Share

บทที่ 7

Author: จี้เวยเวย
จวนตระกูลซ่ง

หลิ่วหรูเยียนค่อย ๆ ตื่นขึ้นมา เมื่อเห็นซ่งรั่วเจินอยู่ตรงหน้าก็รีบเอ่ยถามว่า “เจินเอ๋อร์ จวนตระกูลจ้าวขอถอนหมั้นแล้วจริงหรือ?”

ซ่งรั่วเจินพยักหน้า มองดูใบหน้าซีดเผือดของผู้เป็นมารดาด้วยแววตาที่ไม่อาจหักหาญใจ “ท่านแม่ ในเมื่อจวนตระกูลจ้าวเลือกที่จะเลิกหมั้นในช่วงเวลานี้ ก็เห็นได้ชัดว่านางมิใช่คู่ที่ดีของพี่ชาย เราไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องการหมั้นนี้”

“เดิมทีจ้าวซูหว่านก็ไม่เหมาะสมกับพี่ชายรองอยู่แล้ว ข้าคิดว่าการถอนหมั้นเป็นเรื่องดี มิฉะนั้น การแต่งงานกับหญิงสาวเช่นนี้ เกรงว่าในอนาคตคงไร้ซึ้งความสุขสงบ”

“แม่รู้ดีว่าจ้าวซูหว่านไม่เหมาะกับพี่ชายของเจ้า แม่เองก็ไม่เห็นด้วยกับการหมั้นหมายนี้ตั้งแต่แรก เพียงแต่พี่ชายของเจ้าไม่มีหญิงสาวที่หมายปองเสียที ในเมื่อทั้งสองคนรักกัน แม่ก็ไม่อยากจะขัดขวาง”

“ตอนนี้พี่ชายของเจ้าตาบอด หมอจากทั่วเมืองมาตรวจดูแล้วล้วนบอกว่ารักษาไม่ได้ แม่ไม่อยากให้พี่ของเจ้าต้องเจ็บปวดซ้ำ ๆ …”

“พ่อของเจ้าจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด ถ้าเขารู้ว่าในเวลาที่ตนไม่อยู่ ข้าไม่สามารถดูแลพวกเจ้าให้ดีได้…”

หลิ่วหรูเยียนพูดพลางน้ำตาก็คลอเบ้า หมู่นี้ในจวนมีแต่เรื่องร้ายเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า นางไม่สามารถดูแลใครให้ดีได้เลย

ซ่งรั่วเจินเข้าใจความทุกข์ของหลิ่วหรูเยียน ในฐานะสตรีที่ต้องดูแลคนทั้งตระกูล โชคชะตาของตระกูลซ่งถูกพรากไปทั้งหมด ทุกอย่างย่อมแย่ลงเรื่อย ๆ ทุกคนต่างคิดว่าตระกูลที่มีสตรีเป็นผู้นำจะประสบความสำเร็จ แต่ใครจะเข้าใจถึงที่มาที่ไป ทั้งเลือดเนื้อและหยาดน้ำตาของคนตระกูลซ่งเล่า?

“ท่านแม่ ไม่ต้องกังวลนะเจ้าคะ พี่ชายเป็นคนรู้ความ แม้ว่าจะรู้สึกผิดหวังจากเรื่องนี้ แต่พี่เขาจะไม่ยอมแพ้ ข้าได้คุยกับพี่ชายรองแล้ว เขาบอกว่าเขาเข้าใจได้ ห่วงก็แต่เรื่องสุขภาพของท่านแม่”

นางจับมือหลิ่วหรูเยียน “ท่านแม่ เรื่องดวงตาของพี่ชาย ข้ามีวิธีรักษา ท่านแม่ไม่ต้องกังวลนะเจ้าคะ คนตระกูลจ้าวมีตาหามีแววไม่ ในเวลานี้ที่พวกเขาซ้ำเติมพวกเรา เราก็ใช้โอกาสนี้ถอนหมั้นไปเสีย ต่อไปพวกเขาจะต้องเสียใจ!”

