“นังโง่!”ฉินเจิงสะบัดฝ่ามือตบฉาด ดวงตาเต็มไปด้วยไฟโทสะ“เจ้าไม่ได้ยินข่าวลือหนาหูในเมืองหลวงงั้นเรอะ? ฉู่อ๋องกับนางมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา เจ้าเป็นศัตรูกับนางก็เท่ากับเป็นศัตรูของฉู่อ๋อง!”“เจ้ารังเกียจว่าปัญหาของครอบครัวพวกเราในตอนนี้ยังไม่มากพอ จะทำให้ข้าถูกเนรเทศไปด้วยให้ได้อย่างนั้นรึ!”กู้อวิ๋นเวยถูกตบหนึ่งฉาด ในใจเต็มไปด้วยความโกรธเคือง เงยหน้าสบกับสายตาโกรธเกรี้ยวของฉินเจิงแล้วก็กล้ำกลืนคำที่อยากพูดลงไป ในใจกลับอดแค้นเคืองมิได้ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้หากพวกตนลงมือเร็วกว่านี้ก็สามารถเอาชีวิตซ่งรั่วเจินได้แล้วแท้ๆ ภายหลังคงไม่เกิดเรื่องราวมากมายเช่นนี้ กล่าวถึงที่สุดก็เป็นเพราะฉินเจิงไร้ประโยชน์!หลังจากฉินเจิงจากไป กู้อวิ๋นเวยก็ข่มโทสะเต็มท้อง สมองครุ่นคิดว่าอีกประเดี๋ยวต้องไปตระกูลกู้สักรอบซวงซวงเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ ถึงนางจะตัดสัมพันธ์กับตระกูลกู้แล้ว แต่เรื่องแบบนี้พวกเขาไม่อาจเพิกเฉยไม่สนใจตอนนั้นบิดานางสร้างความชอบทางทหารจึงได้รับป้ายทองละเว้นโทษตายมาป้ายหนึ่ง ขอเพียงยอมนำออกมา ยังจะต้องกลัวว่าซวงซวงจะถูกเนรเทศอีกงั้นหรือ?ทว่าเวลานั้นเอง ฮูหยินผู้เฒ่าหลินที่ทราบข่า
กู้อวิ๋นเวยฟังวาจาเสียดแทงใจดำประโยคแล้วประโยคเล่าเหล่านั้นก็แทบจะโมโหจนขาดใจตายเลยทีเดียว!นางไม่ยินดีถูกคนเอ่ยถึงเรื่องที่นางกับฉินเจิงคบหากันในตอนแรกมาตลอด ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ นางก็คงไม่ตัดขาดสัมพันธ์กับที่บ้านใครใครล้วนพูดกันว่าฉินเจิงกับนางรักใคร่กันแล้วทำให้อดีตฮูหยินโมโหจนตาย แต่นั่นเดิมก็เป็นเพราะสตรีผู้นั้นไร้ประโยชน์ นางกับฉินเจิงจิตใจตรงกัน ไม่อย่างนั้นคุณหนูใหญ่อย่างนางก็คงไม่ยืนกรานแต่งงานกับเขา!เดิมก็เป็นเพราะอดีตฮูหยินจิตใจคับแคบ ทั้งยังไม่รู้จักหลีกทางให้ รู้ดีว่าเทียบนางไม่ได้ก็ควรเป็นฝ่ายลดตัวเป็นอนุภรรยาแล้วเชิญนางเข้าจวนมาถึงจะถูก! ตายไปก็สมควรแล้ว เกี่ยวอันใดกับนาง?“หลินรั่วหลาน นางเฒ่าเจ้าเล่ห์ ตัวเองเป็นตัวหายนะ ตัวเองไร้ประโยชน์ไม่มีปัญญาคลอดลูก มีแค่หลินจือเยว่พวกไร้อนาคตคนเดียว!”“ข้าว่าเจ้าคงบำรุงครรภ์ดีเกินไปจนให้ผลตรงข้ามกระมัง ไม่อย่างนั้นจะโง่งมจนถึงขั้นนี้ได้อย่างไร ยังมีหน้ามาโทษข้าอีก!”กู้อวิ๋นเวยก็ไม่เกรงใจเช่นกัน “พวกไม่เอาไหน ตัวเองเป็นพวกใจคอโลเลเอง ทำไมรึ? ตอนนี้เห็นตระกูลซ่งได้ดี เขาก็ไม่พอใจเสียแล้ว?”“ยังมีเจ้า ถ้าไม่ใช่
