บทที่2
“ฟางเออร์เป็นอะไรไปเล่าลูก ไม่ใช่ลูกหรอกหรือที่บอกว่าที่ยังไม่ต้องการมีคู่หมั้นคู่หมายหรือคนรักก็เพราะอยากจะเลือกคนที่มาเป็นสามีให้ดีที่สุดน่ะ”
คำของแม่ทำให้ฟางเหนียงยิ่งมั่นใจ คำพูดมั่นอกมั่นใจอย่างนี้เป็นของแม่ของหลินเฟยนางร้ายในหนังสือแน่ ๆ แต่ทำไมถึงไม่ให้เธอเป็นหลินเฟย แต่กลับให้เธอเป็นตัวของเธอเอง นี่คงเป็นของขวัญที่สวรรค์มอบให้แก่คนใกล้ตายสินะไม่สิเธอคงตายไปแล้วถึงได้มาอยู่ที่นี่ แต่ไม่ว่าเรื่องนี้จะจริงหรือไม่เธอก็จะพยายามทำให้มันดีที่สุด
ในแบบที่ไม่เหมือนเดิม ในแบบที่ดีกว่าเดิม
“ไม่แล้วค่ะ หนูไม่อยากคิดแบบนั้นอีกแล้ว” ฟางเหนียงเอ่ยก่อนจะลุกออกไป พ่อแม่ได้แต่สงสัยกับอาการราวผีเข้าของลูกสาว แล้วยังคำแทนตัวนั่นอีก
“คุณไม่ใช่ปกติลูกเรียกตัวเองฟางฟางเหรอ”
คนเป็นพ่อก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่ก็ต้องตกใจเมื่อลูกสาวเดินกลับมาหา
“ตอนนี้ปีอะไรคะ”
“1982ไงลูก” คนเป็นแม่ตอบ
ฟางเหนียงฟังคำตอบแล้วก็กลับขึ้นไปห้องของตัวเอง ถ้าหากเธอไม่ทำอะไรเลย ชีวิตของเธอก็หมายถึงหลินเฟยที่เธอเข้ามาสวมบทบาทอยู่ในตอนนี้ก็จะต้องแต่งงานกับลูกชายคนโตของตระกูลหวังที่เป็นเศรษฐีใหม่ หลังจากปี 1979 ที่ทางรัฐบาลจีนเริ่มให้ค้าขายได้เสรี ใช้เวลาไม่ถึงห้าปีกิจการของตระกูลหวังก็มีทั้งชื่อเสียงและกำไร ทำให้ตระกูลหวังร่ำรวยมีเงินทองมากมาย
และเพราะอย่างนั้นทำให้นางร้ายของเรื่องนี้เลือกที่จะแต่งกับลูกชายคนโตของตระกูลหวัง แต่อีกฝ่ายกลับตบตี
ไม่เท่านั้นยังมีเรื่องผู้หญิง เหมือนกันกับเฟิ่งหลุนสามีเก่าของเธอที่รวยแต่ก็เลวซ้อมเธอไม่ต่างจากลูกชายตระกูลหวังนี่ แล้วก็มีแต่เรื่องผู้หญิงจนทำให้เธอต้องประชดโดยการมีบ้าง อีกฝ่ายมีเมียน้อย เธอก็มีชู้ ก็สมน้ำสมเนื้อกันดี
และถ้าเดาไม่ผิดหากนี่เป็นนิยายเล่มนั้นจริง ๆ และสวรรค์อยากให้เธอได้เปลี่ยนแปลงสิ่งที่ผิดพลาด เฟิ่งหลุนที่เรียกเธอขึ้นรถเมื่อเช้าก็คงเป็นลูกชายตระกูลหวังที่อยู่ในหมู่บ้านนี้ และคนตระกูลหวังก็ร้ายพอ ๆ กับลูกชายนั่นแหละ
และถ้าไม่นับพระเอกนางเอกที่น่าจะรักกันไปแล้วเพราะนางร้ายของเรื่องที่เธอเข้ามาแทนที่ไม่ได้ไปยุ่งอะไร อีกคนหนึ่งที่ยังไม่ปรากฏก็คือคนที่คอยช่วยเหลือนางร้ายทุกอย่างเหมือนกับคนที่เธอรัก
“ว่าแต่ตอนนี้คุณไปอยู่เสียทีไหนนะไห่ฮวน” ฟางเหนียงได้แต่บ่นกับตัวเอง
แต่ฟางเหนียงก็ไม่ต้องรอนานนัก เมื่อวันถัดมาหลังจากกลับจากมหาลัยเธอก็เห็นหนึ่งในชายหนุ่มที่พ่อแม่ของเธอกำลังรับของมากมายจากบรรดาผู้ชายในหมู่บ้าน
