ซ่า ซ่า
ท่ามกลางความเงียบสงบยามค่ำคืนของทะเลมีเพียงเสียงจิ้งหรีดเรไรและเสียงคลื่นทะเลกระทบชายหาดเท่านั้น จันทร์เจ้าเดินทอดน่องไปตามชายหาดยาวไปเรื่อย ๆ สองตาก็มองปูลมที่วิ่งล้อแสงจันทร์บนชายหาดไปด้วย ลมทะเลพัดพาเส้นผมปลิวไสวทั้งยังปะทะใบหน้าสวยทำให้จันทร์เจ้ารู้สึกสดชื่นขึ้น จนไม่ได้รู้ตัวเลยว่า เธอเดินห่างไกลจากบีชบาร์มามากพอสมควรแล้ว หญิงสาวยังเดินต่อและครุ่นคิดถึงการดำเนินชีวิตของตัวเองนับจากนี้ต่อไปทั้งอย่างนั้น
“จะเอาไงต่อไปดีวะเนี่ย เงินเก็บก็น้อยนิด งานก็ถูกพัก ผู้จัดการบ้านั่นก็ไม่ยอมสืบสาวราวเรื่อง เอะอะพักงาน ๆ วู้ว!” หญิงสาวบ่นพึมพำพร้อมกับสบถออกมาด้วยความไม่พอใจ เมื่อต้องนึกถึงสาเหตุที่ต้องทำให้เธอโดนพักงานแบบนี้
จันทร์เจ้าประกอบอาชีพเป็นไกด์นำเที่ยวของบริษัททัวร์ชื่อดังแห่งหนึ่ง จุดเริ่มต้นของอาชีพนี้มาจากที่รุ่นพี่ที่รู้จักเห็นแววจึงได้ลองพาเธอไปดูการทำงานจริงของอาชีพนี้ โดยตอนแรกให้เธอศึกษาวิธีการการเป็นมัคคุเทศก์เบื้องต้นก่อน จากนั้นรุ่นพี่คนดังกล่าวก็เริ่มชักชวนเธอเก็บประสบการณ์โดยการออกพื้นที่ไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่พี่เขาเป็นไกด์นำเที่ยว เมื่อได้ดูได้เห็นบ่อยขึ้นก็ทำให้เกิดความคุ้นเคย จนกระทั่งได้รับโอกาสจากรุ่นพี่คนเดิมให้ทดลองเป็นไกด์นำเที่ยวที่จังหวัดอยุธยาโดยมีพี่เขาคอยประกบชี้แนะอีกที ผลปรากฏว่าเธอทำได้ดี หลังจากนั้นเรื่อยมาหญิงสาวก็ได้งานพาร์ทไทม์โดยเป็นไกด์นำเที่ยวระหว่างเรียนอยู่บ่อย ๆ จนกระทั่งเรียนจบจันทร์เจ้าจึงได้ยึดอาชีพนี้เป็นอาชีพหลักในการเลี้ยงดูตนเอง
ที่จันทร์เจ้าเลือกที่จะประกอบอาชีพนี้เป็นหลักนั่นก็เพราะว่า นอกจากเงินจะดีแล้ว ตัวเธอยังได้ท่องเที่ยวระหว่างทำงานด้วย ด้วยความที่เป็นคนรักอิสระ ไม่ชอบทำงานภายใต้แรงกดดัน ไม่ชอบทำอะไรจำเจซ้ำ ๆ เดิม ๆ เช่นการเป็นพนักงานออฟฟิศ ซึ่งอาชีพดังกล่าวไม่ตอบโจทย์กับความต้องการและอุปนิสัยเธอเลย ดังนั้นการเป็นไกด์นำเที่ยวคือทางออกที่ดีที่สุดของเธอแล้ว ไว้มีโอกาสมีเงินเก็บมากพอค่อยเริ่มทำธุรกิจเล็ก ๆ เป็นนายตัวเองตอนนั้นก็ยังไม่สาย แต่ตอนนี้ต้องทำงานเก็บเงินไปก่อน
ชีวิตของจันทร์เจ้าดำเนินมาอย่างดีมาโดยตลอด เรียกได้ว่าดวงรุ่งพุ่งกระฉูด มีรถ มีคอนโดฯ มีทรัพย์ ไม่มีอุปสรรคหนัก ๆ เลยสักนิด ตัดภาพมาที่ตอนนี้ ดูเหมือนเธอจะใช้โชคไปหมดแล้วหรืออย่างไรก็ไม่สามารถทราบได้
เพราะต้นเดือนมาก็ถูกพักงานเลยทันที! เหตุเพราะเธอต่อยลูกทัวร์จนตาเขียว!
แล้วจะไม่ให้เธอต่อยนักท่องเที่ยวหรือลูกทัวร์คนนั้นได้อย่างไร ในเมื่อคนคนนั้นจับก้นเธอ! และไม่ได้จับครั้งเดียว สองครั้ง! เขาจับถึงสองครั้ง! เมื่อเตือนแล้วไม่ฟังพอมีครั้งสองมันก็ต้องโต้ตอบกันบ้าง ไม่อย่างนั้นคงขัดกับนิสัยของตัวเองแน่ ๆ
ปกติจันทร์เจ้าเป็นคนใจเย็น อัธยาศัยดีคนหนึ่ง และยิ้มเก่งอีกต่างหาก นี่คือคุณสมบัติอันดับต้น ๆ ของคนที่จะประกอบอาชีพไกด์นำเที่ยวเลยก็ว่าได้ อะไรในตัวของจันทร์เจ้าก็ออกจะดีหมดทุกประการ ไม่ว่าจะการเรียนหรือหน้าตา ติดอย่างเดียว เจ้าตัวค่อนข้างเป็นคนอารมณ์ร้อนและไม่ยอมใคร ฉายา ‘ตัวแสบ’ ประจำแก๊งรวมดาวที่เพื่อนตั้งให้ บอกเลยว่าไม่ใช่ได้มาเฉย ๆ แต่มันมาจากนิสัยหลักของเธอล้วน ๆ
คิดถึงต้นเหตุที่ทำให้เธอถูกพักงานทีไรก็อดจะหัวร้อนไม่ได้ หญิงสาวเดินก้มหน้าฮึดฮัดเตะทรายต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่ง
ปึก!
“โอ๊ย! เดินประสาอะไรเนี่ย ไม่เห็นคนหรือไง!” เสียงหวานสะบัดถามเสียงห้วน พร้อมกับเงยหน้ามองกำแพงมนุษย์ด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
ด้านคนถูกถามเสียงห้วนก็เลิกคิ้วด้วยความไม่พอใจแต่ใบหน้ากลับนิ่งเฉย
“นี่! ไม่ได้ยินคนถามหรือไง หรือว่าเป็นใบ้?” จันทร์เจ้าถามซ้ำอักครั้งทั้งยังมองไล่สายตาไปยังคนตรงหน้าอย่างพิจารณา มองตั้งแต่ปลายเท้าและไล่ต่อไปเรื่อย ๆ หยุดที่แผงอกล่ำสันใต้เสื้อเชิ้ตตัวบาง ก่อนจะไล่สายตาขึ้นไปอีกจวบจนกระทั่งไปถึงสายตาคมกริบเรียบนิ่งคู่นั้น...
จันทร์เจ้าก็หยุดชะงักไป
ใบหน้าหล่อเหลาของคนตรงหน้าพาใจหญิงสาวกระตุก ตั้งแต่เกิดมาเธอก็เจอคนหล่อและหน้าตาดีมาเยอะ ทั้งยังเจอแบบหลากหลายเชื้อชาติ ทว่าก็ไม่มีใครสักคนที่จะทำให้เธอรู้สึกใจเต้นแรงแบบนี้
ใบหน้าคมเข้มได้รูป แววตาคมกริบติดเรียบนิ่ง คิ้วหนารับสันจมูกโด่ง กอรปกับริมฝีปากได้รูปของเขา ช่างลงตัวทั้งสิ้น นี่ยังไม่รวมรูปร่างกำยำของบุรุษที่พึงมีอีกนะ มองยังไงคนตรงหน้าก็เปรียบดั่งเทพบุตรชัด ๆ ไม่สิ ไม่ใช่ คนตรงหน้าไม่ใช่เทพบุตร แต่เป็นซาตาน...
ซาตานที่พร้อมมาพรากหัวใจของผู้หญิงหลาย ๆ คน
“เป็นใบ้สินะ” เมื่อพิจารณาใบหน้าคนตรงหน้าเรียบร้อยและดึงตัวเองออกจากภวังค์แล้ว จันทร์เจ้าก็พูดอีกครั้ง แต่เป็นการพูดคนเดียวซะมากกว่า
“หึ!” คำเดียวที่หลุดออกมาจากลำคอของเขา ทำให้หญิงสาวที่ตั้งท่าจะก้าวขาเดินจากไปต้องหันไปมองอีกครั้ง
‘หน็อยแน่ อีตานี่ พูดได้แล้วไม่พูดใช่ไหม รู้จักจันทร์เจ้าน้อยไป’ หญิงสาวพูดกับตัวเองภายในใจ ก่อนจะเปลี่ยนสายตามองชายหนุ่มด้วยสายตาท้าทาย
“หน้าตาก็ดี รูปร่างก็ดีไม่คิดเลยว่าจะเป็นคนไร้มารยาท” พูดแล้วก็ก้มหน้ายิ้มกับตัวเอง ก่อนจะยิ้มค้างเมื่อคำพูดของเขาหลุดออกจากปาก
“หึ! แสดงว่าคุณมารยาทดีมากสินะถึงได้วิจารณ์รูปร่างและหน้าตาผมดิบดีขนาดนี้... คนอะไรหน้าตาก็ดีไม่รู้จักมารยาทที่ดีเอาซะเลย”
“ไอ้!”
“อ๊ะ อ๊ะ อย่านะ ผมไม่ผิดนะ คุณเริ่มก่อน”
“แต่คุณชนฉันก่อน!”
“คิดให้ดีสิครับคุณผู้หญิง ว่าใครชนใครกันแน่” ชายหนุ่มพูดพร้อมยกยิ้มมุมปาก มองกลับมาที่เธอด้วยสายตาท้าทายเช่นกัน จันทร์เจ้ากำมือแน่นก่อนจะคิดตามคำพูดของคนตรงหน้า
จะว่าไปจันทร์เจ้าก็พูดไม่ถูกนัก ที่ไปปรักปรำว่าเขาชนเธอ ทั้งที่เป็นเธอเองแท้ ๆ ที่ไม่มองทางทั้งยังเอาแต่เดินก้มหน้า ทบทวนถึงตรงนี้ก็รู้สึกผิดนิดหน่อย ครั้นจะให้เอ่ยขอโทษมันก็ไม่ใช่นิสัยเธออีกนั่นแหละ สำหรับจันทร์เจ้าแล้วหากเธอผิดจริงเธอพร้อมยอมรับผิดเสมอ แต่สำหรับเรื่องนี้แล้ว... เธอมั่นใจว่าผู้ชายตัวใหญ่อย่างกับยักษ์ปักหลั่นตรงหน้าก็ผิดไม่แพ้กัน
ที่จันทร์เจ้ามั่นใจว่าเขาผิดนั่นก็เพราะว่า ตอนที่เธอเงยหน้าขึ้นมานั้นก็เห็นเขามองมาที่เธออยู่แล้ว แม้ใบหน้าและสายตาจะเรียบนิ่ง แต่มุมปากที่ยกสูงนั้นไม่ได้หลุดรอดไปจากสายตาเธอเลย ก็ในเมื่อเขาต้องมองมาข้างหน้าอยู่แล้วแสดงว่าเขาต้องเห็นว่าเธอกำลังเดินอยู่สิ แล้วในเมื่อเห็นว่าเธอเดินอยู่ทำไมไม่หลบ? เขาจะเอาตัวเองมาขวางทางให้เธอชนเพื่ออะไร เรื่องนี้ไม่ว่าจะคิดอีกกี่ตลบก็แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายจงใจ!
สรุปแล้วก็คือทั้งเขาและเธอต่างผิดกันคนละครึ่ง!
จันทร์เจ้าอึ้งของจริงแล้วตอนนี้ ก็ว่าอยู่ทำไมเขามีท่าทางจริงจังผิดปกติ และเหมือนว่าจะทำเรื่องสำคัญ แต่เธอไม่คิดว่าเรื่องสำคัญที่ว่าคือการขอเธอแต่งงานแบบนี้ หญิงสาวพูดไม่ออกตั้งตัวไม่ทัน ได้แต่ยืนนิ่งอยู่แบบนั้นจนคนที่เพิ่งพูดว่าขอแต่งงานใจเสีย“จันทร์ครับ พี่รักจันทร์นะ รักจันทร์คนเดียว เรายังไม่ต้องแต่งกันตอนนี้ก็ได้ แต่จันทร์อย่าปฏิเสธพี่เลยนะครับ” พูดแล้วก็จะร้อง ใบหน้าของชลธีเหยเก ชายหนุ่มรับไม่ได้ถ้าเขาจะถูกคนที่รักปฏิเสธ มาถึงตอนนี้จันทร์เจ้าเรียกสติคืนกลับมาได้แล้ว“พี่ชลใจเย็น ๆ นะคะ จันทร์ไม่ได้จะปฏิเสธสักหน่อย”“จริงนะครับ”“จริงสิคะ”ชลธีได้ยินดังนั้นก็ยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ“แต่จันทร์ขอเวลาหน่อยนะคะ จันทร์ไม่อยากให้เราด่วนตัดสินใจ ทุกวันนี้ที่เราอยู่และเข้าใจกันมันก็ดีอยู่แล้ว ให้ความสัมพันธ์ของเราเป้นแบบนี้ไปก่อนนะคะ”“เรายังมีหลายเรื่องที่ต้องปรับตัวเข้าหากัน โดยเฉพาะเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เรามองข้ามอาจจะกลายเป็นปัญหาในอนาคตได้ ถึงแม้ตอนนี้เราสองคนจะยังไม่แต่งงานกันแต่เราก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไม่ใช่เหรอคะ พี่ชลอย่ารีบไปเลยนะคะ และก็อย่ากังวลด้วย ไม่ว่าจะวันนี้หรือวันไหนก
วันนี้จันทร์เจ้าและชลธีมาร่วมแสดงความยินดีกับฟองคลื่น รุ่นน้องสาวคนนี้กำลังเข้าพิธีแต่งงานกับภาสกรเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาบรรยากาศงานแต่งงานยามเย็นที่จัดริมทะเลเป็นอะไรที่ลงตัวมาก จันทร์เจ้าชื่นชอบซุ้มดอกไม้ทางเข้างานที่สุด เพราะว่านอกจากจะหอมแล้วยังสวยด้วยแต่ที่สวยที่สุดเห็นที่จะเป็นเจ้าของอย่างเจ้าสาวป้ายแดงที่ชื่อว่า ฟองคลื่นคนนี้นี่แหละจันทร์เจ้ารู้สึกยินดีกับรุ่นน้องสาวมาก เห็นคนที่ตัวเองรักและเอ็นดูมีความสุขกับคู่ชีวิตและสิ่งที่เจ้าตัวเลือก ตัวเธอเองก็ดีใจและมีความสุขไปด้วยส่วนเพื่อน ๆ ในกลุ่มก็เอ่ยทักทายกันตามปกติก่อนจะแยกไปอยู่ที่คู่ใครคู่มันจันทร์เจ้าไม่ได้ร่วมแสดงความยินดีกับเจ้าบ่าวเจ้าสาวจนจบงาน ไม่ได้อยู่สนุกในช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี เพราะเพียงแค่เจ้าสาวโยนช่อดอกไม้มาแล้วปลาดาวรับได้ เธอก็ถูกชลธีพาตัวกลับมาที่เกาะทันทีชายหนุ่มพูดกับเธอว่า วันนี้เธอสวยแปลกตาจึงไม่อยากให้ผู้ชายที่มาร่วมงานมองเธอเยอะเกินไป เขาหึงหวงเกินกว่าจะเห็นเธอยิ้มให้คนอื่นได้ แม้ว่าคนคนนั้นจะเป็นคนที่เธอรู้จักก็ตามตอนแรกก็ตั้งใจจะต่อว่าเขาอยู่หรอกที่เขาพาเธอกลับออกจากงานก่อนงานเลิก ครั้นพอได้ยินคำพูดของ
“มานั่งสิครับ จันทร์บ่นว่าอยากกินซูชิไม่ใช่เหรอ นี่พี่สั่งให้คนงานซื้อมาให้เลยนะ เพิ่งมาถึงเมื่อกี้เอง”‘นั่นไง ว่าแล้วเชียว นี่คงจะสั่งตั้งแต่เช้าก่อนที่คนงานจะเอารังนกที่เพิ่งเก็บใหม่ออกไปส่งสินะ บวกลบเวลากลับมาถึงเกาะก็น่าจะเวลาประมาณนี้พอดี ซื้อหวยทำไมไม่ถูกนะ’ เธอพูดคนเดียวในใจ ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้เงียบ ๆชลธีจัดการส่งจานซูชิและสลัดต่าง ๆ ให้เธอ ส่วนเขานั่งทานข้าวสวยกับต้มยำแทน ระหว่างทานชลธีก็บริการจันทร์เจ้าอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง“ไวน์ไหมครับ”“จะมอม?”“เปล่าครับเปล่า ไวน์นี้มีกลิ่นหอม จันทร์น่าจะดื่มได้พี่เลยลองชวนน่ะครับ ถ้าจันทร์ไม่สนใจก็ไม่เป็นไรครับ” ชายหนุ่มพูดกลบเกลื่อนความเสียดายเอาไว้เขาอุตส่าห์วางแผนนี้ไว้ในใจ ตั้งใจให้เธอดื่มไวน์ เธอจะได้เมา หลังจากนั้นจะได้คุยกันง่ายขึ้น ไม่คิดเลยว่าเธอจะไม่ยอมดื่ม“คิดนานไหมแผนนี้”“แผน?”“อย่ามาทำหน้าซื่อตาใส มันไม่เนียน แล้วก็เอาไปไกล ๆ คนไม่ถูกโฉลกกับไวน์ยังจะเอาเข้ามาใกล้อีก” ได้ยินหญิงสาวพูดด้วยความไม่พอใจ ชลธีก็รีบหยิบแก้วไวน์ออกห่างจากหญิงสาวทันที“จันทร์ครับ ดีกันเถอะนะ อย่างอนเลยนะครับ พี่ไม่รู้จะง้อจันทร์ยังไงแล้ว” ชายหน
วันเวลาขับเคลื่อน หมุนเวียนผ่านไป ตอนนี้ก็ผ่านมาได้หลายเดือนแล้ว นับตั้งแต่ที่จันทร์เจ้าและชลธีกลับมาจากกรุงเทพฯ ตลอดเวลาที่จันทร์เจ้าอยู่กับชลธีที่เกาะรังนกแห่งนี้ทั้งคู่ก็ได้เรียนรู้นิสัยกันมากขึ้น ได้ปรับตัวเข้าหากัน ความรู้สึกที่มีให้กันก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกันทว่าสุขมักคู่กับทุกข์ คนเราจะมีสุขเพียงอย่างเดียวหรือทุกข์เพียงอย่างเดียวไม่ได้มันต้องคละเคล้ากันไปเพื่อเป็นสีสันของชีวิต จันทร์เจ้าและชลธีก็เช่นกัน พวกเขาทะเลาะกันบ้างในบางครั้ง งอนบ้างในบางคราตามปกติของคู่รักทั่วไปทว่าวันนี้ดูจะต่างออกไป เพราะเหมือนว่าจันทร์เจ้าจะงอนชลธีหนักกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ส่วนเรื่องอะไรนั้นเป็นเพราะว่า ชลธีแอบดูหนังโป๊! แถมยังเป็นหนังโป๊ญี่ปุ่นซะด้วย เรื่องนี้ทำเอาจันทร์เจ้าที่น้อยนักจะงอนชายหนุ่มสักครั้งถึงกับงอนไปเลยสองวันเต็ม และวันนี้ก็เป็นวันที่สามแล้วที่เธอไม่ยอมคุยกับเขาแต่จะพูดว่าเธองอนเขาก็ไม่ถูกนัก จันทร์เจ้าไม่ได้งอนเสียทีเดียว เธอแค่ไม่พอใจและหึงหวงเขามากกว่า หึงที่เขาดูผู้หญิงคนอื่น หึงที่เขาไปนั่งดูหนังรักผู้ใหญ่ที่ผู้หญิงสวย ๆ ลีลาเร่าร้อนนำแสดงเธอหึง หึงมากด้วย!“จันทร์ครับ ไม่คุยก
“สวยจังเลยนะคะ” จันทร์เจ้าพูดขึ้นมาท่ามกลางเสียงคลื่นทะเลกระทบฝั่งสุดสายตาของหญิงสาวกำลังมองดวงอาทิตย์ที่กำลังโผล่พ้นขอบน้ำ ตั้งแต่อยู่ที่เกาะรังนกนี้ หญิงสาวจะชอบดูพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกมาก ทว่าถึงจะชอบเธอก็ไม่ได้มีโอกาสดูบ่อยนักนั่นก็เพราะว่าหญิงสาวมักจะถูกชายหนุ่มรบกวนทุกที บางครั้งก็ตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดินจนมดค่ำ บางครั้งก็รบกวนเธอยามเช้า ทำให้หญิงสาวพลาดภาพสวย ๆ นี้ทุกนี้ดังนั้นทุกครั้งที่เธอเห็นพระอาทิตย์ขึ้นหรือตกดินเธอจะชมว่าสวยอยู่เสมอ“ใช่สวย สวยมาก” คนพูดไม่ได้มองไปที่พระอาทิตย์ที่กำลังขึ้นแต่อย่างใด สายตาของชายหนุ่มจับจ้องไปยังใบหน้าใสไร้เครื่องสำอางเนียนนุ่มนั่นต่างหากวันนี้เป็นวันสบาย ๆ ของเขาและเธอ งานในเกาะก็มีคนคอยดูแลอยู่แล้ว พวกเขามาที่เกาะรังนกแห่งนี้ก็เหมือนกับปลีกวิเวกมาพักผ่อนเสียมากกว่า อ้อ ถึงจะปลีกวิเวกแต่ก็ยังสามารถติดต่อได้เช่นเคยจันทร์เจ้าหันหน้ากลับมามองชลธีก่อนจะเห็นว่าเขามองเธออยู่ก่อนแล้ว หญิงสาวยิ้มให้บาง ๆ ในใจของเธอกำลังรู้สึกมีความสุขอย่างมาก นอกจากแม่ที่จากไปและเพื่อน ๆ ในกลุ่มยังจะมีใครดีกับเธอเท่าเขาอีก“ขอบคุณนะคะ” เธอพูดออกมาโด
3 วันต่อมา“สรุปพี่ชลจะบอกจันทร์ได้หรือยังคะ ว่าเราจะไปไหนกัน” จันทร์เจ้าหันไปถามชลธีที่กำลังขับรถ ซึ่งเธอก็ไม่รู้เช่นกันว่าเขาจะพาเธอไม่ไหนตั้งแต่เช้าตื่นขึ้นมาชลธีก็ให้เธออาบน้ำแต่งตัวจากนั้นก็ขับรถออกมาโดยที่ไม่บอกอะไรเธอเลย พอถามก็ไม่ตอบ“ถึงแล้วเดี๋ยวก็รู้ครับ” ชลธีตอบก่อนจะหันกลับไปขับรถต่อหนึ่งชั่วโมงต่อมาจันทร์เจ้าก็เห็นรั้วบ้านหลังใหญ่รั้วหนึ่ง ชลธีขับรถไปยังรั้วหน้าบ้านนั้นช้า ๆ รอไม่นานก็มีคนเปิดประตูรถให้แล้วเขาก็ขับเข้าไปภายในพร้อมทั้งขับไปจอดยังโรงจอดรถอย่างคุ้นเคย“สรุปที่นี่คือ?”“บ้านพี่เองครับ”“หา!!!”“ไม่หาครับ ไปครับลงพ่อแม่พี่รอแล้ว”“เดี๋ยวสิพี่ชล หมายความว่ายังไงที่บอกพ่อแม่พี่รอ นี่อย่าบอกนะว่า”“ใช่แล้วครับ พี่พาจันทร์เจ้ามาเปิดตัวกับที่บ้าน ไปครับ ลงรถ” ไม่พูดเปล่าชลธีเปิดประตูรถลงไปอย่างรวดเร็ว ส่วนจันทร์เจ้าที่ยังไม่หายตกจเธอยังนั่งนิ่งอยู่ เดือดร้อนชายหนุ่มต้องเปิดประตูปลดเข็มขัดนิรภัยและประคองเธอลงจากรถ“ไม่ไปไม่ได้เหรอคะ” จันทร์เจ้าพูดพร้อมยึดประตูรถไว้แน่น“ไม่ได้ครับ อย่าให้พ่อแม่พี่รอนาน ไปเร็ว”“แต่ว่า”“ไม่มีแต่แล้วครับ จันทร์อย่าลืมสิว่าเราไม่ได