ทหารทั้งสองยังทำหน้างุนงงหนักกว่าเดิม ยิ่งทำให้แม่ทัพใหญ่โมโหเพิ่มขึ้นไปอีก เขาลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้เดินดุ่มๆ ไปยังเรือนทางปีกซ้ายของจวน จำได้ว่าตอนนางมาถึง เขาให้พ่อบ้านจัดที่พักให้ พ่อบ้านก็จัดเรือนปีกซ้ายทั้งที่เรือนของเขาอยู่ปีกขวา คนพวกนี้ก็อย่างไรกัน ช่างรนหาที่ตายโดยแท้ มีใครกันแยกห้องสามีภรรยาอยู่คนฟากของจวนเช่นนี้
แม่ทัพใหญ่เดินไปที่เรือนของนาง ทว่ายังไม่ทันพ้นประตูวงพระจันทร์ก็เห็นเจ้าตัวขนสีขาววิ่งมาชนขาจนมันเสียหลักเซไปทางอื่น เขาก้มมองเจ้า ‘แพะน้อย’ อายุน่าจะประมาณแค่สองเดือน ดูจากสายตาเอาเรื่องมันแล้วก็ทำให้เขาขมวดคิ้วไม่รู้ตัว
“เปาเป่า กลับมานี่”
เสียงหวานใสร้องเรียกปนหัวเราะทำให้ยามอาทิตย์อัสดงมีชีวิตชีวา เขาเงยหน้าขึ้นมองพลันสบตากับเจ้าของร่างเล็กที่เดินเร็วๆ มาทางเขา แววตากลมโตกระจ่างเบิกกว้างขึ้นดูคล้ายตกใจก่อนจะปรับอารมณ์วูบหนึ่งหลุบตาลง
“ท่านแม่ทัพ” จ้าวจื่อรั่วคารวะอย่างมีมารยาท “ท่านมาถึงเรือนของข้า มีเรื่องใดรึเจ้าคะ”
“จวนข้า ข้าจะไปที่ใดต้องรายงานเจ้ารึ”
จ้าวจื่อรั่วเงยหน้าขึ้น ไม่รู้ว่านางทำเรื่องใดผิดจึงทำให้เขาดูอารมณ์ร้ายนัก นางยังไม่ทันเอ่ยปากอธิบาย เจ้าแพะน้อยทำท่าจะวิ่งพุ่งเข้าใส่ท่านแม่ทัพ
“เปาเป่า!”
พูดยังไม่ทันขาดคำ เจ้าแพะน้อยสีขาวก็พุ่งเข้าใส่ จ้าวจื่อรั่วร้องอย่างตกใจ แต่กู้ตงหยางก้มลงหิ้วคอแพะน้อยขึ้นมาไว้ก่อน
‘เจ้านี้มันร้ายจริง!’