เมื่อก่อนถ้าเยว่หลินโกรธ เขาก็จะใช้ไม้นี้ ผู้ใดจะคาดว่าเขายังไม่ทันรอจนเยว่หลินปรากฏตัว แต่กลับได้รับน้ำล้างเท้าอ่างหนึ่งเทลงมาจากชั้นบนแทนอารามโมโห เขาจึงได้แต่กลับมาอาบน้ำเปลี่ยนชุด ไม่รู้ว่านั่นเป็นน้ำล้างเท้าคนจำนวนมากเท่าไรจึงส่งกลิ่นเหม็นเปรี้ยวชวนคลื่นไส้แบบนั้นในเมื่อเรื่องความสัมพันธ์กับภรรยาเป็นไปได้มากว่าคงรักษาไว้ไม่ได้แล้ว อย่างน้องก็ต้องเก็บลูกเขาไว้ให้ได้เขาเห็นว่าฉินเจิงไม่อยู่จึงถอยกลับไปอย่างเงียบๆรอจนหลินรั่วหลานถูกแม่นมสาวใช้ช่วยกันดึงออกไปข้างๆ ได้แล้ว กู้อวิ๋นเวยก็ร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด“ตีนางให้หนักๆ! ตีให้ตายไปเลย!”แววตาหลินรั่วหลานทอประกายเคียดแค้น “เจ้าแน่จริงก็ตีข้าให้ตาย ลือออกไปทุกคนจะได้รู้ว่าตระกูลฉินของพวกเจ้าเป็นฆาตกร!”“ตี! เหลือแค่ลมหายใจสุดท้ายไว้ก็พอ!” กู้อวิ๋นเวยสั่งอย่างโกรธเกรี้ยวฉินจื้อหย่วนไปหาฉินเจิง “ท่านพ่อ เมื่อครู่ตอนข้ามาได้ยินว่าฮูหยินใหญ่กับฮูหยินผู้เฒ่าหลินตีกันแล้ว จะไปดูหน่อยไหมขอรับ?”ฉินเจิงเดิมก็อารมณ์ขุ่นมัว เห็นฉินจื้อหย่วนก็ไม่มีสีหน้าดีๆ ให้ เจ้าโง่คนนี้ ไม่ดูเสียบ้างว่าเหอเซียงหนิงเป็นผู้หญิงแบบไหน ถึงกับไ
ขันทีเหลือบมองระหว่างฉินเจิงและบุตรชายแล้ว สายตาก็หยุดอยู่ที่กู้อวิ๋นเวยผู้ซึ่งเสื้อผ้ายับยู่ผมเผ้ายุ่งเหยิง แววตาเขาพลันฉายแววแกมแฝงเย้ยหยัน“อาภรณ์ของฉินฮูหยินแปลกใหม่ดีแท้”ฉินเจิงกลับจ้องมองกู้อวิ๋นเวยด้วยสายตาวาวโรจน์ รู้สึกอับอายขายขี้หน้าผู้คนอย่างถึงที่สุด!ฉินซวงซวงทำอับอายมากพอแล้ว คนเป็นมารดาอย่างกู้อวิ๋นเวยก็ยังทำขายขี้หน้าไปด้วย เกียรติศักดิ์ศรีของฉินเจิงผู้นี้จึงคล้ายจะถูกสองแม่ลูกคู่นี้ทำลายเสียจนสิ้นแล้ว!กู้อวิ๋นเวยมีสีหน้าลำบากใจ นางทำได้เพียงดิ้นทุรนทุรายอยู่กับพื้นฝืนทนความเจ็บปวดทางกาย ไม่เพียงแต่ศีรษะและใบหน้า กระทั่งตามเนื้อตัวก็ล้วนเต็มด้วยร่องรอยแผลฟกช้ำ!“ด้วยโองการแห่งสวรรค์ ฮ่องเต้ทรงมีพระบัญชา ฉินเจิงปกครองเรือนมิรัดกุม ครานี้ถึงกับกุเรื่องใส่ความผู้อื่น สอนสั่งนับครั้งมิปรับปรุงแก้ไข ให้โทษลดตำแหน่งเป็นรองเสนาธิการเจาอู่!”สิ้นคำกล่าวของขันที สีหน้าฉินเจิงก็ซีดขาวไร้เลือด เขาทรุดนั่งเหม่อลอยกับพื้นราวกับสูญสิ้นหมดทั้งเรี่ยวแรงหลายปีมานี้เขาดำรงตำแหน่งแม่ทัพหมิงเวยขั้นสี่ เพราะไม่มีผลงานโดดเด่นใดในสนามรบ จึงไม่เคยมีโอกาสใดในการเลื่อนขั้นแต่บัดนี้เ
