Share

บทที่ 7

Author: จี้เวยเวย
จวนตระกูลซ่ง

หลิ่วหรูเยียนค่อย ๆ ตื่นขึ้นมา เมื่อเห็นซ่งรั่วเจินอยู่ตรงหน้าก็รีบเอ่ยถามว่า “เจินเอ๋อร์ จวนตระกูลจ้าวขอถอนหมั้นแล้วจริงหรือ?”

ซ่งรั่วเจินพยักหน้า มองดูใบหน้าซีดเผือดของผู้เป็นมารดาด้วยแววตาที่ไม่อาจหักหาญใจ “ท่านแม่ ในเมื่อจวนตระกูลจ้าวเลือกที่จะเลิกหมั้นในช่วงเวลานี้ ก็เห็นได้ชัดว่านางมิใช่คู่ที่ดีของพี่ชาย เราไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องการหมั้นนี้”

“เดิมทีจ้าวซูหว่านก็ไม่เหมาะสมกับพี่ชายรองอยู่แล้ว ข้าคิดว่าการถอนหมั้นเป็นเรื่องดี มิฉะนั้น การแต่งงานกับหญิงสาวเช่นนี้ เกรงว่าในอนาคตคงไร้ซึ้งความสุขสงบ”

“แม่รู้ดีว่าจ้าวซูหว่านไม่เหมาะกับพี่ชายของเจ้า แม่เองก็ไม่เห็นด้วยกับการหมั้นหมายนี้ตั้งแต่แรก เพียงแต่พี่ชายของเจ้าไม่มีหญิงสาวที่หมายปองเสียที ในเมื่อทั้งสองคนรักกัน แม่ก็ไม่อยากจะขัดขวาง”

“ตอนนี้พี่ชายของเจ้าตาบอด หมอจากทั่วเมืองมาตรวจดูแล้วล้วนบอกว่ารักษาไม่ได้ แม่ไม่อยากให้พี่ของเจ้าต้องเจ็บปวดซ้ำ ๆ …”

“พ่อของเจ้าจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด ถ้าเขารู้ว่าในเวลาที่ตนไม่อยู่ ข้าไม่สามารถดูแลพวกเจ้าให้ดีได้…”

หลิ่วหรูเยียนพูดพลางน้ำตาก็คลอเบ้า หมู่นี้ในจวนมีแต่เรื่องร้ายเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า นางไม่สามารถดูแลใครให้ดีได้เลย

ซ่งรั่วเจินเข้าใจความทุกข์ของหลิ่วหรูเยียน ในฐานะสตรีที่ต้องดูแลคนทั้งตระกูล โชคชะตาของตระกูลซ่งถูกพรากไปทั้งหมด ทุกอย่างย่อมแย่ลงเรื่อย ๆ ทุกคนต่างคิดว่าตระกูลที่มีสตรีเป็นผู้นำจะประสบความสำเร็จ แต่ใครจะเข้าใจถึงที่มาที่ไป ทั้งเลือดเนื้อและหยาดน้ำตาของคนตระกูลซ่งเล่า?

“ท่านแม่ ไม่ต้องกังวลนะเจ้าคะ พี่ชายเป็นคนรู้ความ แม้ว่าจะรู้สึกผิดหวังจากเรื่องนี้ แต่พี่เขาจะไม่ยอมแพ้ ข้าได้คุยกับพี่ชายรองแล้ว เขาบอกว่าเขาเข้าใจได้ ห่วงก็แต่เรื่องสุขภาพของท่านแม่”

นางจับมือหลิ่วหรูเยียน “ท่านแม่ เรื่องดวงตาของพี่ชาย ข้ามีวิธีรักษา ท่านแม่ไม่ต้องกังวลนะเจ้าคะ คนตระกูลจ้าวมีตาหามีแววไม่ ในเวลานี้ที่พวกเขาซ้ำเติมพวกเรา เราก็ใช้โอกาสนี้ถอนหมั้นไปเสีย ต่อไปพวกเขาจะต้องเสียใจ!”

