Share

บทที่ 7

Author: จี้เวยเวย
จวนตระกูลซ่ง

หลิ่วหรูเยียนค่อย ๆ ตื่นขึ้นมา เมื่อเห็นซ่งรั่วเจินอยู่ตรงหน้าก็รีบเอ่ยถามว่า “เจินเอ๋อร์ จวนตระกูลจ้าวขอถอนหมั้นแล้วจริงหรือ?”

ซ่งรั่วเจินพยักหน้า มองดูใบหน้าซีดเผือดของผู้เป็นมารดาด้วยแววตาที่ไม่อาจหักหาญใจ “ท่านแม่ ในเมื่อจวนตระกูลจ้าวเลือกที่จะเลิกหมั้นในช่วงเวลานี้ ก็เห็นได้ชัดว่านางมิใช่คู่ที่ดีของพี่ชาย เราไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องการหมั้นนี้”

“เดิมทีจ้าวซูหว่านก็ไม่เหมาะสมกับพี่ชายรองอยู่แล้ว ข้าคิดว่าการถอนหมั้นเป็นเรื่องดี มิฉะนั้น การแต่งงานกับหญิงสาวเช่นนี้ เกรงว่าในอนาคตคงไร้ซึ้งความสุขสงบ”

“แม่รู้ดีว่าจ้าวซูหว่านไม่เหมาะกับพี่ชายของเจ้า แม่เองก็ไม่เห็นด้วยกับการหมั้นหมายนี้ตั้งแต่แรก เพียงแต่พี่ชายของเจ้าไม่มีหญิงสาวที่หมายปองเสียที ในเมื่อทั้งสองคนรักกัน แม่ก็ไม่อยากจะขัดขวาง”

“ตอนนี้พี่ชายของเจ้าตาบอด หมอจากทั่วเมืองมาตรวจดูแล้วล้วนบอกว่ารักษาไม่ได้ แม่ไม่อยากให้พี่ของเจ้าต้องเจ็บปวดซ้ำ ๆ …”

“พ่อของเจ้าจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด ถ้าเขารู้ว่าในเวลาที่ตนไม่อยู่ ข้าไม่สามารถดูแลพวกเจ้าให้ดีได้…”

หลิ่วหรูเยียนพูดพลางน้ำตาก็คลอเบ้า หมู่นี้ในจวนมีแต่เรื่องร้ายเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า นางไม่สามารถดูแลใครให้ดีได้เลย

ซ่งรั่วเจินเข้าใจความทุกข์ของหลิ่วหรูเยียน ในฐานะสตรีที่ต้องดูแลคนทั้งตระกูล โชคชะตาของตระกูลซ่งถูกพรากไปทั้งหมด ทุกอย่างย่อมแย่ลงเรื่อย ๆ ทุกคนต่างคิดว่าตระกูลที่มีสตรีเป็นผู้นำจะประสบความสำเร็จ แต่ใครจะเข้าใจถึงที่มาที่ไป ทั้งเลือดเนื้อและหยาดน้ำตาของคนตระกูลซ่งเล่า?

“ท่านแม่ ไม่ต้องกังวลนะเจ้าคะ พี่ชายเป็นคนรู้ความ แม้ว่าจะรู้สึกผิดหวังจากเรื่องนี้ แต่พี่เขาจะไม่ยอมแพ้ ข้าได้คุยกับพี่ชายรองแล้ว เขาบอกว่าเขาเข้าใจได้ ห่วงก็แต่เรื่องสุขภาพของท่านแม่”

นางจับมือหลิ่วหรูเยียน “ท่านแม่ เรื่องดวงตาของพี่ชาย ข้ามีวิธีรักษา ท่านแม่ไม่ต้องกังวลนะเจ้าคะ คนตระกูลจ้าวมีตาหามีแววไม่ ในเวลานี้ที่พวกเขาซ้ำเติมพวกเรา เราก็ใช้โอกาสนี้ถอนหมั้นไปเสีย ต่อไปพวกเขาจะต้องเสียใจ!”

หลิ่วหรูเยียนตกใจเล็กน้อย จับมือนางด้วยความตื่นเต้น “เจ้าพูดจริงหรือ? มีวิธีรักษาจริงหรือ?”