ขันทีประกาศราชโองการจู่ๆ เห็นหญิงกายเต็มด้วยเลือดผู้หนึ่งพุ่งพรวดเข้ามา มือดึงจับเอาขากางเกงของเขาไว้แน่นก็สะดุ้งตกใจ“เจ้าเป็นใครกัน?”“ข้าเป็นมารดาของหลินจือเยว่ กงกง ตระกูลฉินหาใครดีมิได้เลย พวกเขาฆ่าลูกข้าแล้วยังมิพอ ยังคิดจะฆ่าปิดปากข้าอีก!”“หากท่านมิช่วยข้า วันนี้คงถึงคราวตายของข้าแล้วเป็นแน่!”ขันทีประกาศราชโองการย่อมรู้จักหลินจือเยว่ดี ก่อนนี้ครั้งที่หลินจือเยว่ยังเป็นหลินโหวเขายังเคยแสดงความยินดีด้วยอยู่เลย ฮูหยินผู้เฒ่าหลินที่ได้เห็นก็ยังมีสง่าราศีล้นเหลือ ทว่าบัดนี้กลับดูแก่ชราลงเป็นสิบปี อีกทั้งบาดแผลศีรษะแตกก็ยังคงมีเลือดไหลอยู่ไม่หยุด!“เกิดเรื่องอันใดขึ้น?” “บุตรชายข้าคอยแต่จะห้ามมิให้ฉินซวงซวงทำเรื่องชั่วช้าสามาญ แต่นางหญิงชั่วผู้นั้นราวกับคนบ้าก็มิปาน ทำแต่เรื่องเลวทรามมิมีหยุดหย่อน ทั้งยังลอบคบชู้สู่ชาย!”“เมื่อบุตรชายข้าเอ่ยปากขอหย่า พวกตระกูลฉินก็บีบบังคับเรา พวกเราเป็นเพียงสามัญชนคนธรรมดาไร้อำนาจ ไหนเลยจะต้านทานพวกเขาได้?”“ตอนนี้จือเยว่ติดร่างแหถูกเนรเทศยังมิพอ พวกเขายังบีบข้าให้สั่งจือเยว่รับผิดแทนทั้งหมด พอข้าขัดขืนพวกเขาก็คิดจะตีข้าเสียให้ตาย!”ฮูหยิ
กู้อวิ๋นเวยมองฉินเจิงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ สุดจะคาดคิดสายสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาหลายปีจะถูกตัดขาดเพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้! ฉินจื้อหย่วนเมื่อเห็นบิดาตัดสินใจจะปลดกู้อวิ๋นเวย ในใจก็อดยินดีปรีดาขึ้นมาไม่ได้ตั้งแต่กู้อวิ๋นเวยเข้ามาในครอบครัวก็ไม่เคยปฏิบัติดีต่อพวกเขาสองพี่น้องเลย หากมีสิ่งของดีใดล้วนตกถึงแต่มือของฉินเซี่ยงเหิงและฉินซวงซวง พวกเขาสองพี่น้องล้วนต้องจัดการดูแลตัวเองกันทุกอย่าง!หากกู้อวิ๋นเวยถูกปลดออกไป พวกเขาสองพี่น้องร่วมมือกันได้ แม้ฉินเซี่ยงเหิงคิดอยากจะกดขี่พวกเขาอีกก็ไร้หนทางแล้ว! “ฉินเจิง หากข้าออกจากตระกูลฉินไปแล้วเล่าก็ ท่านอย่ามาเสียใจทีหลังแล้วกัน!”กู้อวิ๋นเวยกำหมัดแน่น ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกล่าว “ข้ามีสกุลกู้คอยหนุนหลัง! ครานั้นพวกเขามิยินยอมให้ข้าแต่งกับท่านจึงได้ตัดสัมพันธ์ฉันญาติมิตรกับข้า!”“ขอเพียงท่านปลดข้าแล้ว บิดามารดาและพี่ชายข้าพวกเขาไม่ปล่อยท่านไว้หรอก ท่านคิดว่าชีวิตท่านยังจะราบรื่นสงบสุขได้อยู่หรือ?”“หยุดข่มขู่พ่อข้าได้แล้ว! มีคนเยี่ยงเจ้าเป็นนายหญิง ตระกูลฉินนับวันก็ยิ่งตกต่ำลงทุกวัน!”“หลายปีมานี้ สกุลกู้มิเคยแม้แต่จะช่วยเหลือบิดาข้าเล