หลิ่วหรูเยียนตกใจเล็กน้อย จับมือนางด้วยความตื่นเต้น “เจ้าพูดจริงหรือ? มีวิธีรักษาจริงหรือ?”

“ใช่เจ้าค่ะ ท่านแม่ไม่ต้องกังวล พี่ชายรองจะต้องพบหญิงสาวที่จริงใจต่อเขาในอนาคตแน่นอน ไม่ใช่คนที่หวังแต่ผลประโยชน์เช่นนี้ รอให้รักษาดวงตาของพี่ชายรองหายดีแล้ว ต่อให้พวกเขาคิดอยากจะกลับมาคืนดีก็จะไม่มีโอกาสนั้นอีก!”

ซ่งรั่วเจินพยักหน้าหนักแน่น แล้วกล่าวต่อว่า “จริงสิ แม่รองแนะนำให้ท่านแม่เชิญไต้ซือมาดูฮวงจุ้ย ไต้ซือผู้นั้นชื่อว่าอะไรหรือเจ้าคะ ตอนนี้เขายังอยู่ในเมืองหลวงหรือไม่?”

“เจ้าหมายถึงไต้ซือเทียนสุ่ยหรือ? ได้ยินว่าไม่นานมานี้แม่รองของเจ้าเชิญเขาไป ในเวลานี้คงกำลังอยู่ที่จวน เหตุใดเจ้าถึงถามเรื่องนี้?” หลิ่วหรูเยียนสงสัย เจินเอ๋อร์ไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้

“ลูกแค่สงสัยเลยถามดูเท่านั้น เขาบอกว่าให้ถมสระบัวแล้วจะช่วยขจัดภัยมิใช่หรือเจ้าคะ? แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ได้ผลอันใด ข้าก็เลยอยากถามว่าเกิดอะไรขึ้น”

หลิ่วหรูเยียนแสดงสีหน้าลังเล “ก็จริง แม่กังวลว่าเรื่องแต่งงานของเจ้าจะได้รับผลกระทบ จึงรีบถมสระบัว แต่ไม่คิดว่าจะไม่ได้ผล บางทีอาจถมช้าเกินไปหรือไม่?”

“ช้าเกินไปอะไรกันเจ้าคะ เขาก็เป็นแค่หมอดูจอมปลอมที่ตั้งใจหลอกลวงคนเท่านั้น”

ซ่งรั่วเจินยิ้มหยัน ไต้ซือเทียนสุ่ยอะไรเล่า? รอให้เจอเขาก่อนเถอะ ข้าจะสั่งสอนให้เขาทำตัวให้ดี!

รับเงินไปแล้วยังทำลายฮวงจุ้ยของคนอื่นอีก คนเช่นนี้ไร้ยางอายอย่างที่สุด!

ขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่ สาวใช้ก็รีบวิ่งเข้ามารายงาน “ฮูหยิน คุณหนู ฮูหยินผู้เฒ่าหลินกับหลินโหวมาเจ้าค่ะ”

ทันทีที่ได้ยิน หลิ่วหรูเยียนใบหน้าเปลี่ยนสี “เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว พวกเขายังจะมาทำอะไรอีก?”

“ฮูหยินผู้เฒ่าหลินบอกว่ามาเพื่อขอโทษ หวังว่านายหญิงจะยอมพบพวกเขาสักครั้ง”

หลิ่วหรูเยียนกดสายตาลง ลังเลชั่วครู่ก่อนจะมองไปที่ซ่งรั่วเจิน “เจินเอ๋อร์ เจ้าคิดว่าอย่างไร ฮูหยินผู้เฒ่าพาหลินโหวมาขอโทษในตอนนี้ คาดว่าคงกลับใจแล้ว หากหลินโหวยังต้องการแต่งงานกับเจ้าอีกครั้ง...”

“ข้าไม่แต่งเจ้าค่ะ”

ซ่งรั่วเจินพูดขัดขึ้นมาก่อนที่หลิ่วหรูเยียนจะพูดจบ

“ท่านแม่อาจจะไม่รู้ หลินโหวเคยชอบฉินซวงซวงมาก่อน และเพราะฉินซวงซวงปฏิเสธการสู่ขอเมื่อสองปีก่อน เขาถึงได้มาสู่ขอข้า”

“ตอนนี้หลินโหวชนะศึกกลับมา ฉินซวงซวงเปลี่ยนใจ เขาจึงแต่งงานกับข้าเพียงเพราะกังวลเรื่องชื่อเสียง มิฉะนั้นวันนี้คนที่ได้เข้าพิธีวิวาห์คงจะมีแค่ฉินซวงซวงเพียงคนเดียวเป็นแน่”

“ข้ายังไม่ทันได้แต่งให้เขา เขาก็ทำให้ข้าอับอายต่อหน้าแขกเหรื่อมากมาย หากข้าแต่งเข้าไปจริง ๆ จะมีชีวิตที่ดีได้อย่างไรเจ้าคะ?”

“อะไรนะ?” หลิ่วหรูเยียนตกใจมาก ดวงตาเบิกกว้าง “มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?”

ซ่งรั่วเจินพยักหน้า หลินจือเยว่ชอบฉินซวงซวงอย่างแท้จริง แม้ว่าจะถูกปฏิเสธเมื่อสองปีก่อน เขาก็ไม่เคยพูดไม่ดีเกี่ยวกับนาง ยังคงปกป้องนางตลอด กลัวว่านางจะเสื่อมเสียชื่อเสียง ดังนั้นจึงมีคนรู้เรื่องนี้ไม่มาก

“น่ารังเกียจ! พวกเขากล้าหลอกลวงเช่นนี้ เห็นว่าลูกสาวข้าเป็นอะไร?” หลิ่วหรูเยียนโกรธจัด “ไม่แต่งแล้ว! ข้าไม่คิดว่าหลินโหวจะเป็นคนที่เลวทรามต่ำช้าเช่นนี้ ทำให้เจ้าเสียเวลาเปล่า ๆ ถึงสองปี ทั้งหมดนี้เป็นเพราะท่านพ่อกับแม่มองคนผิดไป คิดว่าเขาเป็นคนที่ไว้ใจได้!”

“เจินเอ๋อร์ แม่ทำผิดต่อเจ้าเหลือเกิน”

ซ่งรั่วเจินแทบไม่เคยเห็นหลิ่วหรูเยียนเป็นเช่นนี้มาก่อน นางเป็นคนที่อ่อนโยนดุจน้ำเสมอ ตอนนี้ท่านแม่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟก็เพื่อตัวนาง ทำให้ซ่งรั่วเจินรู้สึกอบอุ่นในใจ

“ท่านแม่ ท่านมิได้ทำผิดต่อข้าเลย ตอนนี้ข้ามีโอกาสอยู่ในจวนเพื่อดูแลท่านแม่นานขึ้น ข้าดีใจมากเจ้าค่ะ”

ส่วนเรื่องแต่งงานอะไรนั่น ไหนเลยจะดีไปกว่าการอยู่คนเดียวอย่างเสรี? ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในจวนตระกูลซ่งไม่ดีกว่าหรือ ไปจวนหลินโหวต้องเสียทรัพย์สินเงินทองเพื่อดูคนอื่นพลอดรักกัน เรื่องเช่นนี้มีแต่ตัวโง่งมเท่านั้นที่จะทำ!

หลิ่วหรูเยียนจับมือซ่งรั่วเจิน “ไป แม่จะพาเจ้าไปพบพวกเขา หลินโหวอะไรกัน ตระกูลซ่งของเราไม่อยากได้!”

ขณะที่แม่ลูกเดินไปที่ห้องรับแขก ฮูหยินผู้เฒ่าหลินเห็นพวกนางก็รีบเดินเข้ามา “ซ่งฮูหยิน เรื่องวันนี้เป็นเพราะเยว่เอ๋อร์กระทำการไม่รู้ความเกินไป ข้าได้ตำหนิสั่งสอนเขาแล้ว จึงตั้งใจมาเพื่อขอโทษ หวังว่าพวกท่านอย่าได้โกรธเคืองกันเลย”

“ฮูหยินผู้เฒ่าหลิน การหมั้นหมายถูกยกเลิกไปแล้ว ตระกูลของเราทั้งสองก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป ไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความแล้ว เชิญกลับไปเถิด”

หลิ่วหรูเยียนพูดด้วยใบหน้าเย็นชา คิดย้อนกลับไปครานั้น ฮูหยินผู้เฒ่าเคยใช้คำพูดสวยหรูเพื่อมาสู่ขอแทนหลินจือเยว่ นางคิดว่าฮูหยินผู้เฒ่ามีความจริงใจ ทั้งยังสัญญาดิบดีว่าจะดูแลเจินเอ๋อร์อย่างดี

นางคิดว่าหากเจินเอ๋อร์ไปอยู่ที่จวนหลินโหว มีแม่สามีที่ใจดีเช่นนี้คงไม่ต้องรับความทุกข์ทนใดใด ไม่เคยคิดว่าจะลงเอยเป็นเช่นนี้ไปได้

เห็นดังนั้น หลินรั่วหลานมองไปที่หลินจือเยว่พลางเร่งเร้า “ยืนทำอะไรอยู่ ยังไม่รีบขอโทษอีกหรือ?”

“เจินเอ๋อร์เป็นลูกสะใภ้ที่ข้าชื่นชม ร่างกายของข้าแย่ลงทุกวัน ถ้าไม่ใช่เพราะเจินเอ๋อร์ดูแลอย่างดีมาตลอดสองปีนี้ เจ้ากลับมาอาจจะเห็นแค่กระดูกของข้าแล้ว เจ้ากล้าทำร้ายเจินเอ๋อร์ลับหลังข้า เจ้ายังมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอยู่หรือไม่?”

หลินรั่วหลานพูดด้วยความเจ็บปวด “ถ้าเจ้ายังเห็นข้าเป็นแม่ วันนี้เจ้าต้องขอโทษด้วยความจริงใจ ถ้าเจินเอ๋อร์ไม่อาจให้อภัยเจ้าได้ ข้าก็จะไม่ยอมรับเจ้าเป็นลูกอีกต่อไป!”

“ท่านแม่!” หลินจือเยว่มีสีหน้าย่ำแย่ ก่อนจะหันไปมองซ่งรั่วเจิน

หญิงสาวเปลี่ยนเป็นชุดธรรมดา ใบหน้าสวยแม้จะไม่สดใสเช่นตอนกลางวัน แต่ก็ยังงดงามสบายตาดุจดอกบัวที่โผล่พ้นน้ำ

นางยืนอย่างสงบเสงี่ยมอยู่ข้างหลิ่วหรูเยียน ดวงตาคู่สวยเหมือนน้ำในฤดูสาทร ทำให้คนอดมองซ้ำไม่ได้
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1346

    นางหยิบเข็มเงินออกมา หลังบอกกล่าวให้ฉู่จวินถิงเหล่าบุรุษทั้งหลายหลบฉากออกไปแล้ว นี่ถึงถอดเสื้อผ้าของลู่ฉิงเสวี่ยและเอ่ยเตือนว่า“ญาติผู้พี่ อีกเดี๋ยวอาจเจ็บเล็กน้อย ท่านต้องอดทนสักหน่อยเจ้าค่ะ”ลู่ฉิงเสวี่ยรีบพยักหน้า “ขอเพียงสามารถรักษาลูกของข้าเอาไว้ได้ ไม่ว่าเจ็บมากเพียงใดข้าก็ทนไหว”ฮูหยินผู้เฒ่าลู่และลู่ฮูหยินเห็นใบหน้าเล็กอ่อนแอของลู่ฉิงเสวี่ย ภายในสายตาเปี่ยมความปวดใจ รู้สึกเพียงว่าเด็กคนนี้ลำบากโดยแท้บัดนี้ฉิงเสวี่ยต้องทุกข์ทรมานอยู่ที่นี่ แต่สามีคนนั้นของนางถึงขั้นยังไม่โผล่หน้ามาพบนาง น่าแค้นใจนัก!จากนั้นซ่งรั่วเจินแทงเข็มเงินลงบนจุดฝังเข็มของลู่ฉิงเสวี่ย ทุกคนได้ยินนางเปล่งเสียงร้องทีหนึ่งนางกัดกลีบปากแน่น มือสองข้างกำแน่น ใบหน้าเล็กที่เดิมทีเผือดซีดอยู่แล้วเต็มไปด้วยมุกเหงื่อ กลีบปากถูกกัดจนเลือดซึมออกมา“ฉิงเสวี่ย เจ้าจะต้องพยายามประคองเอาไว้ให้ได้”ลู่ฮูหยินจับมือลู่ฉิงเสวี่ย ภายในสายตาเปี่ยมความกังวล อยากย้ายความเจ็บปวดนั้นมาอยู่บนตัวนาง เอือมระอาสถานการณ์เช่นนี้ไม่สามารถทำได้หลังซ่งรั่วเจินฝังเข็มเรียบร้อยแล้ว เด็กคนนั้นคล้ายได้รับพลังบางอย่าง อาการที่เดิมท

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1345    

    ซ่งรั่วเจินฟังคำอธิบายของหมอหลวงเหยา เข้าใจสถานการณ์มากขึ้นเล็กน้อย พอเดินเข้าไปในห้อง นางก็เห็นลู่ฉิงเสวี่ยที่นอนอยู่บนตั่ง สีหน้าซีดเซียว หน้าผากของนางในตอนนี้เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ เส้นผมข้างขมับเปียกชุ่มด้วยเหงื่อ ใบหน้าแสดงความเจ็บปวด ริมฝีปากแห้งแตกมีเลือดซึม ร่างกายอ่อนแรงถึงที่สุด “หมอหลวง ขอร้องท่าน ต้องรักษาลูกของข้าไว้ให้ได้” ในดวงตาของลู่ฉิงเสวี่ยเต็มไปด้วยความร้อนรน นางในเวลานี้ไม่สนใจความเจ็บปวดบนร่างกายด้วยซ้ำ สิ่งที่คิดอยู่เต็มหัวคือเด็กคนนี้ต้องไม่เป็นอะไรเด็ดขาด แม้นางจะมีปากเสียงกับสามี วันเวลาจากนี้ไปยังจะสามารถอยู่อย่างมีความสุขได้หรือไม่นั้น ผู้ใดก็ไม่อาจรู้ได้ แต่เด็กคนนี้เป็นของนาง แต่งงานนานขนาดนี้ ก็ยังไม่สามารถมีลูกมาโดยตลอด ตอนนี้ในที่สุดก็เฝ้ารอจนเป็นจริง ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องไม่ให้ลูกเป็นอะไรเด็ดขาด! “ญาติผู้พี่ ข้าจะตรวจดูชีพจรให้ท่าน” ซ่งรั่วเจินมองลู่ฉิงเสวี่ยที่อ่อนแรง แล้วเอ่ยปากขึ้นก่อน ในดวงตาของลู่ฉิงเสวี่ยปรากฏความประหลาดใจ แต่ก็ราวกับคว้าความหวังอันริบหรี่ไว้ได้ จึงพยักหน้ารัว ๆ “พระชายาฉู่อ๋อง ทุกอย่

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1344    

    “ฮูหยินผู้เฒ่าส่งคนมาแจ้งข่าว บอกว่าคุณหนูรองก่อนหน้านี้ล้มจนกระทบกระเทือนครรภ์ วันนั้นหลังจากที่เชิญหมอหลวงมาตรวจดู แม้ครรภ์จะคงที่แล้ว แต่เมื่อคืนอยู่ ๆ ก็รู้สึกไม่สบายตัว อาเจียนไม่หยุดตลอดทั้งคืน” “เมื่อคืนก็เชิญหมอหลวงไปแล้ว แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ภายใต้สถานการณ์ที่จนปัญญา ก็ได้ยินหมอหลวงจางพูดว่าฝีมือการแพทย์ของพระชายาเก่งกาจมาก บางทีอาจมีวิธีแก้ไข จึงตั้งใจมาเชิญท่านไป” เมื่อได้ยินดังนั้น ซ่งรั่วเจินก็รู้ทันทีว่าลู่ฉิงเสวี่ยก็คือคนที่ตกบันไดไปพร้อมกับฮูหยินน้อยสกุลเมิ่งในวันนั้น จริง ๆ แล้วจนถึงตอนนี้ พวกเขาก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เพราะทั้งสองล้วนเป็นสตรีมีครรภ์ คิดดูแล้วก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำร้ายลูกตัวเองเพื่อฆ่าอีกฝ่าย เพราะฉะนั้นจึงคิดว่าแค่มีปากเสียงกันแล้วพลัดตกลงไปอย่างไม่ทันระวัง ฉู่จวินถิงหันไปมองซ่งรั่วเจิน ถามความเห็นของนาง “เช่นนั้นพวกเราก็ไปด้วยกัน?” ฮูหยินผู้เฒ่าลู่ดีกับนางดีมาโดยตลอด ตอนนั้นแค่เพิ่งจะเจอกันก็ชอบนางมาก ถ้าไม่ได้ฮูหยินผู้เฒ่าลู่เกลี้ยกล่อมพระนางฮองเฮา เกรงว่าเรื่องการแต่งงานของพวกเขาคงไม่ง่ายเช่นน

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1343    

    ซ่งรั่วเจินและคนอื่น ๆ รับลมเย็นเอื่อยเบา มองคลื่นสีเขียวใสบนผิวน้ำทะเลสาบที่ไหวพลิ้ว ใจในนั้นรู้สึกพึงพอใจอย่างบอกไม่ถูก ในตอนกลางคืน กินข้าวด้วยกันที่ร้านอาหาร ซ่งจิ่งเซินเหมาทั้งร้านเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ซ่งหลินและกู้หรูเยียนก็ตั้งใจรีบมาด้วย ทั้งครอบครัวกินมื้อเย็นกันอย่างครึกครื้น ซ่งรั่วเจินก็ถือว่าได้สัมผัสแล้วว่าอะไรคือการรับของขวัญจนมืออ่อน ต้องบอกเลยว่าความรู้สึกนี้มันดีจริง ๆ! จนกลับไปในตอนกลางคืน ซ่งรั่วเจินก็อยู่ในสภาพเมาเล็กน้อยแล้ว เพราะดีใจเกินไป จึงอดไม่ได้ที่จะดื่มไปหลายจอก ทุกคนต่างดื่มกันอย่างชื่นมื่น แม้แต่กู้ฮวนเอ๋อร์และฉู่อวิ๋นกุยก็รีบมาในตอนกลางคืน บ่นเพียงว่าไม่น่าบอกพวกเขาช้า “หม่อมฉันยังไม่เมา หม่อมฉันยังดื่มได้อีก” ซ่งรั่วเจินหันหลังเดินกลับ มองฉู่จวินถิงอย่างไม่พอใจ อดพึมพำไม่ได้ว่า “เหตุใดท่านอ๋องจึงขี้เหนียวเช่นนี้ แม้แต่เหล้าก็ไม่ยอมให้หม่อมฉันดื่ม ถ้ารู้ว่าท่านอ๋องจะเป็นเช่นนี้ หม่อมฉันก็คงไม่แต่งกับท่านแล้ว!” ฉู่จวินถิงมองแมวน้อยขี้เมาของตน แค่เพราะเหล้านิดเดียว แม้แต่สามีคนนี้ก็ไม่เอาแล้วหรือ? “ไม่แต่งกับข้า แล้

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1342    

    อัครเสนาบดีถังและหลินจือเยว่คนหนึ่งฝ่ายพลเรือน คนหนึ่งฝ่ายทหาร สนับสนุนเหลียงอ๋อง ช่วยให้เขาสืบทอดราชบัลลังก์ในท้ายที่สุด บัดนี้เมื่อมองดูอีกที ความสัมพันธ์ของพระชายาเหลียงอ๋องกับถังเสวี่ยหนิงแน่นแฟ้นยิ่ง หรือว่าอัครเสนาบดีถังได้เลือกข้างไว้แล้วตั้งแต่ตอนนี้กระนั้นหรือ? “พวกเจ้ากำลังคุยอะไรกันอยู่หรือ?” ฉู่จวินถิงเห็นทั้งสองกำลังกระซิบกระซาบอยู่เคียงกัน จึงยื่นขนมในมือตนส่งไปให้ “ขนมที่ร้านจวี้ฟาง ลองชิมดูเถิด ว่าชอบหรือไม่?” ซ่งรั่วเจินหยิบบัวลอยข้าวเหนียวขึ้นมาชิ้นหนึ่ง ดมแล้วก็หอมหวานเหนียวนุ่ม ลองชิมคำหนึ่งก็อร่อยอยู่ไม่น้อย แล้วจึงกล่าวว่า “แค่บังเอิญเจอแม่นางถังกับพระชายาเหลียงอ๋อง จึงประหลาดใจอยู่บ้าง” เมื่อได้ยิน ฉู่จวินถิงก็มองตามสายตาของทั้งสองไป ก็สังเกตเห็นคนสองคนที่ริมฝั่งดังที่คาดไว้ เวลาต่อมา เขากับซ่งรั่วเจินสบตากันหนึ่งครั้ง ในแววตาปรากฏความเข้าใจ พวกเขาคนหนึ่งทะลุเข้ามาในหนังสือ อีกคนหนึ่งก็กลับมาเกิดใหม่ ย่อมรู้สถานการณ์ต่อจากนี้ดี ชาติก่อน เหลียงอ๋องซ่อนตัวจนถึงท้ายที่สุด ก่อคลื่นลมอยู่เบื้องหลัง แต่กลับมิมีผู้ใดสงสัยถึงตัวเ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1341

    ในแววตาฉีชิงอีฉายแววลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วโบกมือกล่าวว่า “อาการเจ็บป่วยของท่านอ๋องนั้น มีหมอเฉพาะทางดูแลอยู่ตลอด อีกทั้งตลอดหลายปีที่เขาล้มป่วยมา ก็ไม่เคยชอบนำเรื่องราวบอกแก่ผู้อื่นเลย” “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ข้าเพียงได้ยินมาว่าฮูหยินใหญ่สกุลเมิ่งเจิ้งซิ่วอิ๋ง ครรภ์เกิดการกระทบกระเทือนกะทันหัน คลอดก่อนกำหนด หลังจากที่เสียเลือดไปมาก แม้แต่หมอหลวงก็จนปัญญา” “บังเอิญที่ตอนนั้นซ่งรั่วเจินก็อยู่ด้วย พอได้ลงมือ ก็ราวดั่งมือเทวดาหวนคืนฤดูใบไม้ผลิ ช่วยชีวิตเจิ้งซิ่วอิ๋งไว้ได้” “หลังจากที่ข่าวนี้แพร่ออกมา ข้าก็ได้ยินผู้คนไม่น้อยต่างกล่าวสรรเสริญ ว่าฝีมือการแพทย์ของนางเหนือกว่าหมอหลวง เกรงว่าโรครักษายากทั้งปวง นางล้วนสามารถรักษาให้หายได้” ถังเสวี่ยหนิง เมื่อได้ยินข่าวนี้ ในใจก็ขุ่นเคือง ทำให้ซ่งรั่วเจินเสแสร้งขึ้นมาได้จริง ๆ เช่นนี้จะได้อย่างไรเล่า? นางจำต้องคิดหาหนทางลดทอนความทะนงตนของสตรีนางนี้บ้างแล้ว เหตุใดทำให้นางถูกทำร้ายจนเป็นเช่นนี้ แล้ว ซ่งรั่วเจินจะยังสามารถมีชีวิตรุ่งเรืองได้อีก? นางในเมื่อก่อน เป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์มีชื่อเสียงไปทั่วเมืองหลวง คนที่ประสงค์จ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status