“ใช่เจ้าค่ะ ท่านแม่ไม่ต้องกังวล พี่ชายรองจะต้องพบหญิงสาวที่จริงใจต่อเขาในอนาคตแน่นอน ไม่ใช่คนที่หวังแต่ผลประโยชน์เช่นนี้ รอให้รักษาดวงตาของพี่ชายรองหายดีแล้ว ต่อให้พวกเขาคิดอยากจะกลับมาคืนดีก็จะไม่มีโอกาสนั้นอีก!”

ซ่งรั่วเจินพยักหน้าหนักแน่น แล้วกล่าวต่อว่า “จริงสิ แม่รองแนะนำให้ท่านแม่เชิญไต้ซือมาดูฮวงจุ้ย ไต้ซือผู้นั้นชื่อว่าอะไรหรือเจ้าคะ ตอนนี้เขายังอยู่ในเมืองหลวงหรือไม่?”

“เจ้าหมายถึงไต้ซือเทียนสุ่ยหรือ? ได้ยินว่าไม่นานมานี้แม่รองของเจ้าเชิญเขาไป ในเวลานี้คงกำลังอยู่ที่จวน เหตุใดเจ้าถึงถามเรื่องนี้?” หลิ่วหรูเยียนสงสัย เจินเอ๋อร์ไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้

“ลูกแค่สงสัยเลยถามดูเท่านั้น เขาบอกว่าให้ถมสระบัวแล้วจะช่วยขจัดภัยมิใช่หรือเจ้าคะ? แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ได้ผลอันใด ข้าก็เลยอยากถามว่าเกิดอะไรขึ้น”

หลิ่วหรูเยียนแสดงสีหน้าลังเล “ก็จริง แม่กังวลว่าเรื่องแต่งงานของเจ้าจะได้รับผลกระทบ จึงรีบถมสระบัว แต่ไม่คิดว่าจะไม่ได้ผล บางทีอาจถมช้าเกินไปหรือไม่?”

“ช้าเกินไปอะไรกันเจ้าคะ เขาก็เป็นแค่หมอดูจอมปลอมที่ตั้งใจหลอกลวงคนเท่านั้น”

ซ่งรั่วเจินยิ้มหยัน ไต้ซือเทียนสุ่ยอะไรเล่า? รอให้เจอเขาก่อนเถอะ ข้าจะสั่งสอนให้เขาทำตัวให้ดี!

รับเงินไปแล้วยังทำลายฮวงจุ้ยของคนอื่นอีก คนเช่นนี้ไร้ยางอายอย่างที่สุด!

ขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่ สาวใช้ก็รีบวิ่งเข้ามารายงาน “ฮูหยิน คุณหนู ฮูหยินผู้เฒ่าหลินกับหลินโหวมาเจ้าค่ะ”

ทันทีที่ได้ยิน หลิ่วหรูเยียนใบหน้าเปลี่ยนสี “เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว พวกเขายังจะมาทำอะไรอีก?”

“ฮูหยินผู้เฒ่าหลินบอกว่ามาเพื่อขอโทษ หวังว่านายหญิงจะยอมพบพวกเขาสักครั้ง”

หลิ่วหรูเยียนกดสายตาลง ลังเลชั่วครู่ก่อนจะมองไปที่ซ่งรั่วเจิน “เจินเอ๋อร์ เจ้าคิดว่าอย่างไร ฮูหยินผู้เฒ่าพาหลินโหวมาขอโทษในตอนนี้ คาดว่าคงกลับใจแล้ว หากหลินโหวยังต้องการแต่งงานกับเจ้าอีกครั้ง...”