“จับตัวนังชั่วนั่นมัดเสีย! ส่งนางไปศาลาว่าการซุ่นเทียน!”ฉินจื้อหย่วนได้ยินคำก็รู้ได้ในทันทีว่าเรื่องนี้ลุล่วงแล้ว!ตราบใดที่โยนความผิดทั้งหมดให้ฉินซวงซวงและเหอเซียงหนิงได้ เขาที่ถูกวางยาและมีบิดาช่วยเป็นพยานยืนยัน สกุลกัวก็ย่อมจะต้องเชื่อว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ส่วนเรื่องเด็กที่กำลังจะเกิดมา เมื่อเหอเซียงหนิงคลอดแล้วก็เพียงแค่ไล่นางไป แล้วมอบเด็กให้เยว่หลินเลี้ยงดูแทน เป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วกู้อวิ๋นเวยกุมท้องที่เจ็บปวดเอาไว้ นึกถึงความลำบากที่นางต้องอดกลั้นเพื่อจะได้ใช้ชีวิตอยู่กับฉินเจิง ทว่าบัดนี้กลับได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ ดวงตายิ่งแดงก่ำขึ้นเรื่อยๆ แล้ว สายตากลับยิ่งเต็มด้วยความโกรธแค้น!ในเมื่อฉินเจิงไม่เห็นค่าสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาที่มีมา นางก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจเช่นกัน!รอนางกลับไปยังสกุลกู้เสียก่อนเถิด จะให้คนในครอบครัวเอาคืนแทนนางให้สาสม!ไม่เพียงแค่ฉินเจิงเท่านั้น รวมถึงเจ้าลูกชั่วช้าฉินจื้อหย่วน! ที่นางน่าจะทำทุกวิถีทางทำให้ตายเสียตั้งแต่แรก!ขณะที่นางกำลังคิดถึงวิธีการที่จะใช้สั่งสอนพวกเขาอยู่นี้เอง ก็พลันเห็นบ่าวรับใช้กลุ่มหนึ่งเดินตรงมาหานางด้วยท่าทีฉายชัดถึงความไ
หลังจากซ่งรั่วเจินและพวกกลับมายังจวนสกุลซ่งแล้ว ซ่งเยี่ยนโจวและซ่งอี้อันก็ได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อได้ยินผลลัพธ์ดังกล่าว ทั้งสองก็ไม่ได้ตกใจมากนัก อย่างไรเสียแต่ไหนแต่ไรสกุลหลิ่วก็เป็นเช่นนี้อยู่แล้ว มักกระเหี้ยนกระหือรืออยากจะนำสิ่งของทุกอย่างของท่านแม่ไปเติมเต็มให้กับท่านน้าและคนสกุลหลิ่วด้วยกันทั้งสิ้นเพียงแต่ เมื่อซ่งรั่วเจินเผยว่าท่านแม่ไม่ได้เป็นบุตรสาวในไส้ของหญิงสกุลหลิ่ว สีหน้าทั้งสองก็ฉายชัดถึงความตกตะลึง“พวกเจ้ามิจำเป็นต้องกังวลใจ เดิมทีแม่ก็เพียงแต่รู้สึกติดค้างในใจ บัดนี้รู้แล้วว่าแม่ไม่ได้เป็นบุตรในไส้ของพวกเขาทุกอย่างก็กระจ่างแล้ว” “นับเป็นเรื่องดีทีเดียว จากนี้ไปพวกเขาคงมิกล้ายกเรื่องอกตัญญูมาบีบคั้นแม่อีก!” หลิ่วหรูเยียนกล่าวด้วยรอยยิ้มซ่งเยี่ยนโจวและซ่งอี้อันพยักหน้า เห็นมารดาหายข้องใจในทุกสิ่งแล้ว ต่างก็รู้สึกยินดีในใจอย่างบอกไม่ถูกแท้จริงแล้วความทุกข์ของคนเรานั้นเกิดจากความใส่ใจ บัดนี้เมื่อไม่ใส่ใจแยแสอีกต่อไปแล้ว สกุลหลิ่วก็หาได้มีอิทธิพลใดๆ อีกจนกระทั่งหลิ่วหรูเยียนไปแล้ว ซ่งอี้อันจึงหันมองไปยังซ่งรั่วเจิน “น้องหญิงห้า เจ้ารู้แล้วใช่ห
