เข้าสู่ระบบเขาผลักไสนางอย่างเย็นชา เหยียบย่ำความรักนั้นด้วยวาจาอันเฉียบคมและสายตาไร้เยื่อใย แต่นางกลับยิ้มรับทุกบาดแผล คล้ายยินยอมจ่ายทุกราคาหากปลายทางคือหัวใจของเขา แต่ในวันที่นางตาสว่าง เขากลับวิ่งตามหาหัวใจตนเอง
ดูเพิ่มเติมบทนำ
เมืองหลิงอัน…
ดินแดนอันงดงามท่ามกลางขุนเขาและสายน้ำ ทว่ายากจะเอื้อมถึงความยุติธรรมจากราชสำนัก
ณ ที่แห่งนี้ ผู้ปกครองมิใช่ผู้ถูกแต่งตั้งจากใต้หล้า หากแต่คือเหล่าตระกูลบันดาศักดิ์ซึ่งถือกำเนิดจากสายเลือดของกษัตริย์ในอดีต พวกเขามีขนบของตนเอง มีกฎหมายของตนเอง และมิเคยยอมก้มหน้าให้ผู้ใด แม้จะอยู่ใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารก็ตาม
หลิงจง…บุตรชายเพียงหนึ่งเดียวในบรรดาบุตรสาวนับทั้งสิบคนของจวนหลิงอัน
บุรุษผู้ถือกำเนิดมาพร้อมความโอหัง เย่อหยิ่ง ไม่เคยรู้จักคำว่า “พอ” หรือ “ผิดหวัง” เพราะชีวิตเขามิเคยมีสิ่งใดที่ได้มายากลำบาก
ยกเว้น…หลี่เลี่ยงหรง
นาง…คือลูกสาวของอาจารย์ของเขา นางคอยติดตาม คอยเฝ้ามองและอ้อนวอนเขาด้วยหัวใจเปี่ยมรักมาตลอดสิบกว่าปี
เขาผลักไสนางอย่างเย็นชา เหยียบย่ำความรักนั้นด้วยวาจาอันเฉียบคมและสายตาไร้เยื่อใย แต่นางกลับยิ้มรับทุกบาดแผล คล้ายยินยอมจ่ายทุกราคาหากปลายทางคือหัวใจของเขา
จนกระทั่ง…ภัยพิบัติเข้าล้อมเมืองหลิงอัน
เมื่อสวรรค์เงียบงัน ผู้คนจึงหันหาสิ่งที่มองไม่เห็น การบูชายัญด้วยสตรีบริสุทธิ์กลายเป็นความหวังสุดท้ายของชาวเมือง
และในชะตานั้น…ชื่อของหลี่เลี่ยงหรงคือผู้ถูกเลือก ไม่ใช่เพราะนางเป็นเทพธิดาแต่เพราะนาง…ไร้เส้นสาย
เจ็ดวันก่อนพิธีกรรม
นางถูกกักตัวไว้ที่ศาลเจ้า ถูกห้ามพบผู้ใด ต้องชำระกายและใจให้สะอาดราวผ้าขาวก่อนส่งถึงแดนมรณะ
ทว่าในคืนหนึ่ง กลางแสงจันทร์ซึ่งเยียบเย็น นางถูกลักพาตัว
ไม่มีผู้ใดรู้ว่า
มือที่ฉุดนางหนีนั้น…เป็นของบุรุษที่เคยผลักไสนางมาตลอดชีวิตและสิ่งที่เขาขอเป็นการตอบแทน…คือการให้ร่างกายนางแปดเปื้อน เพื่อแลกกับชีวิตอันไร้ศักดิ์ศรี
“จะอยู่…หรือตาย!”
