แชร์

บทที่ 8

ผู้เขียน: จี้เวยเวย
สองปีก่อนเขาไม่อาจแต่งงานกับนางในดวงใจได้จึงรู้สึกหมดหวัง ตอนรู้ว่าผู้เป็นแม่ได้จัดการหมั้นหมายให้แล้ว เขาก็ตอบรับทั้ง ๆ ที่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ไม่แม้แต่จะชายตามองนางเลยสักนิด คิดเพียงว่าคุณหนูตระกูลใหญ่ส่วนมากจะหัวโบราณและขี้ขลาด ไม่เหมือนกับซวงซวงผู้น่ารักและมีเสน่ห์ดึงดูดใจ

ทว่าในขณะนี้เมื่อเขาเห็นซ่งรั่วเจิน ถึงได้รู้ว่านางนั้นงดงามน่ามองเพียงใด

ซ่งรั่วเจินเห็นหลินจือเยว่จ้องนางตาไม่กะพริบ ใจของนางก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ มีเพียงความคิดเดียวในหัวคืออยากจะควักลูกตาของคนผู้นี้ออกมาเสีย

มองอะไร! อัปมงคลเสียจริง!

“แม่นางซ่ง เรื่องวันนี้เป็นความผิดของข้าเองที่ไม่ได้บอกเจ้าตั้งแต่แรก ข้าขอโทษ” หลินจือเยว่กล่าว

ซ่งรั่วเจินหัวเราะเบา ๆ “หลินโหว ตอนขบวนเจ้าสาวของข้ากำลังจะเข้าเรือน ก็พึ่งได้รู้ว่ามีสตรีอีกนางจะแต่งเข้าพร้อมกับข้า วันนี้ท่านยังพูดต่อหน้าแขกมากมายอีกว่าในใจท่านมีเพียงแม่นางฉินเท่านั้น”

“ในเมื่อพวกท่านรักกัน ข้าก็ยินดีทำให้สมหวัง ไยต้องมาที่นี่อีก?”

เมื่อเห็นหญิงสาวพูดจาไม่น่าฟัง หลินจือเยว่ก็ขมวดคิ้วไม่พอใจ เขายอมมาขอโทษด้วยตัวเองก็ถือว่าให้เกียรติตระกูลซ่งมากแล้ว ในเวลานี้ซ่งรั่วเจินยังไม่ยอมปล่อยวางอีก ไหนเลยจะมีความสง่างามของคุณหนูตระกูลใหญ่

“เจ้าพูดเช่นนี้ก็เพราะยังโกรธข้าอยู่ ข้ายอมรับว่าการที่ข้าไม่ได้บอกเจ้าล่วงหน้าถือเป็นความผิดของข้าจริง ๆ แต่เจ้ากลับทำให้เรื่องนี้วุ่นวาย ทำลายงานมงคลนี้ ทำให้ข้ากลายเป็นตัวตลกของทั้งเมืองหลวง”

“จะว่าไปแล้ว เราสองคนก็ถือว่าเสมอกัน ตอนนี้เจ้าจะมาทำให้เรื่องใหญ่โตอีกทำไม?”

“การหมั้นของเราเกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อน ข้าไม่คิดจะถอนหมั้น หากเจ้าใจกว้างรับซวงซวง ข้าก็จะไม่ทำให้เจ้าต้องลำบาก เจ้าก็ยังคงเป็นฮูหยินของข้า ไม่ดีหรือ?”

หลินจือเยว่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ฮูหยินผู้เฒ่าหลินเห็นดังนั้นจึงตำหนิเขาเสียงดัง “พูดอะไรของเจ้า?”