หลิ่วหรูเยียนตกใจเล็กน้อย จับมือนางด้วยความตื่นเต้น “เจ้าพูดจริงหรือ? มีวิธีรักษาจริงหรือ?”

“ใช่เจ้าค่ะ ท่านแม่ไม่ต้องกังวล พี่ชายรองจะต้องพบหญิงสาวที่จริงใจต่อเขาในอนาคตแน่นอน ไม่ใช่คนที่หวังแต่ผลประโยชน์เช่นนี้ รอให้รักษาดวงตาของพี่ชายรองหายดีแล้ว ต่อให้พวกเขาคิดอยากจะกลับมาคืนดีก็จะไม่มีโอกาสนั้นอีก!”

ซ่งรั่วเจินพยักหน้าหนักแน่น แล้วกล่าวต่อว่า “จริงสิ แม่รองแนะนำให้ท่านแม่เชิญไต้ซือมาดูฮวงจุ้ย ไต้ซือผู้นั้นชื่อว่าอะไรหรือเจ้าคะ ตอนนี้เขายังอยู่ในเมืองหลวงหรือไม่?”

“เจ้าหมายถึงไต้ซือเทียนสุ่ยหรือ? ได้ยินว่าไม่นานมานี้แม่รองของเจ้าเชิญเขาไป ในเวลานี้คงกำลังอยู่ที่จวน เหตุใดเจ้าถึงถามเรื่องนี้?” หลิ่วหรูเยียนสงสัย เจินเอ๋อร์ไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้

“ลูกแค่สงสัยเลยถามดูเท่านั้น เขาบอกว่าให้ถมสระบัวแล้วจะช่วยขจัดภัยมิใช่หรือเจ้าคะ? แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ได้ผลอันใด ข้าก็เลยอยากถามว่าเกิดอะไรขึ้น”

หลิ่วหรูเยียนแสดงสีหน้าลังเล “ก็จริง แม่กังวลว่าเรื่องแต่งงานของเจ้าจะได้รับผลกระทบ จึงรีบถมสระบัว แต่ไม่คิดว่าจะไม่ได้ผล บางทีอาจถมช้าเกินไปหรือไม่?”

“ช้าเกินไปอะไรกันเจ้าคะ เขาก็เป็นแค่หมอดูจอมปลอมที่ตั้งใจหลอกลวงคนเท่านั้น”

ซ่งรั่วเจินยิ้มหยัน ไต้ซือเทียนสุ่ยอะไรเล่า? รอให้เจอเขาก่อนเถอะ ข้าจะสั่งสอนให้เขาทำตัวให้ดี!

รับเงินไปแล้วยังทำลายฮวงจุ้ยของคนอื่นอีก คนเช่นนี้ไร้ยางอายอย่างที่สุด!

ขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่ สาวใช้ก็รีบวิ่งเข้ามารายงาน “ฮูหยิน คุณหนู ฮูหยินผู้เฒ่าหลินกับหลินโหวมาเจ้าค่ะ”

ทันทีที่ได้ยิน หลิ่วหรูเยียนใบหน้าเปลี่ยนสี “เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว พวกเขายังจะมาทำอะไรอีก?”

“ฮูหยินผู้เฒ่าหลินบอกว่ามาเพื่อขอโทษ หวังว่านายหญิงจะยอมพบพวกเขาสักครั้ง”

หลิ่วหรูเยียนกดสายตาลง ลังเลชั่วครู่ก่อนจะมองไปที่ซ่งรั่วเจิน “เจินเอ๋อร์ เจ้าคิดว่าอย่างไร ฮูหยินผู้เฒ่าพาหลินโหวมาขอโทษในตอนนี้ คาดว่าคงกลับใจแล้ว หากหลินโหวยังต้องการแต่งงานกับเจ้าอีกครั้ง...”

“ข้าไม่แต่งเจ้าค่ะ”

ซ่งรั่วเจินพูดขัดขึ้นมาก่อนที่หลิ่วหรูเยียนจะพูดจบ

“ท่านแม่อาจจะไม่รู้ หลินโหวเคยชอบฉินซวงซวงมาก่อน และเพราะฉินซวงซวงปฏิเสธการสู่ขอเมื่อสองปีก่อน เขาถึงได้มาสู่ขอข้า”

“ตอนนี้หลินโหวชนะศึกกลับมา ฉินซวงซวงเปลี่ยนใจ เขาจึงแต่งงานกับข้าเพียงเพราะกังวลเรื่องชื่อเสียง มิฉะนั้นวันนี้คนที่ได้เข้าพิธีวิวาห์คงจะมีแค่ฉินซวงซวงเพียงคนเดียวเป็นแน่”

“ข้ายังไม่ทันได้แต่งให้เขา เขาก็ทำให้ข้าอับอายต่อหน้าแขกเหรื่อมากมาย หากข้าแต่งเข้าไปจริง ๆ จะมีชีวิตที่ดีได้อย่างไรเจ้าคะ?”

“อะไรนะ?” หลิ่วหรูเยียนตกใจมาก ดวงตาเบิกกว้าง “มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?”

ซ่งรั่วเจินพยักหน้า หลินจือเยว่ชอบฉินซวงซวงอย่างแท้จริง แม้ว่าจะถูกปฏิเสธเมื่อสองปีก่อน เขาก็ไม่เคยพูดไม่ดีเกี่ยวกับนาง ยังคงปกป้องนางตลอด กลัวว่านางจะเสื่อมเสียชื่อเสียง ดังนั้นจึงมีคนรู้เรื่องนี้ไม่มาก

“น่ารังเกียจ! พวกเขากล้าหลอกลวงเช่นนี้ เห็นว่าลูกสาวข้าเป็นอะไร?” หลิ่วหรูเยียนโกรธจัด “ไม่แต่งแล้ว! ข้าไม่คิดว่าหลินโหวจะเป็นคนที่เลวทรามต่ำช้าเช่นนี้ ทำให้เจ้าเสียเวลาเปล่า ๆ ถึงสองปี ทั้งหมดนี้เป็นเพราะท่านพ่อกับแม่มองคนผิดไป คิดว่าเขาเป็นคนที่ไว้ใจได้!”

“เจินเอ๋อร์ แม่ทำผิดต่อเจ้าเหลือเกิน”

ซ่งรั่วเจินแทบไม่เคยเห็นหลิ่วหรูเยียนเป็นเช่นนี้มาก่อน นางเป็นคนที่อ่อนโยนดุจน้ำเสมอ ตอนนี้ท่านแม่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟก็เพื่อตัวนาง ทำให้ซ่งรั่วเจินรู้สึกอบอุ่นในใจ

“ท่านแม่ ท่านมิได้ทำผิดต่อข้าเลย ตอนนี้ข้ามีโอกาสอยู่ในจวนเพื่อดูแลท่านแม่นานขึ้น ข้าดีใจมากเจ้าค่ะ”

ส่วนเรื่องแต่งงานอะไรนั่น ไหนเลยจะดีไปกว่าการอยู่คนเดียวอย่างเสรี? ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในจวนตระกูลซ่งไม่ดีกว่าหรือ ไปจวนหลินโหวต้องเสียทรัพย์สินเงินทองเพื่อดูคนอื่นพลอดรักกัน เรื่องเช่นนี้มีแต่ตัวโง่งมเท่านั้นที่จะทำ!

หลิ่วหรูเยียนจับมือซ่งรั่วเจิน “ไป แม่จะพาเจ้าไปพบพวกเขา หลินโหวอะไรกัน ตระกูลซ่งของเราไม่อยากได้!”

ขณะที่แม่ลูกเดินไปที่ห้องรับแขก ฮูหยินผู้เฒ่าหลินเห็นพวกนางก็รีบเดินเข้ามา “ซ่งฮูหยิน เรื่องวันนี้เป็นเพราะเยว่เอ๋อร์กระทำการไม่รู้ความเกินไป ข้าได้ตำหนิสั่งสอนเขาแล้ว จึงตั้งใจมาเพื่อขอโทษ หวังว่าพวกท่านอย่าได้โกรธเคืองกันเลย”

“ฮูหยินผู้เฒ่าหลิน การหมั้นหมายถูกยกเลิกไปแล้ว ตระกูลของเราทั้งสองก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป ไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความแล้ว เชิญกลับไปเถิด”

หลิ่วหรูเยียนพูดด้วยใบหน้าเย็นชา คิดย้อนกลับไปครานั้น ฮูหยินผู้เฒ่าเคยใช้คำพูดสวยหรูเพื่อมาสู่ขอแทนหลินจือเยว่ นางคิดว่าฮูหยินผู้เฒ่ามีความจริงใจ ทั้งยังสัญญาดิบดีว่าจะดูแลเจินเอ๋อร์อย่างดี

นางคิดว่าหากเจินเอ๋อร์ไปอยู่ที่จวนหลินโหว มีแม่สามีที่ใจดีเช่นนี้คงไม่ต้องรับความทุกข์ทนใดใด ไม่เคยคิดว่าจะลงเอยเป็นเช่นนี้ไปได้

เห็นดังนั้น หลินรั่วหลานมองไปที่หลินจือเยว่พลางเร่งเร้า “ยืนทำอะไรอยู่ ยังไม่รีบขอโทษอีกหรือ?”

“เจินเอ๋อร์เป็นลูกสะใภ้ที่ข้าชื่นชม ร่างกายของข้าแย่ลงทุกวัน ถ้าไม่ใช่เพราะเจินเอ๋อร์ดูแลอย่างดีมาตลอดสองปีนี้ เจ้ากลับมาอาจจะเห็นแค่กระดูกของข้าแล้ว เจ้ากล้าทำร้ายเจินเอ๋อร์ลับหลังข้า เจ้ายังมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอยู่หรือไม่?”

หลินรั่วหลานพูดด้วยความเจ็บปวด “ถ้าเจ้ายังเห็นข้าเป็นแม่ วันนี้เจ้าต้องขอโทษด้วยความจริงใจ ถ้าเจินเอ๋อร์ไม่อาจให้อภัยเจ้าได้ ข้าก็จะไม่ยอมรับเจ้าเป็นลูกอีกต่อไป!”

“ท่านแม่!” หลินจือเยว่มีสีหน้าย่ำแย่ ก่อนจะหันไปมองซ่งรั่วเจิน

หญิงสาวเปลี่ยนเป็นชุดธรรมดา ใบหน้าสวยแม้จะไม่สดใสเช่นตอนกลางวัน แต่ก็ยังงดงามสบายตาดุจดอกบัวที่โผล่พ้นน้ำ

นางยืนอย่างสงบเสงี่ยมอยู่ข้างหลิ่วหรูเยียน ดวงตาคู่สวยเหมือนน้ำในฤดูสาทร ทำให้คนอดมองซ้ำไม่ได้
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
N. Not
แต่งงานอะไรนั่น ไหนเลยจะดีไปกว่าการอยู่รนเดียวอย่างเสรี ทำให้ได้อย่างที่พูด สุดท้ายก็แต่งงานอยู่ดี แค่เรื่องนี้คนเกิดใหม่หลายคนจังตอนนี้มี3คนละ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1534

    ไต้ซือชิงเฟิงเผยสีหน้าโศกเศร้าเสียใจพูดว่า “เมื่อแรกข้าเพียงจ่ายเงินมากอยู่บ้าง จึงได้ฝากตัวเป็นศิษย์ในนามของไต้ซือเสวียนหยาง ใช้ฐานะศิษย์คนหนึ่ง เดิมทีก็ไม่ได้เรียนรู้อันใดอย่างแท้จริง…”เหตุที่เขาสามารถอยู่กินในเมืองฉีหยางได้อย่างสุขสบาย ก็เพราะที่เมืองฉีหยางนี้แทบไม่มีไต้ซือผู้เก่งกาจอยู่ อีกทั้งเขายังมีความสามารถในการดูสีหน้าเดาความคิดผู้อื่น ฉีชิงอีโกรธโลหิตพลุ่งพล่าน เมื่อนึกถึงคำพูดที่ตนเคยกล่าวออกไปก่อนหน้านี้ ก็ยิ่งรู้สึกว่าช่างน่าอับอายขายขี้หน้า!เหลียงอ๋องมองดูภาพของฉีชิงอีที่อยู่ร่วมกับไต้ซือชิงเฟิง สองตัวโง่งมมาอยู่รวมกัน แววตาของเขาสะท้อนความรังเกียจอย่างชัดเจนหากไม่ใช่ว่าเขาเพียงต้องการใช้ฉีชิงอีเป็นข้ออ้างบังหน้า เขาคงไม่มีวันพานางติดตามมาด้วยเด็ดขาด!เซียวอ๋องใช้ข้อศอกกระทุ้งไปที่ฉู่จวินถิง พูดว่า “เจ้าสี่ผู้นี้ทุกครั้งที่ออกมา ล้วนทำทีเป็นคนใจดีอ่อนโยนเสมอ เจ้าลองมองดูสีหน้าเขาตอนนี้สิ ราวกับทนต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ”ฉู่จวินถิงหันตามสายตาของเซียวอ๋องไป ก็เห็นเหลียงอ๋องในสภาพทั้งโกรธทั้งเอือมระอาเข้าพอดี“หากท่านได้ภรรยาเช่นนี้ น่ากลัวว่าก็คงทนไม่ไหวเหมือนกันกร

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1533

    พวกซ่งรั่วเจินมองภาพตรงหน้า นี่เป็นเรื่องที่พวกเขาคิดไว้แล้ว กลับไม่รู้สึกแปลกใจจิ้งเฉินจบชีวิตเพราะเรื่องนี้จริง นางตั้งใจจะปกปิดทุกอย่าง โทษทั้งหมดล้วนเป็นนางต้องแบกรับไว้เพียงลำพังบัดนี้ความจริงถูกเปิดเผย ความลับที่หมู่บ้านหมิงเยว่ปกปิดมานานก็ได้เปิดเผยออกมา นับแต่นี้ไปจะไม่มีพิธีบูชายัญเด็กอีก แท้จริงแล้วก็สมดั่งปรารถนาของจิ้งเฉินและจิ้งอินนอกจากนั้น ทั้งสองก็ไม่เคยมีความคิดจะยึดสำนักเทียนฉือไว้เป็นของตนอยู่แล้ว ทั้งยังไม่คิดโกรธแค้นจิ้งอวิ๋นอีกด้วย“บัดนี้เรื่องราวสำเร็จลุล่วงไปแล้ว รอข้าไปแจ้งแก่ทางการในเมืองฉีหยาง นี่ก็สามารถกลับเมืองหลวงได้แล้ว”เสนาบดีศาลต้าหลี่มีอารมณ์เบิกบานเป็นพิเศษ เดิมทีคดีนี้สลับซับซ้อนยิ่งนัก ไม่สามารถสืบออกมาได้อย่างรวดเร็วต้องขอบคุณพระชายาฉู่อ๋องที่มาในครั้งนี้ คดีถึงได้คลี่คลายลงได้อย่างราบรื่น“เรื่องการประสานงานกับทางการเมืองฉีหยางขอยกให้เจ้าแล้ว”ฉู่จวินถิงเอ่ยขึ้นหนึ่งประโยค จากนั้นหันไปมองฮูหยินของตน “ข้าพาเจ้าไปเที่ยวชมเมืองฉีหยางสักหน่อยดีหรือไม่?”ซ่งรั่วเจินยิ้มกว้างพลางพยักหน้า ครั้งนี้ออกมาได้ยากยิ่ง ไปชมทิวทัศน์ของเมืองฉีหยาง