“เหตุใดมีแพะอยู่ในจวนได้”
“เป็นแพะจากโรงครัวเลี้ยงเอาน้ำนมเจ้าค่ะ” เสี่ยวฉู่ที่ถูกส่งมาเป็นสาวใช้รับใช้ฮูหยินรีบพูดขึ้น “เจ้าแพะน้อยตัวนี้ตั้งแต่ได้พบหน้าฮูหยินก็เดินตามไม่ยอมห่าง จนฮูหยินขอนำมันมาเลี้ยงไว้ดูเล่นเจ้าค่ะ”
ปกติบ่าวไพร่แทบไม่มีผู้ใดกล้าปริปากพูดกับเจ้านาย แต่ยามนี้เพื่อปกป้องฮูหยินจึงกล้าพูดขึ้น กู้ตงหยางประหลาดใจยิ่งนัก นางมาอยู่จวนเขาไม่นานกลับซื้อใจคนในจวนได้ เห็นทีว่าเขาจะประเมินสตรีสกุลจ้าวน้อยเกินไป
จ้าวจื่อรั่วย่อมไม่เข้าใจความคิดของกู้ตงหยาง นางพึ่งระลึกเสมอว่าตนเองเป็นเพียงผู้อาศัย จะทำสิ่งใดต้องเกรงใจเจ้าของบ้าน แม้แพะตัวนี้เป็นแพะของจวน แต่นางนำมาเลี้ยงที่เรือนของตน อาจทำให้เขาไม่พอใจได้ ก่อนที่เขาสั่งการใดออกมา นางจึงรีบเอ่ยปากสั่งเสี่ยวฉู่เสียก่อน
“รีบพาเปาเป่าไปเถิด วันนี้เล่นซนทั้งวันแล้ว”
“เจ้าค่ะ”
เสี่ยวฉู่รีบเข้าไปอุ้มเจ้าแพะน้อยออกไปทันที ทำให้ยามนี้ในเรือนของนางไม่มีบ่าวไพร่คนอื่นคอยรับใช้ เหลือเพียงนางและผู้เป็นเจ้าของจวนเท่านั้น
ยามตะวันพลบค่ำท้องฟ้าเป็นสีแดงเรื่อคล้ายย้อมแก้มนวลให้แดงปลั่ง ริมฝีปากบางขบเม้มจนเรียบตึงอย่างครุ่นคิด นางแต่งกายด้วยอาภรณ์สีเขียวใบบัว เรือนผมก็เกล้าอย่างเรียบง่าย แตกต่างจากเฉียวฉู่ราวฟ้ากับดิน ทว่าภาพที่เห็นเบื้องหน้ากลับให้ความรู้สึกอ่อนโยน สงบนิ่งและสบายใจ
“ท่านแม่ทัพ” จ้าวจื่อรั่วเรียกเสียงเบาด้วยยังไม่เข้าใจว่าเขาต้องการสิ่งใด “ท่านมาถึงเรือนข้ามีสิ่งใดหรือเจ้าคะ เหตุใดไม่ให้บ่าวไพร่มาเรียกข้าไปพบ”
กู้ตงหยางได้สติก็สูดลมหายใจลึก พลันได้กลิ่นหอมของอาหาร ทำให้นึกได้ว่าตนเองยังไม่ได้กินมื้อเย็น เขากระแอมไอขึ้นเล็กน้อยแล้ววางท่าราวกับสนทนากับผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของตน
“เจ้าใช่ไหมที่เป็นคนเปลี่ยนสุราของข้า”
“อ่อ...เรื่องนั้นเป็นข้าเองเจ้าค่ะ” นางยิ้มรับแต่โดยดี “หมอทหารแจ้งว่าท่านแม่ทัพยังมีอาการบาดเจ็บเรื้อรังไม่ควรดื่มสุรารสแรง ข้าจึงเปลี่ยนเป็นสุรายาให้ท่าน”
“หมอทหารกล้าเอาเรื่องนี้มาพูดกับเจ้ารึ!” เขาขึงตาใส่นาง แต่หญิงไม่หลบสายตาซ้ำยังคงระบายยิ้มอย่างอ่อนหวาน
“ทุกคนล้วนเป็นห่วงสุขภาพของท่านแม่ทัพใหญ่ผู้กุมกำลังพลทหารนับแสน ข้าอยู่หลังบ้านช่วยได้เพียงเล็กน้อย จึงรับปากท่านหมอทหารว่าจะช่วยดูแลเรื่องอาหารการกินของท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ”
พูดออกไปแล้วก็รู้สึกโล่งใจ หลายวันก่อนหมอทหารพูดคุยกับนางจึงพอได้รับรู้ความลับเล็กๆ เรื่องนี้ นางจึงได้แต่ปรับเปลี่ยนอาหารเพื่อบำรุงสุขภาพของท่านแม่ทัพ หญิงสาวเห็นเขายังยืนนิ่งเป็นท่อนไม้อยู่จึงเอ่ยถาม
“ท่านแม่ทัพกินอะไรมาหรือยังเจ้าคะ ข้าทำน้ำแกงหัวปลาไว้ ท่านอยากลองชิมสักชามไหมเจ้าคะ”
แววตานางเหมือนเด็กที่อยากอวดของเล่น เอาเถอะ แค่น้ำแกงชามเดียวไม่เสียเวลานัก เขาพยักหน้ารับแล้วเดินเข้าไปด้านใน ตั้งแต่รับนางมาไว้ในจวนตลอดจนเข้าพิธีแต่งงาน เขาไม่เคยเข้ามาดูความเป็นอยู่ของนางเลยสักนิด เรือนของนางตบแต่งเรียบง่าย นอกจากภาพอักษรที่แขวนที่ผนังและต้นไม้เล็กๆ ไม่กี่กระถางแล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดเป็นพิเศษ
“เหตุใดเจ้าทำตัวอัตคัดยิ่งนัก”
จ้าวจื่อรั่วถูกตำหนิก็นิ่งไป นางอดก้มมองตนเองไม่ได้ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นดวงตาคมกริบจ้องมองอยู่ หรือเขาจะคิดว่านางทำตัวไม่สมฐานะเป็นฮูหยินของท่านแม่ทัพ
“ข้าเป็นสตรีที่ออกเรือนแล้วไม่ควรแต่งกายสีสันฉูดฉาด เกล้าผมก็ทรงของสตรีที่ออกเรือน ไม่ทราบว่าท่านแม่ทัพต้องการให้ข้าปรับปรุงจุดไหนเจ้าคะ”
นางถามกลับด้วยแววตาใสซื่อแต่ทำเอากู้ตงหยางอยากกระอักโลหิตออกมา กินดีหมีหัวใจเสือมาหรือไร ช่างกล้าต่อปากต่อคำกับเขานัก แต่เขาเป็นบุรุษทั้งแท่งจะมาโต้เถียงกับสตรีก็ไม่ใช่เรื่อง เขาจึงนั่งลงที่เก้าอี้กลมแล้วโบกมือไปมา
“ไปยกน้ำแกงของเจ้ามา”
“เจ้าค่ะ”
หญิงสาวก้าวออกไปแล้ว เขาจึงกวาดตามองโดยรอบอย่างสำรวจ ทุกอย่างเรียบง่ายจนน่าประหลาดใจ ผิดกับห้องของเฉียวฉู่ เขาไม่ได้ช่วยเพียงนาง แต่สตรีอีกหลายคนที่ถูกช่วยมาพร้อมกัน แต่นางอ้างว่าตนเป็นบุตรสาวของเฉี่ยวโจว เจ้าเมืองต้าเหลียง เขาจึงรับตัวนางไว้และให้คนส่งข่าวเพื่อไปแจ้งกับบิดาของนาง จะได้ส่งคนมารับคนกลับไป
ครู่ต่อมาจ้าวจื่อรั่วประคองถาดใส่อาหารเดินกลับเข้ามา นางวางอาหารบนโต๊ะแล้วค่อยปรนนิบัติเขาอยู่ด้านข้าง
“เจ้าเข้าครัวเอง?”
รถมาที่เตรียมไว้อบอุ่นและพรั่งพร้อมสำหรับการเดินทาง เนื่องจากกู้ตงหยางต้องการดูแลภรรยาอย่างใกล้ชิดทำให้ไฉ่หงออกมานั่งข้างสารถีซึ่งเด็กสาวก็ยินดี เพราะได้มองทิวทัศน์ระหว่างเดินทางจ้าวจื่อรั่วอยู่ในรถม้าอย่างสุขสำราญ การเดินทางกลับสบายราวกับมาท่องเที่ยวต่างจากยามที่เข้ามามาก จนกระทั่งเดินทางมาถึงชายแดนอี้ซวนมาส่งจะกล่าวคำอำลา“เจ้าจะทำอย่างไรต่อไป” กู้ตงหยางเอ่ยถาม การเดินทางราบรื่นด้วยเพราะมีทหารลับของซย่าเจียวซิ่งคุ้มกันตลอดเส้นทาง เขาส่งข่าวมาล่วงหน้าแล้ว คนของตนก็รออยู่ที่ชายแดนจึงไม่มีอะไรให้ต้องเป็นกังวลนัก“ถามข้า...ข้าก็ใช้ชีวิตพรานป่านะสิ” อีซวนหัวเราะเสียงดังตามประสานิสัยของเขา“แล้ว...”“แล้วอะไรกัน?”กู้ตงหยางเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนยิ้มมุมปาก “อย่างไรข้ากับเจ้าก็นับเป็นสหาย เป็นดุจคนในครอบครัว หากอยากให้ข้าช่วยยกสินสอดทองหมั้นก็บอกมา อย่าให้ผู้อื่นดูแคลนฐานะของเจ้าได้”“หากบุรุษแต่งงานมีภรรยาแล้วพูดจาไร้สาระเช่นเจ้า ข้าไม่แต่งดีกว่า” อี้ซวนเบ้ปากแต่กลับได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักแว่วมาจากในรถตู้ ใครเลยจะคาดคิดว่านักรบปราบศัตรูเช่นกู้ตงหยางจะพ่ายแพ้แก่สตรีตัวเล็กๆไร้วรยุทธ์ผู้หนึ
สองบุรุษหนุ่มนั่งเผชิญหน้ากันโดยมีกาสุราตั้งอยู่บนโต๊ะ กู้ตงหยางมีท่าทีเฉยชาไร้ความวิตกกังวลใดราวกับเตรียมพร้อมรับมือกับทุกเรื่อง “เมื่อฮูหยินของข้าทำตามที่ลั่นวาจาไว้แล้ว ข้าก็จะพานางกลับแคว้นแม้เจ้าจะไม่ไปส่ง ข้าก็หาทางกลับเองได้”ผู้บัญชาการซย่าได้ยินก็กระตุกยิ้มมุมปาก เขารู้ดีว่าฝีมือระดับแม่ทัพกู้ผู้นี้คงเคยเข้าออกแคว้นของเขาเป็นว่าเล่น เช่นเดียวกับตัวเขาเองก็ยังเคยไปสืบข่าวที่แคว้นของอีกฝ่ายเช่นกัน“ถ้าหากข้ารั้งท่านหมอหญิงไว้ให้อยู่ต่อ ดูแลจนหลี่หรูคลอดลูกเล่า”“ไม่มีเหตุผลอันใดที่ต้องอยู่ต่อ การที่ฮูหยินของข้ารักษาคุณหนูหลี่หรูให้แล้วนั้นแล้วก็นับว่าทำตามที่ผู้ลั่นวาจาไว้เรียบร้อยแล้ว แม้เจ้าจะไม่ไปส่งข้าก็ต้องหาทางพาภรรยากลับอยู่ดี เจ้าคิดหรือว่าคนของเจ้าแค่นี้จะสามารถสกัดกั้นข้าได้ หรือเจ้าอยากลองเปิดศึกสองแคว้น”“ท่านอยากฉีดสัญญาสงบศึกหรือ?” ซย่าเจียวซิ่งรินสุราให้ตนเอง“ข้าย่อมไม่ต้องการทำให้ชาวบ้านต้องเดือดร้อน เจ้าก็รู้เหมือนที่ข้ารู้ การศึกคราใดผู้ที่เดือดร้อนที่สุดก็คือชาวบ้านตาดำๆ เพราะฉะนั้นแล้วถ้าไม่จำเป็น ข้าไม่ต้องการให้เกิดศึกสงคราม ไม่ว่ากับผู้ใดก็ตาม
เพียงริมฝีปากสวยเผยอขึ้น องุ่นปอกเปลือกแล้วก็ถูกส่งเข้าปาก ปลายนิ้วหยาบกระด้างสัมผัสริมฝีปากชุ่มฉ่ำ ชายหนุ่มทอดสายตามองภรรยาสาวที่ช้อนตาขึ้นมองด้วยแววตาทะเล้น บุรุษร่างสูงใหญ่ถึงกับถอนหายใจเบาๆ อาการสิ้นหวังนี้กลับทำให้จ้าวจื่อรั่วหัวเราะเคี้ยวองุ่นด้วยรอยยิ้ม “ท่านพี่” หญิงสาวหยอกเย้าสามี รู้ว่าเขาอดทนอดกลั้นมากเพียงใด แต่เพราะหลายวันก่อนนางถอนพิษให้หลี่หรูจนร่างกายอ่อนเพลียเป็นลมไป กู้ตงหยางคอยดูแลไม่ห่างแม้นางฟื้นขึ้นยืนยันว่าตัวเองปลอดภัยดี เขาก็ยังคงไม่วางใจจึงหักห้ามใจหากจะร่วมรักกับนางในช่วงเวลานี้ “เจ้าแข็งแรงดีเมื่อใด เราจะเดินทางกลับทันที” “อืม ข้าเชื่อฟังท่าน” หญิงสาวเอนหลังพิงหัวเตียง “ข้าทำตามคำพูดตนเองแล้ว รักษาแม่นางหลี่หรูให้ฟื้นได้สำเร็จ ส่วนเรื่องที่เหลือนนั้นก็ไม่เกี่ยวข้องกับข้าอีกแล้ว” สีหน้ากู้ตงหยางค่อยดีขึ้นเมื่อได้ยินภรรยารักพูดเช่นนั้น หากนางยังดื้อดึงจะอยู่ต่อ เห็นทีเขาคงต้องลักพาตัวภรรยากลับบ้านแล้ว “แท้จริงแล้ว เรื่องโลหิตเป็นยาขับพิษนั้นเป็นเรื่องจริงหรือเจ้าต้องการลองใจรัชทายาท”
“ข้ายินดี ท่านหมอหญิงโปรดใช้เลือดของข้าเถิด” เฉียนฟานกล่าวไร้ความลังเล แววตาที่มองหญิงสาวในวงแขนเต็มไปด้วยความรักและเมื่อเงยหน้าสบตากับหมอหญิง แววตาของเขาก็จริงจังดั่งคำที่กล่าวไป “ดี เช่นนั้นโปรดยื่นแขนของท่านมา” “ได้!” ชายหนุ่มขยับตัวม้วนแขนเสื้อขึ้นยื่นท่อนแขนของตนให้หมอหญิง จ้าวจื่อรั่วโน้มตัวลงมองท่อนแขนกำยำนั้นแล้วพยักหน้ารับ “ท่านยอมรับว่าเด็กในครรภ์แม่นางหลี่หรูเป็นบุตรของท่าน” “นางมีข้าเพียงคนเดียว ข้าเป็นผู้ชั่วช้าที่พรากความบริสุทธิ์ของนาง” เฉียนฟานเอ่ยแล้วสบตากับซยาเจียวซิ่ง “ข้ายอมรับว่าก่อนหน้านี้ข้าตั้งใจเพียงหลอกนาง เพื่อให้เจ้าเจ็บปวดใจ แต่เมื่อได้รู้จักและใกล้ชิดหรูเอ๋อร์ นางทำให้ข้ารู้ว่าความรักที่แท้เป็นเช่นไร ข้าไม่เคยคิดทอดทิ้งนางเพียงแต่เรื่องราวบานปลายมาถึงจุดนี้เพราะข้าสารภาพเรื่องนี้กับเสด็จแม่ คิดว่าท่านจะช่วยส่งเสริมข้า แต่กลับกลายเป็นว่า...หรูเอ๋อร์ต้องมารับเคราะห์กรรมแทนข้า เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว แม้เอาชีวิตข้าไปก็ยังไม่สาสมกับความชั่วช้าที่ได้ทำลงไป” โทสะในอกพลันดับลง บุ
