เมิ่งเจียวซินรีบดึงสติ ปรับลมหายใจ อาจเพราะเธอรู้ชื่อจริงของคุณใหญ่จึงได้รู้สึกหวั่นไหวเช่นนี้
พอรวบรวมสติของตัวเองกลับมาได้ เมิ่งเจียวซินจึงรับรู้ว่า พ่อบ้านเจิ้งกำลังเล่าเรื่องอะไรบางอย่างให้เธอฟัง แล้วด้วยความที่ไม่ได้ฟังมาตั้งแต่แรก เธอจึงหันไปทำทีพยักหน้า พร้อมกับส่งยิ้มน้อย ๆ
จากนั้นเมิ่งเจียวซินก็เริ่มฟังว่า บุรุษสูงวัยกำลังเล่าเรื่องอะไร ซึ่งเรื่องที่อีกฝ่ายเล่าก็คือ เรื่องเดียวกับที่คุณยายใบบัวเพิ่งจะเล่าให้เธอฟัง
แล้วในขณะที่เมิ่งเจียวซินหันไปให้ความสนใจกับพ่อบ้านเจิ้ง เธอก็รับรู้ได้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่จับจ้องมองมา แต่พอเธอหันไปทางนั้น...ผู้ที่แอบมองกลับรีบก้มหน้าหลบตา
เมื่อเห็นเช่นนั้น เมิ่งเจียวซินจึงลอบสังเกตฝ่ายตรงข้าม คุณใหญ่หลี่อวิ้นกุยมีอายุน้อยกว่าเธอสองปี แล้วเกือบสามเดือนที่ผ่านมา...เจ้าตัวนอนหลับอยู่บ
เมิ่งเจียวซินรีบดึงสติของตัวเองกลับมา จากนั้นก็ก้มลงไปหยิบปากกา เธอยื่นมันกลับไปให้บุรุษหนุ่มตรงหน้า ระหว่างนั้นคุณหมอนพชัยก็เชิญเธอลงมานั่งพูดคุยด้วย แต่ทว่า... “ผมเซ็นยินยอมเข้าผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นไม่มีอะไรต้องพูดคุยกันอีก ตอนนี้คุณหมอนพชัยควรเก็บเอกสารส่วนตัวของผมทั้งหมดกลับเข้าไปในแฟ้ม แล้วผมจำได้...เมื่อครู่คุณหมอนพชัยบอกว่า ช่วงสายมีเคสผ่าตัดไม่ใช่หรือครับ?” “ครับ...จริงด้วยครับ อย่างนั้นหมอขอตัวก่อนนะครับ” เมิ่งเจียวซินขยับลงไปนั่งที่เก้าอี้ เธอจ้องมองบุรุษหนุ่มบนรถเข็น แม้แต่สีหน้า และท่าทีเวลาข่มขู่ผู้อื่น บุรุษหนุ่มก็ยังเหมือนกับคนในความทรงจำของเธอ เมื่อคุณหมอนพชัยเดินห่างออกไปพอสมควรแล้ว เมิ่งเจียวซินก็เห็นคุณใหญ่หันกลับมา แล้วเตรียมอ้าปากเหมือนจะพูด เธอจึงชิงถามออกไปก่อนว่า
เมิ่งเจียวซินรีบดึงสติ ปรับลมหายใจ อาจเพราะเธอรู้ชื่อจริงของคุณใหญ่จึงได้รู้สึกหวั่นไหวเช่นนี้ พอรวบรวมสติของตัวเองกลับมาได้ เมิ่งเจียวซินจึงรับรู้ว่า พ่อบ้านเจิ้งกำลังเล่าเรื่องอะไรบางอย่างให้เธอฟัง แล้วด้วยความที่ไม่ได้ฟังมาตั้งแต่แรก เธอจึงหันไปทำทีพยักหน้า พร้อมกับส่งยิ้มน้อย ๆ จากนั้นเมิ่งเจียวซินก็เริ่มฟังว่า บุรุษสูงวัยกำลังเล่าเรื่องอะไร ซึ่งเรื่องที่อีกฝ่ายเล่าก็คือ เรื่องเดียวกับที่คุณยายใบบัวเพิ่งจะเล่าให้เธอฟัง แล้วในขณะที่เมิ่งเจียวซินหันไปให้ความสนใจกับพ่อบ้านเจิ้ง เธอก็รับรู้ได้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่จับจ้องมองมา แต่พอเธอหันไปทางนั้น...ผู้ที่แอบมองกลับรีบก้มหน้าหลบตา เมื่อเห็นเช่นนั้น เมิ่งเจียวซินจึงลอบสังเกตฝ่ายตรงข้าม คุณใหญ่หลี่อวิ้นกุยมีอายุน้อยกว่าเธอสองปี แล้วเกือบสามเดือนที่ผ่านมา...เจ้าตัวนอนหลับอยู่บ
ระหว่างนั้นพยาบาลได้เข็นรถอาหารเข้ามาในห้องพัก จากนั้นพยาบาลคนดังกล่าวก็เดินเข้ามาปรับเตียง พร้อมกับจัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับทานอาหารให้กับเมิ่งเจียวซินจนเรียบร้อย ก่อนจะถอยออกไปจากห้อง เมิ่งเจียวซินยื่นมือออกไปเตรียมจะหยิบช้อน แต่ทว่าคุณยายใบบัวก็ชิงหยิบช้อนตัดหน้า จากนั้นอีกฝ่ายก็ตักข้าวต้มกุ้ง แล้วยื่นมาชิดที่ริมฝีปากของเธอ “บาดแผลที่บ่าเพิ่งจะสมานกัน คุณหมอสั่งว่า ช่วงนี้ใบหม่อนควรเคลื่อนไหวแขนข้างขวาให้น้อยนะลูก” เมิ่งเจียวซินพยักหน้าตอบรับอย่างเชื่อฟัง เพราะรู้ดีว่า ช่วงที่เธอนอนไม่ได้สติเกือบเก้าวันคงทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเป็นห่วงมาก เวลานี้คุณยายใบบัวอยากทำอะไร เธอก็จะยอมตามใจทุกอย่าง เธอส่งยิ้มปลอบโยนให้ผู้เป็นยาย ก่อนจะอ้าปาก แล้วในขณะนั้นภาพของใครอีกคนที่เมิ่งเจียวซินยอมให้ป้อนอาหารใส่ปากก็ทับซ้อนกับสตรีส
เมิ่งเจียวซินลืมตาขึ้นมาก็เห็นเพดานห้องที่ดูเหมือนจะทั้งคุ้น และไม่คุ้นตา ยามนี้นางรู้สึกมึน และรู้สึกปวดศีรษะมาก นางจึงหลับตาลง แล้วลองลืมตาขึ้นอีกครั้งอย่างช้า ๆ จากนั้นจึงก้มลงไปมองสำรวจร่างกายของตัวเอง... ‘ผ้าห่มโรงพยาบาล ผ้าก๊อซ สายน้ำกลือ?’ เมิ่งเจียวซินละสายตาจากสายน้ำเกลือที่เสียบอยู่บนมือข้างซ้าย จากนั้นก็สอดส่ายสายตามองไปรอบ ๆ ห้อง นางเห็นคุณยายใบบัวกำลังนั่งพูดคุยอะไรบางอย่างกับหมอ และพยาบาลอยู่ที่โซฟา แล้วเมื่อคนทั้งสามหันมาสบตากับนาง “ใบหม่อน! หนูฟื้นแล้ว เป็นอย่างไรบ้างลูก? เจ็บตรงไหนบ้าง?” เมิ่งเจียวซินมองคุณยายใบบัว หมอ และพยาบาลที่เดินเข้ามาสอบถาม แล้วไล่ตรวจดูร่างกายของนาง โดยในระหว่างนั้นเมิ่งเจียวซินสังเกตเห็นสายตาที่แสดงออกถึงความเป็นห่วงจากผู้เป็นยาย รวมไปถึงน้ำตาที่ไ
หลังจากนั่งพูดคุยวางแผนทั้งตั้งรับ และสู้กลับเกือบสองชั่วยาม หลี่อวิ้นกุยก็รีบขอตัวกลับไปป้อนยาเมิ่งเจียวซินที่ตำหนัก ก่อนออกมาเขาได้ฝากจิ่นโซวกับโจวหลิวอิงดูแลความปลอดภัยของผู้เป็นบิดา เพราะถึงพวกเขาจะสั่งปิดเส้นทางลับใต้ดินไปแล้ว และยังส่งเหล่าทหารไปเฝ้าหน้าปากทางเข้าออก แต่ทว่าจะประมาทคนมากเล่ห์เจ้าแผนการอย่างหลี่อวิ้นหยางไม่ได้เป็นอันขาด เมื่อกลับมาถึงตำหนัก หลี่อวิ้นกุยก็ได้รับรายงานว่า ยามนี้ขบวนรถม้าของเมิ่งเจียวฉือเข้ามาในเขตของเผ่ามารแล้ว เขาจึงตัดสินใจให้องครักษ์รีบไปดูที่ประตูพระราชวังทางทิศตะวันออก หากปลอดภัยก็ให้ผู้นำขบวนรถม้าพาเมิ่งเจียวฉือเข้ามาทางประตูนั้นได้เลย แต่ถ้าหากดูแล้วน่าจะไม่ปลอดภัย หรือน่าจะเกิดปัญหาในขณะเคลื่อนขบวนรถม้าเข้ามา ก็ให้รีบไปแจ้งผู้นำขบวนถอยขบวนรถม้าไปพักที่จวนตระกูลโจวก่อน เมื่อสั่งการเสร็จ หลี่อวิ้นกุยก็รีบปรับลมหายใจ รวบรวมสติ พอสงบใจลงได้ เขาจึงเดินไปเปิดประตูห้องพักของเมิ่งเจียวซิน&n
เมิ่งเจียวซินแกล้งหลับ แต่ก็แอบลืมตาขึ้นมองเป็นพัก ๆ นางเห็นหลี่อวิ้นกุยเดินเข้ามองมาที่นาง ก่อนจะย้ายสายตาไปมองลิ้นชักตัวที่สามของโต๊ะข้างเตียง ดูเหมือนว่า...สิ่งที่อยู่ในนั้นจะยังคาใจอีกฝ่าย แล้วในขณะนั้นฝูกงกงก็ยกยาเข้ามาในห้องพัก หลี่อวิ้นกุยหันไปรับยาจากฝูกงกงมาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียง จากนั้นเขาก็เตรียมจะเข้าไปปลุกเมิ่งเจียวซินให้ตื่น ในระหว่างที่เดินเข้าไปเขาสังเกตเห็นว่า เปลือกตาของสตรีตรงหน้าขยับ พอโน้มตัวลงไปหา...เสียงลมหายใจของนางก็เร็ว และถี่ขึ้นกว่าเดิม จากที่คิดจะเอื้อมมือเข้าไปปลุก หลี่อวิ้นกุยจึงตัดสินใจก้มลงไปจุมพิตที่หน้าผากหนึ่งครั้ง ก่อนขยับเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของอีกฝ่ายว่า “ซินซิน ตื่นแล้วหรือ?” “ข้ายังไม่ตื่น” &nb