ฉู่จวินถิงสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของซ่งรั่วเจิน ไหวพริบบ่งบอกว่ามีปัญหาซ่งรั่วเจินส่ายหน้าเบาๆ “เพียงแต่ได้ยินจงเฟยพูดเรื่องบูชาเซียนโบตั๋นจึงรู้สึกแปลกอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าใช่เซียนโบตั๋นที่หม่อมฉันรู้จักหรือไม่”นางเคยได้ยินเรื่องเซียนโบตั๋นมาก่อน เป็นสิ่งที่สตรีบูชาจริง เซียนบุปผา มีสรรพคุณช่วยคืนความอ่อนเยาว์ เพียงแต่ภายในนี้กลับมีเคล็ดลับบางอย่าง ทำให้คนเสพติดอย่างง่ายดาย สุดท้ายลุ่มหลงจนยากจะถอนตัวขึ้นมาได้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีหากเป็นคนฝีมือโหดเหี้ยม ก็สามารถใช้ของสิ่งนี้แลกเปลี่ยนโชคชะตาได้ น่ากลัวอย่างมากจงเฟยมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ตนเองเก็บไว้บูชาเองก็พอ ทว่านางกลับนำมามอบให้ฮองเฮา แปลกเกินไปแล้วกระมัง“พูดให้ฟังเถอะ”ฉู่จวินถิงกลับไม่รีบร้อนจากไป เอียงหูฟัง รอฟังคำพูดของว่าที่ฮูหยินอย่างอารมณ์ดีแท้จริงแล้ว ไม่ว่าเจินเอ๋อร์พูดอะไร เขาล้วนอยากฟัง“หม่อมฉันเคยเห็นเซียนโบตั๋นมาก่อน ทำให้สตรีงดงามอ่อนเยาว์ผ่านการบูชาอาหาร หากจริงใจมากเพียงพอ ยังสามารถใช้เลือดเป็นเครื่องบูชาได้ ผลลัพธ์ดีมากนัก”“เพียงแต่จะทำให้สตรีลุ่มหลง กลายเป็นรีบร้อนอยากได้ผลลัพธ์ จากนั้นยากจะถอนตัวขึ
วังหลังวันนี้ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงเข้าวังไปขอบพระทัยความเมตตาด้วยกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นความครึกครื้นทั้งภายในภายนอกตำหนักของฮองเฮายังไม่ทันเข้าไปก็ได้ยินเสียงตวนเฟยดังออกมาจากภายใน“ระยะนี้น้องหญิงจงเฟยงดงามมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว คนเองก็สดใสมีชีวิตชีวามากเป็นพิเศษ ผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง ข้าถามนางว่าใช้เคล็ดลับอะไร นางก็ไม่ยอมบอกข้า ต่อมาข้ายังเห็นด้วยตนเอง”ตวนเฟยมองเซียนโบตั๋นข้างห้องบรรทมของฮองเฮาแวบหนึ่ง สายตาสะท้อนแววละโมบ“ที่แท้นางก็ตั้งใจขอเซียนโบตั๋นจากพระผู้ทรงศีล เพื่อรักษาความเยาว์วัยของสตรี ทำให้งดงามมีเสน่ห์!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา สนมคนอื่นก็ตาร้อนผ่าว ความเปลี่ยนแปลงของจงเฟยในระยะนี้ พวกนางล้วนเห็นอยู่ในสายตา ฝ่าบาทเองก็ประทับค้างแรมกับจงเฟยที่นั่นติดต่อกันหลายคืน ใครจะไม่อิจฉากันเล่า?สนมภายในวังมีไม่น้อย พวกเขาทำเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท ปกติทำทุกวิธี ก็ไม่แน่ว่าจะได้ผลบัดนี้ได้เห็นจงเฟยได้รับความโปรดปรานมากขึ้นทุกที แต่ละคนร้อนใจจนแทบทนไม่ไหว“เดิมทีคิดว่าจงเฟยจะซ่อนไว้ คิดไม่ถึงเลยว่ายังมอบให้ฮองเฮาอีกด้วย น้องหญิงจงเฟยจริงใจต่อฮองเอาจริงๆ!