“เจินเอ๋อร์ เจ้าอย่าไปถือสาเขาเลย เขาอยู่ในค่ายทหารมานานจึงพูดจาไม่น่าฟัง” หลินรั่วหลานยิ้ม “ข้ากับอดีตท่านโหวมีบุตรตอนอายุมากแล้ว จึงอดตามใจเขาไม่ได้ เขาไม่ใช่คนไม่ดีอะไรหรอกนะ”

หลินรั่วหลานก้าวไปข้างหน้า จับมือซ่งรั่วเจินก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงขมขื่น “เจินเอ๋อร์ ตลอดสองปีนี้ข้าเห็นว่าเจ้าเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของข้า เจ้าก็รู้ดี”

“เจ้าไม่ต้องกังวล ตราบใดที่ข้ายังอยู่ ไม่มีใครสามารถสั่นคลอนตำแหน่งของเจ้าในจวนหลินโหวได้ และข้าจะไม่ยอมให้ใครรังแกเจ้าเด็ดขาด!”

หลิ่วหรูเยียนมองดูการแสดงตรงหน้า หากไม่ได้ฟังเจินเอ๋อร์บอกความจริงทั้งหมด นางก็อาจจะเชื่อ ทว่านางรู้แล้วว่าฉินซวงซวงเป็นคนที่หลินจือเยว่รักมาก นางย่อมไม่ยินยอมให้เจินเอ๋อร์แต่งงานไป

ทุกคนรู้ดีว่าหญิงสาวที่แต่งงานไป หวังเพียงแค่ให้สามีรัก หากสามีมีคนอื่นในใจ อาศัยแค่ความรักจากแม่สามีจะมีประโยชน์อันใด?

ฮูหยินผู้เฒ่าหลินอายุมากแล้ว อีกทั้งสุขภาพก็ไม่ดี ใครจะรู้ว่านางจะอยู่ได้อีกกี่ปี? ยิ่งหากฉินซวงซวงมีลูก ฮูหยินผู้เฒ่าหลินจะยังคงไม่เปลี่ยนใจหรือ?

“เช่นนั้นแล้ว หลินโหวคิดว่าความผิดอยู่ที่ว่าท่านไม่ได้บอกข้าล่วงหน้าเท่านั้นหรือ? ไม่ใช่ว่าท่านไม่ควรแต่งงานกับแม่นางฉินตั้งแต่แรก?” หลิ่วหรูเยียนกล่าวด้วยท่าทีเย็นชา “บุตรสาวตระกูลซ่งของข้าจะต้องเป็นฮูหยินเอกแต่เพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่ยอมรับภรรยาที่ตำแหน่งเท่ากันเด็ดขาด!”

“จะเป็นไปได้อย่างไร?” หลินจือเยว่ตอบกลับโดยทันทีและกำลังจะพูดต่อ แต่ถูกสายตาของหลินรั่วหลานหยุดไว้

“เรื่องในวันนี้เป็นความไม่รอบคอบของพวกเราเอง เจินเอ๋อร์ หากเจ้าไม่ชอบ เช่นนั้นให้ฉินซวงซวงเป็นฮูหยินรองดีหรือไม่? เจ้าจะเป็นฮูหยินเอกและนางเป็นฮูหยินรอง ไม่ว่าอย่างไรนางก็จะไม่สามารถกดข่มเจ้าได้”

ในสายตาของหลินรั่วหลานมีแต่ความรักและเมตตา “เจ้าก็รู้ว่าวันนี้เกิดเรื่องราวใหญ่โต ถ้าปล่อยให้นางกลับไป เกรงว่าต่อไปไม่ว่าจะแต่งไปตระกูลไหนนางก็คงจะถูกคนเขารังเกียจ”

“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนใจดีและใจกว้าง ย่อมไม่อาจหักใจให้นางลำบาก รอให้นางเข้าเรือน ข้าจะให้นางอยู่ห่างจากเจ้า ไม่ให้นางมีโอกาสเกินหน้าเจ้าไปตลอดชีวิต ดีหรือไม่?”

ซ่งรั่วเจินเห็นว่าหลินรั่วหลานพูดจารอบคอบทุกคำ ดูราวกับกำลังปลอบประโลมนางอยู่ ทว่าแท้จริงแล้วกลับนึกถึงลูกชายของตนเป็นหลัก ไม่เพียงแต่จะให้ฉินซวงซวงเข้าเรือน แต่ยังให้นางทนความอึดอัดนี้อีกด้วย คำพูดทุกคำล้วนสวยงาม แต่การกระทำไม่ใช่เลย!

