่ไม่ค่อยดีกระมัง?” เหอเซียงหนิงแสร้งสงวนท่าที น้ำเสียงอ่อนโยนทั้งยังอ่อนแอน่าสงสาร“วันนี้ข้าตั้งใจว่าจะออกไปซื้อผ้าห่ม ถ้าไปไม่ได้เกรงว่าคืนนี้คงไม่ได้หลับดีๆ เสียแล้ว”“เรื่องนี้ยากตรงไหนกัน? ข้าสั่งให้ข้ารับใช้ช่วยไปซื้อให้เจ้าก็ได
สายลมโชยผ่านมา พัดชายแขนเสื้อของชายหนุ่มโบกไหวดวงตาดำขลับดุจนิลมณีในชั่วยามนี้ประหนึ่งบรรจุดวงดาวพราวฟ้าเอาไว้ในนั้น คำชมที่กล่าวออกมาจากริมฝีปากของฉู่จวินถิงเหมือนมีมนต์สะกด บันดาลให้พวงแก้มของซ่งรั่วเจินร้อนผ่าวโดยไม่รู้ตัวนางรู้ว่าตนเองมีรูปโฉมไม่เลว ปกติก็ได้ยินคำชมมาไม่น้อย แต่กลับไม่มีครั้งไหนที่มีพลังพิฆาตเท่าวาจาประโยคเดียวของฉู่จวินถิงนี่มันสถานการณ์แบบไหนกัน?จู่ๆ ท่านอ๋องเดียวดายผู้เย็นชาไร้รักก็กล่าววาจาชมเชยปุบปับแบบนี้ พลังพิฆาตระเบิดตูม ใครเลยจะต้านทานไหว?ซ่งรั่วเจินกะพริบตา เห็นฉู่จวินถิงไร้ทีท่าจะเปลี่ยนคำพูด ตรงกันข้าม ดวงตาคู่นั้นจับจ้องมองนางนิ่งๆ โดยไร้ท่าทีหลบสายตาแม้แต่น้อย“วันนี้ท่านอ๋องก็รูปงามมากเหมือนกันเพคะ” ซ่งรั่วเจินข่มหัวใจที่เต้นรัวเอ่ยชมกลับไปฉู่จวินถิงสังเกตเห็นสีหน้าไม่เป็นธรรมชาติของหญิงสาว แม่นางที่ปกติเปี่ยมอุบายความคิดปล่อยตัวตามสบาย เวลานี้กลับหลบสายตา ปรางแก้มแดงเรื่อ แลดูงามพริ้มเพราเป็นพิเศษเขาหัวเราะเสียงทุ้มพลางเลิกคิ้วชวนมอง “แค่วันนี้เท่านั้นหรือ?”ซ่งรั่วเจิน “???”“ท่านอ๋องย่อมหล่อเหลาทุกวันอยู่แล้วเพคะ เพียงแต่คืนนี้หล
ฉู่จวินถิงสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของซ่งรั่วเจิน ไหวพริบบ่งบอกว่ามีปัญหาซ่งรั่วเจินส่ายหน้าเบาๆ “เพียงแต่ได้ยินจงเฟยพูดเรื่องบูชาเซียนโบตั๋นจึงรู้สึกแปลกอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าใช่เซียนโบตั๋นที่หม่อมฉันรู้จักหรือไม่”นางเคยได้ยินเรื่องเซียนโบตั๋นมาก่อน เป็นสิ่งที่สตรีบูชาจริง เซียนบุปผา มีสรรพคุณช่วยคืนความอ่อนเยาว์ เพียงแต่ภายในนี้กลับมีเคล็ดลับบางอย่าง ทำให้คนเสพติดอย่างง่ายดาย สุดท้ายลุ่มหลงจนยากจะถอนตัวขึ้นมาได้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีหากเป็นคนฝีมือโหดเหี้ยม