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1532

    นางมิได้มีความขุ่นเคืองโกรธแค้นเลย ตรงกันข้ามกลับรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง เพราะบัดนี้หัวใจของนางได้รับความสงบที่แท้จริง หาได้เป็นเช่นก่อน ที่เต็มไปด้วยความหวาดหวั่นและกังวลอยู่ตลอดสีหน้าของจิ้งอวิ๋นซือไท่ซับซ้อนมาก นางลังเลไปชั่วขณะ ก่อนจะพรูลมหายใจยาวเหยียดออกมาเฮือกหนึ่งแล้วพูดว่า “ขอโทษ”“ข้าไม่รู้เลยว่าพวกเจ้าต้องทุกข์ทรมานถึงเพียงนี้ ตอนที่เห็นซากศพเหล่านี้ข้าเพียงแต่ตกใจเกินไป…”ใบหน้าจิ้งอวิ๋นซือไท่เปี่ยมความรู้สึกผิด แท้จริงแล้วจิ้งอวิ๋นซือไท่มาอยู่ที่สำนักเทียนฉือเร็วกว่าจิ้งเฉินและจิ้งอินเสียอีก แต่ซือไท่อาวุโสกลับมอบสำนักให้จิ้งเฉินดูแล นางจึงเก็บความไม่พอใจไว้ในใจเสมอ ไม่เข้าใจว่าตนเองด้อยกว่าพวกนางที่ใดยิ่งเมื่อจิ้งอินปรากฏตัว ความสัมพันธ์ของจิ้งเฉินกับนางดีเป็นพิเศษ ทั้งสองคนพูดจามีลับลมคมใน ไม่เคยบอกนางมาก่อนสุขภาพของจิ้งเฉินไม่แข็งแรงมาโดยตลอด ทีแรกนางคิดว่าท้ายที่สุดแล้วสำนักเทียนฉือก็ต้องตกอยู่ในมือนาง โดยเฉพาะระยะนี้ผู้เดินทางมาสักการะที่สำนักเทียนฉือมีมากขึ้นเรื่อยๆแต่การปรากฏตัวของจิ้งอินกลับทำให้นางมองไม่เห็นความหวังใดๆ อีก บังเอิญฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1531

    นับจากนั้นเรื่องราวในหมู่บ้านหมิงเยว่ก็ไม่ยากที่จะสืบสวน เสนาบดีศาลต้าหลี่สืบความจริงทั้งหมดได้ในเวลาไม่นานจิ้งอินซือไท่ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เล่าถึงต้นสายปลายเหตุทั้งหมดออกมาเมื่อแรกจิ้งเฉินซือไท่สิ้นหวังหลังจากเกิดเรื่องกับลูกจึงกระโดดลงแม่น้ำ ทว่าถูกซือไท่อาวุโสแห่งสำนักเทียนฉือช่วยเอาไว้ นางที่คิดเพียงอยากฆ่าตัวตายได้รู้ว่าสามารถสวดภาวนาให้วิญญาณลูกที่ล่วงลับไปแล้วได้ ภายในใจก็เกิดความหวังใหม่อีกครั้งส่วนจิ้งอินซือไท่เองก็เคยคิดสั้นหมายฆ่าตัวตาย ทว่ากลับถูกจิ้งเฉินซือไท่ช่วยไว้ เพราะทั้งคู่เป็นคนในหมู่เดียวกัน ต่างก็รู้เรื่องราวของอีกฝ่ายเป็นอย่างดีเมื่อเห็นจิ้งเฉินซือไท่เฝ้าแต่สวดอธิษฐานเพื่อลูกอยู่ทุกวัน จิ้งอินซือไท่ก็พลอยอยากอธิษฐานให้ซินซินบ้าง ทั้งยังคิดว่านี่เป็นหนทางชดใช้บาปกรรมของตนพวกนางยังเคยลอบแพร่ข่าวเรื่องราวในหมู่บ้านหมิงเยว่ หวังว่าข่าวลือจะส่งถึงหูทางการ หวังว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงน่าเสียดายที่ทางการกลับนิ่งเฉยไม่ลงมือแก้ไข แม้ว่าตอนแรกเมื่อได้รับข่าวก็เคยส่งคนมาสืบที่หมู่บ้านหมิงเยว่ แต่ชาวบ้านที่นั่นกลับร่วมใจกันปิดปากเงียบ หลอกลวงจนคนของทางการต

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1530

    “บัดนี้ได้เบิกเนตรแล้ว อย่างน้อยก็ต้องรอสามวันถึงจะคลายได้ เจ้าก็ฉวยโอกาสอันดีช่วงสามวันนี้มองโลกที่ต่างออกไป จะได้ไม่รู้สึกว่าเสียเงินหนึ่งแสนตำลึงไปอย่างไร้ค่า”สีหน้าของซ่งรั่วเจินแสดงท่าทีราวกับว่า “ข้าทำเพื่อเจ้าหรอกนะ” “ให้เจ้าได้รู้สึกว่าเงินหนึ่งแสนตำลึงที่เสียไปไม่สูญเปล่า” ทำให้ฉีชิงอีทั้งหวาดหวั่นทั้งร้อนรนส่วนถังเสวี่ยหนิงวิ่งตามเซียวอ๋องไม่ทัน ตนเองอยู่เพียงลำพังก็กลัวจนตัวสั่น สุดท้ายกระโจนเข้ากอดองครักษ์หยางองครักษ์หยางตกตะลึงตัวแข็งทื่อ ครั้นเห็นว่าท่าไม่ดีก็รีบวิ่งหนีไปทันที นี่คิดจะเอาชีวิตเขาหรือไร!หลังจากซ่งรั่วเจินกลับเข้าไปพักผ่อนในเรือน ก็ยังได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังแว่วมาจากภายนอกเป็นระยะๆ“เหตุใดผีร้ายนั่นถึงได้ตามหลอกหลอนพวกเขาไม่หยุดเล่า? หรือจะมีความเกี่ยวข้องกับพระชายาเหลียงอ๋อง?”ฉู่จวินถิงเกิดความสงสัยขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ หากผีนี้เป็นของหมู่บ้านหมิงเยว่ เช่นนั้นย่อมไม่เกี่ยวข้องกับพวกฉีชิงอี เหตุใดจึงตามตอแยนางอยู่ตลอด?หากพระชายาเหลียงอ๋องเป็นผู้ที่มือเปื้อนเลือด เช่นนั้นก็ไม่แปลก เพียงแต่ผีจะตามมาไกลถึงเพียงนี้เชียวหรือ?ซ่งรั่วเจินคลี่ยิ้มบาง

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1529

    เพียงฉีชิงอีลืมตาขึ้นมาก็เห็นภาพอันน่าสยดสยอง ใบหน้าผีเต็มไปด้วยโลหิตไร้ลูกตา เหลือเพียงเบ้าตา ปรากฏอยู่เบื้องหน้านางเวลาเพียงชั่วพริบตาขนทั่วร่างของนางลุกชัน รีบหลับตาลงแน่นด้วยความหวาดกลัวทว่าต่อให้ภายในใจเฝ้าภาวนาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตอนลืมตาขึ้นอีกครั้ง กลับยังเห็นผีร้ายยืนอยู่ตรงหน้า ไม่หายไปไหน“ไปให้พ้น! ไปให้พ้นสิ!”ถังเสวี่ยหนิงเองก็ตกใจขวัญหนีดีฝ่อ กรีดร้องไม่หยุด หวาดกลัวถึงที่สุดเซียวอ๋องได้ยินเสียงเอะอะทางด้านนอกก็รีบวิ่งเข้ามาดู ปรากฏว่าเพียงถังเสวี่ยหนิงเห็นเขา นางก็โผเข้าหาเขาทันทีนางร้องโวยวายพลางเบียดซุกตัวเข้าหาอ้อมอกตน สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดผวาสุดขีด สำคัญที่สุดคือเสียงกรีดร้องนั้นดังจนเขาปวดหู“คุณหนูถัง สำรวมตนด้วย”เซียวอ๋องที่ไม่รู้เรื่องราวตกใจถอยหลังไป พยายามรักษาระยะห่างระหว่างทั้งคู่เอาไว้หรือว่าสตรีผู้นี้เห็นว่ายังไม่อาจใกล้ชิดตนได้สมดังใจ จึงใช้เล่ห์เพทุบายเช่นนี้หากชื่อเสียงถูกทำลายลง เขาย่อมต้องมีคำอธิบายให้อัครเสนาบดี ถึงตอนนั้นต่อให้ไม่อยากแต่งก็ต้องแต่งอยู่ดีดังนั้น ยามเสนาบดีศาลต้าหลี่มาถึงก็ได้เห็นเซียวอ๋องที่เดินเข้ามาด้วยท่าทีอยากรู้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status