“หลินโหวก็คิดเช่นนี้ด้วยหรือเจ้าคะ?” ซ่งรั่วเจินถาม

เทียบกับหลินรั่วหลานที่เหมือนจิ้งจอกเฒ่าแล้ว หลินจือเยว่ยังรับมือได้ง่ายกว่า

และไม่ผิดหวังจริง ๆ หลินจือเยว่พูดด้วยใบหน้าเขียวคล้ำ “หากเจ้ายอมอยู่ร่วมกับซวงซวงอย่างสงบสุข ไม่ต่อต้านนาง ข้าก็จะไม่ทำให้เจ้าลำบาก”

“เช่นนั้นหากข้าเข้าจวนหลินโหว ข้าต้องเอาใจนางตลอดเวลา ถึงจะทำให้หลินโหวไม่ทำให้ข้าลำบากหรือ?” ซ่งรั่วเจินหัวเราะเบา ๆ “บุญคุณเช่นนี้ ข้าคงไม่มีวาสนาพอที่จะรับไว้ เช่นนั้นก็ช่างเถิดเจ้าค่ะ”

“โหวอย่างข้ายอมถอยแล้ว เจ้ายังต้องการอะไรอีก? ข้าจะแต่งงานกับซวงซวงอย่างแน่นอน เจ้าอย่าได้ทำเกินไปนัก!”

ซ่งรั่วเจินยกมือขึ้น “หลินโหวโปรดอย่ามีโทสะ ข้าเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่น แม้นางจะปฏิเสธท่านไปเมื่อสองปีที่แล้วเพราะนางชอบองค์ชายสาม แต่ตอนนี้นางกลับใจมาหาท่านดั่งที่วาดหวังไว้ ข้าก็ยินดีกับท่านเช่นกันเจ้าค่ะ”

“ในเมื่อเป็นคนที่ท่านรัก จะทำให้นางลำบากได้อย่างไร? แน่นอนต้องยกให้นางเป็นฮูหยินเอก ข้ารู้ว่าหลินโหวทำทุกอย่างด้วยความโปร่งใส และฮูหยินผู้เฒ่าก็เห็นว่าข้าเป็นลูกสาวแท้ ๆ ย่อมไม่ต้องการให้ข้าเสียหาย”

“หวังแค่จวนหลินโหวจะคืนเงินให้ข้าสำหรับการเสียสละตลอดสองปีนี้ แยกจากกันโดยดี แล้วข้าจะไม่กล่าวโทษแม้แต่คำเดียว”

ทันทีที่นางพูดออกมา หลินรั่วหลานและหลินจือเยว่ถึงกับตะลึงงัน

จุดประสงค์ของพวกเขาในคืนนี้คือให้ซ่งรั่วเจินเปลี่ยนใจ แล้วคืนข้าวของที่ย้ายออกจากจวนหลินโหวในวันนี้ และเพิ่มข้าวของกลับไปอีกสักหน่อย แต่ทำไมจู่ ๆ กลับเป็นหนี้เพิ่มขึ้นมาอีก?

การเสียสละของซ่งรั่วเจินตลอดสองปี หากแปลงเป็นเงินก็ไม่ใช่จำนวนเล็กน้อย!

“เจินเอ๋อร์พูดถูก ในเมื่อหลินโหวเจอคู่ครองที่ดี พวกเราก็ขอแสดงความยินดี เชื่อว่าหลินโหวผู้ที่ได้รับการยกย่องในราชสำนักย่อมไม่ใช่คนขาดจิตสำนึก คืนเงินมาแล้วก็ต่างคนต่างแยกย้ายโดยดีเถิด”

หลิ่วหรูเยียนเห็นลูกสาวผู้อ่อนโยนของตนเหมือนเติบโตขึ้นภายในวันเดียว ไม่หวั่นไหวต่อแผนการของหลินรั่วหลาน แก้ไขปัญหาอย่างเด็ดขาดรวดเร็ว ขณะที่รู้สึกใจหายก็อดไม่ได้ที่จะปลาบปลื้มใจ

“ซ่งรั่วเจิน เจ้าแน่ใจแล้วนะว่าจะทำเช่นนี้? ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง เจ้าอายุเกินยี่สิบปีแล้ว หากการแต่งงานนี้ล้มเลิกไป คิดอยากจะหาคนแต่งงานใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย!”