รัชทายาทเฉียนฟานเข้ามาพร้อมกับองครักษ์ข้างกายอีกสองคน แม้ภายนอกดูเป็นบุรุษเสเพลแต่หาใช่อ่อนด้อยเรื่องเพลงยุทธ์ ทหารลับของซย่าเจียวซิ่งแม้ฟังเพียงคำสั่งของผู้เป็นนายแต่ก็ไม่กล้าลงมือรุนแรงกับผู้ที่เป็นรัชทายาทนัก“ช่างกล้านัก มิคิดว่าเจ้าจะกล้ามาเหยียบที่นี้!”ซย่าเจียวซิ่งกัดฟันกรอดแล้วชักกระบี่ออกมาหมายเด็ดชีวิตของเฉียนฟานโทษฐานที่ทำให้หลี่หรูต้องอยู่ในสภาพนี้ มือของเฉียนฟานที่จับกระบี่รับคมกระบี่ของซย่าเจียวซิ่งสั่นระริก เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลซึมบริเวณหน้าผาก เขากัดฟันแน่นไม่ยอมพ่ายแพ้ง่ายๆ รัชทายาทแม้เป็นผู้ฝึกยุทธ์แต่ไม่เคยลงสนามศึกจริง พละกำลังของตนย่อมด้อยกว่าผู้บัญชาผู้กรำศึกอยู่ชายแดน แววตาของซย่าเจียวซิ่งแดงก่ำราวกับสีโลหิตแต่เฉียนฟานก็ไร้ความหวาดกลัวเพราะเวลานี้ หัวใจของเขาร่ำร้องเพียงต้องการพบหลี่หรูเท่านั้นในขณะที่เรี่ยวแรงของเฉียนฟานถดถอยลงทำให้คมกระบี่ของซย่าเจียวซิ่งเข้าใกล้ใบหน้าเขามากยิ่งขึ้น หินก้อนหนึ่งพุ่งมาปะทะกระบี่ของผู้บัญชาการ ความเร็วและแรงที่ส่งมาถึงกับทำให้กระบี่เปลี่ยน ทิศทางคมกระบี่พ้นใบหน้าของรัชทายาท ดวงตาคมปลาบตวัดมองไปทางผู้ที่เดินเข้ามา“กู้-ตง-หยาง!”
เมื่ออยู่ในอ้อมกอดที่คุ้นเคย จ้าวจื่อรั่วก็ปล่อยให้ตัวเองได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ จนเมื่อร่างกายพักผ่อนเต็มอิ่ม ดวงตาที่ปิดสนิทจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เห็นคือแววตาอ่อนโยนและห่วงใยของสามี “ท่านพี่นั่งเฝ้าข้ามานานเท่าใดแล้ว” หญิงสาวเอ่ยถามน้ำเสียงแหบแห้งแล้วยันกายขึ้นนั่ง กู้ตงหยางเห็นดังนั้นจึงขยับกายเข้าไปประคอง “ทำไมรีบตื่นเช่นนี้ เจ้าเพิ่งกลับไปชั่วยามเดียว” “ตั้งหนึ่งชั่วยาม” หญิงสาวเอนซบแผ่นอกแกร่ง ฝ่ามือหยาบกร้านวางบนหน้าท้องของหญิงสาวนางจึงวางมือของตนบนมือใหญ่โตของเขา “ลูกเป็นเด็กดี ไม่เกเรแม้แต่น้อย” “เจ้าก็ไม่ควรหักโหมเกินไป” “นี่ท่านตำหนิข้ารึ” นางเงยหน้าขึ้นเห็นหนวดเคราของผู้เป็นสามีก็รู้ว่าเขาแทบไม่ได้ดูแลตนเองเลย แต่กระนั้นนางก็ขยับกายเล็กน้อย ยื่นริมฝีปากไปประทบกับริมฝีปากหยักสวยของเขาเบาๆ ถูกนางเอาอกเอาใจเช่นนี้ หัวใจของเขามิใช่ก้อนหินจึงอ่อนยวบลงทันที ทุกวันนี้เขาแทบประคองนางไว้ในอุ้งมือแล้ว “รักษาเสร็จแล้ว เราก็เตรียมตัวกลับกันเลยดีไหม” “คุณหนูหล