ก็สามารถใช้ของสิ่งนี้แลกเปลี่ยนโชคชะตาได้ น่ากลัวอย่างมากจงเฟยมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ตนเองเก็บไว้บูชาเองก็พอ ทว่านางกลับนำมามอบให้ฮองเฮา แปลกเกินไปแล้วกระมัง“พูดให้ฟังเถอะ”ฉู่จวินถิงกลับไม่รีบร้อนจากไป เอียงหูฟัง รอฟังคำพูดของว่าที่ฮูหยินอย่างอารมณ์ดีแท้จริงแล้ว ไม่ว่าเจินเอ๋อร์พูดอะไร เขาล้วนอยากฟัง“หม่อมฉันเคยเห็นเซียนโบตั๋นมาก่อน ทำให้สตรีงดงามอ่อนเยาว์ผ่านการบูชาอาหาร หากจริงใจมากเพียงพอ ยังสามารถใช้เลือดเป็นเครื่องบูชาได้ ผลลัพธ์ดีมากนัก”“เพียงแต่จะทำให้สตรีลุ่มหลง กลายเป็นรีบร้อนอยากได้ผลลัพธ์ จากนั้นยากจะถอนตัวขึ
วังหลังวันนี้ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงเข้าวังไปขอบพระทัยความเมตตาด้วยกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นความครึกครื้นทั้งภายในภายนอกตำหนักของฮองเฮายังไม่ทันเข้าไปก็ได้ยินเสียงตวนเฟยดังออกมาจากภายใน“ระยะนี้น้องหญิงจงเฟยงดงามมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว คนเองก็สดใสมีชีวิตชีวามากเป็นพิเศษ ผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง ข้าถามนางว่าใช้เคล็ดลับอะไร นางก็ไม่ยอมบอกข้า ต่อมาข้ายังเห็นด้วยตนเอง”ตวนเฟยมองเซียนโบตั๋นข้างห้องบรรทมของฮองเฮาแวบหนึ่ง สายตาสะท้อนแววละโมบ“ที่แท้นางก็ตั้งใจขอเซียนโบตั๋นจากพระผู้ทรงศีล เพื่อรักษาความเยาว์วัยของสตรี ทำให้งดงามมีเสน่ห์!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา สนมคนอื่นก็ตาร้อนผ่าว ความเปลี่ยนแปลงของจงเฟยในระยะนี้ พวกนางล้วนเห็นอยู่ในสายตา ฝ่าบาทเองก็ประทับค้างแรมกับจงเฟยที่นั่นติดต่อกันหลายคืน ใครจะไม่อิจฉากันเล่า?สนมภายในวังมีไม่น้อย พวกเขาทำเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท ปกติทำทุกวิธี ก็ไม่แน่ว่าจะได้ผลบัดนี้ได้เห็นจงเฟยได้รับความโปรดปรานมากขึ้นทุกที แต่ละคนร้อนใจจนแทบทนไม่ไหว“เดิมทีคิดว่าจงเฟยจะซ่อนไว้ คิดไม่ถึงเลยว่ายังมอบให้ฮองเฮาอีกด้วย น้องหญิงจงเฟยจริงใจต่อฮองเอาจริงๆ!