หลินจือเยว่ขมวดคิ้วแน่น เขายังไม่เชื่อว่าซ่งรั่วเจินจะยอมถอนหมั้นกับเขาจริง ๆ

“จริงแท้” ซ่งรั่วเจินตอบอย่างสบาย ๆ และหยิบสร้อยข้อมือที่ถอดมาจากข้อมือของซ่งอี้อันในวันนี้ส่งกลับไป “สร้อยข้อมือเส้นนี้ข้าขอคืนให้ท่าน รวมถึงสิ่งของที่ท่านเคยให้ข้ามา ประเดี๋ยวข้าจะให้คนส่งกลับไปยังจวนหลินโหว”

หลินจือเยว่จำสร้อยข้อมือในมือได้ว่าเป็นของที่ตนให้ซ่งอี้อัน เขาขมวดคิ้ว “ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้”

“เก็บไว้เถิดเจ้าค่ะ ข้าทำสิ่งใดมักเด็ดขาด ไม่ชอบทำอะไรครึ่ง ๆ กลาง ๆ”

ซ่งรั่วเจินสังเกตปฏิกิริยาของหลินจือเยว่ เห็นว่าเขาเพียงแค่โกรธเท่านั้น ไม่ได้รู้ถึงความหมายของสร้อยข้อมือนี้ ก็ให้รู้สึกสงสัย หรือว่าจะเป็นความบังเอิญ? หรือบางที...สร้อยข้อมือนี้ไม่ใช่ของที่เขาเลือกเอง แต่เป็นของที่คนอื่นให้เขามา

“สร้อยข้อมือนี้น่าจะเป็นของที่แม่นางฉินเลือกกระมัง? นางช่างเก่งกาจโดยแท้ ไม่เพียงแต่รู้รสนิยมของหลินโหว ยังรู้ความชอบของพี่ชายข้าอีกด้วย”
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
김나다
แม่ก็เข้มแข็งหน่อย เป็นภรรยาท่านแม่ทัพ อ่อนแอร์จริง
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1174

    ในเวลาเดียวกัน วังหลังฮองเฮาเผชิญหน้ากับพี่น้องทุกท่านที่มาเยี่ยมคารวะ อารมณ์ไม่ดีสุดขีดคนเหล่านี้ใบหน้าเผยความกังวล แต่แท้จริงแล้วกลับอยากให้เกิดเรื่องกับฉู่อ๋องและอวิ๋นอ๋องแทบแย่หากเกิดเรื่องกับพวกเขาสองคน เช่นนั้นนางที่เป็นฮองเฮาก็ไร้ที่พึ่งแล้ว“ฮองเฮา จงเฟยตั้งใจส่งพระคัมภีร์มา พูดว่าหลังรู้ข่าวเรื่องค่ายทหาร ก็ตั้งใจคัดบทสวดเพื่อขอพรให้องค์ชายทั้งสองท่านเพคะ”“ตอนนี้เอง แม่นมข้างกายฮองเอาถือพระคัมภีร์หนึ่งฉบับเข้ามาจากภายนอก นี่คือแม่นมของจงเฟยส่งเข้ามาทุกคนภายในห้องได้ยินแล้ว ต่างมีสีหน้าแปลกใจนับตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งก่อนจงเฟยก็ถูกขัง จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่ถูกปล่อยออกมา บัดนี้ช่างไม่ยอมปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไปจริงๆ คิดเพียงอยากออกมา!เพียงแต่ฮองเฮากลับเข้าใจความคิดอีกชั้นหนึ่งของจงเฟยนี่ขอพรที่ใดกัน เห็นได้ชัดว่ายั่วโมโหนาง!หลังเกิดเรื่องนี้ขึ้น นางก็ใคร่ครวญดีๆ มาก่อนแล้ว แผนการร้ายนี้เห็นชัดว่าพุ่งเป้ามาที่ฉู่อ๋อง บัดนี้คนที่อยากลงมือกับฉู่อ๋องอย่างรอแทบไม่ไหว ย่อมเป็นองค์ชายคนอื่นภายในนั้น...เช่ออ๋องเป็นคนแรกที่พุ่งเป้ามา!“ข้ารับพระคัมภีร์ไว้แล้ว ให้จงเฟย