เสียงของเขาเย็นยะเยือก ราวกับคมดาบกรีดลึกลงในหัวใจนาง
“หากเลือกตายมิใช่เพียงเจ้าที่ตาย แต่บิดาเจ้าก็จะต้องพลอยดับตามไปด้วย”
ริมฝีปากหนานั้นยกยิ้มบาง รอยยิ้มที่ไม่ใช่ความอ่อนโยน แต่คือการบีบคั้นให้สิ้นหนทาง
สายตาของเขามองนางอย่างผู้ถือไพ่เหนือสุด ขณะที่ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความสับสนและสิ้นหวัง
“แต่หากเลือกอยู่…เจ้ากับบิดายังจะมีลมหายใจ” เขาหยุดเล็กน้อย ก่อนทิ่มแทงซ้ำด้วยเสียงต่ำ “เพียงแต่ตั้งแต่นี้ไป เจ้าจะต้องไร้อิสระไปชั่วชีวิต”
หลีเหลียงหรงน้ำตาคลอหน่วย หัวใจของนางสั่นสะท้านเหมือนนกที่ถูกขังอยู่ในกรงเหล็กที่ไม่มีทางออก เขาเหมือนมอบทางเลือกให้นาง แต่แท้จริงแล้วทุกประตูคือกำแพง ไม่ว่าจะก้าวไปทางใด…ก็ล้วนคือการสูญเสียแต่หากการสูญเสียนั่นคือการที่บิดานางยังคงมีชีวิตอยู่
นางยอมแล้ว
ต่อให้ชีวิตหลังจากนี้ไร้ความรักจากเขาก็ช่างมัน นางจะไม่ฝืนไขว่คว้า ไม่คาดหวังอีกต่อไป ทุกสิ่งถูกปล่อยวางในวันที่นางรู้ความจริง ว่านางถูกเลือกให้เป็นสตรีที่ต้องบูชายัน ไม่ใช่เพราะคุณสมบัติอันสูงส่งของนาง ไม่ใช่เพราะสวรรค์กำหนด แต่เพียงเพราะบิดาของนางเป็นเพียงบัณฑิตคนหนึ่ง ที่เดินทางมาจากเมืองอื่น ไร้เส้นสาย ไร้กำลังหนุนหลัง
นางถูกเลือกให้ ตาย! เพียงเพราะครอบครัวของนางอ่อนแอเกินกว่าจะต่อรองชะตาชีวิต และเขาชายผู้เป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของเจ้าปกครองเมือง ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทำราวกับว่านางเป็นเพียงเศษผ้าที่ใช้แล้วทิ้ง ไม่มีค่าแม้แต่ให้เหลียวแล
เช่นนั้นแล้ว… ไม่ว่านับจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น นางก็จะไม่หวาดหวั่นอีกต่อไป ขอเพียงบิดาของนางยังมีลมหายใจอยู่ นางก็พร้อมจะยอมรับทุกสิ่งที่ชะตาจะเหวี่ยงโยนมา
บทที่ 5 ราตรีที่เปลี่ยนชะตาหลี่เลี่ยงหรงนั่งเขียนจดหมายเกือบครึ่งคืน กระดาษกองแล้วกองเล่าเต็มไปด้วยถ้อยคำที่ถูกขีดฆ่า นางได้ยินเสียงคนเฝ้ายามผลัดเวรอยู่ด้านนอก แต่เพียงปรายตามองแล้วกลับก้มเขียนต่อทว่าจดหมายที่สำคัญที่สุดกลับเขียนไม่ออก ชื่อของหลิงจงอยู่บนนั้น แต่ไม่รู้จะบอกอะไรดี รักแรกและรักเดียวของนาง นางอยากเขียนคำลา แต่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนเสียงกุกกักดังขึ้นอีกครั้ง แต่ครานี้เมื่อเอ่ยถามออกไปแม้แต่เสียงด้านนอกก็เงียบสนิทนางลุกขึ้นเดินไปที่ประตู “มีใครอยู่ไหม” ไร้เสียงตอบกลับเมื่อหันกลับมาที่โต๊ะ นางชะงัก ชายหนุ่มที่นางคิดถึงมากที่สุดยืนอยู่ตรงนั้น มิหนำซ้ำเขายังถือจดหมายที่นางกำลังจะเขียนถึงเขาอยู่อยู่ในมือแต“หากมีอะไรก็พูดกับข้าเสียตอนนี้” หลี่เลี่ยงหรงเม้มปาก ไม่รู้จะเอ่ยอะไรดี ก่อนตัดสินใจพูดเพียงสิ่งเดียวที่สำคัญที่สุด สิ่งหนึ่งที่นางสามารถให้เขาช่วยได้แล้วเขาคงเต็มใจ“ก็คงมีแต่เรื่องของท่านพ่อนั่นแหละที่ข้าอยากจะให้คุณชายช่วย”หลิงจงยกคิ้ว“เรียกข้าเช่นนี้ได้ด้วยหรือ ไม่นึกว่าจะเรียกหลิงจง ๆ เหมือนแต่ก่อน”“วันเวลาผ่านไป ข้าเข้าใจแล้วว่าเราต่างกันเพียงใด”“ก็แค่ลมปาก หาก