“ข้าไม่แต่งเจ้าค่ะ”

ซ่งรั่วเจินพูดขัดขึ้นมาก่อนที่หลิ่วหรูเยียนจะพูดจบ

“ท่านแม่อาจจะไม่รู้ หลินโหวเคยชอบฉินซวงซวงมาก่อน และเพราะฉินซวงซวงปฏิเสธการสู่ขอเมื่อสองปีก่อน เขาถึงได้มาสู่ขอข้า”

“ตอนนี้หลินโหวชนะศึกกลับมา ฉินซวงซวงเปลี่ยนใจ เขาจึงแต่งงานกับข้าเพียงเพราะกังวลเรื่องชื่อเสียง มิฉะนั้นวันนี้คนที่ได้เข้าพิธีวิวาห์คงจะมีแค่ฉินซวงซวงเพียงคนเดียวเป็นแน่”

“ข้ายังไม่ทันได้แต่งให้เขา เขาก็ทำให้ข้าอับอายต่อหน้าแขกเหรื่อมากมาย หากข้าแต่งเข้าไปจริง ๆ จะมีชีวิตที่ดีได้อย่างไรเจ้าคะ?”

“อะไรนะ?” หลิ่วหรูเยียนตกใจมาก ดวงตาเบิกกว้าง “มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?”

ซ่งรั่วเจินพยักหน้า หลินจือเยว่ชอบฉินซวงซวงอย่างแท้จริง แม้ว่าจะถูกปฏิเสธเมื่อสองปีก่อน เขาก็ไม่เคยพูดไม่ดีเกี่ยวกับนาง ยังคงปกป้องนางตลอด กลัวว่านางจะเสื่อมเสียชื่อเสียง ดังนั้นจึงมีคนรู้เรื่องนี้ไม่มาก

“น่ารังเกียจ! พวกเขากล้าหลอกลวงเช่นนี้ เห็นว่าลูกสาวข้าเป็นอะไร?” หลิ่วหรูเยียนโกรธจัด “ไม่แต่งแล้ว! ข้าไม่คิดว่าหลินโหวจะเป็นคนที่เลวทรามต่ำช้าเช่นนี้ ทำให้เจ้าเสียเวลาเปล่า ๆ ถึงสองปี ทั้งหมดนี้เป็นเพราะท่านพ่อกับแม่มองคนผิดไป คิดว่าเขาเป็นคนที่ไว้ใจได้!”

“เจินเอ๋อร์ แม่ทำผิดต่อเจ้าเหลือเกิน”

ซ่งรั่วเจินแทบไม่เคยเห็นหลิ่วหรูเยียนเป็นเช่นนี้มาก่อน นางเป็นคนที่อ่อนโยนดุจน้ำเสมอ ตอนนี้ท่านแม่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟก็เพื่อตัวนาง ทำให้ซ่งรั่วเจินรู้สึกอบอุ่นในใจ

“ท่านแม่ ท่านมิได้ทำผิดต่อข้าเลย ตอนนี้ข้ามีโอกาสอยู่ในจวนเพื่อดูแลท่านแม่นานขึ้น ข้าดีใจมากเจ้าค่ะ”

ส่วนเรื่องแต่งงานอะไรนั่น ไหนเลยจะดีไปกว่าการอยู่คนเดียวอย่างเสรี? ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในจวนตระกูลซ่งไม่ดีกว่าหรือ ไปจวนหลินโหวต้องเสียทรัพย์สินเงินทองเพื่อดูคนอื่นพลอดรักกัน เรื่องเช่นนี้มีแต่ตัวโง่งมเท่านั้นที่จะทำ!

หลิ่วหรูเยียนจับมือซ่งรั่วเจิน “ไป แม่จะพาเจ้าไปพบพวกเขา หลินโหวอะไรกัน ตระกูลซ่งของเราไม่อยากได้!”

ขณะที่แม่ลูกเดินไปที่ห้องรับแขก ฮูหยินผู้เฒ่าหลินเห็นพวกนางก็รีบเดินเข้ามา “ซ่งฮูหยิน เรื่องวันนี้เป็นเพราะเยว่เอ๋อร์กระทำการไม่รู้ความเกินไป ข้าได้ตำหนิสั่งสอนเขาแล้ว จึงตั้งใจมาเพื่อขอโทษ หวังว่าพวกท่านอย่าได้โกรธเคืองกันเลย”

“ฮูหยินผู้เฒ่าหลิน การหมั้นหมายถูกยกเลิกไปแล้ว ตระกูลของเราทั้งสองก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป ไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความแล้ว เชิญกลับไปเถิด”