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1173

    ราชครูกู้เห็นว่าหลิงไท่ซือต้องการกล่าวโทษฉู่อ๋องให้ได้ บัดนี้ฐานะของลูกเขยตนไม่เหมาะสม ไม่สะดวกออกมาพูดได้เพียงแต่บัดนี้ท่าทางต้องการให้ฉู่อ๋องพลิกสถานการณ์กลับมาไม่ได้ของหลิงไท่ซือคนต่ำต้อยคนนี้ เขามองแล้วไม่สบอารมณ์อย่างมาก“ฉู่อ๋องจัดการในทันทีแล้ว บัดนี้ฉู่อ๋องเองก็ติดโรคระบาด ไม่สบายไปด้วย ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่หาทางรักษาโรคระบาดหรอกหรือ?”ราชครูกู้มองทางหลิงไท่ซือ “เหตุใดหลิงไท่ซือต้องร้อนใจตัดสินโทษถึงเพียงนี้ด้วยเล่า?”สีหน้าหลิงไท่ซือเคร่งขรึมลงไป ขณะกำลังจะเอ่ยปาก หร่วนไท่ซือกลับพูดออกมาก่อน “ราชครูกู้พูดถูกแล้ว ตอนนี้จะคลี่คลายเยี่ยงไรต่างหากสำคัญที่สุด”“หากจะตัดสินโทษจริง ไม่สู้รอฉู่อ๋องกลับเข้าราชสำนักก่อนค่อยว่ากัน เชื่อว่าด้วยอุปนิสัยของฉู่อ๋อง จะต้องไม่ปัดความรับผิดชอบแน่”สีหน้าทุกคนล้วนแปลกใจ ทุกคนเองก็ล้วนได้ยินมาว่าสกุลหร่วนและสกุลซ่งแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กัน บัดนี้ท่าทีของหร่วนไท่ซือชัดเจนอย่างมากทว่า พวกเขาคิดว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน วิธีรับมือของฉู่อ๋องเองก็ดีมากแล้ว หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก็ไม่แน่ว่าจะทำได้ดียิ่งกว่านี้!เช่ออ๋องเห็นราชครูก