บทที่ 4 เมื่อความฝันถึงกาลสิ้นสุดหลี่เลี่ยงหรงมองหลิงจง บุตรชายเพียงคนเดียวของเจ้าปกครองเมือง สายตาของเขายังคงเย่อหยิ่งดังเดิม แม้ยามนี้นางมองเขาเป็นครั้งสุดท้าย เขาก็ยังไม่ยิ้มให้นางสักคราทั้งที่นางเคยเชื่อว่าหากอยู่ใกล้เขา ต่อให้เพียงเล็กน้อย วันหนึ่งหัวใจเขาอาจอ่อนลง ดั่งหยดน้ำที่รินลงบนก้อนหินทุกวันย่อมทำให้หินกร่อน แต่หัวใจของหลิงจงนั้นกลับแข็งดั่งศิลายิ่งกว่าก้อนหิน ไม่เคยแม้แต่จะโอนเอนเพราะการกระทำของนางแม้สักครั้งหลี่เลี่ยงหรงมิใช่สตรีต่ำต้อย แต่นางกรู้ดีว่าย่อมไม่คู่ควรกับบุตรชายเจ้าปกครองเมือง แต่ก็หาใช่ว่าไร้ค่าดังที่เขาแสดงต่อหน้าเป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว…นางคิดในใจ ขณะที่ความทรงจำทั้งหลายพรั่งพรูตั้งแต่เด็กจนโต นางเฝ้าฟังสิ่งที่เขาอยากได้ และแอบหามาให้ แม้จะไม่เหมือนเสียทีเดียว แต่ก็ทำด้วยใจหวังเพียงให้เขาได้ยิ้มสักครั้งทว่าสิ่งเหล่านั้นกลับกลายเป็นเพียงสิ่งไร้ค่าที่น่ารำคาญในสายตาหลิงจง เขาไม่เพียงไม่ซาบซึ้ง หากยังมองนางเป็นตัวปัญหา รกหูรกตาเสียจนอยากกำจัดให้พ้นสายตานางรู้จักเขาตั้งแต่วัยเยาว์ เพราะเขาเป็นศิษย์ของบิดา ต้องมาเรียนหนังสือที่เรือนทุกวัน จากการแอบมองเพียงแว
บทที่ 3 ฟ้าดินไร้ปรานี“ท่านพ่อ เหตุใดสีหน้าท่านจึงหม่นหมองเพียงนี้” หลี่เลี่ยงหรงวางสิ่งของในมือ ก่อนจะก้าวเข้าไปหาเมื่อเห็นบิดากลับมาจากการประชุม สีหน้าคร่ำเคร่งผิดปกติ บัณฑิตหลี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ไม้เก่า ๆ ที่ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด“แม้จะเรียกพวกเราเหล่าบัณฑิตไปด้วย แต่ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์อันใดเลย”“อย่างไรหรือเจ้าคะ”“พ่อกับสหายต่างเสนอวิธีการแก้ปัญหาภัยพิบัติที่กำลังรุมเร้า และยังเตือนว่าอาจจะเกิดดินถล่มได้ ให้ย้ายคนที่อยู่เชิงเขาออกมาก่อน ส่วนน้ำที่ท่วมขังก็ต้องเร่งระบาย ส่วนเรื่องอาหารนั้น ขอปันเสบียงจากขุนนางมาแบ่งให้ชาวบ้านเพื่อประทังให้ผ่านปีนี้ไปได้ แล้วค่อยคิดแก้ไขอย่างจริงจังในวันหน้า แต่เจ้าปกครองเมือง…” ดวงตาของบัณฑิตหลี่ทอดมองไปไกลก่อนถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อยอีกรอบ“แม้พวกเราจะเสนอวิธีมากมาย ที่สมเหตุสมผล ทั้งการจัดการอย่างรวดเร็วอย่างเช่นขุดทางน้ำ สร้างคันดินเอาไว้รอครั้งหน้า และยังป่าวประกาศให้เก็บเสบียง แต่เจ้าปกครองเมืองกลับไม่รับฟังเลยแม้เพียงนิด เขากลับเอาชีวิตชาวบ้านไปฝากเอาไว้กับพวกหมอผี” น้ำเสียงของบัณฑิตหลี่เต็มไปด้วยความผิดหวัง “เขาเชื
บทที่ 2 เศษจานและหัวใจเพล้ง เสียงจานตกกระแทกพื้นกระเบื้องเก่า ๆ ก่อนที่ขนมเฉียวกั่วจะตกกระจายพื้นเต็มพื้น “ข้าไม่ได้ตั้งใจ” หลิงจงเอ่ยเมื่อมือที่เขายกขึ้นอย่างรำคาญใจกลับปัดขนมที่หลี่เหลี่ยงหรงบุตรสาวของอาจารย์ชายหนุ่มนำมาให้“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” หลี่เหลี่ยงหรงฝืนยิ้มเหมือนกับไม่เป็นอะไร ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงกับพื้นและค่อย ๆ เก็บเอาขนมที่นางอุตส่าห์ตั้งใจทำทิ้งเพราะเห็นว่าใกล้เทศกาลซีซี และคนที่หมายปองก็มาถึงเรือนจึงเร่งเอาขนมเฉียวกั่วออกมาต้อนรับ แต่อีกฝ่ายคงไม่สนใจขนมถูก ๆ เช่นนี้ หรือไม่ก็ไม่อยากรับของที่สื่อความหมายจากนาง “อย่าทำท่าทางสำออยเช่นนั้น ทำเหมือนกับข้าเป็นคนผิดทั้ง ๆ ที่เป็นเจ้าที่ผิด เจ้าไม่ควรยัดเยียดของเช่นนี้ให้กับคนอื่นโดยที่เขาไม่ได้ร้องขอ จำเอาไว้ว่าข้าไม่ได้อยากได้ของไร้ค่าเช่นนี้จากเจ้า” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชาหลี่เหลี่ยงหรงไม่ได้เอ่ยอะไรตอบกลับไปนางทำเพียงแค่เก็บขนมที่พื้นไปเงียบ ๆ ทำให้ชายหนุ่มที่นั่งรออาจารย์ของตนถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ทางด้านนาง แม้จะพยายามรีบเก็บเศษจานกระเบื้องที่แตกและเศษขนมที่กระจายแต่มันก็ทำได้ยาก โดยเฉพาะอย่า