“บัดนี้ข้าและองค์หญิงเพียงแต่มีปัญหากันเล็กน้อยเท่านั้น รอข้าไปอธิบายให้ชัดเจน ทั้งหมดย่อมกลับมาเป็นเหมือนเดิม”เสิ่นหวยอันพูดอย่างมีเหตุผล ชนิดที่ว่าหน้าตายังเผยแววลำพองใจ “เจ้าคิดดูให้ดี หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก่อเรื่องพรรค์นี้ขึ้นมา ป่านนี้คงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว”“ส่วนข้า ก็แค่ถูกโบย สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างว่องไว หรือเจ้าไม่เข้าใจความหมายกันเล่า?”“ตกลงเจ้าจะพูดอะไร?” เสิ่นจวินเจ๋อหรี่ตาลง สังเกตเห็นปัญหาแล้ว เสิ่นหวยอันมั่นใจในตนเองเกินไป“เหตุที่องค์หญิงทำเช่นนี้ ก็เพราะหึงหวงเท่านั้น” เสิ่นหวยอันหัวเราะเบาๆ ลูบแต่งผมและพูด “องค์หญิงมีจิตปฏิพัทธ์ต่อข้า เพียงแต่เห็นซ่งปี้อวิ๋นอยู่ข้างกายข้ามาโดยตลอด เข้าใจผิดคิดว่าข้าและนางมีความสัมพันธ์กัน นี่ถึงเป็นเช่นนี้”“ระหว่างสตรีย่อมหนีไม่พ้นความหึงหวง นี่คือเรื่องธรรมดาอย่างมาก เพียงแต่องค์หญิงอารมณ์รุนแรงอยู่บ้าง นี่ถึงโบยข้า”“หากไม่รัก นางก็คงไม่โมโหถึงเพียงนี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”เสิ่นจวินเจ๋อชะงักไปในทันใด ครู่ต่อมาคิดว่าสายตาของฉู่มู่เหยาไม่น่าจะแย่ถึงเพียงนี้ เพียงแต่ลองคิดดูแล้วเขาก็เริ่มไม่มั่นใจเพราะเสิ่นหวยอันมั่นใจในตน
ได้ยินคำพูดของอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ภายในสายตาอวิ๋นเนี่ยนชูเปี่ยมความแปลกใจ มากที่สุดคือต้องการรู้เหตุผลทั้งหมดตกลงเป็นเพราะอะไร?เพราะเหตุใดหลายปีมานี้ ทั้งๆ ที่นางแสดงความชอบของตนออกมาไม่ใช่เพียงครั้งเดียว ทว่าญาติผู้พี่กลับหลบเลี่ยงนางมาโดยตลอด นางต้องการคำตอบหนึ่ง กลับไม่ได้รับทั้งๆ ที่ดีต่อนางถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่ภายในใจมีนางมาโดยตลอด เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?อวิ๋นเฉิงเจ๋อเอ่ยปากพูดเสียงขมปร่า นี่ถึงพูดความคิดที่เก็บซ่อนไว้ภายในใจตลอดหลายปีมานี้ออกมา...อวิ๋นเนี่ยนชูได้ยินทั้งหมดนี้ สายตาสะท้อนแววเหลือจะเชื่อ ยากจะเชื่อได้ว่าทั้งหมดนี้ถึงขั้นยังมีเรื่องที่นางไม่รู้มากถึงเพียงนี้“ดังนั้น...พวกเราไม่ใช่ญาติพี่น้องแท้ๆ?”อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด นี่คือเรื่องที่นางไม่เคยรู้ หลายปีมานี้ญาติผู้พี่ก็ไม่เคยพูดมาก่อนอวิ๋นเฉิงเจ๋อพยักหน้า “ปีนั้นข้าถูกทิ้งไว้ที่ประตูเรือนด้านหลัง หากไม่ใช่ท่านแม่ใจดีรับเลี้ยงข้า ข้าคงตายไปตั้งนานแล้ว...”หลายปีมานี้เขาเคยคิดอยู่หลายค่ำคืน บิดามารดาแท้ๆ ของเขาเป็นใคร เหตุใดต้องทิ้งเขา บางครั้งก็เกลี้ยกล่อมตนเอง คิดถึงปัญหาเหล่านี้ไปล้วนไ
