“ข้าน้อยไม่ทราบเรื่องนี้จริง ๆ ขอรับใต้เท้า และนักโทษที่ถูกกล่าวถึงอยู่ที่ใดข้าน้อยขอเห็นหน้าก่อนได้หรือไม่ขอรับ” หากเขาต้องถูกลงโทษเพราะเรื่องนี้อนาคตการทำงานของเขาต้องจบลงแน่ ๆ“พาตัวนักโทษเข้ามาได้จับตัวเอาไว้แน่น ๆ ล่ะอย่าปล่อยให้หลุดจากการควบคุมไปทำร้ายใครได้อีก”“ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ!! จะมัดข้า
รถม้าของจวนแม่ทัพเซี่ยเคลื่อนตัวออกไปจากบริเวณหน้าร้านค้าเพียงครู่เดียว ชาวบ้านที่ยืนดูเหตุการณ์ต่างชักชวนกันตามไปที่ศาลต้าหลี่ พวกเขาก็อยากจะรู้ว่าใครกันที่พานักโทษอย่างฉู่ซิงเยียนกลับมาเมืองหลวงเช่นกัน“นี่ทุกคน ๆ ข้าว่าพวกเราตามไปดูที่ศาลต้าหลี่ด้วยจะดีกว่า พวกเจ้าไม่อยากรู้หรือว่าใครที่ใจกล้าพาน
นางแย่งท่านไปจากข้านะเจ้าคะ คนที่ท่านควรปกป้องต้องเป็นข้า แต่ทำไมท่านกลับทำร้ายข้าเช่นนี้ด้วยเล่า ฮือ ๆ ๆ” ฉู่ซิงเยียนถูกคนของเฟยเทียนจับตัวไว้และเปิดผ้าคลุมหน้าออก จึงรีบพูดสิ่งที่นางคิดว่าเป็นความถูกต้องที่ควรสังหารซินเยว่ทิ้งเสีย“ฉู่ซิงเยียน!! เจ้าเป็นนักโทษที่ถูกเนรเทศไปใช้แรงงานที่เหมืองแร่ ห้
“ท่านหัวหน้าวางใจเถิดเจ้าค่ะ ข้าจะอยู่ที่นี่เงียบ ๆ รอท่านมามีความสุขด้วยกันนะเจ้าคะ” ถึงภายนอกนางจะตอบจงเป่าดั่งคนที่เชื่อฟัง แต่ในใจของนางนั้นกลับตรงกันข้ามเพราะนางเริ่มคิดแผนการตั้งแต่เข้าเขตเมืองหลวงแล้วเมื่อจงเป่าเห็นว่านางไม่ดื้อด้านเอาแต่ใจเช่นสตรีคนอื่น ๆ ก็วางใจปล่อยให้นางพักผ่อนส่วนตัวเขา
“ข้าก็จะพาเจ้าไปท่องเที่ยวแดนสวรรค์อย่างไรเล่า ยิ่งเจ้างดงามข้าจะพาเจ้าท่องเที่ยวสวรรค์หลายรอบ ๆ ไปเลย อีกเดี๋ยวเจ้าจะเปลี่ยนจากตั้งคำถาม กลายเป็นร้องขอให้ข้าทำเช่นนี้อีกหลาย ๆ รอบอย่างแน่นอน” เดิมทีจงเป่านั้นจุดธูปปลุกกำหนัดเอาไว้เพื่อใช้กับอาม่านคู่ขาของตน ที่พวกเขามักจะแอบพรอดรักกันยามนางเอาอาหาร
ผู้คนในเมืองหลวงใช้ชีวิตกันอย่างครึกครื้น จนลืมไปแล้วว่าเมื่อหลายเดือนก่อน เกิดเหตุการณ์เนรเทศตระกูลขุนนางใหญ่มากมาย ไปเป็นแรงงานทาสในเหมืองของแคว้น ตั้งแต่เริ่มออกเดินทางจากเมืองหลวงทาสเหล่านี้ได้ล้มตายกลางทางไปหลายคนเพราะทนกับสภาพอากาศอาหารที่ได้รับเพียงน้อยนิด รวมถึงระยะทางที่ต้องเดินด้วยเท้าไปน