“ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันเตรียมคำอธิบายไว้แล้ว ลูกต้องเข้าใจค่ะ”
แพรพรรณเชื่อมั่นว่าเธอสามารถจัดการทุกอย่างได้ ตอนนี้มัสลินก็เข้าพิธีแทนลินินไปแล้ว ชั่วดียังไงหลานสาวของเธอก็ได้ชื่อว่าเป็นสะใภ้ของเจ้าสัวโภคิน อีกฝ่ายคงไม่กล้าโวยวายให้เสียหน้า ส่วนชีวิตหลังจากนี้ของมัสลินเธอไม่คิดจะสนใจ
งานเลี้ยงสิ้นสุดลง เจ้าบ่าวเจ้าสาวถูกส่งตัวเข้าหอ การแต่งงานที่มากพิธีแสนเหนื่อยทำให้สองหนุ่มสาวแทบยืนไม่ไหว
“เหนื่อยหรือเปล่ามัส” ภานุเอ่ยถามเจ้าสาวของเขา
“ยิ่งกว่าวิ่งมาราธอนอีกค่ะ ยืนรับแขกจนปวดขาไปหมด พี่นุก็ท่าทางเหนื่อยไม่แพ้มัสเลย”
มัสลินถอดรองเท้าส้นสูงออก แล้วนั่งลงที่เก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ก้มลงนวดขาตัวเองให้คลายความเมื่อยล้า ไม่คิดว่างานแต่งงานจะเหนื่อยขนาดนี้
“พี่ขอสาบานเลยนะ ว่าจะแต่งงานครั้งนี้ครั้งแรกและครั้งเดียว เข็ดจริงๆ” ภานุทิ้งตัวลงนอนแผ่บนเตียง
“พี่นุไปอาบน้ำสิคะ จะได้หายเหนื่อย แช่น้ำอุ่นๆ จะได้สบายตัว เดี๋ยวมัดเตรียมน้ำให้ค่ะ”
“ไม่เป็นไร มัสพักเถอะ พี่ขอตัวไปอาบน้ำก่อน” ภานุลุกจากเตียงเดินหายเข้าในห้องน้ำ
มัสลินมองตามหลังเจ้าบ่าวที่เดินโผเผเข้าไปในห้องน้ำแล้วอมยิ้ม ขณะนั่งตัวตรงมองตัวเองในกระจก ไม่คิดไม่ฝันว่าจะต้องมาเป็นเจ้าสาวตัวแทน ชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์แบบเกาะอกกระโปรงสุ่มพองบานราวกับเจ้าหญิง ใบหน้าถูกตกแต่งอย่างงดงาม ผมรวบเป็นมวยประดับด้วยเครื่องประดับผมและดอกไม้ พิศมองดูเหมือนภาพในความฝัน เธอคิดถูกใช่ไหมที่ยอมรับข้อเสนอของภานุ ชีวิตหลังจากนี้จะเปลี่ยนไปใช่ไหม
“ที่ผมเสนอให้คุณแต่งงานกับผม เพราะผมอยากช่วยคุณ ถ้าคุณแต่งงานกับผมก็จะสามารถรับคุณยายมาดูแลได้ ไม่ต้องไปอาศัยป้าของคุณให้เขาโขกสับ”
ข้อเสนอนี้ของเขา ทำให้มัสลินยอมรับปาก เธอต้องการพาคุณยายออกมาให้พ้นจากคนใจร้ายอย่างแพรพรรณ ภานุร่ำรวยและยินดีช่วยเหลือเธอทุกอย่าง การแต่งงานครั้งนี้จะพลิกชีวิตของเธอกับคุณยายให้เปลี่ยนไป
“คุณยายคะ มัสคิดไม่ผิดใช่ไหมคะ ที่ยอมแต่งงานกับคุณภานุ”
มัสลินพึมพำออกมา หลับตาลงผ่อนลมหายใจออกแรงๆ ระบายความวิตกกังวลในหัวใจออกมา บอกตัวเองว่ามันจะผ่านพ้นไปแล้วจะมีสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต ดวงตาคู่สวยค่อยๆ ลืมขึ้นช้าๆ มองภาพสะท้อนในกระจกเงาของตัวเองอีกครั้ง ทว่า... ดวงตากลับเบิกกว้างขึ้น เมื่อมองเห็นเงาสะท้อนของใครคนหนึ่ง ปรากฏอยู่ในกระจกพร้อมกับปืนในมือ
“แกเป็นใคร ชะ ช่วย อุ๊บ!”
เสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือไม่ทันหลุดพ้นคอ มือหนาก็ยืนมาปิดปากไว้พร้อมกับผ้าผืนหนึ่งก็โปะลงมาบนจมูก มัสลินผวาดิ้นสุดแรงเผลอหายใจสูดกลิ่นนั้นเข้าไปเต็มปอด ดวงตาเบิกค้างความหวาดกลัวแทรกผ่านเข้ามาในหัว ก่อนอนุสติสุดท้ายจะหมดลง ร่างบางทรุดฮวบลงไปในอ้อมแขนแข็งแรงนั้น
“หึ หลับให้สบายนะคนสวย”
เขากระซิบเบาๆ ข้างหูคนไร้สติ ก่อนจะช้อนอุ้มร่างบางเดินออกจากห้องนั้นไป
ตลอดหลายวันมานี้ ความเคลื่อนไหวของภานุและมัสลินตกอยู่ในสายตาของเขาโดยตลอด เขาจับตามองสองหนุ่มสาวตั้งแต่ทั้งคู่ออกมาถ่ายรูปด้วยกันที่ชายหาด และยังจ้างให้ช่างภาพถ่ายรูปคนทั้งคู่ตอนอยู่บนเรือส่งมาให้ดูด้วย ท่าทางสนิทสนมกันของทั้งสอง ทำให้คนมองรู้สึกขัดตาเหลือกำลัง เขาลอบมองว่าที่เจ้าสาวที่ดูสวยหวานด้วยสายตาหยามหยัน ผู้หญิงเจ้ามารยาอยู่ใกล้ผู้ชายคนไหนก็ยิ้มระรื่น หัวร่อต่อกระซิก หว่านเสน่ห์ ยั่วยวนผู้ชายให้ตกหลุมไปทั่ว เจอภานุไม่เท่าไหร่ก็สนิทสนมถึงกับจับมือจับผมกันแล้ว
เขาปล่อยให้มีความสุขกันให้มากๆ ก่อนที่เขาจะทำให้มันได้ลิ้มรสความเจ็บปวดแสนสาหัส แบบที่มันทำไว้กับพี่ชายเขา คืนแต่งงานของมันคือคืนที่เขาเลือกจะลงมือ ลักพาตัวเจ้าสาวของมันไป แบบที่มันเคยทำกับพี่ชายของเขา
สิ่งที่ไอ้ภานุทำไว้ จะต้องได้รับการชดใช้อย่างสาสม!
///
มัสลินรู้สึกตัวขึ้นมาท่ามกลางความมืด ในสภาพที่เจ้าตัวมึนงง สมองทำงานช้าจนนึกอะไรไม่ออก พยายามขยับลุกขึ้นแต่มือถูกมัดไว้แน่น อ้าปากจะร้องก็พบว่ามีผ้ามัดปากไว้ ตาลืมไม่ขึ้นถูกผ้ามัดปิดไว้เช่นกัน นอนตะแคงคุดคู้บนพื้นเย็นๆ แถมพื้นยังโครงเครงไปมา พยายามออกแรงดันตัวเองให้ลุกขึ้น แต่ช่างยากเย็นเหลือเกิน ร่างกายขยับได้เล็กน้อยเพราะถูกพันธนาการไว้จนดิ้นไม่หลุด ยิ่งออกแรงยิ่งถูกเชือกที่มัดไว้บาดข้อมือจนแสบไปหมด หญิงสาวจึงนอนนิ่งๆ สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ พยายามตั้งสติตัวเอง ลำดับเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น
ภาพในความทรงจำเสี้ยวนาทีสุดท้ายก่อนสิ้นสติค่อยๆ วาบผ่านมาในมโนนึก เธออยู่ในห้องหอหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วมีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาในห้อง รูปร่างของเขาสูงใหญ่ไว้ผมยาว หนวดเครารกเรื้อน่ากลัว เธอจึงกรีดร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ แต่ถูกเขาใช้มือปิดปากเอาไว้แล้วถูกผ้าเหม็นๆ โปะจมูก
ถูกลักพาตัว... เธอถูกลักพาตัว !
คำๆ นี้ ผุดขึ้นในหัว ความทรงจำย้อนกลับมาให้จดจำได้ พร้อมกับความกลัวที่พุ่งวาบเข้ามา ร่างกายสั่นสะท้านขึ้นมาในทันทีด้วยความหวาดหวั่น
เกิดอะไรขึ้นกับเธอ ทำไมถึงมีคนลักพาตัวเธอมา คำถามนี้วนเวียนอยู่ในหัว
ขณะที่เจ้าตัวพยายามสงบอารมณ์ข่มความหวาดกลัวลงทีละน้อย คุณยายเคยสอนว่า หากยามเกิดปัญหาสิ่งใดต้องตั้งสติให้มั่นใช้ปัญญาในการแก้ไข อย่างให้อารมณ์หรือความหวาดกลัวมาครอบงำ จนทำให้ตัวเองขลาดเขลา มัสลินสูดลมหายใจแรงๆ นิ่งเงียบใช้ประสาทรับรู้ที่ยังพอใช้งานได้คือหู เงี่ยหูฟังเสียงรอบๆ กาย
เสียงเครื่องยนต์... เสียงคลื่น... พื้นโครงเครง...
เธอถูกพาขึ้นมาบนเรือและเรือกำลังแล่นไปที่ไหนสักแห่ง... มัสลินวิเคราะห์สิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
แกร๊ก...
เสียงเปิดประตูดังแว่วมา หญิงสาวนอนตัวเกร็งหายใจเข้าออกแผ่วเบา ความหวาดกลัวถาโถมเข้ามาอีกระรอก มัสลินพยายามตั้งสติที่เหลือน้อยนิดของตัวเองไว้มั่น ยอมรับว่ากลัวมาก แต่จะหนียังไง เมื่อถูกมัดมือปิดตาปิดปากไว้แบบนี้ ได้แต่นอนรอชะตากรรมที่เจ้าตัวไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
แกร๊ก...
เสียงประตูปิดลง พร้อมกับเสียงฝีเท้าหนักๆ เดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เสียงฝีเท้าหยุดลงเมื่ออีกฝ่ายเดินมาหยุดใกล้ เขายอบตัวลงพร้อมกับยื่นมือมาแตะที่แก้ม ปลายนิ้วสากหนาไล้ไปมาบนแก้มนุ่ม หญิงสาวกลั้นหายใจขนลุกเกรียวด้วยความกลัวปนขยะแขยง พยายามไม่ขยับ กลัวอีกฝ่ายรู้ว่าเธอรู้สึกตัวแล้ว ภาพของผู้ชายตัวโตผมยาวหนวดเคราครึ้มเต็มหน้ายังอยู่ในหัว รูปลักษณ์แบบนั้นไม่ต่างจากมหาโจรในละครภาคค่ำ ที่เด็กอาหมี่และนางแววชอบดู ปลายนิ้วแตะไล้ไปมาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเลื่อนไปปลดผ้าที่คาดปากเธอออก
“ท่าทางจะหายใจไม่ค่อยออกใช่ไหม โทษทีมัดแน่นไปหน่อย...”
คนพูดดึงผ้าออกจากปากของเธอ ริมฝีปากกระตุกยิ้มเย็น ขณะที่มองร่างงามในชุดเจ้าสาวสีขาวพองฟู ด้วยสายตาเรียบนิ่ง เจ้าหล่อนคงกลัวมากนอนตัวแข็งแถมยังกลั้นหายใจตอนถูกเขาแตะแก้ม แกล้งสลบไม่ฟื้นอย่างนั้นหรือ...
“แก...”
มัสลินเลิกแกล้งนอนนิ่ง เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายรู้แล้วว่าเธอฟื้นแล้ว
“พูดเพราะๆ หน่อยครับ เจ้าสาวคนสวย...”
คำพูดดูเหมือนเย้าหยอกแต่เสียงเขาแข็งกร้าว ทำเอาคนฟังห่อไหล่ รู้สึกหวาดกลัวเพิ่มขึ้น ตัวสั่นเทาไปหมด
“นายเป็นใคร... จับตัวฉันมาทำไม”
มัสลินเปลี่ยนสรรพนามจากแกเป็นนาย มันคงเพราะที่สุดที่เธอพอจะเรียกขานอีกฝ่ายไหว
“ไม่จำเป็นต้องรู้ชื่อของฉัน”
เขาไม่ยอมบอกชื่อและไม่บอกเหตุผลที่จับตัวเธอมาด้วย มัสลินคาดเดาไม่ออกว่าอีกฝ่ายทำแบบนี้ทำไม เธอมั่นใจว่าไม่เคยทำผิดคิดร้ายกับใครมาก่อน ดังนั้นจึงไม่น่าจะมีศัตรูที่ไหนหมายหัว ถึงนางแพรพรรณผู้เป็นป้าจะไม่ค่อยชอบขี้หน้าเธอ แต่คงไม่ถึงขั้นคิดฆ่าแกงกัน หากจะทำคงทำไปนานแล้ว เหลือคนเดียวที่น่าจะเป็นต้นเหตุ
ตอนที่88รักร้ายพรางใจ/3 จบสามเดือนแล้วที่มิ่งกมลไม่กลับไปบ้าน นับตั้งแต่คืนงานเลี้ยงส่งน้องชาย เขาระบายความโกรธเข้าใส่ร่างงามของนลินดา จนเธอแทบแหลกสลายใต้ร่างเขา แล้วก็พาตัวเองเดินทางกลับมากรุงเทพในเช้าวันรุ่งขึ้น เขาจะเลิกสนใจผู้หญิงคนนี้ จะไม่เข้าใกล้ ไม่ไปเห็นหน้ายายจอมมารยาอีก แต่ยิ่งห่างกัน หัวใจของเขายิ่งร้อนรน หาความสงบไม่ได้ จนต้องกลับมาบ้านพ่อแม่อีกครั้ง“หายหัวไปนานเลยนะพี่ไม้ นี่ไม่คิดถึงพ่อแม่บ้างหรือไง” นายโกมุทบ่นหลานชาย“คิดถึงสิครับคุณปู่ คิดถึงคุณปู่ด้วย แต่งานผมยุ่งมากปลีกตัวมาไม่ได้เลย นี่เพิ่งว่างเลยรีบมาหา”เจ้าตัวเข้าไปหาคนเป็นปู่ จับมือท่านมาวางบนศีรษะ ปีนี้นายโกมุทแก่ลงไปมาก แต่ยังแข็งแรงดีแม้ต้องเพิ่งรถเข็นไฟฟ้าในการเคลื่อนไหวแทนขาที่ไม่ค่อยมีแรง“นี่รู้เรื่องหนูบัวหรือยัง” นายโกมุทเอ่ยขึ้น“เรื่องบัว... เรื่องอะไรหรือครับคุณปู่” มิ่งกมลนิ่วหน้า“ก็เรื่องที่ญาติฝั่งพ่อเขา มาขอรับตัวเขาไปดูแลนะสิ เพิ่งตามหาตัวกันพบ ทางนั้นเขาดีใจมากบอกว่า ปู่ของหนูบัวยกมรดกให้พ่อของหนูบัว แต่พ่อของหนูบัวเสียไปก่อน หนูบัวเป็นทายาทคนเดียวที่เหลืออยู่” นายโกมุทเล่ายาว ก่อนจะยกน้ำข
ตอนที่ 87.รักร้ายพรางใจ/2“ในตู้เย็นมีพุดดิ้งค่ะ คุณไม้ชอบทานใช่ไหมคะ เดี๋ยวบัวหยิบให้ค่ะ”เธอบอกเขาเสียงสั่น พยายามหาทางเอาตัวรอด นึกโมโหตัวเองที่เปิดโอกาสให้เขามาใกล้ ในเวลาปลอดคนอีกแล้ว คนงานในบ้านต่างพากันไปดูแลเจ้านายในห้องจัดเลี้ยง ด้วยคิดว่าเธอกับพันธกานต์ต้องการคุยกันตามลำพัง“อืม ก็ชอบอยู่นะ พุดดิ้งนุ่มๆ เด้งๆ หวานๆ แต่มันหวานสู้เธอไม่ได้หรอก”เขาเอ่ยเสียงกระเส่า จ้องมองริมฝีปากอิ่มสีแดงระเรื่อ สายตาแลเลยลงไปยังทรวงอกอวบคัพซี ทำตาลุกวาว น้ำลายของคนมองเริ่มสอ ใจเต้นแรง อาการคลั่งสาวทรงโตกำเริบขึ้นมาทันใด “ไม่นะคะ คุณไม้ อย่านะ อ๊ะ!”นลินดาร้องห้ามด้วยความตกใจ เมื่อเขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ พยายามย่อตัวจะหลบออกจากวงแขนที่กักไว้ กลายเป็นถูกเขาสอดแขนใต้รักแร้ ยกตัวเธอลอยขึ้นจากพื้นให้มาอยู่ในระดับเดียวกับใบหน้าหล่อเหลาของเขา ริมฝีปากร้อนผ่าวประกบปิดกั้นเสียงร้องให้หายไปในคอ แล้วตะโบมจูบเธออย่างหนักหน่วง“อืม... บัว หวานที่สุด”เขาอุ้มร่างเธอวางบนโต๊ะยาวกลางห้องครัว ทาบตัวหนาหนักลงมา สองมือเลื่อนมาลูบไล้ทรวงอวบ คลึงเคล้นอย่างเมามัน ไม่สนใจอาการดิ้นรนขัดขืนของเธอเลย“อย่าค่ะ อย่าทำบ
ตอนที่ 86 รักร้ายพรางใจ/1“เดี๋ยวพี่จะไปขึ้นเครื่องแล้ว แค่นี้ก่อนนะ”มิ่งกมลหรือพี่ไม้ของน้องกานต์ รีบพาตัวเองไปยังสนามบินทันที ชายหนุ่มพาตัวเองบินมาถึงภูเก็ตในเวลาช่วงเย็น เขาลงจากรถได้ก็เข้าไปในบ้าน คนในครอบครัวพากันมารวมตัวที่ห้องนั่งเล่น ซึ่งถูกจัดเป็นห้องสำหรับจัดเลี้ยงชั่วคราว พรุ่งนี้พันธกานต์หรือน้องกานต์ น้องชายของพี่ไม้จะเดินทางไปเรียนต่อในระดับปริญญาโทรยังต่างแดน พร้อมกับปูเป้และปัณณ์ลูกฝาแฝดของลุงปอนด์กับป้าป่าน คนในครอบครัวจึงจัดเลี้ยงส่งให้ ทุกคนมากันพร้อมหน้า รอเพียงพี่ชายของบ้านอย่างพี่ไม้ที่มาสายที่สุด “สวัสดีครับ พี่ไม้มาแล้ว!”พี่ไม้ยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทุกคน พร้อมกับทักทายเสียงแจ๋ว หลานรักคนโตของบ้านเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากผู้ใหญ่ได้เสมอ แต่มีคนหนึ่งที่ไม่ยอมยิ้มตีหน้ายักษ์เตรียมเล่นงานอยู่“มาแล้วเหรอพี่ไม้ ถ้าไม่ให้น้องกานต์โทรเรียก พี่ไม้คงไม่มาใช่ไหม แม่โทรก็ไม่รับสาย” มัสลินบ่นลูกชาย“โธ่... แม่จ๋า พี่ไม้ขอโทษด้วยนะครับ ช่วงนี้พี่ไม้งานยุ่ง เลยไม่ได้รับสายแม่จ๋า ฟอด คิดถึงแม่จ๋าที่สุด”ลูกชายแก้ตัวแล้วก็หอมแก้มนุ่มของแม่ฟอดใหญ่ ทำเอาคนถูกหอมใจอ่อนเป็น
ตอนที่ 85. คุณพ่อมือใหม่ &พี่ชายที่แสนดี/2“แม่จ๋าน้องร้องไห้ น้องหิวแล้ว ให้น้องจุ๊บๆ จิ” พี่ไม้เร่งเร้ามารดา“นั้นสิมัส ลูกหิวแล้ว ให้นมแกสิครับ” กริชบอก ตาคู่คมวาววับ“คุณกริช ช่วยเอาหมอนรองมาให้มัสหน่อยค่ะ ส่วนพี่ไม้ลูกลงจากเตียง ไปนั่งรออยู่บนโซฟาก่อนนะครับ”มัสลินจัดการสองพ่อลูกให้ลงจากเตียง กริชไปหยิบหมอนรองมาวางบนตักให้ภรรยา ทำท่าจะดูเจ้าตัวน้อยดูดนมมื้อแรกด้วยสายตาวาววาม พี่ไม้เกาะข้างเตียงไม่ยอมไปนั่งโซฟาตามคำสั่ง มัสลินส่ายหน้าจำต้องเปิดอกให้ลูกชายดื่มนม เจ้าตัวน้อยอ้าปากส่ายหน้าไปมาเหมือนลูกนก พอมารดาประคองปลายยอดทรวงแตะๆ ริมฝีปาก แกก็งับยอดทรวงดูดจ๊วบๆ ปากขยับยุกยิกน่าเอ็นดูซู๊ดดด!เสียงสูดปากดังขึ้น ต้นเสียงทำน้ำลายย้อย มองน้องดูดนมแม่ตาแป๋ว คนเป็นพ่อกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ จ้องตาไม่กะพริบ อีกนานแค่ไหนที่เขาจะมีโอกาสได้จุ๊บๆ แบบนั้นบ้าง สองพ่อลูกมองหน้ากัน มีความคิดตรงกันโดยไม่ได้นัดหมาย ต่างสบตากันแล้วถอนหายใจแรง อิจฉาเจ้าของจุ๊บๆ คนใหม่///การเลี้ยงเด็กสักคนไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับคุณพ่อมือใหม่อย่างกริช หลังจากเปรมใจกลับไปแล้วเขาต้องมาช่วยภรรยาเลี้ยงลูก พี่ไม้กลายเป็
ตอนที่ 84 คุณพ่อมือใหม่ &พี่ชายที่แสนดี/1“ผมก็อยากยืดเส้นยืดสายเหมือนกัน มาพี่ไม้เดี๋ยวเราไปหาขนมกินกันนะ”นายโกมุทไม่ปล่อยให้เจ้าสัวทำคะแนนคนเดียว รีบตามไปด้วย ทำเอาลูกๆ ต้องกลั้นยิ้มขำ กับแข่งขันจีบสาวของสองหนุ่มวัยลายคราม“คุณปรัชญ์ผมว่า พ่อของผมคงอยากให้แม่ของคุณ มาเป็นยายของพี่ไม้จริงๆ”ภานุเอ่ยยิ้มๆ เขารู้ดีว่าคนอย่างเจ้าสัวโภคินไม่ได้ถูกใจผู้หญิงคนไหนง่ายๆ ไม่อย่างนั้นพ่อของเขาคงมีแม่เลี้ยงให้เขาตั้งนานแล้ว ไม่อยู่มาจนถึงตอนนี้หรอก“พ่อของผมก็ดูท่าจะอยากให้พี่ไม้มีย่าเหมือนกัน คุณว่ายังไง ถ้าพ่อของผมอยากจีบแม่ของคุณ”กันต์เชียร์พ่อตัวเองออกนอกหน้า เขาถูกชะตากับเปรมใจมาก อีกฝ่ายต่างกับแม่ของเขาคนละขั้ว อยู่ใกล้ๆ แล้วเย็นอกเย็นใจ พ่อเขาแทบจะหมดลายเมื่อพบคนแบบนี้“คุณกันต์ผมไม่ได้อยากมีพ่อเลี้ยงหรอกนะ ส่วนคุณนุคุณเองคงไมได้ขาดความความอบอุ่นจากแม่ จนอยากได้แม่เลี้ยงใหม่ตอนนี้หรอกใช่ไหม”ปรัชญ์ตอบกลับสองหนุ่มด้วยน้ำเสียงเข้มจัด ดวงตาขุ่นขวางไม่ชอบใจ“แหม... คุณปรัชญ์นี่หวงแม่น่าดูนะครับ” ภานุเอ่ยแซวขำๆ แต่คนฟังไม่ขำด้วยฟาดสายตาเขียวขุ่นกลับมา กันต์เองก็ยังไม่เลิกรา“คุณเปรมยังสาวย
ตอนที่ 83 วิมานในอ้อมแขน/2นับตั้งแต่กริชได้เคลียร์ใจกับมัสลินแล้ว ทั้งสองก็กลับมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน มัสลินบอกกับชายหนุ่มว่าเธอสงสัยว่าตัวเองจะตั้งครรภ์ ซึ่งอาจจะเกิดในช่วงที่ไปเที่ยวทะเลปราณบุรีแล้วมีความสัมพันธ์กัน กริชตื่นเต้นมากเขาจึงพามัสลินไปตรวจที่โรงพยาบาล“ผลตรวจเป็นยังไงบ้างครับคุณหมอ”กริชเอ่ยถามนายแพทย์ ตั้งใจรอคำตอบอย่างวาวหวัง ในตอนที่มัสลินตั้งท้องพี่ไม้เขาพลาดโอกาสสำคัญนี้ไป เขาอยากทำหน้าที่พ่อสักครั้งให้สมบูรณ์“ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ ภรรยาของคุณตั้งครรภ์ได้เจ็ดสัปดาห์แล้วครับ”นายแพทย์แจ้งผลตรวจด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหัวเราะเมื่อเห็นคุณพ่อคนใหม่ ลุกจากเก้าอี้ไปกอดภรรยา หอมแก้มเธอทั้งซ้ายขวาแบบไม่อายใคร“มัสจ๋า คุณท้อง ได้ยินไหมว่าเรากำลังจะมีลูกกัน”กริชดีใจสุดขีด เขาลุกขึ้นมากอดภรรยาที่นั่งข้าง ๆ หอมแก้มเธอ ทั้งซ้ายทั้งขวา ทำท่าจะจูบแต่มัสลินหยิกเขาให้รู้สึกตัวก่อน ไม่อย่างนั้นอาจจะทำประเจิดประเจ้ออายหมอพยาบาลไปแล้ว“ขอบคุณนะคะคุณหมอ คุณกริชนั่งลงค่ะ ฟังหมออธิบายหน่อย”มัสลินดึงแขนสามีให้นั่งลง ใบหน้าของคุณพ่อยังประดับด้วยรอยยิ้ม ไม่ยอมหุบง่ายๆ“เดี๋ยวหมอจะทำเรื่องกา