Share

บทที่ 16

last update Last Updated: 2025-06-21 09:48:01

“ฮือๆ... ฮึก... ฮือๆ”

“ยัยลิน... ยัยลิน... เปิดประตูให้พี่เข้าไปหน่อย” เสียงเรียกด้วยความเป็นห่วงเป็นใยสลับกับเสียงเคาะประตูห้องน้ำดังติดต่อกันไม่ยอมหยุด เช่นเดียวกับเสียงสะอึกสะอื้นที่ดังลอดออกมาจากด้านใน

กว่าปกรณ์จะหันมาเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหน้าห้องจัดเลี้ยง ร่างของอรนลินก็ลับสายตาไปแล้ว เขาต้องเดินตามหาตั้งนานถึงแน่ใจว่าเธอหนีมาอยู่ที่นี่ แต่หญิงสาวก็เอาแต่ขังตัวเองร้องไห้อยู่ในนั้น ไม่ว่าจะขู่หรือปลอบเท่าไรก็ไม่ยอมเปิดประตูออกมา

“ยัยลิน เลิกร้องแล้วออกมาเถอะน่า... พี่จะได้พากลับบ้านไง...” รุ่นพี่ผู้มากน้ำใจยังพยายามปลุกปลอบต่อไปทั้งที่ยืนอยู่ตรงนี้นานเกือบสิบนาทีแล้ว

“ฮือๆ... ลินอายเหลือเกิน พี่ปกรณ์... ลินไม่กล้าออกไปเจอหน้าใครอีกแล้ว ฮือๆ...” ในที่สุดหญิงสาวก็ยอมพูดคุยกับเขาจนได้

“ไม่เห็นจะต้องอายเลย... ไม่มีใครเขาสมน้ำหน้าหนูสักหน่อย มีแต่ด่าอีตานั่นกันทุกคน...” คิดแล้วปกรณ์ก็โมโหแทน... ผู้ชายอะไรกัน แค่ถูกผู้หญิงเดินชนนิดหน่อยก็ตะคอกใส่ ทำอาละวาดจะเป็นจะตาย... พูดกันตามความจริง เขาเองเกิดมาผิดเพศอย่างนี้ยังจะมีความเป็นสุภาพบุรุษหลงเหลืออยู่ในตัวมากกว่าไอ้เจ้าชายนิสัยหยาบนั่นเสียอีก

“คุณเกรซ ฮือๆ... ทำไมเธอจะต้องแกล้งลินอย่างนี้ด้วย ลิน... ลินไม่ได้ทำอะไรให้เธอเลยสักนิด... ลินไม่เข้าใจ ฮือๆ...”

“พี่บอกแล้วไงว่าอย่าไปสนใจอีชะนีผีบ้านั่น” ชายหนุ่มหัวใจสาวบริภาษอย่างเหลืออดกับพฤติกรรมของกัทลี “คนเขาก็รู้กันทั้งวงการว่าสันดานแม่นั่นเป็นยังไง ลินไม่ต้องไปสนใจหรอก ปล่อยให้มันเน่าตายไปตามธรรมชาติเถอะ... ออกมาหาพี่ได้แล้วนะหนูนะ คนดี๊คนดี...” ด่าไปก็คอยหันซ้ายแลขวาไปพลาง ให้แน่ใจว่าไม่มีบุคคลที่สามอยู่ด้วย เพราะการพูดพาดพิงถึงนางแบบคนสำคัญของบริษัทก็เป็นอันตรายต่ออาชีพเขาเช่นกัน

หลังจากนั่งอยู่บนโถสุขภัณฑ์ ฟังคำปลอบโยนมาราธอนตลอดเวลาสิบนาที อรนลินก็พอจะคลายความเศร้าโศกเสียใจไปได้บ้าง แต่หญิงสาวรู้ว่าสารรูปของตัวเองตอนนี้คงไม่น่ามอง ไหนจะดวงตาบวมช้ำจากการร้องห่มร้องไห้ ไหนจะผมเผ้ายุ่งเหยิง แถมกลิ่นซีอิ๊วหวานผสมน้ำส้มสายชูที่คละคลุ้งอยู่บนเสื้อผ้าอีกล่ะ แล้วจะให้เธอกล้าออกไปเจอรุ่นพี่และเพื่อนๆ สตาฟได้อย่างไร