และหนึ่งในนั้นก็คือไห่ฮวน แค่เห็นชายหนุ่มถือกระต่ายอยู่ในมือเธอก็รู้แล้วว่านั่นใช่เขาแน่ ๆ แม้จะยังเห็นหน้าไม่ชัดก็ตาม เพราะชายคนนั้นคือคนที่นางร้ายมีใจให้ แต่เธอคิดว่าเขานั้นไร้ซึ่งทรัพย์สมบัติจึงไม่ได้มอง แม้ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรให้เธอหลายอย่างเธอก็ไม่เคยเห็นค่า
พอคิดเช่นนั้นน้ำตาของฟางเหนียงก็รื้นขึ้นมาที่ขอบตา นางร้ายเรื่องนี้ช่างโง่เหมือนเธอไม่มีผิด ลืมไปได้เช่นไรว่าตนเองอยู่ในยุคไหนหากไห่ฮวนสามารถหาสัตว์มาได้ตั้งแต่ก่อนเปิดเสรีการค้าฐานะอาจจะดีกว่าตระกูลหวังด้วยซ้ำ
เรื่องนี้จะโทษนางร้ายเพียงอย่างเดียวก็ไม่ได้ เพราะชายหนุ่มนักล่าสัตว์หรือที่คนทั่ว ๆ ไปจะเรียกว่าพรานป่าที่ตอนนี้เป็นไห่ฮวนที่สวมบทบาทก็ไม่ยอมบอกยอมอธิบายทั้ง ๆ ที่รู้ว่าครอบครัวนางร้ายต้องการเงิน คิดแล้วก็ถอนหายใจ ช่างเป็นพล็อตที่ไม่มีวันตายจริง ๆ ต่อให้ต้องอ่านร้อยเรื่องฟางเหนียงก็อ่านได้
แต่จากนี้จะไม่ใช่แล้ว จะไม่มีความเข้าใจผิดอีกต่อไป หลังจากนี้ชีวิตของนางร้ายในนิยายเรื่องนี้จะมีสีสันยิ่งกว่านางเอกและพระเอกของเรื่องเสียอีก
จะว่าไปวันนี้ฟางเหนียงก็เห็นคนที่น่าจะเป็นพระนางของนิยายเรื่องนี้ ทั้งสองดูรักกันดี ชายหนุ่มคล้ายจะเป็นบุรุษในเครื่องแบบ และใบหน้าของหญิงสาวที่เดินเข้าไปหาเขาก็สวยหวาน ขนาดไม่แน่ใจว่านั่นน่าจะใช่พระเอกและนางเอกของนิยายเรื่องนี้หรือไม่ แต่ใจก็เชื่อไปแล้ว และไม่ว่าจะใช่หรือไม่ตอนนี้มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอแล้ว เพราะเธอไม่ได้เป็นนางร้ายที่วัน ๆ เอาแต่สนใจพระเอกและอยากแก้แค้นนางเอก แต่เธอจะเป็นคนที่ทำทุกอย่างเพื่อทวงคืนชีวิตที่ควรจะดีของเธอ ไม่ว่าเรื่องตอนนี้มันจะจริงหรือไม่ก็ตาม
ฟางเหนียงเดินผ่านพ่อกับแม่ของเธอไปที่บ้านซึ่งแน่นอนกว่าการที่พ่อแม่ของหญิงสาวรับของของบรรดาหนุ่ม ๆ เอาไว้ก็ทำให้หลายคนคิดว่ามีสิทธิที่จะพูดคุยหรือทำอะไรกับเธอมากกว่าคนที่ไม่ได้ให้อะไร ช่างเป็นความคิดที่เห็นแก่ตัวจริง ๆ แต่ทุกอย่างก็เพราะคำของนางร้ายในเรื่องที่เคยบอกกับพ่อแม่ของตัวเองทั้งนั้น
หากใครให้ของฏ้ต้องรับไว้ และเปรีบยเทียบว่าใครให้ของที่มีค่ามากที่สุด แล้วนางร้ายจะเลือกคนนั้น
ช่างเถอะฟางเหนียงจะจบเรื่องทุกอย่างลงวันนี้ให้เอง
เพราะหากให้พ่อแม่ของเธอรับของอยู่อย่างนี้คนเหล่านั้นก็จะยิ่งมีความหวัง แล้วตามจีบหรือทำเป็นรู้จักกับเธอไปเรื่อย
