สามีลูกสุนัขเช่นเจ้า ข้าไม่เอาอีกแล้ว!

สามีลูกสุนัขเช่นเจ้า ข้าไม่เอาอีกแล้ว!

last updateTerakhir Diperbarui : 2025-10-17
Oleh:  ต้นไม้แห้งBaru saja diperbarui
Bahasa: Thai
goodnovel12goodnovel
Belum ada penilaian
15Bab
68Dibaca
Baca
Tambahkan

Share:  

Lapor
Ringkasan
Katalog
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi

ในวันที่ถูกตราหน้าว่าเป็นภรรยาอกตัญญูและถูกขับออกจากตระกูลสามี ‘หลี่ชิงอี’ ไม่ได้หลั่งน้ำตาแม้สักหยด นางรู้ดีว่านี่ไม่ใช่การลงทัณฑ์ แต่คือการปลดเปลื้องพันธนาการจากขุมนรก หนังสือหย่าที่เขียนด้วยโลหิตของนางเสมือนคำประกาศอิสรภาพที่แลกมาด้วยความเจ็บปวด บัดนี้นางไม่หลงเหลือสิ่งใด นอกจากสองมืออันว่างเปล่าและวิชาปักผ้าโอสถอันเป็นมรดกจากตระกูลเดิม นางสาบานว่าจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาข่มเหงรังแกได้อีก และจะใช้ความสามารถนี้สร้างเส้นทางชีวิตของตนเองขึ้นมาใหม่ ท่ามกลางชีวิตที่กำลังเริ่มต้นของแผงค้าเล็ก ๆ ท้ายตลาด นางไม่เคยรู้เลยว่าบุรุษลึกลับผู้เย็นชาที่มักจะแวะเวียนมาซื้อสินค้าของนางบ่อยครั้ง แท้จริงแล้วคือ ‘เซียวจิ่นเหยียน’ แม่ทัพใหญ่เจ้าของฉายาพยัคฆ์แห่งแดนเหนือผู้กุมชะตาชีวิตคนทั้งใต้หล้า!

Lihat lebih banyak

Bab 1

๐๑ ชีวิตมืดมนในสกุลสวี่

ยามเหม่า[1] ของปลายเดือนสิบเอ็ดในรัชศกจิ่งหยวนปีที่ห้า ม่านหมอกยามรัตติกาลยังคงทอดตัวยาวเหยียด ปกคลุมทั่วทั้งผืนเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ไว้ด้วยความหนาวเหน็บเยือกเย็น อากาศคมกริบดุจใบมีดบาดลึกเข้าสู่ผิวเนื้อ ลมหนาวหอบหนึ่งพัดหวีดหวิวผ่านช่องหน้าต่างที่ปิดไม่สนิท ปลุก ‘หลี่ชิงอี’ ให้ตื่นจากนิทราอันแสนสั้นและไม่เคยเต็มอิ่ม

นางหยัดกายลุกขึ้นจากเตียงไม้แข็งกระด้างนั้นอย่างเงียบเชียบ ร่างกายบอบบางสวมใส่เพียงเสื้อผ้าผ้าป่านเนื้อหยาบที่ผ่านการปะชุนมานับครั้งไม่ถ้วน ความเย็นยะเยือกแทรกซึมเข้าจับกระดูกทุกข้อต่อ แต่นางไม่มีเวลาแม้แต่จะสั่นเทา วันใหม่ของนางในฐานะสะใภ้ตระกูลสวี่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เฉกเช่นทุกวันที่ผ่านมาตลอดสามปีเต็ม

เสียงไก่ยังไม่ทันขัน แสงตะวันยังหลบเร้นอยู่หลังทิวเขา แต่ร่างของหลี่ชิงอีกลับเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วราวกับเครื่องจักรที่ถูกตั้งโปรแกรมไว้แล้ว นางรีบเดินไปยังท้ายครัว พลางคว้าถังไม้สองใบขึ้นบ่าแล้วมุ่งหน้าไปยังบ่อน้ำท้ายหมู่บ้าน คานหาบกดทับลงบนบ่าเล็กจนเกิดรอยแดงช้ำ น้ำหนักของน้ำที่เต็มเปี่ยมถังทำให้ทุกย่างก้าวของชิงอีหนักอึ้งราวกับเหยียบอยู่บนภูเขาไท่ซาน นางหาบน้ำไปกลับอยู่สามรอบจนกระทั่งโอ่งดินใบใหญ่ทั้งสี่ใบเต็มปรี่ เหงื่อเม็ดเล็กผุดพรายขึ้นบนหน้าผากมนแม้นจะอยู่ในอากาศที่หนาวจัด

ทว่ายังไม่ทันที่จะได้หยุดพักหายใจ งานต่อไปก็รออยู่ตรงหน้าเสียแล้ว กองฟืนที่ ‘สวี่จื่อเหวิน’ สามีของนางควรจะเป็นคนผ่า กลับถูกทิ้งไว้ให้นางจัดการ ขวานด้ามเก่านั้นช่างหนักอึ้งเกินกำลังของสตรี แต่นางก็ยังคงเงื้อขึ้นและสับลงบนท่อนไม้อย่างแม่นยำ เสียงขวานกระทบเนื้อไม้ดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ก้องกังวานอยู่ในความเงียบของยามเช้าตรู่ เปรียบเสมือนบทเพลงที่บ่งบอกถึงความทุกข์ยากที่นางขับขานอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน นี่แหละหนาคือชีวิตของนาง ชีวิตที่ต้องทนหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน ทำงานหามรุ่งหามค่ำโดยไม่มีใครเห็นคุณค่า

เมื่อฟืนถูกผ่าและจัดเรียงจนเสร็จสรรพ นางก็รีบเข้าครัวเพื่อก่อเตา หุงข้าว และเตรียมสำรับอาหารเช้า กลิ่นข้าวสวยร้อน ๆ และหมั่นโถวที่นึ่งใหม่ ๆ เริ่มลอยอบอวลไปทั่วเรือน แต่กระเพาะของนางกลับว่างเปล่าและบิดเกร็งด้วยความหิวโหย เพราะนางไม่มีสิทธิ์แตะต้องอาหารก่อนที่แม่สามีและสามีจะอิ่มหนำสำราญเสียก่อน

ยามเฉิน[2] แสงอรุณแรกสาดส่องเข้ามาในเรือน ‘โม่หงชวน’ แม่สามีของนางเดินออกมาจากห้องด้วยท่าทางหยิ่งผยอง นางปรายตามองหลี่ชิงอีที่กำลังจัดวางอาหารบนโต๊ะด้วยสายตาดูแคลน ก่อนจะทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้หัวโต๊ะอย่างสบายอารมณ์

“ชักช้าจริง! ทำอะไรเหมือนเต่าคลาน! ข้าหิวจนไส้จะกิ่วอยู่แล้ว!” เสียงแหลมเล็กของนางเสียดแทงเข้ามาในโสตประสาท

หลี่ชิงอีไม่แม้แต่จะตอบโต้ นางเพียงก้มหน้าก้มตาคีบผัดผักใส่ถ้วยให้แม่สามีอย่างนอบน้อม เพราะการอดทนอดกลั้นประดุจดังเกราะป้องกันศักดิ์ศรีเพียงชิ้นเดียวที่นางมีเหลืออยู่ในตอนนี้

โม่หงชวนใช้ตะเกียบคีบผักเข้าปาก เคี้ยวสองสามครั้งก่อนจะถ่มลงบนพื้นข้าง ๆ เท้าของหลี่ชิงอีอย่างไม่ไยดี

“ถุ้ย! รสชาติจืดชืดอย่างกับน้ำล้างเท้า! นี่เจ้าจงใจแกล้งข้ารึ! หรือฝีมือการทำอาหารของเจ้ามันมีอยู่แค่นี้!”

“ชิงอีขออภัยเจ้าค่ะ พรุ่งนี้ชิงอีจะปรุงรสให้จัดขึ้น” นางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เก็บซ่อนความขมขื่นไว้ภายใต้ใบหน้าที่เรียบเฉย

“ขออภัยแล้วมันกินได้หรือ?!” โม่หงชวนกระแทกตะเกียบลงบนโต๊ะเสียงดัง “แต่งเข้ามาสามปี ไม่มีปัญญาออกลูกออกหลานมาสืบสกุลไม่พอ อีกทั้งงานบ้านงานเรือนก็ยังไม่ได้เรื่อง ดีแต่ผลาญข้าวสุกของตระกูลข้าไปวัน ๆ ข้าล่ะสงสัยนักว่าชาติก่อนตระกูลสวี่ไปทำกรรมอะไรไว้ ถึงได้สะใภ้ไร้ประโยชน์เช่นเจ้าเข้ามาเป็นเสนียดในบ้าน!”

ถ้อยคำด่าทอเสียดสีราวกับเข็มนับพันเล่มที่ทิ่มแทงลงบนหัวใจของหลี่ชิงอีจนพรุนไปหมด สามปีที่ผ่านมา นางได้ยินวาจาเช่นนี้จนชินชา แต่มันไม่เคยมีความเจ็บปวดครั้งไหนที่ลดน้อยลงเลย นางยืนตัวตรงนิ่งงัน ปล่อยให้วาจาเหล่านั้นพัดผ่านไปเหมือนสายลม นางถูกปฏิบัติไม่ต่างอะไรกับสัตว์เลี้ยงในบ้าน เป็นเพียง วัวควายในคอก ที่มีไว้ใช้งานเท่านั้น

ไม่นานนัก สวี่จื่อเหวิน ผู้เป็นสามี ก็เดินงัวเงียออกมาจากห้องนอน เขาอยู่ในชุดบัณฑิตที่ยับยู่ยี่ บนใบหน้าหล่อเหลาแต่ซีดเซียวมีร่องรอยของความอ่อนล้าจากการร่ำสุรามาทั้งคืน เขาเดินผ่านหน้านางไปราวกับนางเป็นเพียงอากาศธาตุ ไม่แม้แต่จะชายตามอง

“ท่านแม่ ตื่นแต่เช้าเลยนะขอรับ” เขาทรุดกายนั่งลงข้างๆ มารดา พร้อมกับส่งยิ้มประจบประแจง

“แล้วจะให้ข้านอนกินบ้านกินเมืองเหมือนเจ้ารึ!” โม่หงชวนตวัดสายตาค้อนใส่บุตรชาย แต่ในน้ำเสียงกลับแฝงไว้ด้วยความเอ็นดู “เมื่อคืนกลับมาเสียดึกดื่น ไปร่ำสุรากับสหายบัณฑิตจอมปลอมพวกนั้นอีกแล้วสินะ”

“โธ่ ท่านแม่ ข้าไปสร้างสัมพันธ์นะขอรับ ปีหน้าจะมีการสอบขุนนางแล้ว เส้นสายเป็นสิ่งสำคัญ” สวี่จื่อเหวินอ้างข้างๆ คูๆ พลางคีบหมั่นโถวเข้าปากอย่างตะกละตะกลาม “เอ่อ...ท่านแม่ขอรับ พอดีว่าเมื่อวานข้าไปร้านหนังสือมา เจอตำราเล่มหนึ่งน่าสนใจยิ่งนัก แต่ว่า...” เขาทำเสียงอ่อย พูดจา ปากว่าตาขยิบ

โม่หงชวนถอนหายใจยาว “ต้องการเงินอีกแล้วสินะ” นางล้วงหยิบตลับเงินใบเล็กออกมาจากแขนเสื้อ “เอาไป! แต่จงจำไว้ว่าต้องตั้งใจอ่านหนังสือให้มาก อย่าให้เงินของแม่ต้องสูญเปล่า!”

“ขอบคุณท่านแม่! ท่านแม่ใจดีที่สุดในโลกเลย!” สวี่จื่อเหวินรับตลับเงินมาด้วยดวงตาเป็นประกาย เขานับเงินในนั้นอย่างรวดเร็วแล้วเก็บเข้าอกเสื้ออย่างดี โดยไม่สนใจเลยว่าเงินทุกอีแปะที่เขาใช้อย่างสำราญนั้น มาจากน้ำพักน้ำแรงของภรรยาที่เขามองไม่เห็นหัว

หลี่ชิงอีมองภาพสองแม่ลูกตรงหน้าด้วยหัวใจที่เย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง สามีของนาง บัณฑิตผู้มีแต่ลมปาก ไม่เคยปกป้อง ไม่เคยเหลียวแล เอาแต่เกาะกระโปรงมารดาเพื่อรีดไถเงินไปปรนเปรอตนเองและสหาย ความรักและความหวังที่นางเคยมีต่อเขาเมื่อครั้งแต่งงานใหม่ๆ ได้เหือดแห้งไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงความว่างเปล่าที่กัดกินจิตใจ น้ำซึมบ่อทราย ฉันใด ความผิดหวังในตัวเขาก็ค่อยๆ กัดกร่อนหัวใจนางฉันนั้น

หลังจากสองแม่ลูกกินอาหารเช้าเสร็จและแยกย้ายกันไปแล้ว หลี่ชิงอีจึงได้มีโอกาสกินข้าวที่เย็นชืดกับกับข้าวที่เหลือ้นถ้วย ชีวิตในแต่ละวันของนางดำเนินไปอย่างซ้ำซากจำเจเช่นนี้ ทำงานบ้าน ดูแลปรนนิบัติแม่สามีและสามี ตกเย็นก็ต้องนั่งปักผ้าจนดึกดื่นเพื่อหาเงินเข้าบ้าน เงินทุกอีแปะที่ได้มา ถูกโม่หงชวนริบไปทั้งหมดโดยอ้างว่าเป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน เหลือเพียงเศษเงินเล็กๆ น้อยๆ ให้นางไว้ซื้อด้ายและผ้าเท่านั้น

เวลาล่วงเลยไปจนถึงยามไฮ่[3] ทั่วทั้งเรือนตกอยู่ในความเงียบสงัด โม่หงชวนและสวี่จื่อเหวินต่างเข้าห้องนอนไปนานแล้ว มีเพียงแสงเทียนเล่มเล็กที่ส่องสว่างเรืองรองอยู่ในห้องเก็บของท้ายเรือนอันซอมซ่อ ซึ่งเป็นที่พักของหลี่ชิงอี

นางนั่งอยู่บนตั่งไม้เตี้ยๆ ในมือถือสะดึงขึงผ้าไหมสีแดงสด บนผืนผ้าปรากฏลวดลายของ “กิเลนหมื่นมงคล” ที่ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว นี่คืองานปักชิ้นเอกที่นางใช้เวลาว่างทั้งหมดในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาทุ่มเทให้กับมัน ทุกฝีเข็มเต็มไปด้วยจิตวิญญาณและความหวังของนาง

ด้ายสีทองอร่ามถูกปักไล่เรียงกันเป็นเกล็ดกิเลนที่ซ้อนทับกันดุจเกราะทองคำ แผงคอสีครามสะบัดพริ้วราวกับมีชีวิต ดวงตาของมันถูกปักด้วยด้ายสีนิลขลับ แต่กลับดูราวกับมีแววตาที่เปี่ยมด้วยเมตตาและพลังอำนาจ นี่ไม่ใช่งานปักธรรมดา แต่เป็นวิชาเฉพาะของตระกูลเดิมของนางที่สืบทอดกันมา คือการปักผ้าสมุนไพร นอกจากความงดงามแล้ว ใต้เส้นด้ายทุกเส้นยังซ่อนไว้ด้วยผงสมุนไพรหายากที่ช่วยบำรุงร่างกายและขับไล่สิ่งชั่วร้าย

ภาพปักผืนนี้คืองานชิ้นเดียวที่นางทำเพื่อตัวเอง มันคือสมบัติส่วนตัว คือสินเดิมจากมารดาที่นางแปรเปลี่ยนให้กลายเป็นความหวังชิ้นสุดท้าย นางตั้งใจว่าจะเก็บมันไว้เป็นสมบัติส่วนตัว หรือหากวันใดที่ต้อง สิ้นไร้ไม้ตอก จริงๆ อย่างน้อยก็ยังมีของล้ำค่าชิ้นนี้ไว้เป็นทุนรอนเริ่มต้นชีวิตใหม่

นิ้วเรียวที่หยาบกร้านจากการทำงานหนักค่อยๆ ลูบไล้ไปบนลวดลายปักอย่างแผ่วเบา ในยามที่ต้องเผชิญกับความโหดร้ายจากคนในบ้านตระกูลสวี่ มีเพียงการได้มองดูผลงานชิ้นนี้เท่านั้นที่ช่วยปลอบประโลมจิตใจที่บอบช้ำของนางได้ มันเป็นเครื่องยืนยันว่านางยังคงมีคุณค่า ยังคงมีความสามารถที่ใครก็พรากไปไม่ได้

ใต้แสงเทียนที่สั่นไหว แววตาของหลี่ชิงอีที่เคยว่างเปล่ามาตลอดทั้งวัน พลันปรากฏประกายแห่งความมุ่งมั่นและความหวังขึ้นมาวูบหนึ่ง นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เก็บสะดึงเข้าหีบไม้อย่างทะนุถนอมราวกับเป็นของวิเศษ

“อีกไม่นาน...อีกไม่นานก็จะเสร็จแล้ว” นางกระซิบกับตัวเองเบาๆ

ค่ำคืนนี้ยังคงยาวนาน และพรุ่งนี้เช้าวันใหม่แห่งความทุกข์ระทมก็จะมาเยือนอีกครั้ง แต่ตราบใดที่ภาพปักกิเลนผืนนี้ยังอยู่กับนาง ตราบนั้นหัวใจของหลี่ชิงอีก็ยังไม่ยอมแตกสลายโดยสิ้นเชิง มันคือเส้นด้ายแห่งความหวังเพียงเส้นเดียวที่ร้อยรัดชีวิตของนางไว้ไม่ให้จมดิ่งลงสู่ความมืดมิดที่ไร้สิ้นสุดในบ้านสกุลสวี่แห่งนี้

°°°        °°°

[1] ยามเหม่า           คือช่วงเวลา 05.00-06.59 น.

[2] ยามเฉิน              คือช่วงเวลา 07.00-08.59 น.

Tampilkan Lebih Banyak
Bab Selanjutnya
Unduh

Bab terbaru

Bab Lainnya

Komen

Tidak ada komentar
15 Bab
๐๑ ชีวิตมืดมนในสกุลสวี่
ยามเหม่า[1] ของปลายเดือนสิบเอ็ดในรัชศกจิ่งหยวนปีที่ห้า ม่านหมอกยามรัตติกาลยังคงทอดตัวยาวเหยียด ปกคลุมทั่วทั้งผืนเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ไว้ด้วยความหนาวเหน็บเยือกเย็น อากาศคมกริบดุจใบมีดบาดลึกเข้าสู่ผิวเนื้อ ลมหนาวหอบหนึ่งพัดหวีดหวิวผ่านช่องหน้าต่างที่ปิดไม่สนิท ปลุก ‘หลี่ชิงอี’ ให้ตื่นจากนิทราอันแสนสั้นและไม่เคยเต็มอิ่มนางหยัดกายลุกขึ้นจากเตียงไม้แข็งกระด้างนั้นอย่างเงียบเชียบ ร่างกายบอบบางสวมใส่เพียงเสื้อผ้าผ้าป่านเนื้อหยาบที่ผ่านการปะชุนมานับครั้งไม่ถ้วน ความเย็นยะเยือกแทรกซึมเข้าจับกระดูกทุกข้อต่อ แต่นางไม่มีเวลาแม้แต่จะสั่นเทา วันใหม่ของนางในฐานะสะใภ้ตระกูลสวี่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เฉกเช่นทุกวันที่ผ่านมาตลอดสามปีเต็มเสียงไก่ยังไม่ทันขัน แสงตะวันยังหลบเร้นอยู่หลังทิวเขา แต่ร่างของหลี่ชิงอีกลับเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วราวกับเครื่องจักรที่ถูกตั้งโปรแกรมไว้แล้ว นางรีบเดินไปยังท้ายครัว พลางคว้าถังไม้สองใบขึ้นบ่าแล้วมุ่งหน้าไปยังบ่อน้ำท้ายหมู่บ้าน คานหาบกดทับลงบนบ่าเล็กจนเกิดรอยแดงช้ำ น้ำหนักของน้ำที่เต็มเปี่ยมถังทำให้ทุกย่างก้าวของชิงอีหนักอึ้งราวกับเหยียบอยู่บนภูเขาไท่ซาน นางหาบน้ำไปกลับอย
last updateTerakhir Diperbarui : 2025-10-17
Baca selengkapnya
๐๒ ไม่สำนึกบุญคุณ
อีกสามวันถัดมา ณ ยามเซิน[1] ในที่สุดหลี่ชิงอีก็ปักเข็มสุดท้ายลงบนภาพกิเลนหมื่นมงคลของตนเองจนเสร็จสมบูรณ์ นางใช้กรรไกรเล่มเล็กตัดปลายด้ายเส้นสุดท้ายออกอย่างประณีตบรรจง ลมหายใจที่กลั้นไว้ถูกผ่อนออกมาอย่างโล่งอก ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาตลอดครึ่งปีดูจะมลายหายไปในบัดดลนางยกสะดึงขึ้นชมผลงานชิ้นเอกของตนเองภายใต้แสงอาทิตย์ยามบ่ายที่ส่องลอดผ่านช่องหน้าต่าง กิเลนบนผืนผ้าไหมสีแดงสดดูราวกับจะมีชีวิตขึ้นมาจริง ๆ เกล็ดสีทองสะท้อนแสงเป็นประกายวาววับราวกับทองคำบริสุทธิ์ แววตาเปี่ยมบารมีของมันจ้องมองกลับมายังนาง คล้ายจะมอบพรอันเป็นมงคลให้สมกับชื่อภาพหัวใจของหลี่ชิงอีพองโตด้วยความภาคภูมิใจ เพราะนี่ไม่ใช่แค่ผ้าปัก แต่เป็นหยาดเหงื่อ แรงกาย และจิตวิญญาณของนางที่หลอมรวมกัน นางค่อย ๆ ถอดผ้าไหมออกจากสะดึง พลางบรรจงพับมันอย่างเรียบร้อยแล้วห่อด้วยผ้าฝ้ายสีขาวสะอาดอีกชั้นหนึ่ง ก่อนจะนำไปเก็บไว้ในหีบไม้ใบเก่าที่มุมห้อง อันเป็นที่เก็บสมบัติเพียงไม่กี่ชิ้นของนางหลังจากทำงานบ้านช่วงบ่ายจนเสร็จสิ้น นางก็ตั้งใจว่าจะนำภาพปักออกมาเชยชมอีกครั้งเพื่อเป็นรางวัลให้กับตัวเอง นางเดินกลับมาที่ห้องเก็บของซอมซ่อของตนด้วยฝีเท้
last updateTerakhir Diperbarui : 2025-10-17
Baca selengkapnya
๐๓ เขียนด้วยเลือด ตัดด้วยใจ
ความเงียบที่น่าสะพรึงกลัวเข้าครอบงำห้องโถงของตระกูลสวี่ สวี่จื่อเหวินยังคงยืนหอบหายใจอย่างเกรี้ยวกราด จ้องมองภรรยาที่ทรุดกายอยู่บนพื้นด้วยแววตาเหยียดหยาม ส่วนโม่หงชวนนั้นยกยิ้มอย่างผู้มีชัย ชัยชนะที่ได้มาจากการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของสตรีอีกผู้หนึ่งทว่า หลี่ชิงอีกลับไม่เป็นไปอย่างที่พวกเขาคาดหวังนางไม่ได้ฟูมฟาย ไม่ได้กรีดร้องทึ้งผมตัวเอง ไม่ได้แม้แต่จะส่งสายตาตัดพ้อต่อว่าใด ๆ ออกมา ความเจ็บปวดบนใบหน้ายังคงแผ่ซ่าน แต่หัวใจของนางกลับนิ่งสงบราวกับผิวน้ำในบ่อยามไร้ลม ความรู้สึกทั้งมวลที่เคยมี ทั้งความรัก ความอดทน ความหวัง ได้ถูกฝ่ามือนั้นตบจนสลายไปหมดสิ้นแล้ว เหลือเพียงความว่างเปล่านางค่อย ๆ พยุงกายลุกขึ้นยืนอย่างมั่นคง เสื้อผ้าที่เคยดูซอมซ่อ บัดนี้กลับไม่อาจบดบังแผ่นหลังที่ตั้งตรงดุจต้นสนท้าลมหนาวของนางได้ นางไม่แม้แต่จะปรายตามองบุรุษผู้เป็นสามีและสตรีผู้เป็นแม่สามีอีก ราวกับว่าคนทั้งสองเป็นเพียงธาตุอากาศที่ไร้ตัวตนหลี่ชิงอีหมุนกายและเดินจากไปอย่างเงียบเชียบ ทุกย่างก้าวของนางหนักแน่นและมั่นคง ไม่มีแม้เพียงเศษเสี้ยวของความลังเลใจ การกระทำอันแปลกประหลาดของนางทำให้สองแม่ลูกตระกูลสวี่ถึงกับ
last updateTerakhir Diperbarui : 2025-10-17
Baca selengkapnya
๐๔ ความหวัง
หลี่ชิงอีเดินกลับไปยังเรือนตระกูลสวี่เป็นครั้งสุดท้าย นางไม่ได้กลับไปเพื่ออาลัยอาวรณ์ แต่กลับไปเพื่อเก็บสัมภาระเพียงน้อยนิดของตนเอง การกระทำของนางเป็นไปอย่างรวดเร็วและเด็ดขาดราวกับสายน้ำที่ไหลเชี่ยว ไม่เปิดโอกาสให้สองแม่ลูกตระกูลสวี่ได้กล่าววาจาถากถางใด ๆ เพิ่มเติมโม่หงชวนโยนห่อผ้าที่ใส่เสื้อผ้าเก่า ๆ ของนางออกมาให้ที่หน้าประตูอย่างรังเกียจเดียดฉันท์ “เอาของของเจ้าไป! แล้วไสหัวไปให้พ้นจากบ้านข้าบัดนี้!”หลี่ชิงอีรับห่อผ้านั้นมาโดยไม่พูดอะไรสักคำ สายตาของนางไม่ได้มองไปที่อดีตแม่สามีหรืออดีตสามีที่ยืนยิ้มเยาะอยู่ข้างหลังแม้แต่น้อย นางเพียงหันหลังให้ประตูไม้ที่คุ้นเคยบานนั้นเป็นครั้งสุดท้าย ประตูที่นางเคยเดินผ่านเข้ามาเมื่อสามปีก่อนด้วยความหวังเต็มเปี่ยม และบัดนี้ นางกำลังเดินจากไปพร้อมกับหัวใจที่แหลกสลายแต่ก็เป็นอิสระนางเดินออกมาจากตรอกตระกูลสวี่ ก้าวเข้าสู่เส้นทางที่ไม่คุ้นเคย ท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นและเสียงซุบซิบนินทาของชาวบ้านที่ยังคงจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์เรื่องของนางไม่เลิกรา บางสายตาสมเพชเวทนา บางสายตาดูแคลน แต่สำหรับหลี่ชิงอีในยามนี้ นางไม่รับรู้หรือไม่ใส่ใจสิ่งใดทั้งสิ้นน
last updateTerakhir Diperbarui : 2025-10-17
Baca selengkapnya
๐๕ ยืนหยัดด้วยตนเอง
รุ่งอรุณของวันใหม่ในรัชศกจิ่งหยวนปีที่ห้ามาเยือนพร้อมกับความหนาวเหน็บที่เสียดแทงกระดูก หลี่ชิงอีลืมตาตื่นขึ้นในซอกหลืบหลังศาลเจ้าเก่าแห่งหนึ่ง ร่างกายของนางปวดเมื่อยไปทุกส่วนจากการนอนขดตัวบนพื้นดินที่เย็นเฉียบตลอดทั้งคืน ความหิวโหยบิดเกร็งอยู่ในช่องท้องจนแสบร้อน นี่คือเช้าวันแรกของอิสรภาพที่ต้องแลกมาด้วยความอ้างว้างและยากลำบากอย่างแสนสาหัสนางอยู่ในสภาพที่เรียกได้ว่าสิ้นไร้ไม้ตอกอย่างแท้จริง แต่ในแววตาที่อิดโรยนั้นกลับไม่มีความท้อแท้สิ้นหวังแม้แต่น้อย นางรู้ดีว่าการมัวแต่สมเพชเวทนาในโชคชะตาของตนเองนั้นไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น สิ่งเดียวที่นางต้องทำในตอนนี้คือการดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดนางล้วงเข้าไปในอกเสื้อ หยิบเอาสมบัติชิ้นสุดท้ายที่เหลือติดตัวออกมา มันคือปิ่นปักผมเงินอันเล็ก ๆ สลักลายดอกเหมยอย่างเรียบง่าย เป็นของดูต่างหน้าชิ้นเดียวที่มารดามอบให้ก่อนสิ้นใจ นางลูบไล้มันอย่างแผ่วเบา ความอบอุ่นจากความทรงจำในวัยเยาว์หลั่งไหลเข้ามาในหัวใจชั่วขณะ ก่อนที่นางจะตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวชีวิตต้องเดินต่อไปข้างหน้านางเดินไปยังโรงรับจำนำที่ใหญ่ที่สุดในตลาด บรรยากาศข้างในช่างดูหดหู่และเต็มไปด้วยความสิ้น
last updateTerakhir Diperbarui : 2025-10-17
Baca selengkapnya
๐๖ ลูกค้าประจำ
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปไวราวกับโกหก เผลอครู่เดียวก็ย่างเข้าสู่ต้นเดือนสิบสองในรัชศกจิ่งหยวนปีที่ห้า ลมหนาวระลอกใหม่พัดพาเอาความเยือกเย็นมาปกคลุมทั่วทั้งเมือง แต่สำหรับหลี่ชิงอีแล้ว ในใจของนางกลับอบอุ่นกว่าครั้งไหน ๆ ในรอบหลายปีที่ผ่านมาชีวิตของนางในตอนนี้ดำเนินไปอย่างเรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยความหมาย ทุกเช้านางจะตื่นขึ้นมาในห้องเช่าเล็ก ๆ ที่เป็นของตนเอง หุงหาอาหารกินอย่างพอเพียง ก่อนจะลงมือประดิษฐ์ผลงานปักผ้าของนางด้วยความใส่ใจ กิจการเล็ก ๆ ของนางยังคงดำเนินไปได้ด้วยดี จากการบอกเล่าปากต่อปากนั้นช่วยทำให้ตอนนี้นางมีลูกค้าประจำอยู่หลายราย ส่วนใหญ่เป็นเหล่าแม่บ้านและผู้สูงอายุในละแวกนั้น เงินที่หามาได้ในแต่ละวันนั้นแม้จะไม่ได้มากมาย แต่ก็เพียงพอให้นางมีชีวิตอยู่ได้อย่างสมศักดิ์ศรี ไม่ต้องแบมือขอใครกินอีกนางยังคงตั้งแผงเล็ก ๆ ที่มุมเดิมของตลาดเช่นทุกวัน ความขยันขันแข็งและความซื่อสัตย์ของนางเริ่มเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของพ่อค้าแม่ขายในบริเวณใกล้เคียง จากที่เคยถูกมองด้วยสายตาแปลกแยก ตอนนี้หลายคนเริ่มส่งยิ้มและทักทายนางอย่างเป็นมิตร ชีวิตที่เคยต้องหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินอย่างโดดเดี่ยว บัดนี้เริ่มมีส
last updateTerakhir Diperbarui : 2025-10-17
Baca selengkapnya
๐๗ อดีตตามราวี
ในขณะที่ชีวิตของหลี่ชิงอีกำลังผลิบานขึ้นใหม่อย่างช้า ๆ ชีวิตในเรือนตระกูลสวี่กลับกำลังร่วงโรยลงทุกขณะ บรรยากาศที่เคยเต็มไปด้วยเสียงตวาดด่าและเสียงประจบประแจง บัดนี้กลับอึมครึมและเต็มไปด้วยความขุ่นข้องหมองใจนับตั้งแต่ไร้หลี่ชิงอีผู้เป็นดั่งวัวม้าให้ใช้งาน โม่หงชวนก็จำต้องลงมือทำงานบ้านด้วยตนเองเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี ความเหนื่อยยากทำให้โทสะของนางยิ่งเพิ่มพูน ส่วนสวี่จื่อเหวินนั้นเลวร้ายยิ่งกว่า เมื่อไม่มีเงินที่ได้จากงานปักผ้าของภรรยามาเจือจุน เขาก็ไม่สามารถใช้ชีวิตเสเพลร่ำสุรากับสหายได้เช่นเคย ทั้งยังถูกเจ้าหนี้บ่อนพนันตามทวงหนี้ที่เหลือไม่เว้นวัน สองแม่ลูกที่เคยสุขสบายอยู่บนความทุกข์ของผู้อื่น บัดนี้กำลังลิ้มรสความลำบากเป็นครั้งแรกยามบ่ายของกลางเดือนสิบสองในรัชศกจิ่งหยวนปีที่ห้า ขณะที่โม่หงชวนกำลังนั่งบ่นอุบอิบถึงชะตาชีวิตของตนเองอยู่นั้น สตรีข้างบ้านผู้หนึ่งซึ่งขึ้นชื่อเรื่องปากหอยปากปูก็แวะเวียนเข้ามาหาที่เรือน“แม่เสี่ยวสวี่ ข้ามีเรื่องน่าประหลาดใจจะมาเล่าให้ฟังด้วยล่ะ!” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “เมื่อวานข้าน่ะไปตลาดมา ทายสิว่าข้าเจอใครมา ก็นางหนูหลี่ชิงอีอดีตสะใภ้ของเจ้า
last updateTerakhir Diperbarui : 2025-10-17
Baca selengkapnya
๐๘ หากมีใครรังแกอีก ให้มาบอกข้า
ท่ามกลางวงล้อมของฝูงชนและความโกลาหล หลี่ชิงอีกำลังจะถึงขีดจำกัดของความอดทน นางกำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ ความโกรธและความอัปยศอดสูที่ถูกหยามเกียติต่อหน้าธารกำนัลทำให้ร่างทั้งร่างของนางสั่นสะท้าน แต่ก่อนที่นางจะได้เอ่ยคำพูดใด ๆ ออกไป...ชาวบ้านที่กำลังมุงดูอยู่นั้นพลันแหวกออกเป็นทางอย่างเงียบเชียบ ราวกับมีพลังที่มองไม่เห็นบางอย่างกำลังเคลื่อนที่ผ่านเข้ามาบุรุษร่างสูงใหญ่ในอาภรณ์ผ้าฝ้ายสีเข้มก้าวเข้ามาในวงล้อมด้วยฝีเท้าที่มั่นคงและหนักแน่น เขาไม่ได้พูดอะไร ไม่ได้แสดงท่าทีคุกคามใด ๆ เพียงแค่เดินมาหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ แผงค้าเล็ก ๆ ของหลี่ชิงอีอย่างสงบนิ่งเซียวจิ่นเหยียนเพิ่งเดินออกมาจากร้านยาที่อยู่ไม่ไกลนัก ในมือของเขายังคงถือห่อสมุนไพรสำหรับรักษาอาการบาดเจ็บภายในอยู่ แต่แล้วเขาก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายที่คุ้นเคยดังมาจากทิศทางของตลาด ด้วยสัญชาตญาณบางอย่าง เขารีบเดินตรงมายังต้นเสียงทันที และภาพที่เขาเห็นก็ทำให้ดวงตาที่เคยสงบนิ่งของเขาพลันฉายแววเย็นเยียบขึ้นมาวูบหนึ่งสตรีที่เขาเฝ้ามองดูนางลุกขึ้นสู้และสร้างชีวิตใหม่ด้วยสองมือของตนเอง กำลังถูกคนพาลสองคนรุมรังแกและใส่ร้ายป้ายสีอย่างน่าร
last updateTerakhir Diperbarui : 2025-10-17
Baca selengkapnya
๐๙ ของสมนาคุณ
นับตั้งแต่วันที่เกิดเหตุการณ์วุ่นวายครั้งนั้น บรรยากาศรอบตัวของหลี่ชิงอีก็เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คำกล่าวหาที่ไร้สาระของสองแม่ลูกตระกูลสวี่ไม่เพียงไม่สามารถทำลายชื่อเสียงของนางได้ แต่กลับทำให้นางเป็นที่รู้จักและได้รับความเห็นใจจากผู้คนในตลาดมากยิ่งขึ้น ประกอบกับการยืนยันคุณภาพสินค้าจากบุรุษลึกลับผู้องอาจผู้นั้น ยิ่งทำให้กิจการเล็ก ๆ ของนางเจริญรุ่งเรืองขึ้นอย่างก้าวกระโดดลูกค้าหน้าใหม่แวะเวียนเข้ามาอุดหนุนไม่ขาดสาย ส่วนลูกค้าเก่าก็ยังคงกลับมาซื้อซ้ำอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้นางไม่ได้เป็นเพียงแม่นางถุงหอมที่โลกลืมอีกต่อไป แต่กลายเป็นช่างฝีมือที่ได้รับการยอมรับในฝีมือและความซื่อสัตย์แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปมากที่สุด ดูท่าจะเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างนางกับลูกค้าประจำผู้เงียบขรึมผู้นั้นเขายังคงแวะเวียนมาที่แผงของนางทุกบ่ายเช่นเคย แต่บทสนทนาระหว่างพวกเขากลับลดน้อยลงไปอีก ราวกับว่ามีเรื่องราวมากมายที่สื่อถึงกันได้โดยไม่จำเป็นต้องเอื้อนเอ่ยออกมาเป็นคำพูด แต่ในความเงียบนั้นเอง ที่ทำให้หลี่ชิงอีมีโอกาสได้สังเกตเห็นรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับตัวเขามากขึ้นนางสังเกตเห
last updateTerakhir Diperbarui : 2025-10-17
Baca selengkapnya
๑๐ เจอสมบัติล้ำค่า
หลายวันต่อมา ปลายเดือนสิบสองในรัชศกจิ่งหยวนปีที่ห้า อากาศยิ่งทวีความหนาวเหน็บ หิมะโปรยปรายลงมาเป็นครั้งแรกของปี ปกคลุมหลังคาบ้านเรือนจนขาวโพลนไปทั่วทั้งเมือง แต่ความหนาวเย็นภายนอกกลับไม่อาจทำอะไรกิจการเล็ก ๆ ของหลี่ชิงอีได้อีก แผงของนางกลายเป็นจุดแวะพักที่อบอุ่นใจสำหรับลูกค้าหลาย ๆ คนที่ไม่เพียงมาซื้อของ แต่ยังมาเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนรอยยิ้มกับแม่ค้าสาวผู้มีน้ำใจงามผู้นี้ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับลูกค้าประจำผู้เงียบขรึมก็ดำเนินไปอย่างราบรื่นและลึกซึ้งขึ้นทุกวัน ผ้าเช็ดหน้าลายกิ่งไผ่ผืนนั้นได้กลายเป็นสะพานเชื่อมใจที่มองไม่เห็น ทำให้กำแพงระหว่างคนทั้งสองค่อย ๆ ทลายลง แม้บทสนทนาจะยังคงสั้นกระชับเช่นเคย แต่ความหมายที่ซ่อนอยู่ในแววตาของพวกเขากลับชัดเจนยิ่งกว่าถ้อยคำนับพันคำหลี่ชิงอีไม่เคยคาดคิดเลยว่าโชคชะตาที่พลิกผันกำลังจะนำพาความอบอุ่นในรูปแบบที่นางโหยหามาตลอดชีวิตมามอบให้...ณ จวนรับรองส่วนตัวที่ตั้งอยู่อย่างเงียบสงบในอีกฟากหนึ่งของเมือง เซียวจิ่นเหยียนกำลังขมวดคิ้วมุ่นขณะอ่านรายงานทางการทหารที่ถูกส่งมาอย่างลับ ๆ อาการบาดเจ็บภายในของเขาค่อย ๆ ทุเลาลงอย่างน่าอัศจรรย์ในช่วงหลายวันที่ผ่านม
last updateTerakhir Diperbarui : 2025-10-17
Baca selengkapnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status