“พี่ปกรณ์ ฮึกๆ... พี่ปกรณ์กลับไปก่อนเถอะค่ะ ลินขอ... ล้างหน้าล้างตาก่อน... ขอเวลาลินอีกสักสิบนาทีก็พอนะคะ ฮึก...” มือน้อยๆ ยกขึ้นเช็ดหยดน้ำบนปลายจมูก สูดเสียงสะอื้นกลับเข้าไปในลำคอ

“ตามใจก็แล้วกัน พี่จะเก็บของรออยู่ในห้องจัดเลี้ยงนะ หนูรีบตามไปล่ะ” เขาถอนหายใจดังๆ ยอมแพ้เธอในที่สุด

“ลินสัญญาค่ะ ฮึก... ขอบคุณพี่ปกรณ์มากนะคะ”

“ย่ะ!!” อันที่จริงปกรณ์ก็นึกเคืองที่รุ่นน้องของเขายังพร่ำเรียกชื่อจริงที่แสนเกลียดชังอยู่ได้ไม่ขาดปาก แต่จำใจต้องเก็บเงียบเอาไว้ก่อน รอให้จิตใจอรนลินเป็นปกติดีก็แล้วกันค่อยคิดบัญชีทีหลัง

เสียงประตูด้านนอกบริเวณอ่างล้างมือถูกเปิดและปิดลง เป็นสัญญาณให้หญิงสาวค่อยๆ ลุกขึ้นจากโถสุขภัณฑ์ ก่อนจะแง้มประตูห้องน้ำออกมาอย่างไม่มั่นใจ

มองเห็นเงาตัวเองในกระจกหน้าอ่างล้างมือแล้ว เธอก็ทอดถอนใจ ยกมือปาดแก้มทั้งสองข้างช้าๆ เพื่อเช็ดคราบน้ำตาออก ก้มตัวลงไปที่อ่างทรงกลม มือข้างเดิมละจากใบหน้า ยื่นผ่านสัญญาณอินฟาเรดให้ก๊อกน้ำอัตโนมัติทำงาน แล้วจึงใช้สองมือรองน้ำสะอาดขึ้นมาชำระล้างใบหน้า ลูบไล้ทำความสะอาดเรือนผม

อรนลินหันไปมองเสื้อสูทราคาแพงที่เธอวางทิ้งไว้ที่ขอบหินอ่อนสีดำข้างอ่างล้างมือ เห็นแล้วความเกลียดชังในตัวผู้ชายคนนั้นก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นจนแทบจะคว้ามันขว้างลงไปในถังขยะ... แต่สิ่งของที่ไม่มีชีวิตจิตใจย่อมไม่มีความผิด คนใส่มันต่างหากที่เป็นคนเลว... เธอจึงจำใจหยิบมันขึ้นมาถือเอาไว้อย่างนั้น ไม่รู้จะหาทางส่งคืนไปให้เจ้าของอย่างไร...

คิดแล้วก็อยากจะหัวเราะเยาะตัวเองนัก...

โลกนี้ช่างเล่นตลกเสียจริงๆ... แค่เริ่มงานวันแรกเธอก็ต้องมาเสียน้ำตาเพราะฝีมือของหญิงชายคู่ที่เธอเพิ่งจะวิพากษ์วิจารณ์ไปเมื่อไม่กี่วันก่อน...

ใช่... อรนลินเพิ่งนึกออกตอนนี้นี่เอง...

ผู้ชายคนนั้นก็คือเจ้าชายจอมฉาวโฉ่ในหน้าหนังสือพิมพ์ที่เธอบังเอิญได้อ่าน... ก็ไม่น่าแปลกใจหรอกที่เขาจะมีพฤติกรรมกักขฬะเลวทรามได้ถึงอย่างนั้น...

ก้มลงมองเสื้อสูทในมือแล้วก็อดสะเทือนใจไม่ได้...

ดูสิ... เสื้อผ้าราคาแพงอย่างนี้ ผู้ชายคนนั้นกลับเหวี่ยงทิ้งอย่างไม่ไยดี... ในขณะที่เสื้อของเธอ...

ดวงตาบวมช้ำแดงก่ำหันกลับไปจ้องมองในกระจกเงาอีกครั้ง เวลานี้เสื้อเชิ้ตสีขาวที่เธออุตส่าห์ซื้อมาใหม่เพื่อฉลองการเริ่มงานใหม่วันแรก ถูกคราบซีอิ๊วหวานจับเป็นด่างดวงสีน้ำตาลกระจายเต็มไปหมดทั้งตัว และอรนลินก็ได้แต่มองรอยเปื้อนอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีวิธีแก้ไข เพราะรู้ดีว่าต่อให้เธอถอดมันออกมาซักเดี๋ยวนี้ ก็ไม่มีทางจะทำให้ขาวสะอาดได้เหมือนเดิมอีก

ยิ่งเห็นก็ยิ่งเสียใจ...

ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียดาย...

มันเป็นเสื้อใหม่ตัวแรกของเธอในรอบสองปีนี้แท้ๆ

อรนลินลูบไล้รอยเปื้อนบนเสื้อเบาๆ ในหัวใจเจ็บปวดด้วยความรู้สึกที่น้อยคนจะเข้าใจ แล้วน้ำตาที่คิดว่ามันหยุดไหลไปแล้วก็ค่อยๆ ร่วงจากขอบตาอีกครั้ง ทีละหยดๆ อย่างที่เธอไม่สามารถควบคุมได้

“แม่จ๋า... ลินจะทำยังไงดี ฮึกๆ... ลินไม่เข้าใจ... ลินไม่รู้อีกแล้วว่าควรจะทำตัวยังไง...”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทาสบำเรอสุลต่าน   บทที่ 91

    หลังจากงานเลี้ยงดำเนินไปจนถึงก่อนเวลาเลิก องค์สุลต่านฮาเร็บ อาลี บิน ฮามัด อัล อลาวี ก็ถือโอกาสขึ้นไปเป็นประธานบนเวที เรียกเจ้าบ่าวเจ้าสาวให้ไปปรากฏตัวพร้อมกันต่อหน้าแขกในงาน“เราในฐานะของคนเป็นพ่อต้องขอขอบใจสหายและผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมแสดงความยินดีกับลูกชายเรา วันนี้นับว่าโฮร์มุซได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัวแล้ว นั่นก็หมายความว่าเขาตระหนักถึงความสำคัญและหน้าที่ของตัวเองในฐานะหัวหน้าครอบครัว พร้อมที่จะดูแลรับผิดชอบคนในครอบครัวต่อไปภายหน้า...” องค์สุลต่านหันไปมองบุตรชาย“ประเทศชาติก็เปรียบเสมือนครอบครัวใหญ่ การดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชาวจาเบลุซนั้น ต้องอาศัยความรับผิดชอบเป็นอย่างยิ่ง... ซึ่งในเวลานี้เรามั่นใจแล้วว่าโฮร์มุซพร้อมที่จะทำหน้าที่แทนเรา ดังนั้นเราจึงถือโอกาสอันดีในคืนนี้ประกาศคืนตำแหน่งรัชทายาทผู้สืบทอดบัลลังก์ให้แก่ เจ้าชายโฮร์มุซ อัล อลาวี และมอบหมายให้ เจ้าชายมาตราห์ อาลี เป็นผู้ช่วยเหลือลูกของเราดูแลประเทศชาติต่อไปในอนาคต...”สิ้นคำประกาศขององค์สุลต่าน ทุกคนในห้องจัดเลี้ยงต่างก็พากันโห่ร้องด้วยความยินดี ไม่เว้นแม้ชาวไทยที่ร่วมอยู่ในงานเลี้ยงในฐานะแขกและส

  • ทาสบำเรอสุลต่าน   บทที่ 90

    พิธีมงคลสมรสตามประเพณีของจาเบลุซไม่แตกต่างอะไรจากประเทศอื่นๆ ในดินแดนอาหรับมากนัก... นั่นคือ... ประกอบไปด้วยพิธีการทั้งสิ้นจำนวนเจ็ดวัน เริ่มตั้งแต่พิธีสู่ขอในวันแรกตามหลักศาสนาแล้ว ก่อนแต่งงานเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะมีความสัมพันธ์กันไม่ได้เด็ดขาด หากไม่ได้รับการยินยอมจากครอบครัวของทั้งสองฝ่าย ฝ่ายชายจะต้องนำครอบครัวไปพูดคุยสู่ขอกับครอบครัวของฝ่ายหญิงที่บ้าน แต่เนื่องจากอรนลินและมารดาไม่ใช่ชาวจาเบลุซ งานสู่ขอจึงถูกจัดขึ้นอย่างไม่เป็นทางการภายในพระราชวัง จานาห์ อัล มาลัก นั่นเอง โดยมี องค์สุลต่านฮาเร็บ อาลี และองค์สุลตาน่าโซเฟีย เป็นผู้ดำเนินพิธีสู่ขอกับอินทิราท่ามกลางเชื้อพระวงศ์จำนวนหนึ่งวันที่สองเป็นพิธีดูตัว ซึ่งตามปกติจะเป็นโอกาสที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะได้พบหน้ากันเป็นครั้งแรก จึงทำเพียงพอเป็นพิธี ส่วนวันที่สามซึ่งเป็นวันหมั้น เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะทำการแลกแหวนหมั้นของแต่ละฝ่าย โดยสวมใส่มิชลาห์และอบายาสีที่เข้าคู่กัน เพื่อเป็นนิมิตมงคลบอกถึงความเหมาะสมกันวันที่สี่ พิธีให้สัตย์ปฏิญาณ หรือพิธีแต่งงานอย่างเป็นทางการ โดยทั่วไปจะจัดในมัสยิด หากเจ้าบ่าวเป็นเชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์ ผู้แทนศาสนาจึงถ

  • ทาสบำเรอสุลต่าน   บทที่ 89

    กำหนดการพิธีแต่งงานระหว่างซินเดอเรลลาสาวจากประเทศไทยกับเจ้าชายนักธุรกิจใหญ่แห่งอาหรับกลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วทั้งโลก และก่อนที่บรรดาสื่อมวลชนจากทุกแขนงจะพากันตามมารบกวนชีวิตอันสงบสุขของคนรัก โฮร์มุซก็ตัดสินใจพาเธอกับผู้เป็นแม่บินกลับไปเตรียมการที่ประเทศของเขาล่วงหน้าเกือบสองสัปดาห์แม้ว่าอินทิราจะค่อนข้างประหม่าและอึดอัดใจกับชีวิตในพระราชวัง จานาห์ อัล มาลัก พอสมควร แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอต้องตื่นตาตื่นใจไปกับทุกๆ สิ่งที่ได้สัมผัส รวมถึงอดที่จะกังวลไม่ได้กับขนบธรรมเนียมและวิถีชีวิตแบบใหม่ที่เธอเองมีส่วนผลักดันให้ลูกสาวเป็นคนเลือกในช่วงแรกๆ ที่ได้กลับมาพำนักในปราสาทหินทรายสีชมพู อรนลินรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก เมื่อต้องถูกคนครึ่งประเทศจับจ้องด้วยสายตาคับข้องใจและไม่เห็นด้วย ว่าเหตุใดเจ้าชายรัชทายาทแห่งรัฐสุลต่าน บาห์ลา จาเบลุซ จึงเลือกผู้หญิงต่างชาตินอกศาสนามาเป็นคู่ชีวิต แต่ด้วยกำลังใจจากผู้ชายที่เธอรักรวมถึงท่าทีของสุลต่านและสุลตาน่าที่วางตนเป็นผู้สนับสนุนอยู่ห่างๆ แล้ว ไม่นานหญิงสาวก็ทำใจได้อรนลินต้องเข้าพิธีกับยัลซูผู้เผยแผ่ เปลี่ยนมาถือศาสนาอิสลาม เปลี่ยนลำดับความรักและความเคารพบ