เพียงเอ่ยปาก โทสะทั้งหมดก็พรั่งพรูออกมาแล้วความเจ็บปวดและอึดอัดใจที่สั่งสมอยู่ภายในใจล้วนระเบิดออกมาในเวลานี้อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินอวิ๋นเนี่ยนชูพูดเช่นนี้เป็นครั้งแรก มองนางตวาดถามไล่เรียงตนเอง ภายในใจเปี่ยมความรู้สึกผิด“ขอโทษ ล้วนเป็นความผิดของข้า”เห็นสายตาเปี่ยมความรู้สึกผิดของฝ่ายชาย อวิ๋นเนี่ยนชูตาแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “เดิมทีทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของท่านอยู่แล้ว! เหตุใดท่านไม่บอกข้าเร็วสักหน่อย ท่านรู้ว่าหลายปีมานี้ข้าฝืนได้ลำบากมากเพียงใดหรือไม่?”“ในเมื่อท่านไม่พูดมาโดยตลอด เหตุใดไม่เก็บเอาไว้ชั่วชีวิตเล่า?”น้ำตานางไหลลงมา ตลอดหลายปีมานี้ไม่ตอบรับความรู้สึกนาง นี่ทุกข์ใจมากเพียงใด?นางอยากบริภาษเขาแรงๆ อยากทุบตีเขา ชนิดที่ว่าอยากไม่สนใจเขาอีก ทำให้เขาเสียใจภายหลังไปชั่วชีวิตเพียงแต่ ยามได้เห็นของเหล่านั้นที่เขาซ่อนไว้ภายในห้อง รวมถึงภาพเหมือนของนางที่วาดไว้นับไม่ถ้วนยามค่ำคืน นางก็อยากร้องให้อย่างอดไม่ได้...“เป็นความผิดของข้าเอง ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า เจ้าตีข้าด่าข้าโทษข้า ล้วนสมควรทั้งสิ้น”อวิ๋นเฉิงเจ๋อสืบเท้าขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ภายในสายตาเปี่ยมความเอ็
“อะไรนะ?” อวิ๋นเนี่ยนชูชะงัก ภายในสายตาสะท้อนความตกตะลึงทั้งๆ ที่ตลอดมาล้วนเป็นนางตอแยญาติผู้พี่หากไม่ใช่เพราะหลายปีมานี้นางทำเช่นนี้มาโดยตลอด คาดว่าญาติผู้พี่ก็คงไม่ชอบนาง ทว่าได้ยินคำพูดของมารดาแล้ว เหตุใดญาติผู้พี่ถึงผลักทั้งหมดนี้ลงบนศีรษะของเขาเล่า?“เฉิงเจ๋อพูดว่าเขาพยายามสอบสร้างผลงานก็เพื่อจะได้คู่ควรกับเจ้า จะได้มีโอกาสสู่ขอเจ้า”“หากเปลี่ยนเป็นในอดีต ข้าจะต้องไม่เห็นด้วยที่พวกเจ้าคบหากัน บัดนี้ผ่านเรื่องมามากถึงเพียงนี้ ความคิดของแม่ก็เปลี่ยนไปไม่น้อย”“หากเจ้าชอบเฉิงเจ๋อจริง ข้าเองก็ไม่คัดค้าน แต่หากเจ้าไม่ชอบ...”สีหน้าจางเหวินสับสน ก่อนหน้านี้เคยเห็นท่าทางของเด็กทั้งสอง ไม่ว่ามองอย่างไรเนี่ยนชูก็ไม่คล้ายไม่ชอบเฉิงเจ๋อ“ข้าชอบญาติผู้พี่เจ้าค่ะ” อวิ๋นเนี่ยนชูตอบอย่างไม่ลังเล “ข้าชอบญาติผู้พี่มาโดยตลอด”มองเห็นท่าทางมุ่งมั่นของลูกสาว จางเหวินรู้สึกเอือมระอาระคนโชคดีอยู่บ้าง “ช่างแล้วๆ น้ากู้ของเจ้าพูดถูกแล้ว ลูกหลานมีความสุขของลูกหลาน พวกเจ้าคบหากันก็เป็นพวกเจ้าสร้างขึ้น”“แม้ว่าปีนั้นเฉิงเจ๋อทำไม่ถูก ไม่สมควรเกิดความคิดต่อเจ้า แต่ข้าล้วนเห็นความพยายามของเขาตลอดหลา