“บัดนี้ข้าและองค์หญิงเพียงแต่มีปัญหากันเล็กน้อยเท่านั้น รอข้าไปอธิบายให้ชัดเจน ทั้งหมดย่อมกลับมาเป็นเหมือนเดิม”เสิ่นหวยอันพูดอย่างมีเหตุผล ชนิดที่ว่าหน้าตายังเผยแววลำพองใจ “เจ้าคิดดูให้ดี หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก่อเรื่องพรรค์นี้ขึ้นมา ป่านนี้คงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว”“ส่วนข้า ก็แค่ถูกโบย สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างว่องไว หรือเจ้าไม่เข้าใจความหมายกันเล่า?”“ตกลงเจ้าจะพูดอะไร?” เสิ่นจวินเจ๋อหรี่ตาลง สังเกตเห็นปัญหาแล้ว เสิ่นหวยอันมั่นใจในตนเองเกินไป“เหตุที่องค์หญิงทำเช่นนี้ ก็เพราะหึงหวงเท่านั้น” เสิ่นหวยอันหัวเราะเบาๆ ลูบแต่งผมและพูด “องค์หญิงมีจิตปฏิพัทธ์ต่อข้า เพียงแต่เห็นซ่งปี้อวิ๋นอยู่ข้างกายข้ามาโดยตลอด เข้าใจผิดคิดว่าข้าและนางมีความสัมพันธ์กัน นี่ถึงเป็นเช่นนี้”“ระหว่างสตรีย่อมหนีไม่พ้นความหึงหวง นี่คือเรื่องธรรมดาอย่างมาก เพียงแต่องค์หญิงอารมณ์รุนแรงอยู่บ้าง นี่ถึงโบยข้า”“หากไม่รัก นางก็คงไม่โมโหถึงเพียงนี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”เสิ่นจวินเจ๋อชะงักไปในทันใด ครู่ต่อมาคิดว่าสายตาของฉู่มู่เหยาไม่น่าจะแย่ถึงเพียงนี้ เพียงแต่ลองคิดดูแล้วเขาก็เริ่มไม่มั่นใจเพราะเสิ่นหวยอันมั่นใจในตน
ได้ยินคำพูดของอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ภายในสายตาอวิ๋นเนี่ยนชูเปี่ยมความแปลกใจ มากที่สุดคือต้องการรู้เหตุผลทั้งหมดตกลงเป็นเพราะอะไร?เพราะเหตุใดหลายปีมานี้ ทั้งๆ ที่นางแสดงความชอบของตนออกมาไม่ใช่เพียงครั้งเดียว ทว่าญาติผู้พี่กลับหลบเลี่ยงนางมาโดยตลอด นางต้องการคำตอบหนึ่ง กลับไม่ได้รับทั้งๆ ที่ดีต่อนางถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่ภายในใจมีนางมาโดยตลอด เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?อวิ๋นเฉิงเจ๋อเอ่ยปากพูดเสียงขมปร่า นี่ถึงพูดความคิดที่เก็บซ่อนไว้ภายในใจตลอดหลายปีมานี้ออกมา...อวิ๋นเนี่ยนชูได้ยินทั้งหมดนี้ สายตาสะท้อนแววเหลือจะเชื่อ ยากจะเชื่อได้ว่าทั้งหมดนี้ถึงขั้นยังมีเรื่องที่นางไม่รู้มากถึงเพียงนี้“ดังนั้น...พวกเราไม่ใช่ญาติพี่น้องแท้ๆ?”อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด นี่คือเรื่องที่นางไม่เคยรู้ หลายปีมานี้ญาติผู้พี่ก็ไม่เคยพูดมาก่อนอวิ๋นเฉิงเจ๋อพยักหน้า “ปีนั้นข้าถูกทิ้งไว้ที่ประตูเรือนด้านหลัง หากไม่ใช่ท่านแม่ใจดีรับเลี้ยงข้า ข้าคงตายไปตั้งนานแล้ว...”หลายปีมานี้เขาเคยคิดอยู่หลายค่ำคืน บิดามารดาแท้ๆ ของเขาเป็นใคร เหตุใดต้องทิ้งเขา บางครั้งก็เกลี้ยกล่อมตนเอง คิดถึงปัญหาเหล่านี้ไปล้วนไ