หลิ่วหรูเยียนพูดด้วยใบหน้าเย็นชา คิดย้อนกลับไปครานั้น ฮูหยินผู้เฒ่าเคยใช้คำพูดสวยหรูเพื่อมาสู่ขอแทนหลินจือเยว่ นางคิดว่าฮูหยินผู้เฒ่ามีความจริงใจ ทั้งยังสัญญาดิบดีว่าจะดูแลเจินเอ๋อร์อย่างดี

นางคิดว่าหากเจินเอ๋อร์ไปอยู่ที่จวนหลินโหว มีแม่สามีที่ใจดีเช่นนี้คงไม่ต้องรับความทุกข์ทนใดใด ไม่เคยคิดว่าจะลงเอยเป็นเช่นนี้ไปได้

เห็นดังนั้น หลินรั่วหลานมองไปที่หลินจือเยว่พลางเร่งเร้า “ยืนทำอะไรอยู่ ยังไม่รีบขอโทษอีกหรือ?”

“เจินเอ๋อร์เป็นลูกสะใภ้ที่ข้าชื่นชม ร่างกายของข้าแย่ลงทุกวัน ถ้าไม่ใช่เพราะเจินเอ๋อร์ดูแลอย่างดีมาตลอดสองปีนี้ เจ้ากลับมาอาจจะเห็นแค่กระดูกของข้าแล้ว เจ้ากล้าทำร้ายเจินเอ๋อร์ลับหลังข้า เจ้ายังมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอยู่หรือไม่?”

หลินรั่วหลานพูดด้วยความเจ็บปวด “ถ้าเจ้ายังเห็นข้าเป็นแม่ วันนี้เจ้าต้องขอโทษด้วยความจริงใจ ถ้าเจินเอ๋อร์ไม่อาจให้อภัยเจ้าได้ ข้าก็จะไม่ยอมรับเจ้าเป็นลูกอีกต่อไป!”

“ท่านแม่!” หลินจือเยว่มีสีหน้าย่ำแย่ ก่อนจะหันไปมองซ่งรั่วเจิน

หญิงสาวเปลี่ยนเป็นชุดธรรมดา ใบหน้าสวยแม้จะไม่สดใสเช่นตอนกลางวัน แต่ก็ยังงดงามสบายตาดุจดอกบัวที่โผล่พ้นน้ำ

นางยืนอย่างสงบเสงี่ยมอยู่ข้างหลิ่วหรูเยียน ดวงตาคู่สวยเหมือนน้ำในฤดูสาทร ทำให้คนอดมองซ้ำไม่ได้
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
N. Not
แต่งงานอะไรนั่น ไหนเลยจะดีไปกว่าการอยู่รนเดียวอย่างเสรี ทำให้ได้อย่างที่พูด สุดท้ายก็แต่งงานอยู่ดี แค่เรื่องนี้คนเกิดใหม่หลายคนจังตอนนี้มี3คนละ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1718

    “หากไม่ใช่นางเป็นผู้ทำนายหาตำแหน่งที่อยู่ของปิ่นปักผมออกมาได้ น่ากลัวว่าวันนี้คงต้องเสียเวลาเถียงกันเรื่องนี้ไปอีกนานไม่น้อย ช่างน่ารำคาญสิ้นดี”ซ่งหลินมองบุตรสาวของตน ภายในใจยังอดรู้สึกภาคภูมิไม่ได้“เจินเอ๋อร์มีความสามารถอย่างแท้จริง เหตุที่จวนของพวกเรารุ่งเรืองขึ้นทุกวัน ก็ล้วนต้องขอบคุณนางทั้งสิ้น”ทุกคนบอกลากันที่หน้าประตูจวนหลู แล้วแยกย้ายกันกลับซ่งจืออวี้เก็บรอยยิ้มเอาไว้ไม่มิด คลี่ยิ้มโง่งมอยู่ตลอด กู้หรูเยียนมองดูลูกชายซื่อบื้อของตน ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา “เจ้าลูกซื่อบื้อคนนี้ แต่ไหนแต่ไรไม่เคยชอบหญิงสาวมาก่อน มาบัดนี้ในที่สุดก็ได้หมั้นกับคนในดวงใจ ดีใจจนกลายเป็นเช่นนี้ไปแล้ว”“ข้าว่า คืนนี้เขาคงตื่นเต้นจนไม่อาจข่มตาหลับได้อย่างแน่นอน”“ข้ากลับคิดว่าเป็นเช่นนี้ดีมากนัก ในที่สุดก็ได้แต่งกับหญิงสาวที่ชอบ ใครบ้างเล่าจะไม่ดีใจ?”ซ่งหลินพลอยยิ้มตาม สีหน้าดูมีความสุขอย่างเห็นได้ชัด “นึกถึงคืนที่งานแต่งของข้าและเจ้าถูกกำหนดลง ข้าเองก็ดีใจจนนอนไม่หลับทั้งคืน”“มาบัดนี้พริบตาเดียวลูกชายกลับถึงวัยแต่งงานแล้ว หนำซ้ำยังจะมีหลานอีกด้วย เร็วเหลือเกิน”กู้หรูเยียนหน้าแดง ตีซ่งหลิ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1717