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1172

    เห็นว่าตำรับยาถูกรับไปแล้ว ฉู่จวินถิงไปสอบสวนคนสอดแนมที่ถูกจับไว้ ซ่งรั่วเจินจึงกลับเข้ากระโจมขณะกำลังเตรียมให้เหล่าหมอหลวงไปพักผ่อน กลับพบว่าพวกเขาล้วนสบมองนางด้วยสายตาทอประกาย ภายในสายตาเปี่ยมความหวัง“พระชายา ท่านไม่ได้ไปปรุงยาหรือ?”“ยาถูกนำไปปรุงแล้ว พวกเรารออยู่ที่นี่ก็พอ”ซ่งรั่วเจินยิ้มน้อยๆ “ทุกท่านล้วนลำบากแล้ว ไม่สู้กลับไปพักผ่อนสักครู่?”“ข้าไม่ง่วง ข้าอยากเห็นผลลัพธ์ของยาก่อนว่าเป็นเช่นไร”หมอหลวงหยางโบกมือ เมื่อคืนเขาดีใจที่สุด อีกทั้งยังนับว่าเขาได้เห็นวิชาแพทย์อันล้ำเลิศของพระชายาฉู่อ๋องอย่างแท้จริงแล้ว สมกับที่เคยได้ยินมาไม่ผิดไปดังคาด!บางส่วนที่พวกเขาไม่เข้าใจ พระชายาฉู่อ๋องคิดเพียงเล็กน้อยก็เข้าใจประเด็นสำคัญภายในนั้นแล้วมีอยู่หลายครั้ง เขาล้วนรู้สึกราวกับสติปัญญาแล่นพล่านขึ้นมาอย่างกะทันหันหากมีโอกาสได้ร่วมศึกษากับพระชายาฉู่อ๋องอีกหลายครั้ง เขาคิดว่าวิชาแพทย์ของตนจะต้องก้าวหน้าขึ้นไม่น้อยแน่“ใช่ หากไม่ได้รับผล พวกเรานอนก็นอนหลับไม่สนิทพ่ะย่ะค่ะ!”หมอหลวงคนอื่นเองก็มีท่าทีเช่นนี้ ครั้งนี้พวกเขามั่นใจมาก!ซ่งรั่วเจินคลี่ยิ้มบางๆ “เช่นนั้นพวกเราก็มารอ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1171

    ตอนซ่งรั่วเจินเดินออกจากกระโจมก็พบว่าหนึ่งคืนที่ผ่านมา ภายในค่ายทหารเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อยเห็นได้ชัดว่ารองแม่ทัพหลายท่านไม่ได้นอนพักผ่อนตลอดทั้งคืน ทว่าสีหน้าพวกเขากลับสะท้อนคุณธรรมเต็มเปี่ยม อีกทั้งยังมีเพลิงโทสะลุกโชน“ข้าก็บอกแล้วว่าหนึ่งคืนจะต้องลากตัวไอ้สารเลวคนนี้ออกมาให้ได้ ท่านอ๋องดีต่อทหารทุกคนมาก ถึงขั้นมีคนกล้าฉวยโอกาสนี้สร้างความเดือดร้อนให้ทั้งค่ายทหาร นี่ถูกเขาเอาเปรียบหมดแล้วจริงๆ!”“คนผู้นี้ก็คือเดรัจฉานโดยแท้ ก่อนหน้านี้ตอนเข้าอยู่ในค่ายไม่ได้รับความสนใจ ยังเป็นทานอ๋องเลื่อนตำแหน่งให้ บัดนี้กลับตอบแทนบุญคุณด้วยความแค้น!”“มารดาเถอะ หากครั้งนี้สามารถรอดตายผ่านด่านนี้ไปได้ คืนนี้ข้าจะไปขุดหลุดฝังบรรพชนบ้านเขา!”คนอื่นต่างเผยสีหน้าเห็นด้วย ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหจริงๆ คิดไม่ถึงเลยว่าขณะกำลังจะไปรายงานท่านอ๋องจะได้พบพระชายาฉู่อ๋อง จึงรีบเก็บสีหน้าและทำความเคารพ “คารวะพระชายา”“จับคนสอดแนมได้แล้วหรือ?”หูของซ่งรั่วเจินว่องไวมาก ย่อมไม่พลาดบทสนทนาของพวกเขาเมื่อคืนตอนจวินถิงกลับมาฟ้าก็มืดมากแล้ว เขาพูดว่าไม่เกินวันนี้จะต้องจับตัวคนสอดแนมออกมาให้ได้ตอนนั้นนางยังแปลกใจเหตุใ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1170