เพียงเอ่ยปาก โทสะทั้งหมดก็พรั่งพรูออกมาแล้วความเจ็บปวดและอึดอัดใจที่สั่งสมอยู่ภายในใจล้วนระเบิดออกมาในเวลานี้อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินอวิ๋นเนี่ยนชูพูดเช่นนี้เป็นครั้งแรก มองนางตวาดถามไล่เรียงตนเอง ภายในใจเปี่ยมความรู้สึกผิด“ขอโทษ ล้วนเป็นความผิดของข้า”เห็นสายตาเปี่ยมความรู้สึกผิดของฝ่ายชาย อวิ๋นเนี่ยนชูตาแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “เดิมทีทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของท่านอยู่แล้ว! เหตุใดท่านไม่บอกข้าเร็วสักหน่อย ท่านรู้ว่าหลายปีมานี้ข้าฝืนได้ลำบากมากเพียงใดหรือไม่?”“ในเมื่อท่านไม่พูดมาโดยตลอด เหตุใดไม่เก็บเอาไว้ชั่วชีวิตเล่า?”น้ำตานางไหลลงมา ตลอดหลายปีมานี้ไม่ตอบรับความรู้สึกนาง นี่ทุกข์ใจมากเพียงใด?นางอยากบริภาษเขาแรงๆ อยากทุบตีเขา ชนิดที่ว่าอยากไม่สนใจเขาอีก ทำให้เขาเสียใจภายหลังไปชั่วชีวิตเพียงแต่ ยามได้เห็นของเหล่านั้นที่เขาซ่อนไว้ภายในห้อง รวมถึงภาพเหมือนของนางที่วาดไว้นับไม่ถ้วนยามค่ำคืน นางก็อยากร้องให้อย่างอดไม่ได้...“เป็นความผิดของข้าเอง ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า เจ้าตีข้าด่าข้าโทษข้า ล้วนสมควรทั้งสิ้น”อวิ๋นเฉิงเจ๋อสืบเท้าขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ภายในสายตาเปี่ยมความเอ็
“อะไรนะ?” อวิ๋นเนี่ยนชูชะงัก ภายในสายตาสะท้อนความตกตะลึงทั้งๆ ที่ตลอดมาล้วนเป็นนางตอแยญาติผู้พี่หากไม่ใช่เพราะหลายปีมานี้นางทำเช่นนี้มาโดยตลอด คาดว่าญาติผู้พี่ก็คงไม่ชอบนาง ทว่าได้ยินคำพูดของมารดาแล้ว เหตุใดญาติผู้พี่ถึงผลักทั้งหมดนี้ลงบนศีรษะของเขาเล่า?“เฉิงเจ๋อพูดว่าเขาพยายามสอบสร้างผลงานก็เพื่อจะได้คู่ควรกับเจ้า จะได้มีโอกาสสู่ขอเจ้า”“หากเปลี่ยนเป็นในอดีต ข้าจะต้องไม่เห็นด้วยที่พวกเจ้าคบหากัน บัดนี้ผ่านเรื่องมามากถึงเพียงนี้ ความคิดของแม่ก็เปลี่ยนไปไม่น้อย”“หากเจ้าชอบเฉิงเจ๋อจริง ข้าเองก็ไม่คัดค้าน แต่หากเจ้าไม่ชอบ...”สีหน้าจางเหวินสับสน ก่อนหน้านี้เคยเห็นท่าทางของเด็กทั้งสอง ไม่ว่ามองอย่างไรเนี่ยนชูก็ไม่คล้ายไม่ชอบเฉิงเจ๋อ“ข้าชอบญาติผู้พี่เจ้าค่ะ” อวิ๋นเนี่ยนชูตอบอย่างไม่ลังเล “ข้าชอบญาติผู้พี่มาโดยตลอด”มองเห็นท่าทางมุ่งมั่นของลูกสาว จางเหวินรู้สึกเอือมระอาระคนโชคดีอยู่บ้าง “ช่างแล้วๆ น้ากู้ของเจ้าพูดถูกแล้ว ลูกหลานมีความสุขของลูกหลาน พวกเจ้าคบหากันก็เป็นพวกเจ้าสร้างขึ้น”“แม้ว่าปีนั้นเฉิงเจ๋อทำไม่ถูก ไม่สมควรเกิดความคิดต่อเจ้า แต่ข้าล้วนเห็นความพยายามของเขาตลอดหลา