ยิ่งไปกว่านั้น ขอเพียงเขาพยายาม เขาเชื่อว่าตนเองจะต้องมีอนาคตแน่ตระกูลตกต่ำ บิดามารดาจากไปก่อนวัยอันควร เดิมทีเขาก็เป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจตายที่ข้างถนนตั้งนานแล้ว บัดนี้ไม่เพียงมีข้าวกิน มีเสื้อผ้าสวมใส่ ท่านน้ายังเชิญอาจารย์มาสอนหนังสือเขา เขาไม่มีวันอกตัญญูเขาคิด...รออีกหน่อย รอจนเขามีความสามารถ รอจนเขาฉายแววโดดเด่น บางทีอาจมีโอกาสขอท่านน้าแต่งงานกับเนี่ยนชูทว่า ขณะเขากำลังตรากตรำร่ำเรียนอยู่นั้น ในที่สุดก็ได้รับคำชมจากอาจารย์ ได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลวง อาจารย์ของสำนักศึกษาหลวงเองก็ชื่นชมว่าเขาจะต้องมีโอกาสสอบผ่านขุนนางแน่ ตอนเขาคิดว่าตนเองอาจจะสามารถตอบรับความรู้สึกของเนี่ยนชูได้ กลับได้ยินท่านน้าและแม่นมพูดสนทนากันที่แท้...เขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของบิดามารดาลูกของมารดาตายไปตั้งนานแล้ว ส่วนเขาคือเด็กที่วันนั้นถูกทิ้งไว้หน้าประตูเรือนด้านหลังของมารดาเดิมทีมารดาก็ยากจะยอมรับความเจ็บปวดได้ อีกทั้งยังสงสารเขา หมอพูดว่าร่างกายนางเสียหาย ภายภาคหน้ายากจะมีลูกได้อีก นี่ถึงรับอุปการะเขา ประกาศต่อโลกภายนอกว่าเขาเป็นลูกของตนเขาเป็นแค่เด็กถูกทิ้งคนหนึ่ง เศษสวะที่ไม่ยอมหนาว
ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ข้าเคยไม่สนับสนุนเจ้าตั้งแต่ยามใด? แต่ไหนแต่ไรมาข้าล้วนสนับสนุนการตัดสินใจของเจ้า”ก่อนหน้านี้นางทำนายมาก่อนแล้ว ภายในเรื่องนี้มีเงื่อนงำซ่อนอยู่มากมาย อวิ๋นเฉิงเจ๋ออ่อนแอเกินไปสำหรับเรื่องนี้ ไม่มีความรับผิดชอบมากเพียงพอเพียงแต่ หากไม่เคยผ่านความทุกข์ของผู้อื่น ก็ไม่สามารถตัดสินตามใจได้อวิ๋นเฉิงเจ๋อกลายเป็นเช่นนี้ ย่อมหนีไม่พ้นประสบการณ์ที่เขาเคยเจอมาในช่วงหลายปีมานี้เรื่องเดียวกัน บางคนมีความรับผิดชอบที่แข็งแกร่งมาก ไม่ได้รับผลกระทบใด แต่บางคนคิดอ่านอย่างละเอียด ยากจะสามารถรับได้ใต้หล้ากว้างใหญ่ รวมทุกสรรพสิ่งไว้แล้ว ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะตนเอง นางย่อมไม่วู่วามสอดมือเข้าไปอวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มกว้าง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นไรข้าก็ไม่ใส่ใจแล้ว หากไม่พูดเรื่องนี้ออกมา ข้าจะต้องเสียใจภายหลังแน่”“ตอนนี้ท่านป้าจ้างกำลังอยู่กับท่านแม่ข้า รอกลับไปแล้วค่อยหาโอกาสพูดเถอะ”ซ่งรั่วเจินจิกนิ้วทำนาย ภายในสายตาเผยแววประหลาดใจ เปลี่ยนคำพูด “ดูท่าแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดออกจากปากของตนแล้วล่ะ”อวิ๋นเนี่ยนชูสงสัย “หมายความว่าอะไร?”“ญาติผู้พี่เจ้าพูด
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที