แชร์

บทที่ 6

ผู้เขียน: จี้เวยเวย
“เจ้าหมายถึงสร้อยข้อมือเส้นนี้หรือ?”

ซ่งอี้อันถอดสร้อยข้อมือออกแล้วส่งมาให้ ก่อนหน้านี้ตัวสร้อยถูกแขนเสื้อปกคลุมเอาไว้ ซ่งรั่วเจินจึงมองไม่เห็น ครั้นเมื่อเห็นสร้อยข้อมือที่สะท้อนใต้แสงแดด ก็พบว่าของสิ่งนี้มีกระแสไอของความอัปมงคลที่หมุนวนขึ้นมา

“เจ้าไม่พูดข้าก็เกือบลืมไปเสียสนิท สร้อยข้อมือเส้นนี้เป็นของที่หลินโหวส่งมาให้ ตอนนี้งานวิวาห์ยกเลิกไปแล้ว สร้อยข้อมือเส้นนี้ก็ไม่ควรเก็บไว้”

ผู้เป็นพี่คิดเพียงว่าน้องสาวของเขาแค่ตั้งใจเตือนตนเอง เพราะอย่างไรเสีย ตอนนี้สองตระกูลไม่มีความเกี่ยวข้องกันแล้ว เก็บไว้ก็ไม่เหมาะสมจริง ๆ

“ท่านบอกว่าสร้อยข้อมือเส้นนี้เป็นของที่หลินจือเยว่ส่งมาหรือ?”

ของสิ่งนี้อาบชโลมด้วยโลหิตมนุษย์ ไออัปมงคลหลอมรวม เป็นของสกปรกขุ่นมัว หลินจือเยว่จงใจหาของแบบนี้มามอบให้ ช่างมีน้ำใจนัก!

ซ่งอี้อันพยักหน้า “ครั้งก่อนที่หลินโหวมาเยี่ยมเจ้าที่จวน เขาก็ให้ข้ามา บอกว่ารู้ว่าข้าชื่นชอบ ใช้เงินไปไม่น้อยเพื่อซื้อมาให้โดยเฉพาะ”

“หากพี่ชายรองชอบสร้อยข้อมือก็เอาเส้นที่เป็นของข้าไปก่อน ส่วน ‘ของล้ำค่า’ ชิ้นนี้ส่งคืนให้หลินจือเยว่เถิด”

ซ่งรั่วเจินหยิบสร้อยข้อมืออีกเส้นส่งไปให้ หลังจากที่เธอทะลุมิติมา ก็พบว่ามิติส่วนตัวที่ติดตัวเธอยังคงอยู่ สื่อเวทที่เคยทำไว้ก็อยู่ในนั้น เอามาใช้งานได้พอดี

ซ่งอี้อันรับสร้อยข้อมือไป ถึงแม้จะมองไม่เห็น แต่เมื่อสัมผัสกลับรู้สึกอบอุ่น ไม่เหมือนกับเส้นก่อนหน้านี้ที่เย็นเฉียบ ว่ากันว่าสร้อยเส้นนั้นถูกงมขึ้นมาจากส่วนลึกของทะเลใต้ จึงแผ่ไอเย็นไปทั้งร่าง ตรงข้ามกับสร้อยเส้นนี้ที่เมื่อถืออยู่ในมือแล้วรู้สึกสบายกว่ามาก

“ขอบใจน้องหญิง”

ซ่งจืออวี้มองซ่งอี้อันที่แต่ไหนแต่ไรก็ตั้งมาตรฐานต่อสร้อยไข่มุกสูงลิ่ว ตอนนี้กลับใส่สร้อยข้อมือที่ไม่น่าภิรมย์เช่นนั้น หากเป็นเมื่อก่อนพี่ชายรองไม่มีทางชมชอบเป็นแน่ แต่ตอนนี้เมื่อตามองไม่เห็นกลับถือว่าสิ่งนั้นเป็นของล้ำค่า

แต่ถึงอย่างไร นี่ก็เป็นความหวังดีของน้องหญิงห้า!

ล้ำค่ามาก! ข้าก็อยากได้บ้าง!

ซ่งรั่วเจินเห็นนัยน์ตาที่เป็นสีแดงของซ่งอี้อันค่อย ๆ จางลงไป จึงลอบถอนหายใจเบา ๆ ไม่คิดว่าพอหันหน้าไปจะเจอกับสายตาที่เปี่ยมด้วยความคาดหวังของพี่ชายสาม

“?”

“พี่ชายสาม ข้ามอบสิ่งนี้ให้ท่าน”

ซ่งรั่วเจินหยิบหยกประดับอีกชิ้นส่งให้ซ่งจืออวี้ หมู่นี้คนในบ้านไม่ค่อยได้อยู่อย่างสงบสุขนัก พกเครื่องรางติดตัวไว้คุ้มครองจะดีกว่า

ฝ่ายนั้นคิดวิธีการโหดเหี้ยมแบบนี้ออกมา เธอก็ต้องหาตัวคนที่อยู่เบื้องหลังแล้วไปเผชิญหน้ากับพวกเขาสักตั้ง!

……

จวนหลินโหว

เมื่อซ่งรั่วเจินพาทุกคนในตระกูลซ่งออกไป งานแต่งงานของหลินจือเยว่และฉินซวงซวงก็ต้องล้มเลิกไปด้วย

เพราะว่าไม่เพียงแต่คณะจัดงานแต่งจะหายไปแล้ว แม้แต่ผู้ดูแลพิธีการก็หนีหายไปด้วย เช่นนี้งานมงคลจะดำเนินต่อได้อย่างไรเล่า?

เมื่อแขกทุกคนได้ชมละครขบขันนี้จนพอใจแล้วก็พากันออกไป คำแสดงความยินดีกลับกลายเป็นคำเยาะเย้ยเสียดสี แม้เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินจือเยว่ทุกคนจะไม่พูดตรง ๆ แต่ลับหลังใครเล่าจะไม่พูดว่าเขาเป็นคนใจดำไร้ความรู้สึก?

การกระทำของแม่นางซ่งครั้งนี้ช่างทำให้คนสะใจโดยแท้!

“ท่านโหว จะทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”

ฉินซวงซวงมองจวนหลินโหวที่ว่างเปล่า เรือนที่เดิมทีหรูหรากลับถูกขนของย้ายออกไปจนดูทรุดโทรม

หลินจือเยว่เงยหน้ามองหลังคาที่ไม่มีแผ่นกระเบื้อง แสงแดดสว่างจ้าชวนให้ปวดหัว เขาดึงเก้าอี้ข้าง ๆ มานั่งด้วยความโกรธ แล้วกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์

“ไม่ต้องกังวล อีกไม่นานซ่งรั่วเจินจะต้องร้องไห้อ้อนวอนข้า!”

“หากไม่มีข้า นางไม่มีทางแต่งออกไปได้ วันนี้นางเอาของไปมากแค่ไหน ในวันข้างหน้าข้าจะให้นางส่งกลับคืนมาเป็นสองเท่า!”

ทว่าในขณะที่เขาพูดคำนี้ เก้าอี้ก็ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเหมือนไม่สามารถรับน้ำหนักได้อีก ก่อนจะพังตัวลงเสียงดังลั่น

“โครม!”

หลินจือเยว่ล้มลงจนก้นกระแทกพื้นเต็ม ๆ ความโกรธที่อัดอั้นในใจไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เขาเตะไปที่โต๊ะด้านข้างด้วยความโมโห

โต๊ะล้มลงตามด้วยเสียงดังสนั่น

“สมควรตาย!” หลินจือเยว่ระเบิดความโกรธออกมาอย่างเต็มเปี่ยม ท่าทางที่เขาคำรามลั่นไร้ความสง่างามเหมือนในอดีต

ใบหน้าของฉินซวงซวงดูย่ำแย่ นางไม่เข้าใจ ทั้ง ๆ ที่ซ่งรั่วเจินเป็นแค่คนขี้ขลาด เดิมทีในวันนี้ควรจะเป็นวันที่นางได้แต่งงานอย่างยิ่งใหญ่มีหน้ามีตา ซ่งรั่วเจินควรจะอดทนไปเงียบ ๆ และอยู่อย่างโดดเดียวในห้องหอ

ทว่าตอนนี้ทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามคาด ซ่งรั่วเจินเหมือนนิสัยเปลี่ยนไป หรือว่าเพราะชาติที่แล้ว ที่ซ่งรั่วเจินยอมทนปิดปากเงียบเป็นเพราะหล่อนแต่งให้กับหลินจือเยว่แล้ว จึงไม่มีทางเลือกอื่นและจำใจยอมรับในตัวนาง

ครานี้นางไม่อยากถูกกดข่ม จึงเลือกแต่งงานวันเดียวกับซ่งรั่วเจิน จนทำให้หล่อนมีความคิดที่จะถอนหมั้นหรือ?

แย่แล้ว!

นางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าตอนนี้จวนหลินโหวเป็นเพียงเปลือกกลวง หากไม่มีเงินจากตระกูลซ่งมาช่วยเจือจุน แล้วหลินจือเยว่คิดอยากเลื่อนตำแหน่งจะไม่กลายเป็นเรื่องยากหรอกหรือ?

“จือเยว่ เจ้าทำอะไรลงไป?”

เสียงโกรธเคืองของฮูหยินผู้เฒ่าหลินดังมาจากข้างนอก

“ข้าเคยบอกไปแล้วว่าหากเจ้าต้องการแต่งงานกับซวงซวง ข้าจะไม่ห้าม แต่เจ้าต้องให้รั่วเจินแต่งเข้ามาก่อน นางต่างหากที่เป็นคนที่มีสัญญาหมั้นหมายกับเจ้า!”

“สองปีมานี้ ถ้าไม่ใช่เพราะรั่วเจินดูแลข้าอย่างดี และจัดการจวนโหวทั้งหมด ไหนเลยจะมีความรุ่งเรืองอย่างทุกวันนี้ได้?”

“ตอนนี้จวนโหวถูกขนของย้ายออกไปหมดแล้ว ทั้งตระกูลล้วนกลายเป็นตัวตลก!”

หลินจือเยว่ก้มหน้า ใบหน้าแสดงความละอายใจ “ท่านแม่ ความจริงแล้วเป็นซ่งรั่วเจินต่างหากที่มีจิตใจคับแคบ ข้าไม่ได้จะไม่แต่งงานกับนาง แต่เพียงให้แต่งเข้ามาพร้อมกันก็เท่านั้น ไม่ได้จะให้ซวงซวงข่มนางเสียหน่อย แต่นางกลับขอถอนหมั้นต่อหน้าธารกำนัล ทำให้ข้าเสียหน้า ไม่มีความสง่างามเฉกเช่นบุตรีตระกูลใหญ่เลยสักกระผีก”

“สตรีเช่นนี้จะเป็นนายหญิงใหญ่ของจวนโหวได้อย่างไร?”

ไม้เท้าที่อยู่ในมือแม่เฒ่าหลินฟาดลงบนตัวหลินจือเยว่อย่างแรง “ตามข้าไปขอโทษที่จวนตระกูลซ่งเดี๋ยวนี้!”

“ข้าไม่ไป!” หลินจือเยว่ใบหน้าเขียวคล้ำ

ฮูหยินผู้เฒ่าหลินโกรธมาก “หากเจ้าไม่ไป ก็ถือเป็นการทำลายชื่อเสียงของจวนหลินโหวอย่างสิ้นเชิง จะให้ทุกคนคิดว่าเราเป็นพวกลืมบุญคุณคนหรือ?”

“ในปีนั้น ตระกูลฉินปฏิเสธคำขอแต่งงานของเจ้า ข้าจึงช่วยเจ้าไปขอแต่งงานกับตระกูลซ่ง ตอนนี้เจ้าต้องการแต่งงานกับนาง ข้าไม่ห้ามเจ้า แต่เจ้าก็ไม่สามารถทำผิดต่อตระกูลซ่งได้”

“เจ้าเพิ่งชนะศึกกลับมาและได้เลื่อนตำแหน่ง แต่กลับมาทำให้ตระกูลซ่งอับอาย ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป จวนหลินโหวของเราจะถูกวิจารณ์อย่างหนัก!”

ขณะที่พูด ฮูหยินผู้เฒ่าหลินก็มองไปที่ฉินซวงซวงอย่างนึกรังเกียจ นึกถึงครานั้นที่หลินจือเยว่หลงรักนางจนหัวปักหัวปำ ทว่าสุดท้ายก็ถูกตระกูลฉินเหยียดหยามอย่างหนัก

นางเห็นลูกชายของตัวเองเจ็บปวดอย่างที่สุด กลัวว่าจะเข้มแข็งขึ้นมาไม่ได้ จึงไปขอดองกับตระกูลซ่ง ไม่คิดว่ายามนี้ฉินซวงซวงจะยอมมาอยู่กับเขา จนเกิดความวุ่นวายเช่นนี้

ฉินซวงซวงเห็นดังนั้นก็ก้มหน้าต่ำ ทว่ากลับไม่ใส่ใจเท่าไร ในอนาคตทุกคนในจวนหลินโหวจะต้องฟังนางทั้งหมด!

“เจ้าออกไปก่อน” หลินรั่วหลานกล่าวเสียงเย็น

เมื่อฉินซวงซวงออกไป หลินรั่วหลานกล่าวด้วยความโมโห “เยว่เอ๋อร์ เจ้าช่างเลอะเลือนเสียจริง! จวนหลินโหวของเรามีเพียงเปลือกกลวง เจ้าต้องแต่งกับรั่วเจิน มีเงินช่วยเหลือจากตระกูลซ่งถึงจะช่วยเติมเต็มให้จวนโหวของเรารุ่งเรืองต่อไปได้”

“พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ หากไม่มีเงิน เจ้าจะให้ซวงซวงของเจ้ามีชีวิตที่ดีได้อย่างไร?”

“เพียงแค่เจ้ายอมจำนน ทุกอย่างก็จะคลี่คลาย”

หลินจือเยว่เงยหน้ามองหลังคาที่ไม่มีแผ่นกระเบื้อง เริ่มโอนอ่อนผ่อนตาม “แต่วันนี้เรื่องกลายเป็นแบบนี้…”

“เจ้าไม่ต้องกังวล รั่วเจินเป็นคนอ่อนโยน วันนี้นางโกรธจัดถึงได้ทำเช่นนี้ เพียงแค่เจ้าขอโทษและปลอบใจนางสักหน่อย นางก็จะไม่ถือสาหาความอันใด”

หลินรั่วหลานผุดรอยยิ้ม “หากวันนี้เจ้าไม่หักหน้านางจนเกินไป นางก็คงไม่ถอนหมั้น แต่งนางเข้ามา เจ้าไม่เสียเปรียบหรอก!”

“ลูกเข้าใจแล้ว”
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Wilartlak Taa
ทัเงแม่ทั้งลูกความคิดแย่ที่สุด
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1174

    ในเวลาเดียวกัน วังหลังฮองเฮาเผชิญหน้ากับพี่น้องทุกท่านที่มาเยี่ยมคารวะ อารมณ์ไม่ดีสุดขีดคนเหล่านี้ใบหน้าเผยความกังวล แต่แท้จริงแล้วกลับอยากให้เกิดเรื่องกับฉู่อ๋องและอวิ๋นอ๋องแทบแย่หากเกิดเรื่องกับพวกเขาสองคน เช่นนั้นนางที่เป็นฮองเฮาก็ไร้ที่พึ่งแล้ว“ฮองเฮา จงเฟยตั้งใจส่งพระคัมภีร์มา พูดว่าหลังรู้ข่าวเรื่องค่ายทหาร ก็ตั้งใจคัดบทสวดเพื่อขอพรให้องค์ชายทั้งสองท่านเพคะ”“ตอนนี้เอง แม่นมข้างกายฮองเอาถือพระคัมภีร์หนึ่งฉบับเข้ามาจากภายนอก นี่คือแม่นมของจงเฟยส่งเข้ามาทุกคนภายในห้องได้ยินแล้ว ต่างมีสีหน้าแปลกใจนับตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งก่อนจงเฟยก็ถูกขัง จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่ถูกปล่อยออกมา บัดนี้ช่างไม่ยอมปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไปจริงๆ คิดเพียงอยากออกมา!เพียงแต่ฮองเฮากลับเข้าใจความคิดอีกชั้นหนึ่งของจงเฟยนี่ขอพรที่ใดกัน เห็นได้ชัดว่ายั่วโมโหนาง!หลังเกิดเรื่องนี้ขึ้น นางก็ใคร่ครวญดีๆ มาก่อนแล้ว แผนการร้ายนี้เห็นชัดว่าพุ่งเป้ามาที่ฉู่อ๋อง บัดนี้คนที่อยากลงมือกับฉู่อ๋องอย่างรอแทบไม่ไหว ย่อมเป็นองค์ชายคนอื่นภายในนั้น...เช่ออ๋องเป็นคนแรกที่พุ่งเป้ามา!“ข้ารับพระคัมภีร์ไว้แล้ว ให้จงเฟย

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1173

    ราชครูกู้เห็นว่าหลิงไท่ซือต้องการกล่าวโทษฉู่อ๋องให้ได้ บัดนี้ฐานะของลูกเขยตนไม่เหมาะสม ไม่สะดวกออกมาพูดได้เพียงแต่บัดนี้ท่าทางต้องการให้ฉู่อ๋องพลิกสถานการณ์กลับมาไม่ได้ของหลิงไท่ซือคนต่ำต้อยคนนี้ เขามองแล้วไม่สบอารมณ์อย่างมาก“ฉู่อ๋องจัดการในทันทีแล้ว บัดนี้ฉู่อ๋องเองก็ติดโรคระบาด ไม่สบายไปด้วย ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่หาทางรักษาโรคระบาดหรอกหรือ?”ราชครูกู้มองทางหลิงไท่ซือ “เหตุใดหลิงไท่ซือต้องร้อนใจตัดสินโทษถึงเพียงนี้ด้วยเล่า?”สีหน้าหลิงไท่ซือเคร่งขรึมลงไป ขณะกำลังจะเอ่ยปาก หร่วนไท่ซือกลับพูดออกมาก่อน “ราชครูกู้พูดถูกแล้ว ตอนนี้จะคลี่คลายเยี่ยงไรต่างหากสำคัญที่สุด”“หากจะตัดสินโทษจริง ไม่สู้รอฉู่อ๋องกลับเข้าราชสำนักก่อนค่อยว่ากัน เชื่อว่าด้วยอุปนิสัยของฉู่อ๋อง จะต้องไม่ปัดความรับผิดชอบแน่”สีหน้าทุกคนล้วนแปลกใจ ทุกคนเองก็ล้วนได้ยินมาว่าสกุลหร่วนและสกุลซ่งแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กัน บัดนี้ท่าทีของหร่วนไท่ซือชัดเจนอย่างมากทว่า พวกเขาคิดว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน วิธีรับมือของฉู่อ๋องเองก็ดีมากแล้ว หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก็ไม่แน่ว่าจะทำได้ดียิ่งกว่านี้!เช่ออ๋องเห็นราชครูก

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1172

    เห็นว่าตำรับยาถูกรับไปแล้ว ฉู่จวินถิงไปสอบสวนคนสอดแนมที่ถูกจับไว้ ซ่งรั่วเจินจึงกลับเข้ากระโจมขณะกำลังเตรียมให้เหล่าหมอหลวงไปพักผ่อน กลับพบว่าพวกเขาล้วนสบมองนางด้วยสายตาทอประกาย ภายในสายตาเปี่ยมความหวัง“พระชายา ท่านไม่ได้ไปปรุงยาหรือ?”“ยาถูกนำไปปรุงแล้ว พวกเรารออยู่ที่นี่ก็พอ”ซ่งรั่วเจินยิ้มน้อยๆ “ทุกท่านล้วนลำบากแล้ว ไม่สู้กลับไปพักผ่อนสักครู่?”“ข้าไม่ง่วง ข้าอยากเห็นผลลัพธ์ของยาก่อนว่าเป็นเช่นไร”หมอหลวงหยางโบกมือ เมื่อคืนเขาดีใจที่สุด อีกทั้งยังนับว่าเขาได้เห็นวิชาแพทย์อันล้ำเลิศของพระชายาฉู่อ๋องอย่างแท้จริงแล้ว สมกับที่เคยได้ยินมาไม่ผิดไปดังคาด!บางส่วนที่พวกเขาไม่เข้าใจ พระชายาฉู่อ๋องคิดเพียงเล็กน้อยก็เข้าใจประเด็นสำคัญภายในนั้นแล้วมีอยู่หลายครั้ง เขาล้วนรู้สึกราวกับสติปัญญาแล่นพล่านขึ้นมาอย่างกะทันหันหากมีโอกาสได้ร่วมศึกษากับพระชายาฉู่อ๋องอีกหลายครั้ง เขาคิดว่าวิชาแพทย์ของตนจะต้องก้าวหน้าขึ้นไม่น้อยแน่“ใช่ หากไม่ได้รับผล พวกเรานอนก็นอนหลับไม่สนิทพ่ะย่ะค่ะ!”หมอหลวงคนอื่นเองก็มีท่าทีเช่นนี้ ครั้งนี้พวกเขามั่นใจมาก!ซ่งรั่วเจินคลี่ยิ้มบางๆ “เช่นนั้นพวกเราก็มารอ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1171

    ตอนซ่งรั่วเจินเดินออกจากกระโจมก็พบว่าหนึ่งคืนที่ผ่านมา ภายในค่ายทหารเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อยเห็นได้ชัดว่ารองแม่ทัพหลายท่านไม่ได้นอนพักผ่อนตลอดทั้งคืน ทว่าสีหน้าพวกเขากลับสะท้อนคุณธรรมเต็มเปี่ยม อีกทั้งยังมีเพลิงโทสะลุกโชน“ข้าก็บอกแล้วว่าหนึ่งคืนจะต้องลากตัวไอ้สารเลวคนนี้ออกมาให้ได้ ท่านอ๋องดีต่อทหารทุกคนมาก ถึงขั้นมีคนกล้าฉวยโอกาสนี้สร้างความเดือดร้อนให้ทั้งค่ายทหาร นี่ถูกเขาเอาเปรียบหมดแล้วจริงๆ!”“คนผู้นี้ก็คือเดรัจฉานโดยแท้ ก่อนหน้านี้ตอนเข้าอยู่ในค่ายไม่ได้รับความสนใจ ยังเป็นทานอ๋องเลื่อนตำแหน่งให้ บัดนี้กลับตอบแทนบุญคุณด้วยความแค้น!”“มารดาเถอะ หากครั้งนี้สามารถรอดตายผ่านด่านนี้ไปได้ คืนนี้ข้าจะไปขุดหลุดฝังบรรพชนบ้านเขา!”คนอื่นต่างเผยสีหน้าเห็นด้วย ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหจริงๆ คิดไม่ถึงเลยว่าขณะกำลังจะไปรายงานท่านอ๋องจะได้พบพระชายาฉู่อ๋อง จึงรีบเก็บสีหน้าและทำความเคารพ “คารวะพระชายา”“จับคนสอดแนมได้แล้วหรือ?”หูของซ่งรั่วเจินว่องไวมาก ย่อมไม่พลาดบทสนทนาของพวกเขาเมื่อคืนตอนจวินถิงกลับมาฟ้าก็มืดมากแล้ว เขาพูดว่าไม่เกินวันนี้จะต้องจับตัวคนสอดแนมออกมาให้ได้ตอนนั้นนางยังแปลกใจเหตุใ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1170

    สถานการณ์ในตอนนี้ หากเขาสอดมือเข้าไป ก็ยากจะถูกคนหยิบยกเรื่องนี้ออกมากล่าวหา ให้เสด็จพ่อส่งคนออกมาสืบถึงจะทำให้คนเชื่อถือที่สุด!อีกด้านหนึ่ง คนสร้างเรื่องทั้งหมดกำลังดีใจ“บัดนี้ทั่วทั้งเมืองหลวงต่างรู้ว่าโรคระบาดแพร่จากค่ายทหาร ชื่อเสียงอันดีงามที่เขาสั่งสมมานานหลายปี นับว่าถูกทำลายทั้งหมดแล้ว!”“ทว่าตอนเหล่าขุนนางในราชสำนักถกเถียงกันเรื่องนี้ ท่าทีของเสด็จพ่อกลับไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ เห็นได้ชัดว่ายังปกป้องเขาอยู่”ฝ่ายชายขมวดคิ้ว สีหน้าสะท้อนความไม่พอใจ บัดนี้เกิดเรื่องใหญ่ภายในค่ายทหาร ไม่ว่ามองอย่างไรก็สมควรลงโทษอย่างหนัก แต่กลับไม่มีความเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย“อย่าเพิ่งร้อนใจเพคะ” หญิงสาวทางด้านข้างผลิยิ้มพลางเอ่ยปาก “ตอนนี้ฉู่อ๋องยังเอาตนเองไม่รอด ฝ่าบาทกังวลความปลอดภัยของเขา ย่อมไม่ใส่ใจจัดการเขาในตอนนี้!”“ไม่แน่ว่าไม่ต้องรอให้ฝ่าบาทจัดการ ฉู่อ๋องก็ตายในค่ายทหารก่อนแล้ว”ได้ยินดังนั้น ฝ่ายชายพยักหน้า ใบหน้าเผยความระอา“ทีแรกข้าก็ไม่อยากเอาชีวิตเขา ใครให้เขาโดดเด่นเกินหน้าเกินตาเช่นนี้ พูดได้เพียงว่าเขารนหาที่ตายเอง!”ภายในสายตาหญิงสาวสะท้อนไอเย็น “ทุกคนที่ขวางทางท่านล้

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1169

    เมืองหลวง ข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วทุกหนแห่งพวกกู้หรูเยียนได้รู้ว่าบัดนี้คนในเมืองหลวงกำลังกระสับกระส่าย โรคระบาดเริ่มขยายวงกว้าง ยิ่งไปกว่านั้นราษฎรก็แน่ใจว่าโรคระบาดในครั้งนี้แพร่มาจากค่ายทหารของฉู่อ๋อง ใบหน้าจึงเผยความกังวล“เสนาบดีศาลต้าหลี่สืบออกมาได้แล้วไม่ใช่หรือ ทั้งๆ ที่หมู่บ้านชิงหยางแห่งนั้นเกิดโรคระบาดก่อน แต่ราษฎรเหล่านี้กลับปักใจว่าโรคระบาดออกมาจากค่ายทหาร น่าโมโหนัก!”บัดนี้กู้หรูเยียนนับว่ารู้แล้วว่าซิ่วไฉเจอทหาร มีเหตุผลไปก็ไร้ประโยชน์ ทั้งๆ ที่ทั้งหมดล้วนพูดไว้อย่างชัดเจนแล้ว เอือมระอาคนเหล่านี้ไม่เชื่อ“ท่านแม่ ท่านอย่าโมโหเพราะข่าวลือภายนอกเหล่านั้นเลย นี่เห็นได้ชัดว่ามีคนปลุกปั่น ท่านโมโหไปก็ไร้ประโยชน์”“ก็เพียงปากของพวกเราเหล่านี้ พูดออกไปก็ไร้ประโยชน์”ซ่งจิ่งเซินเห็นมารดาร้อนใจดุจไฟเผา มุมปากล้วนพองขึ้นมาแล้ว เอ่ยออกมาอย่างสุดระงับ“เรื่องนี้โทษท่านแม่ที่ร้อนใจไม่ได้ ข้าได้ยินข่าวลือเหล่านั้นก็อยากตีคนเหลือเกิน!”สีหน้าซ่งจืออวี้ไม่สบอารมณ์ “ตอนนี้น้องหญิงห้าไม่อยู่ข้างนอกก็ดี คำพูดของคนข้างนอกเหล่านั้นเกินไปจริงๆ ชวนให้คนโมโหแทบแย่!”ซ่งอี้อันมองเห็นท่า

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status