ยิ่งไปกว่านั้น ขอเพียงเขาพยายาม เขาเชื่อว่าตนเองจะต้องมีอนาคตแน่ตระกูลตกต่ำ บิดามารดาจากไปก่อนวัยอันควร เดิมทีเขาก็เป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจตายที่ข้างถนนตั้งนานแล้ว บัดนี้ไม่เพียงมีข้าวกิน มีเสื้อผ้าสวมใส่ ท่านน้ายังเชิญอาจารย์มาสอนหนังสือเขา เขาไม่มีวันอกตัญญูเขาคิด...รออีกหน่อย รอจนเขามีความสามารถ รอจนเขาฉายแววโดดเด่น บางทีอาจมีโอกาสขอท่านน้าแต่งงานกับเนี่ยนชูทว่า ขณะเขากำลังตรากตรำร่ำเรียนอยู่นั้น ในที่สุดก็ได้รับคำชมจากอาจารย์ ได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลวง อาจารย์ของสำนักศึกษาหลวงเองก็ชื่นชมว่าเขาจะต้องมีโอกาสสอบผ่านขุนนางแน่ ตอนเขาคิดว่าตนเองอาจจะสามารถตอบรับความรู้สึกของเนี่ยนชูได้ กลับได้ยินท่านน้าและแม่นมพูดสนทนากันที่แท้...เขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของบิดามารดาลูกของมารดาตายไปตั้งนานแล้ว ส่วนเขาคือเด็กที่วันนั้นถูกทิ้งไว้หน้าประตูเรือนด้านหลังของมารดาเดิมทีมารดาก็ยากจะยอมรับความเจ็บปวดได้ อีกทั้งยังสงสารเขา หมอพูดว่าร่างกายนางเสียหาย ภายภาคหน้ายากจะมีลูกได้อีก นี่ถึงรับอุปการะเขา ประกาศต่อโลกภายนอกว่าเขาเป็นลูกของตนเขาเป็นแค่เด็กถูกทิ้งคนหนึ่ง เศษสวะที่ไม่ยอมหนาว
ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ข้าเคยไม่สนับสนุนเจ้าตั้งแต่ยามใด? แต่ไหนแต่ไรมาข้าล้วนสนับสนุนการตัดสินใจของเจ้า”ก่อนหน้านี้นางทำนายมาก่อนแล้ว ภายในเรื่องนี้มีเงื่อนงำซ่อนอยู่มากมาย อวิ๋นเฉิงเจ๋ออ่อนแอเกินไปสำหรับเรื่องนี้ ไม่มีความรับผิดชอบมากเพียงพอเพียงแต่ หากไม่เคยผ่านความทุกข์ของผู้อื่น ก็ไม่สามารถตัดสินตามใจได้อวิ๋นเฉิงเจ๋อกลายเป็นเช่นนี้ ย่อมหนีไม่พ้นประสบการณ์ที่เขาเคยเจอมาในช่วงหลายปีมานี้เรื่องเดียวกัน บางคนมีความรับผิดชอบที่แข็งแกร่งมาก ไม่ได้รับผลกระทบใด แต่บางคนคิดอ่านอย่างละเอียด ยากจะสามารถรับได้ใต้หล้ากว้างใหญ่ รวมทุกสรรพสิ่งไว้แล้ว ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะตนเอง นางย่อมไม่วู่วามสอดมือเข้าไปอวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มกว้าง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นไรข้าก็ไม่ใส่ใจแล้ว หากไม่พูดเรื่องนี้ออกมา ข้าจะต้องเสียใจภายหลังแน่”“ตอนนี้ท่านป้าจ้างกำลังอยู่กับท่านแม่ข้า รอกลับไปแล้วค่อยหาโอกาสพูดเถอะ”ซ่งรั่วเจินจิกนิ้วทำนาย ภายในสายตาเผยแววประหลาดใจ เปลี่ยนคำพูด “ดูท่าแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดออกจากปากของตนแล้วล่ะ”อวิ๋นเนี่ยนชูสงสัย “หมายความว่าอะไร?”“ญาติผู้พี่เจ้าพูด
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที