Share

บทที่ 6

Author: จี้เวยเวย
“เจ้าหมายถึงสร้อยข้อมือเส้นนี้หรือ?”

ซ่งอี้อันถอดสร้อยข้อมือออกแล้วส่งมาให้ ก่อนหน้านี้ตัวสร้อยถูกแขนเสื้อปกคลุมเอาไว้ ซ่งรั่วเจินจึงมองไม่เห็น ครั้นเมื่อเห็นสร้อยข้อมือที่สะท้อนใต้แสงแดด ก็พบว่าของสิ่งนี้มีกระแสไอของความอัปมงคลที่หมุนวนขึ้นมา

“เจ้าไม่พูดข้าก็เกือบลืมไปเสียสนิท สร้อยข้อมือเส้นนี้เป็นของที่หลินโหวส่งมาให้ ตอนนี้งานวิวาห์ยกเลิกไปแล้ว สร้อยข้อมือเส้นนี้ก็ไม่ควรเก็บไว้”

ผู้เป็นพี่คิดเพียงว่าน้องสาวของเขาแค่ตั้งใจเตือนตนเอง เพราะอย่างไรเสีย ตอนนี้สองตระกูลไม่มีความเกี่ยวข้องกันแล้ว เก็บไว้ก็ไม่เหมาะสมจริง ๆ

“ท่านบอกว่าสร้อยข้อมือเส้นนี้เป็นของที่หลินจือเยว่ส่งมาหรือ?”

ของสิ่งนี้อาบชโลมด้วยโลหิตมนุษย์ ไออัปมงคลหลอมรวม เป็นของสกปรกขุ่นมัว หลินจือเยว่จงใจหาของแบบนี้มามอบให้ ช่างมีน้ำใจนัก!

ซ่งอี้อันพยักหน้า “ครั้งก่อนที่หลินโหวมาเยี่ยมเจ้าที่จวน เขาก็ให้ข้ามา บอกว่ารู้ว่าข้าชื่นชอบ ใช้เงินไปไม่น้อยเพื่อซื้อมาให้โดยเฉพาะ”

“หากพี่ชายรองชอบสร้อยข้อมือก็เอาเส้นที่เป็นของข้าไปก่อน ส่วน ‘ของล้ำค่า’ ชิ้นนี้ส่งคืนให้หลินจือเยว่เถิด”

ซ่งรั่วเจินหยิบสร้อยข้อมืออีกเส้นส่งไปให้ หลังจากที่เธอทะลุมิติมา ก็พบว่ามิติส่วนตัวที่ติดตัวเธอยังคงอยู่ สื่อเวทที่เคยทำไว้ก็อยู่ในนั้น เอามาใช้งานได้พอดี

ซ่งอี้อันรับสร้อยข้อมือไป ถึงแม้จะมองไม่เห็น แต่เมื่อสัมผัสกลับรู้สึกอบอุ่น ไม่เหมือนกับเส้นก่อนหน้านี้ที่เย็นเฉียบ ว่ากันว่าสร้อยเส้นนั้นถูกงมขึ้นมาจากส่วนลึกของทะเลใต้ จึงแผ่ไอเย็นไปทั้งร่าง ตรงข้ามกับสร้อยเส้นนี้ที่เมื่อถืออยู่ในมือแล้วรู้สึกสบายกว่ามาก

“ขอบใจน้องหญิง”

ซ่งจืออวี้มองซ่งอี้อันที่แต่ไหนแต่ไรก็ตั้งมาตรฐานต่อสร้อยไข่มุกสูงลิ่ว ตอนนี้กลับใส่สร้อยข้อมือที่ไม่น่าภิรมย์เช่นนั้น หากเป็นเมื่อก่อนพี่ชายรองไม่มีทางชมชอบเป็นแน่ แต่ตอนนี้เมื่อตามองไม่เห็นกลับถือว่าสิ่งนั้นเป็นของล้ำค่า

แต่ถึงอย่างไร นี่ก็เป็นความหวังดีของน้องหญิงห้า!

ล้ำค่ามาก! ข้าก็อยากได้บ้าง!

ซ่งรั่วเจินเห็นนัยน์ตาที่เป็นสีแดงของซ่งอี้อันค่อย ๆ จางลงไป จึงลอบถอนหายใจเบา ๆ ไม่คิดว่าพอหันหน้าไปจะเจอกับสายตาที่เปี่ยมด้วยความคาดหวังของพี่ชายสาม

“?”

“พี่ชายสาม ข้ามอบสิ่งนี้ให้ท่าน”

ซ่งรั่วเจินหยิบหยกประดับอีกชิ้นส่งให้ซ่งจืออวี้ หมู่นี้คนในบ้านไม่ค่อยได้อยู่อย่างสงบสุขนัก พกเครื่องรางติดตัวไว้คุ้มครองจะดีกว่า

ฝ่ายนั้นคิดวิธีการโหดเหี้ยมแบบนี้ออกมา เธอก็ต้องหาตัวคนที่อยู่เบื้องหลังแล้วไปเผชิญหน้ากับพวกเขาสักตั้ง!

……

จวนหลินโหว

เมื่อซ่งรั่วเจินพาทุกคนในตระกูลซ่งออกไป งานแต่งงานของหลินจือเยว่และฉินซวงซวงก็ต้องล้มเลิกไปด้วย

เพราะว่าไม่เพียงแต่คณะจัดงานแต่งจะหายไปแล้ว แม้แต่ผู้ดูแลพิธีการก็หนีหายไปด้วย เช่นนี้งานมงคลจะดำเนินต่อได้อย่างไรเล่า?

เมื่อแขกทุกคนได้ชมละครขบขันนี้จนพอใจแล้วก็พากันออกไป คำแสดงความยินดีกลับกลายเป็นคำเยาะเย้ยเสียดสี แม้เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินจือเยว่ทุกคนจะไม่พูดตรง ๆ แต่ลับหลังใครเล่าจะไม่พูดว่าเขาเป็นคนใจดำไร้ความรู้สึก?

การกระทำของแม่นางซ่งครั้งนี้ช่างทำให้คนสะใจโดยแท้!

“ท่านโหว จะทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”

ฉินซวงซวงมองจวนหลินโหวที่ว่างเปล่า เรือนที่เดิมทีหรูหรากลับถูกขนของย้ายออกไปจนดูทรุดโทรม

หลินจือเยว่เงยหน้ามองหลังคาที่ไม่มีแผ่นกระเบื้อง แสงแดดสว่างจ้าชวนให้ปวดหัว เขาดึงเก้าอี้ข้าง ๆ มานั่งด้วยความโกรธ แล้วกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์

“ไม่ต้องกังวล อีกไม่นานซ่งรั่วเจินจะต้องร้องไห้อ้อนวอนข้า!”

“หากไม่มีข้า นางไม่มีทางแต่งออกไปได้ วันนี้นางเอาของไปมากแค่ไหน ในวันข้างหน้าข้าจะให้นางส่งกลับคืนมาเป็นสองเท่า!”

ทว่าในขณะที่เขาพูดคำนี้ เก้าอี้ก็ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเหมือนไม่สามารถรับน้ำหนักได้อีก ก่อนจะพังตัวลงเสียงดังลั่น

“โครม!”

หลินจือเยว่ล้มลงจนก้นกระแทกพื้นเต็ม ๆ ความโกรธที่อัดอั้นในใจไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เขาเตะไปที่โต๊ะด้านข้างด้วยความโมโห

โต๊ะล้มลงตามด้วยเสียงดังสนั่น

“สมควรตาย!” หลินจือเยว่ระเบิดความโกรธออกมาอย่างเต็มเปี่ยม ท่าทางที่เขาคำรามลั่นไร้ความสง่างามเหมือนในอดีต

ใบหน้าของฉินซวงซวงดูย่ำแย่ นางไม่เข้าใจ ทั้ง ๆ ที่ซ่งรั่วเจินเป็นแค่คนขี้ขลาด เดิมทีในวันนี้ควรจะเป็นวันที่นางได้แต่งงานอย่างยิ่งใหญ่มีหน้ามีตา ซ่งรั่วเจินควรจะอดทนไปเงียบ ๆ และอยู่อย่างโดดเดียวในห้องหอ

ทว่าตอนนี้ทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามคาด ซ่งรั่วเจินเหมือนนิสัยเปลี่ยนไป หรือว่าเพราะชาติที่แล้ว ที่ซ่งรั่วเจินยอมทนปิดปากเงียบเป็นเพราะหล่อนแต่งให้กับหลินจือเยว่แล้ว จึงไม่มีทางเลือกอื่นและจำใจยอมรับในตัวนาง

ครานี้นางไม่อยากถูกกดข่ม จึงเลือกแต่งงานวันเดียวกับซ่งรั่วเจิน จนทำให้หล่อนมีความคิดที่จะถอนหมั้นหรือ?

แย่แล้ว!

นางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าตอนนี้จวนหลินโหวเป็นเพียงเปลือกกลวง หากไม่มีเงินจากตระกูลซ่งมาช่วยเจือจุน แล้วหลินจือเยว่คิดอยากเลื่อนตำแหน่งจะไม่กลายเป็นเรื่องยากหรอกหรือ?

“จือเยว่ เจ้าทำอะไรลงไป?”

เสียงโกรธเคืองของฮูหยินผู้เฒ่าหลินดังมาจากข้างนอก

“ข้าเคยบอกไปแล้วว่าหากเจ้าต้องการแต่งงานกับซวงซวง ข้าจะไม่ห้าม แต่เจ้าต้องให้รั่วเจินแต่งเข้ามาก่อน นางต่างหากที่เป็นคนที่มีสัญญาหมั้นหมายกับเจ้า!”

“สองปีมานี้ ถ้าไม่ใช่เพราะรั่วเจินดูแลข้าอย่างดี และจัดการจวนโหวทั้งหมด ไหนเลยจะมีความรุ่งเรืองอย่างทุกวันนี้ได้?”

“ตอนนี้จวนโหวถูกขนของย้ายออกไปหมดแล้ว ทั้งตระกูลล้วนกลายเป็นตัวตลก!”

หลินจือเยว่ก้มหน้า ใบหน้าแสดงความละอายใจ “ท่านแม่ ความจริงแล้วเป็นซ่งรั่วเจินต่างหากที่มีจิตใจคับแคบ ข้าไม่ได้จะไม่แต่งงานกับนาง แต่เพียงให้แต่งเข้ามาพร้อมกันก็เท่านั้น ไม่ได้จะให้ซวงซวงข่มนางเสียหน่อย แต่นางกลับขอถอนหมั้นต่อหน้าธารกำนัล ทำให้ข้าเสียหน้า ไม่มีความสง่างามเฉกเช่นบุตรีตระกูลใหญ่เลยสักกระผีก”

“สตรีเช่นนี้จะเป็นนายหญิงใหญ่ของจวนโหวได้อย่างไร?”

ไม้เท้าที่อยู่ในมือแม่เฒ่าหลินฟาดลงบนตัวหลินจือเยว่อย่างแรง “ตามข้าไปขอโทษที่จวนตระกูลซ่งเดี๋ยวนี้!”

“ข้าไม่ไป!” หลินจือเยว่ใบหน้าเขียวคล้ำ

ฮูหยินผู้เฒ่าหลินโกรธมาก “หากเจ้าไม่ไป ก็ถือเป็นการทำลายชื่อเสียงของจวนหลินโหวอย่างสิ้นเชิง จะให้ทุกคนคิดว่าเราเป็นพวกลืมบุญคุณคนหรือ?”

“ในปีนั้น ตระกูลฉินปฏิเสธคำขอแต่งงานของเจ้า ข้าจึงช่วยเจ้าไปขอแต่งงานกับตระกูลซ่ง ตอนนี้เจ้าต้องการแต่งงานกับนาง ข้าไม่ห้ามเจ้า แต่เจ้าก็ไม่สามารถทำผิดต่อตระกูลซ่งได้”

“เจ้าเพิ่งชนะศึกกลับมาและได้เลื่อนตำแหน่ง แต่กลับมาทำให้ตระกูลซ่งอับอาย ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป จวนหลินโหวของเราจะถูกวิจารณ์อย่างหนัก!”

ขณะที่พูด ฮูหยินผู้เฒ่าหลินก็มองไปที่ฉินซวงซวงอย่างนึกรังเกียจ นึกถึงครานั้นที่หลินจือเยว่หลงรักนางจนหัวปักหัวปำ ทว่าสุดท้ายก็ถูกตระกูลฉินเหยียดหยามอย่างหนัก

นางเห็นลูกชายของตัวเองเจ็บปวดอย่างที่สุด กลัวว่าจะเข้มแข็งขึ้นมาไม่ได้ จึงไปขอดองกับตระกูลซ่ง ไม่คิดว่ายามนี้ฉินซวงซวงจะยอมมาอยู่กับเขา จนเกิดความวุ่นวายเช่นนี้

ฉินซวงซวงเห็นดังนั้นก็ก้มหน้าต่ำ ทว่ากลับไม่ใส่ใจเท่าไร ในอนาคตทุกคนในจวนหลินโหวจะต้องฟังนางทั้งหมด!

“เจ้าออกไปก่อน” หลินรั่วหลานกล่าวเสียงเย็น

เมื่อฉินซวงซวงออกไป หลินรั่วหลานกล่าวด้วยความโมโห “เยว่เอ๋อร์ เจ้าช่างเลอะเลือนเสียจริง! จวนหลินโหวของเรามีเพียงเปลือกกลวง เจ้าต้องแต่งกับรั่วเจิน มีเงินช่วยเหลือจากตระกูลซ่งถึงจะช่วยเติมเต็มให้จวนโหวของเรารุ่งเรืองต่อไปได้”

“พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ หากไม่มีเงิน เจ้าจะให้ซวงซวงของเจ้ามีชีวิตที่ดีได้อย่างไร?”

“เพียงแค่เจ้ายอมจำนน ทุกอย่างก็จะคลี่คลาย”

หลินจือเยว่เงยหน้ามองหลังคาที่ไม่มีแผ่นกระเบื้อง เริ่มโอนอ่อนผ่อนตาม “แต่วันนี้เรื่องกลายเป็นแบบนี้…”

“เจ้าไม่ต้องกังวล รั่วเจินเป็นคนอ่อนโยน วันนี้นางโกรธจัดถึงได้ทำเช่นนี้ เพียงแค่เจ้าขอโทษและปลอบใจนางสักหน่อย นางก็จะไม่ถือสาหาความอันใด”

หลินรั่วหลานผุดรอยยิ้ม “หากวันนี้เจ้าไม่หักหน้านางจนเกินไป นางก็คงไม่ถอนหมั้น แต่งนางเข้ามา เจ้าไม่เสียเปรียบหรอก!”

“ลูกเข้าใจแล้ว”
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (2)
goodnovel comment avatar
Kanchana ussawachuang
แม่ก็ร้ายนะ
goodnovel comment avatar
Wilartlak Taa
ทัเงแม่ทั้งลูกความคิดแย่ที่สุด
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1902

    เขายังไม่ตาย!“ขอบพระทัยรัชทายาท ขอบพระทัยพระชายารัชทายาทอย่างสูง! บุญคุณที่ช่วยชีวิตข้าไว้ครั้งนี้ จะขอจดจำไปชั่วชีวิต”เซียวเหวินยวนหมายจะหยัดกายขึ้นนั่ง แต่กลับพบว่าร่างกายของตนเองบัดนี้อ่อนแออย่างถึงที่สุด เพียงลุกขึ้นมานั่งได้ก็ล้มลงไปอีกครั้งทันทีซ่งรั่วเจินโบกมือ ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ร่างกายของเจ้าอ่อนแอเกินไป เพราะหลายวันมานี้ไม่มีอาหารตกถึงท้อง เว้นเพียงดื่มน้ำไปเล็กน้อยเท่านั้น กอปรกับดวงวิญญาณเพิ่งคืนสู่ร่าง เจ้าควรจะพักผ่อนให้เต็มที่เสียก่อน”เซียวเหวินยวนเองก็เพิ่งเคยรู้สึกว่าตนเองอ่อนแอมากถึงเพียงนี้เป็นครั้งแรกเหมือนกัน จึงได้แต่เอ่ยตอบกลับไปว่า“ต้องขออภัยจริง ๆ ไว้ข้าหายดีแล้วเมื่อใด จะต้องไปกล่าวขอบคุณถึงที่ด้วยตนเองแน่นอน”เขารู้ หากครั้งนี้ตนเองมิได้บังเอิญพบพระชายารัชทายาท ก็คงเหลือเพียงหนทางสู่ความตายเท่านั้นแล้ว“คุณชายใหญ่เซียว เจ้าเองก็ลำบากมากแล้ว ไม่สู้ลองคิดดูว่าหลังจากกลับไปแล้วจะแก้ไขปัญหาอย่างไรต่อไปดีกว่าหรือ เรื่องนี้จัดการไม่ได้ง่าย ๆ หรอก”ซ่งรั่วเจินจินตนาการถึงภาพตอนที่เซียวเหวินยวนกลับเรือนสกุลเซียว ละครนี้จะต้องยอดเยี่ยมยิ่งใหญ่ถึงใจแน่นอน

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1901

    ฉู่จวินถิงปรายสายตามองอวิ๋นหยางปราดหนึ่ง คนหลังรีบหยิบเงินหนึ่งร้อยตำลึงใส่มือชายชราทันที“ข้ากับเซียวเหวินยวนเพียงรู้จักกันครั้งหนึ่ง หาใช่คนในครอบครัวของเขาไม่ เพียงแต่ได้ยินว่าเขาเกิดเรื่อง จึงลองมาหาละแวกนี้”“ไว้พวกข้ากลับไปแล้วจะแจ้งให้คนในครอบครัวของเขาทราบทันที ส่วนเงินจำนวนนี้ฝากให้พวกท่านใช้ดูแลเขาด้วย ไว้เขาฟื้นเมื่อใด จะขอบคุณพวกท่านอย่างดี”ฉู่จวินถิงแววตาเรียบเฉยเย็นชา เรื่องนี้สกุลเซียวเป็นคนก่อขึ้นมาเองหากมิได้ทำเพื่อเซี่ยจือหลาน พวกเขาเองก็คร้านจะวิ่งมาที่นี่ ส่วนเรื่องบุญคุณช่วยชีวิต ก็ให้เซียวเหวินยวนตัดสินด้วยตนเองเถิดเรื่องหนี้ดอกท้อแบบนี้ ต้องให้ตัวเขาจัดการเอง!ชายชรามองเงินหนึ่งร้อยตำลึงในมือ ความจริงแล้วเขาเชิญหมอมาก็จ่ายไปเพียงไม่กี่ตำลึงเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะให้มาถึงหนึ่งร้อยตำลึงในคราวเดียวเช่นนี้ คนพวกนี้ฟุ้งเฟ้อเกินไปแล้ว“คุณชายขอรับ เงินจำนวนนี้มากเกินไปหน่อยแล้ว…”ซิ่งเอ๋อร์รีบดึงมือบิดาตนเองกลับมาทันที “ท่านพ่อ ท่านรับเอาไว้เถิด พวกเขาไม่ใส่ใจกับหนึ่งร้อยตำลึงเงินนี้นักหรอก”นางตั้งใจตั้งแต่แรกแล้วว่าเพื่อให้ตนเองได้มีชีวิตที่ดีขึ้นถึ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1900

    “ลูกเอ๋ย หมอเองก็ดูอาการแล้ว บอกว่าไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมาได้ หนำซ้ำชีพจรของเขาก็ยิ่งอ่อนลงทุกที แม้แต่หมอยังบอกว่าน่ากลัวว่าจะไม่รอด พวกเราอย่าเปลืองเงินไปมากกว่านี้อีกเลย”ชายชราพูดอย่างจนใจ บ้านของพวกเขาเดิมทีก็อยู่กันอย่างลำบาก ค่าหมอที่ต้องจ่ายไปก็เกินกำลังจะรับได้ ลูกสาวคนนี้ก็ยังยืนกรานว่าต้องช่วยชายคนนี้ให้ได้ เขามีลูกสาวเพียงคนเดียว ต่อให้ไม่เต็มใจก็ยังต้องรับปากแต่ซิ่งเอ๋อร์ได้ยินคำพูดของบิดา กลับส่ายหน้าอย่างหนักแน่น“ท่านพ่อ ไม่ได้เจ้าค่ะ พวกเราต้องช่วยเขาให้ฟื้นให้ได้!”นางไม่อยากใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้าน ต้องออกเรือนไปแต่งกับชาวนาสามัญนับตั้งแต่ได้ไปเมืองหลวง นางก็ตัดสินไว้แล้วว่านางจะต้องหาทางมีชีวิตที่ดีขึ้นให้ได้!ในตอนนี้เอง นางกลับบังเอิญพบคุณชายผู้สูงศักดิ์ได้รับบาดเจ็บหนักอยู่เชิงเขาต่อให้เขาจะได้บาดเจ็บ แต่จากเสื้อผ้าที่สวมใส่ รวมถึงใบหน้าและรัศมี ก็เห็นได้ชัดว่าไม่มีทางเป็นคนธรรมดาอย่างแน่นอนหากช่วยเขาไว้ได้ละก็ ด้วยบุญคุณช่วยชีวิตนี้ ไม่แน่ว่านางอาจได้กลายเป็นหงส์โบยบินขึ้นสู่ที่สูงก็เป็นได้!ในนิยายก็เขียนกันไว้แบบนั้น นางจึงเชื่อว่านี่คือโชคชะตาข

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1899

    อันที่จริงใช่ว่าฉู่จวินถิงไม่รู้จักเซียวเหวินเช่ออย่างไรเสียเขาก็คือสามีของเซี่ยจือหลาน ไทเฮาเองก็เมตตาเซี่ยจือหลานเป็นพิเศษ ดังนั้นในสายตาของเสด็จพ่อ หากเซียวเหวินเช่อเป็นคนมีความสามารถจริง ส่งเสริมสักหน่อยก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรเพราะเหตุนี้เอง แม้ในการสอบจอหงวนที่ผ่านมาเขาจะได้อันดับไม่สูงนัก แต่ตำแหน่งงานที่ได้รับกลับไม่เลวเลยยิ่งไปกว่านั้น ชื่อเสียงของเซียวเหวินเช่อภายนอกก็ดีอย่างยิ่ง มิตรสหายต่างก็ยกย่องเขารู้หน้าไม่รู้ใจ พอมาวันนี้เมื่อรู้ว่าเขากลับทำเรื่องเช่นนี้ได้ ช่างสวนทางกับภาพลักษณ์ที่เขาแสดงออกต่อคนนอกอย่างสิ้นเชิง“ก่อนอื่นต้องพาเซียวเหวินยวนกลับสู่ร่างให้ได้ ทุกอย่างจะกระจ่างเอง”ซ่งรั่วเจินเหลือบมองวิญญาณของเซียวเหวินยวนที่อยู่ภายนอก พูดไปแล้วก็น่าสนใจ นับตั้งแต่คนผู้นี้ออกจากจวนสกุลเซียว กลับถามนางบนรถม้าไม่น้อยแต่พอถึงจวนฉู่อ๋อง หลังฉู่จวินถิงขึ้นรถม้าแล้ว เซียวเหวินยวนก็ออกไปนั่งด้านนอกคู่กับอวิ๋นหยางแทนมองออกว่าทั้งตอนเป็นคนหรือเป็นวิญญาณ เซียวเหวินยวนก็ยังรักษามารยาทน่าชื่นชมเอาไว้อวิ๋นหยางไม่รู้เลยว่าขณะควบม้าอยู่นั้น มีวิญญาณนั่งข้าง ๆ เขาอยู่ เขาเพีย

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1898

    ชิงเถิงเข้าใจในทันใด พูดยิ้ม ๆ ว่า “บ่าวจะเข้าไปถามเดี๋ยวนี้เลยเจ้าค่ะ”ไม่นานนัก ฉู่จวินถิงก็ขึ้นมานั่งบนรถม้าด้วยเขาคุ้นชินกับการโอบนางไว้ในอ้อมแขน หนำซ้ำยังจับมือของนางเล่นพลางเอ่ยถาม “จะออกไปที่ใดหรือ?”“วันนี้จะไปช่วยคนคนหนึ่ง เรื่องนี้ช่างยุ่งเหยิงเหลือเกิน ท่านได้ฟังแล้วต้องตกใจแน่”ซ่งรั่วเจินกะพริบตาปริบ ๆ ใบหน้างดงามเปี่ยมความภาคภูมิใจ สายตาดุจม่านหมอกกลับเจือรอยยิ้มเจ้าเล่ห์หลายส่วนฉู่จวินถิงให้ความร่วมมืออย่างมาก เอ่ยปากอย่างตกตะลึง “เรื่องอะไรลึกลับเพียงนั้น? ฮูหยินบอกข้าทีเถิด”“เซี่ยจือหลาน ท่านรู้จักใช่หรือไม่?”ฉู่จวินถิงได้ยินชื่อคุ้นหู ก่อนจะพยักหน้าตอบ “บิดาของนางเคยเสียสละชีวิตเพื่อปกป้องไทเฮาเมื่อหลายปีก่อน ไทเฮาทรงสำนึกในบุญคุณนั้นอยู่เสมอ จึงดูแลเซี่ยจือหลานเป็นพิเศษ”“วันนี้เจ้าคงได้เจอนางมาใช่หรือไม่? ข้าได้ยินว่าสามีของนางเสียชีวิต จึงสั่งคนไปเยี่ยมไว้แล้ว”ปกติเขางานยุ่ง เรื่องการไปปลอบขวัญผู้วายชนม์เช่นนี้ก็มักจะมอบให้ผู้อื่นไปแทน หรือวันนี้รั่วเจินได้ไปงานนั้นหรือ?“หม่อมฉันสงสัยว่าเซียวเหวินยวนถูกเซียวเหวินเช่อฆ่าตาย” ซ่งรั่วเจินเอ่ยฉู่จวิน

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1897

    ซ่งรั่วเจินเข้าใจความกังวลของเซี่ยจือหลาน จึงยิ้มบาง ๆ แล้วกล่าวว่า“เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้เสด็จย่าหรือเสด็จแม่ออกหน้า ยังมีคนที่สามารถช่วยเจ้าได้อีกคน”“คนที่สามารถช่วยได้อีกคน?” เซี่ยจือหลานสงสัยซ่งรั่วเจินพยักหน้า “เซียวเหวินยวน”“พี่ใหญ่? แต่พี่ใหญ่ตายไปแล้วมิใช่หรือ? จะช่วยข้าได้อย่างไร?”ในสายตาของเซี่ยจือหลานเต็มไปด้วยความสงสัย ภายในใจคิดว่าพระชายารัชทายาทจะเชิญวิญญาณกลับมาช่วยอย่างนั้นหรือ? แต่ตอนนี้นางกำลังตั้งครรภ์อยู่ จะทำเรื่องเช่นนั้นได้จริงหรือ?“ในเมื่อแม่สามีของเจ้าแกล้งหมดสติไปแล้ว เจ้าก็ฉวยโอกาสนี้ตรวจนับสินเดิมของเจ้าทั้งหมด ทำบัญชีออกมาเป็นรายการให้ชัดเจน”“ให้คนของวังหลวงนับต่อหน้าพวกเขา ถึงตอนนั้น วังหลวงหนึ่งชุด และเจ้าถือไว้อีกหนึ่งชุด เช่นนี้สกุลเซียวย่อมไม่กล้าแตะต้องสินเดิมของเจ้าโดยพลการ”“เมื่อเป็นเช่นนี้ รอเซียวเหวินยวนกลับมา ไม่ว่าเจ้าจะเลือกออกจากสกุลเซียว หรือจะขอหย่า ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะสูญเสียอะไร”เดิมทีเซี่ยจือหลานรู้สึกว่าการจากไปเฉย ๆ ยังมีความแค้นติดค้างอยู่ในใจ ไม่คิดว่าจะยังอีกวิธีหนึ่ง นี่จึงรู้สึกดีใจขึ้นมาอย่างสุดระงับต่อให้ต้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status