    สถานการณ์ในตอนนี้ หากเขาสอดมือเข้าไป ก็ยากจะถูกคนหยิบยกเรื่องนี้ออกมากล่าวหา ให้เสด็จพ่อส่งคนออกมาสืบถึงจะทำให้คนเชื่อถือที่สุด!อีกด้านหนึ่ง คนสร้างเรื่องทั้งหมดกำลังดีใจ“บัดนี้ทั่วทั้งเมืองหลวงต่างรู้ว่าโรคระบาดแพร่จากค่ายทหาร ชื่อเสียงอันดีงามที่เขาสั่งสมมานานหลายปี นับว่าถูกทำลายทั้งหมดแล้ว!”“ทว่าตอนเหล่าขุนนางในราชสำนักถกเถียงกันเรื่องนี้ ท่าทีของเสด็จพ่อกลับไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ เห็นได้ชัดว่ายังปกป้องเขาอยู่”ฝ่ายชายขมวดคิ้ว สีหน้าสะท้อนความไม่พอใจ บัดนี้เกิดเรื่องใหญ่ภายในค่ายทหาร ไม่ว่ามองอย่างไรก็สมควรลงโทษอย่างหนัก แต่กลับไม่มีความเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย“อย่าเพิ่งร้อนใจเพคะ” หญิงสาวทางด้านข้างผลิยิ้มพลางเอ่ยปาก “ตอนนี้ฉู่อ๋องยังเอาตนเองไม่รอด ฝ่าบาทกังวลความปลอดภัยของเขา ย่อมไม่ใส่ใจจัดการเขาในตอนนี้!”“ไม่แน่ว่าไม่ต้องรอให้ฝ่าบาทจัดการ ฉู่อ๋องก็ตายในค่ายทหารก่อนแล้ว”ได้ยินดังนั้น ฝ่ายชายพยักหน้า ใบหน้าเผยความระอา“ทีแรกข้าก็ไม่อยากเอาชีวิตเขา ใครให้เขาโดดเด่นเกินหน้าเกินตาเช่นนี้ พูดได้เพียงว่าเขารนหาที่ตายเอง!”ภายในสายตาหญิงสาวสะท้อนไอเย็น “ทุกคนที่ขวางทางท่านล้

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1169

    เมืองหลวง ข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วทุกหนแห่งพวกกู้หรูเยียนได้รู้ว่าบัดนี้คนในเมืองหลวงกำลังกระสับกระส่าย โรคระบาดเริ่มขยายวงกว้าง ยิ่งไปกว่านั้นราษฎรก็แน่ใจว่าโรคระบาดในครั้งนี้แพร่มาจากค่ายทหารของฉู่อ๋อง ใบหน้าจึงเผยความกังวล“เสนาบดีศาลต้าหลี่สืบออกมาได้แล้วไม่ใช่หรือ ทั้งๆ ที่หมู่บ้านชิงหยางแห่งนั้นเกิดโรคระบาดก่อน แต่ราษฎรเหล่านี้กลับปักใจว่าโรคระบาดออกมาจากค่ายทหาร น่าโมโหนัก!”บัดนี้กู้หรูเยียนนับว่ารู้แล้วว่าซิ่วไฉเจอทหาร มีเหตุผลไปก็ไร้ประโยชน์ ทั้งๆ ที่ทั้งหมดล้วนพูดไว้อย่างชัดเจนแล้ว เอือมระอาคนเหล่านี้ไม่เชื่อ“ท่านแม่ ท่านอย่าโมโหเพราะข่าวลือภายนอกเหล่านั้นเลย นี่เห็นได้ชัดว่ามีคนปลุกปั่น ท่านโมโหไปก็ไร้ประโยชน์”“ก็เพียงปากของพวกเราเหล่านี้ พูดออกไปก็ไร้ประโยชน์”ซ่งจิ่งเซินเห็นมารดาร้อนใจดุจไฟเผา มุมปากล้วนพองขึ้นมาแล้ว เอ่ยออกมาอย่างสุดระงับ“เรื่องนี้โทษท่านแม่ที่ร้อนใจไม่ได้ ข้าได้ยินข่าวลือเหล่านั้นก็อยากตีคนเหลือเกิน!”สีหน้าซ่งจืออวี้ไม่สบอารมณ์ “ตอนนี้น้องหญิงห้าไม่อยู่ข้างนอกก็ดี คำพูดของคนข้างนอกเหล่านั้นเกินไปจริงๆ ชวนให้คนโมโหแทบแย่!”ซ่งอี้อันมองเห็นท่า

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status