    เจี่ยเยว่อิงเอ่ยวาจาน้ำเสียงละมุนอ่อนโยน ทว่าแฝงไปด้วยความเย้ยหยันอย่างชัดเจนเมื่อครู่ตอนที่พวกเขาพูด นางล้วนได้ยินอย่างชัดเจน หลานสาวของนางกำลังไข้ขึ้นสูง ลูกสาวของนางก็ไม่ได้นอนทั้งคืน ยังต้องถูกพวกเขาทรมานอยู่อย่างนี้วันนี้หากพวกเขากลับไปเช่นนี้ น่ากลัวว่าลูกสาวของนางก็ยังจะมิอาจได้นอนหลับพักผ่อนอย่างสงบ คืนนี้อย่าหวังจะได้นอนดี ๆ ในเมื่อเช่นนั้น ไม่สู้รับตัวพวกเขากลับไปอยู่ด้วยกันให้หมดเลยจะดีกว่า ที่จวนของพวกเขามีคนช่วยดูแล ทั้งยังไม่มีเรื่องให้ปวดหัว ลูกสาวย่อมได้พักผ่อนดี ๆ หลานสาวเองก็จะได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมยิ่งกว่าสีหน้าหลูฮูหยินและเกาจิ้งฉือล้วนไม่สบอารมณ์ แต่บัดนี้ทั้งคู่ต่างนิ่งงันไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่ครึ่งคำกลับเป็นหลูจวิ้นอี้ที่เมื่อได้ยินว่าแม่ภรรยาจะพาตัวภรรยาเขากลับจวน ก็รีบเอ่ยขึ้นทันที “ท่านแม่ยาย ข้าได้ยินข่าวว่าน้องหญิงรองกำลังจะหมั้น ข้าสามารถติดตามฮูหยินไปด้วยได้หรือไม่ขอรับ?”ซ่งรั่วเจินกับคนอื่น ๆ เห็นท่าทางนั้นแล้วต่างก็อดขำไม่ได้ ส่วนฉู่กุยเสวี่ยกลับหน้าแดงเรื่อ นางรู้ดีถึงนิสัยของมารดาตนดี เวลานี้ย่อมกำลังขุ่นเคืองอยู่บ้าง“ก็หาได้มีผู้ใดห้าม

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1716

    “ตราบใดที่ในจวนยังมีข้าวให้กิน ข้าก็ไม่ถึงขั้นอดตายอยู่ดี”“ช่วงนี้ฮูหยินของข้ามัวแต่ดูแลลูก อีกทั้งเพื่อความกลมเกลียวในตระกูล จะได้ไม่ให้พี่สะใภ้ใหญ่ขุ่นเคืองใจ อำนาจในการดูแลจวนทั้งหมดขอยกให้พี่สะใภ้ใหญ่ไปเลย ต่อแต่นี้ไม่สนใจอีก!”ฉู่กุยเสวี่ยพยักหน้าทันที “ดี ภายภาคหน้าท่านพี่ก็เรียนหนังสือดี ๆ เถิด”ชัดเจนว่าสามีภรรยาคู่นี้ตัดสินใจแล้ว ไม่เปิดโอกาสให้ใครโต้แย้งแม้แต่น้อย เหมือนแค่แจ้งให้พวกเขาทราบ สีหน้าทุกคนในสกุลหลูบึ้งตึง อึดอัดใจเป็นพิเศษไม่คาดคิดเลยว่า เจ้ารองจะยอมทิ้งอำนาจง่ายดายถึงเพียงนี้!“ท่านอ๋อง ข้าว่าจวิ้นอี้เด็กคนนี้พูดได้ไม่เลว ไม่แน่ว่าหากเขาเข้าสอบเคอจวี่ ยังจะเก่งกว่าพี่ใหญ่เขาเสียอีก”ในวันนี้เจี่ยเยว่อิงเห็นลูกเขยโวยวายขึ้นมา นางรู้สึกสะใจเป็นพิเศษ คนชั่วต้องเจอวิธีชั่ว ต่อสู้กับครอบครัวไร้ยางอายเช่นนี้ วิธีการทั่วไปล้วนไม่ได้ผลสำหรับพวกเขา!ท่านอ๋องหัวเราะเบา ๆ “หากวันหนึ่งเขาสอบติดขึ้นมา นั่นต่างหากถึงจะน่าสนใจจริง ๆ”เจ้าเด็กคนนี้ต้องการทำเรื่องใด เขาย่อมรู้ดี ดูท่าแล้วเรื่องแยกบ้าน หลูจวิ้นอี้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วเขาคิดว่าความคิดนี้ไม่เลว เจ้

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1715

    ฟังถ้อยคำของซ่งรั่วเจินแล้ว กู้หรูเยียนและเจี่ยเยว่อิงสบตากันแวบหนึ่ง ต่างก็รู้สึกไม่อยากยอมรับอยู่บ้างเดิมทีก็เป็นคนตระกูลหลูที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี รังแกบ้านรอง พอฝ่ายนั้นเอ่ยขอแยกบ้าน พวกเขากลับยังกัดไว้ไม่ยอมปล่อยทว่า พวกเขาย่อมรู้ดีว่าที่ซ่งรั่วเจินพูดมาล้วนเป็นความจริงสิ้น หลูฮูหยินเพียงเอ่ยปาก ก็ตีตราว่าอกตัญญูแล้วเรื่องนี้พวกเขารู้ชัดเจนดี ทว่าในสายตาคนภายนอก ไม่แน่ว่าได้ยินข่าวนี้ก็จะเชื่อว่าเป็นความจริง นั่นสิถึงจะลำบาก“เจ้าคิดจะบีบคั้นให้ข้าตายให้ได้หรือ!”หลูฮูหยินเห็นว่าไม่ว่าจะพูดอะไรหลูจวิ้นอี้ก็ไม่ไหวเอน บังเอิญจวนกงชินอ๋องกับตระกูลซ่งก็ล้วนอยู่กันพร้อมหน้า หากแยกบ้านกันเวลานี้ น่ากลัวว่าภายภาคหน้าจะไม่อาจหวนกลับได้อีกนางจึงกัดฟันสู้ ตะโกนทั้งน้ำตา “หากเจ้าจะให้แยกบ้านจริง ๆ ข้าก็คือคนที่ไม่อาจยอมรับได้!”“เมื่อแรกก่อนพ่อเจ้าสิ้นใจได้กำชับข้าไว้ให้ดูแลพวกเจ้าให้ดี บัดนี้เรื่องกลับเอะอะโวยวายเช่นนี้ ข้าไม่มีหน้าไปพบพ่อของเจ้าอีกแล้ว ไม่สู้ข้าตายเสียตอนนี้ยังจะดีกว่า!”พูดไป หลูฮูหยินก็พุ่งตัวจะโขกใส่ประตูใหญ่ทันที!“เร็ว รีบขวางนางไว้!” สีหน้าเจี่ยเยว่อิงเ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1714

    “รายจ่ายของเขามากกว่ารายรับทุกเดือน จึงเอาแต่ตามมารบกวนข้า ข้าจดบันทึกบัญชีพวกนั้นไว้อย่างชัดเจนในสมุดบัญชี รวมถึงใบหนี้ที่พี่ใหญ่เขียนไว้เองกับมือ”“อะไรนะ?”หลูฮูหยินเผยสีหน้าเหลือจะเชื่อ ไม่อยากยอมรับเลยว่าลูกชายคนโตที่ตนคิดว่าเป็นคนกตัญญูรู้หน้าที่ กลับใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยถึงเพียงนี้“ไห่คั่ว เจ้าใช้ชีวิตเยี่ยงนี้ทุกวันหรือ?”ไอ้ลูกคนนี้มักแกล้งทำตัวยากจนในสายตานาง ทำให้นางต้องคอยลอบส่งเงินเพิ่มให้อยู่ไม่น้อย ยังถึงขั้นต้องปิดบังไม่ให้ลูกคนรองรู้ ปรากฏว่าไอ้ลูกคนนี้กลับไปยืมเงินจากเจ้ารองไม่น้อยอีกด้วย!ความลับของหลูไห่คั่วถูกเปิดโปงต่อหน้าผู้คนมากมาย เขารู้สึกเสียใจอย่างถึงที่สุดอยู่ภายในใจหากรู้แต่แรกว่าจะลงเอยเช่นนี้ ต่อให้ตายเขาก็คงไม่ยอมฟังเกาจิ้งฉือเล่นแผนสกปรกพรรค์นี้แน่บัดนี้กรรมย้อนหาตัว น้องรองระเบิดทุกอย่างออกมาจนหมดสิ้น เขาเองก็ไม่รู้ควรจัดการอย่างไรต่อไป“ในเมื่อพูดกันถึงขั้นนี้แล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างข้าและพี่ใหญ่ ในฐานะน้อง ข้าก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว”“หากจะให้ดีก็รีบแยกบ้านเสียแต่ตอนนี้ อย่างน้อยความสัมพันธ์ยังไม่แย่เกินไปนัก แต่หากฝืนอยู่ร่วมกันต่อไป ภายภาคห

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1713

    สีหน้าของหลูไห่คั่วเปลี่ยนไปเล็กน้อย “น้องรอง เจ้าอย่าพูดจาเหลวไหล ไฉนเลยข้าจะไม่ทำอะไร เพียงแต่อยู่พักผ่อนในจวนเท่านั้น?”“พี่ใหญ่ ข้าไม่ใช่ตัวโง่งม ตกลงท่านทำหรือไม่ทำ หรือทำมากน้อยเพียงใด ท่านคิดว่าข้าไม่รู้เลยสักนิดกระนั้นหรือ?”ภายในดวงตาของหลูจวิ้นอี้ปรากฏความผิดหวังอย่างลึกซึ้ง อันที่จริงเขาควรจะตาสว่างตั้งแต่นานแล้ว ก่อนหน้านี้ยังคิดว่าล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน ตนเองไม่ควรถือสามากเกินไปนักถ้อยคำสุดท้ายที่บิดาเอ่ยก่อนสิ้นลมเขายังจำได้อย่างชัดเจน บิดาบอกว่าตราบใดที่พวกเขาร่วมแรงร่วมใจกัน จวนนี้ย่อมรุ่งเรืองยิ่งขึ้นเขาคิดเช่นนี้มาโดยตลอด ตำแหน่งโหวของบิดาถูกท่านอารองสืบทอดต่อ ส่วนเขากับพี่ใหญ่หากอยากสร้างชื่อเสียง ก็ได้แต่สอบขุนนางเส้นทางนี้เท่านั้นที่ผ่านมาเขาเองก็เคยอยากเรียนหนังสือ แต่มารดาบอกว่าลูกชายคนโตย่อมมาก่อนเสมอ จึงให้พี่ใหญ่เรียน ส่วนเขารับผิดชอบดูแลกิจการของตระกูล หาเงินให้มาก เพื่อส่งเสริมพี่ใหญ่ได้เรียนหนังสือตอนนั้นเขาคิดว่าไม่เป็นไร เพราะพี่ใหญ่ร่างกายแข็งแรงสู้เขาไม่ได้ หนำซ้ำพี่ใหญ่ยังรักการอ่านหนังสือมาตั้งแต่เล็ก เขาในฐานะน้องชาย ไม่จำเป็นต้องแย่งทุกอ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status