บทที่31ฤดูเปลี่ยนครั้งแล้วครั้งเล่าจนตอนนี้ผมที่เคยยาวสลวยก็เริ่มมีสีขาวแซม ทั้ง ๆ ที่นี่เป็นการแก่อีกครั้งของฟางเหนียง แต่เธอกลับไม่ได้รู้สึกไม่ดีตรงไหนหญิงชราพิงไปที่ไหล่ของชายชราข้าง ๆ เธอ ““เมื่อยไหมคะ” เธอถาม “ไม่เมื่อยหรอกเพื่อคุณผมทำได้อยู่แล้ว” ลูก ชายคนโตพาภรรยาและหลานมาเยี่ยมพ่อแม่ก็ต้องเลี่ยนกับความรักที่หวานมาก ๆ ของทั้งคู่“อยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้แล้วยังไม่เลิกหวานกันอีกเหรอครับ” ลูกชายคนโตถามอย่างสงสัย ““หันไปถามลูกสะใภ้สิว่าอีกสิบยี่สิบ หรือห้าสิบปีอยากอยู่กับเราแบบนี้ไหม” ไห่ฮวนถามลูฟางกชายฟางเหนียงหลุดหัวเราะไห่ฮวนในตอนนี้ช่างไม่คุ้นชินในความรู้สึกของเธอเลยแม้แต่น้อย ปกติแล้วอีกฝ่ายจะไม่ปากจัดแบบนี้ แต่พออายุมากขึ้นคงเป็นความกล้าที่จะพูดเรื่องที่อยู่ในใจมากขึ้นหรือเปล่าเจ้าตัวถึงได้ดูเหมือนจะขี้บ่นมากขึ้นแต่ไม่ใช่ว่าเธอไม่ชอบนะ “อย่าแกล้งลูกสิคะ” ฟางเหนียงห้ามสามี “ลูกก็แค่อิจฉาคุณเท่านั้นน่ะแหละ” และเพราะคำนั้นก็ทำให้ไห่ฮวนข่มลูกชายได้อีกครั้ง “เอาเถอะครับผมยอมแล้ว ว่าแต่น้องมาเมื่อกี้ไปไหนแล้วล่ะครับ” พี่ชายคนโตที่นาน ๆ จะได้กลับมาเจอกับน้องสาวเอ่ยถาม ““
บทที่30ฟางเหนียงถูกรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที เธอได้แต่คิดว่าถ้าเธอเข้าไปในนิยายยุคปัจจุบันสามีของเธอคงเข้ามาในห้องคลอดกับเธอด้วยได้ แต่ตอนนี้คงทำได้แต่เดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้องคลอดเท่านั้น“อาไห่เป็นอย่างไรบ้าง” พ่อของฟางเหนียงได้ยินว่าลูกสาวจะคลอดก็เร่งลางานกลับมา ก่อนจะมาก็แวะรับคนเป็นแม่จากร้านอาหาร ซึ่งบรรดาลูกจ้างทุกคนก็ต่างตื่นเต้นกันใหญ่ที่รู้ว่าเจ้านายของพวกเธอและเขากำลังจะคลอดลูกไม่เว้นแม้แต่พ่อแม่ของไห่ฮวนที่มาถึงที่บ้านก็เจอกับป้าข้างบ้านบอกให้มาที่โรงพยาบาลทั้งสองกับหลานอีกคนก็เร่งมาที่โรงพยาบาลพอดี“อาฮวน ลูกสะใภ้แม่เป็นอย่างไรบ้าง” ไห่ฮวนส่ายหน้าเพราะเขาไม่รู้ “ยังอยู่ในห้องเลยครับ “เอาไว้ผมค่อยแนะนำทุกคนนะครับ ตอนนี้ผม...” ทุกคนตบไหล่ชายหนุ่ม นั่นก็เพราะความตื่นเต้นที่ไห่ฮวนมีทุกคนรู้ดีว่ามันเป็นอย่างไร ต่างก็เคยได้ท้องได้คลอดกันมาแล้ว ยกเว้นแต่หลานที่ถูกพามาด้วยที่ค่อนข้างจะตื่นตาตื่นใจกับทุกอย่างไปหมด“อุแว้ อุแว้” เสียงของเด็กที่ร้องดังลั่นห้องทำให้ไห่ฮวนหันมาบอกกับทุกคน “นั่นเสียงลูกผม เสียงลูกผมแน่ ๆ” ชายหนุ่มพูดอย่างยินดี เขาตื่นเต้นจนแทบจะเป็นลมอยู่แล้ว ไม่นานน
บทที่29ตั้งแต่หญิงสาวเริ่มท้องไห่ฮวนก็ดูแลเธอดีมาก ๆ อีกฝ่ายแทบจะอุ้มเธอไปอาบน้ำและจัดการทุกอย่างให้เลยด้วยซ้ำ เล็บเท้าก็จัดการตัดให้ ทั้งยังนวดขาให้บ่อย ๆ เพราะรู้ว่าเธอเมื่อย ทุกอย่างที่ไห่ฮวนทำมันทำให้เธออดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบตอนที่คบอยู่กับเฟิ่งหลุน แม้ว่าอีกฝ่ายจะถูกตัดสินไปแล้ว เธอไม่ได้สนใจหรอกว่าตัดสินว่าอย่างไร แค่เฟิ่งหลุนได้รับผลของการกระทำนั่นก็ดีแล้ว ดีสำหรับทุกคนตอนที่เธอท้องชาติก่อน เธอมีแต่ความรู้สึกแย่ ๆ ต่างกับตอนนี้ที่มีแต่รอยยิ้มในทุกวัน กิจการดี พ่อแม่ก็มีความสุข แม้แต่คนของครอบครัวสามีก็มีความสุข“แม่บอกว่าถ้าคุณคลอดเธอจะมาที่นี่” ฟางเหนียงยอมรับว่าตกใจมาก ๆ ที่ได้ยินอย่างนั้น “แล้วคุณแม่ของคุณจะเดินทางคนเดียวได้เหรอ”“จะได้อย่างไรกันล่ะ พ่อไม่มีทางยอมหรอก ก็คงจะมาด้วย แล้วก็ให้หลานคนโตดูแล โชคดีที่พวกเขามีลูกก่อนหน้านี้ไม่ต้องถูกบังคับให้มีคนเดียว”ฟางเหนียงอยากบอกว่าอีกสิบกว่าปีเดี๋ยวพวกเราก็มีได้อีก ก็ดีเหมือนกันห่างจากคนแรกประมาณสิบปีแต่ไม่รู้ว่าถึงวันนั้นเธอจะยังสามารถมีลูกได้ไหม“สักวันอาจจะมีการเปลี่ยนกฎก็ได้นะคะ” ไห่ฮวนพยักหน้า“ก็อาจจะเป็นไปได้” เ
บทที่28ฟางเหนียงใช้เวลาที่นี่ส่วนใหญ่ในการสอนทุกคนที่อยากเรียนให้ทำเนื้อแห้งแล้วใส่ถุงที่จริงแค่เพียงทำลงไปขายในเมืองข้างล่างวันแรกก็ขายหมดในทันที“สูตรนี้อร่อยจริง ๆ และยังเก็บเอาไว้ทยอยกินได้ด้วย คิดเองเหรอ” ฟางเหนียงไม่เอาความดีเข้าตัว“ซื้อมาจากร้านที่เมื่อก่อน ไห่ฮวนเขาส่งเนื้อให้ค่ะ ร้านที่พวกเราเซ้งมา” คนเป็นพ่อสามีพยักหน้า“อย่างนี้ก็ดีเนอะ ขอบใจหนูมากนะ ลูกชายของพ่อมันซื่อบื้อ หากไม่มีหนูก็ไม่รู้จะมีวันนี้ได้หรือเปล่า” ฟางเหนียงส่ายหน้า “ที่จริงเขาเป็นคนมีความสามารถและนิสัยดีมากนะคะ” หญิงสาวชื่นชมสามีของตัวเองไห่ฮวนที่กำลังจะเดินเข้าไปในห้องก็ชะงักเพื่อแอบฟัง“เพียงแต่ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าสิ่งที่เขามีมันไม่มีค่าอะไร ทั้ง ๆ ที่มันหาค่าไม่ได้ ทั้งความสามารถที่เขามีหรือแม้แต่ของในบ้านรวมถึงครอบครัวที่นี่ด้วย” คนอื่น ๆ ที่ได้ฟังก็พยักหน้าตาม“จะว่าไปความคิดหนูนี่เป็นผู้ใหญ่ดีจังเลยนะ” ฟางเหนียงแอบยิ้มจะไม่เป็นผู้ใหญ่ได้อย่างไร เธอใช้ชีวิตที่แย่มาก่อนแล้ว แย่ตั้งแต่ต้นจนจบ และตอนนี้ได้ใช้ชีวิตอีกครั้ง แก่กว่าทุกคนในห้องอีกมั้งอายุความคิดของเธอเนี่ยแต่ไม่ว่าจะอายุเท่าไรก็ไม่
บทที่27“ผมเฝ้ามองคุณมานานขนาดนี้จะไม่รู้ได้อย่างไงว่าคุณเป็นคนยังไง เหนื่อยไหม ตรงด้านหลังมีน้ำตกนะได้ยินเสียงไหม ที่พ่ออยากให้พักที่นี่ก็คงเพราะน้ำตกนั่นแหละ” ทั้งสองเก็บของก่อนจะไปเล่นน้ำตกแม้ว่าจะบอกว่านี่คือการมาเยี่ยมบ้านของไห่ฮวน แต่แท้จริงแล้วเป็นการมาผ่อนคลายซะมากกว่า “แย่แล้วสิ อยากอยู่ที่นี่นาน ๆ เลย” ตอนแรกคิดอย่างนั้นแล้ว แต่ยิ่งอยู่ ๆ ไป ที่จริงก็ยังไม่ถึงวัน แต่ก็ไม่อยากกลับซะแล้ว“มนตร์เสน่ห์ของชนบทมั้ง มันไม่วุ่นวายเหมือนหมู่บ้านที่เราอยู่คุณว่าไหม” ฟางเหนียงเห็นด้วยกับคำของสามี “แต่ถ้ามีลูก อยู่ในเมืองก็จะมีโรงเรียนที่ดี”“ยังไม่มีสักคนเลยนะ คิดเรื่องนี้แล้วเหรอ” ฟางเหนียงหันมายิ้มอาย ๆ ให้กับสามี “ถ้าอย่างนั้นก็รีบ ๆ มีสิคะ” เธอไม่ได้อยากจะยั่วเขาหรอก แต่เธอกลัว กลัวว่าสักวันหากเขาจากไปก่อน หรือเธอจากไปก่อน เราคนใดคนหนึ่งจะเหงา ถ้ามีลูก พวกเขาก็คงจะอยู่เป็นเพื่อนพ่อแม่เขา คงไม่เหมือนตอนเธอที่ต้องตายเพียงลำพัง“ผมสัญญาเลยปีหนึ่งผมจะทำให้คุณท้องให้ได้” ฟางเหนียงตาโต ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ชายหนุ่มอุ้มหญิงสาวกลับเข้าไปในเรือน แน่นอนว่าไม่มีใครรบกวนพวกเขาน
บทที่26“อาฮวนแม่คิดถึงจังเลย หน้าตาเปลี่ยนไปหมดจนแม่จำแทบไม่ได้แล้ว หล่อกว่าพ่อของเราตอนหนุ่ม ๆ อีกนะเนี่ย” คนเป็นแม่เมื่อเห็นลูกชายที่ไม่ได้เจอกันนานก็ร้องไห้ออกมา “หนูคงเป็นภรรยาอาฮวนสินะ ฟางเหนียงใช่ไหมลูก น่ารักสวยจริง ๆ ตอนเด็กว่าสวยแล้วยิ่งโตยิ่งสวย”“เก่งด้วยนะครับแม่ แม่ครับลุงถังมาส่งพวกเราที่นี่”“พ่อลุงถังมาส่งลูกเอาข้าวสารให้เขาสักกระสอบสิ ค่ารถเท่าไรก็ไม่คุ้มหรอกกว่าจะมาถึงนี่ได้ มานี่มาลูกสะใภ้ของแม่ไปไหว้คุณปู่กับคุณย่าด้วยกันนะคะลูก” ไห่ฮวนกับพ่อของเขามองแม่ที่ดูจะดีใจเป็นพิเศษที่สะใภ้สวยก็เร่งพาทุกคนไปที่ห้องของปู่กับย่า“หลาน ๆ ทุกคนจำพี่ฮวนได้ไหม แล้วนี่น้าสะใภ้”“โหสวยอย่างกับเทพธิดา”“พูดอย่างนี้เคยเห็นหรือไง” ฟางเหนียงอดหัวเราะไม่ได้กับความวุ่นวายที่เกิดขึ้น “เป็นอย่างนี้กันทุกวันไหมคะ” หญิงสาวอดถามไม่ได้ “ก็อย่างนี้นั่นแหละ อยู่กันหลายคน ต่างคนต่างแย่งกันพูด”“แต่แม่เราเขาพูดมากสุด” คนเป็นพ่อกระซิบเบา ๆ ซึ่งคิดว่าถ้าแม่ได้ยินจะต้องโดนดีเป็นแน่บรรยากาศทั้งหมดไม่เหมือนกับที่ฟางเหนียงคิดเอาไว้เลย เธอคิดว่าที่นี่จะต้องเหมือนกับชนบทหลาย ๆ ที่ที่เคยเห็นผ่านรูป แต