  • ทาสบำเรอสุลต่าน   บทที่ 88

    “ต๊าย... ทีอย่างนี้ล่ะทำหวง คนอะไร้...”“ที่จริงลินเองก็ไม่สะดวกหรอกค่ะ พี่ปุ๊กกี้ก็รู้ว่าตอนนี้ลิน...” ก้มลงมองหน้าท้องที่แทบจะยังไม่ขยายตัวให้เห็น มือของเธอก็ลูบคลำเบาๆ ไปด้วยอย่างรักใคร่ “ลินคงไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้คุณชายพิษณุไม่ได้หรอกค่ะ อายเขาตายเลย...”“เออ จริงสิ... ตั้งแต่มีข่าวเรื่องน้องสาวฆ่าตัวตาย คุณชายพิษณุก็หายเงียบไปเลยนะ... เดี๋ยวนี้ไม่เห็นออกงานสังคมที่ไหนบ้างเลย...”“จริงด้วย แล้วคุณหญิงรัตน์ล่ะ ออกจากโรงพยาบาลแล้วก็ไม่ได้ข่าวอีกเลยเหมือนกัน...” ใครคนหนึ่งถามขึ้น“เห็นพี่ชัยรัตน์บอกอยู่เหมือนกันว่าหนีไปรักษาสภาพจิตใจที่เมืองนอกนะ อยู่เมืองไทยก็คงอายคนนั่นแหละ...” หัวหน้าฝ่ายคอสตูมเป็นคนตอบ “แต่ครั้งนี้เป็นงานแต่งของเพื่อนสนิท คุณชายพิษณุต้องไปด้วยแน่ๆ อาจจะได้เจอคุณหญิงรัตน์ในงานด้วย ใครจะไปรู้...”“จะว่าไปที่ผ่านมาคุณชายพิษณุก็ไม่เคยมีข่าวคาวกับผู้หญิงซักคนนะ ดีไม่ดีจะเป็นเก้งเอาหรือเปล่ายะ” ปกรณ์ยกมือทาบอกกระดกปลายนิ้วก้อย รำพึงรำพันกับตัวเองในลำคอ “ผู้ชายอะไรหน้าว้านหวาน ถูกสเปกอีปุ๊กกี้สุดฤทธิ์... สาธุ... ไม่ใช่เก้งก็เป็นกวางทีเถอะ งานนี้แม่จะได้ลุ้นลับตับแตกกับเ

  • ทาสบำเรอสุลต่าน   บทที่ 87

    สามเดือนต่อมา... หลังจากบรรดาผู้คนในวงการนางแบบต่างพากันช็อกกับข่าวอุบัติเหตุรถคว่ำของกัทลี... ชื่อของ เกรซ กัทลี อดีตนางแบบชื่อดังระดับประเทศก็ค่อยๆ เลือนหายไปอย่างรวดเร็วจนไม่มีใครจดจำได้อีก...นับว่าโชคดีที่ครั้งนั้นหญิงสาวไม่ถึงกับเสียชีวิต เนื่องจากคนของโฮร์มุซช่วยนำเธอส่งโรงพยาบาลได้ทันท่วงที ทว่าใบหน้าของอดีตนางแบบสาวก็ถูกแรงกระแทกทำให้เป็นบาดแผลฉกรรจ์จนถึงกับเสียโฉม ที่หนักที่สุดก็คือขาซึ่งหักทั้งสองข้าง แม้จะรักษาจนหายขาดแล้ว ก็ยังต้องเดินกะโผลกกะเผลกอย่างคนพิการไปตลอดชีวิตสภาพที่ต้องนอนมีผ้าพันแผลและเข้าเฝือกแทบทั้งตัวเป็นเวลานานนับเดือน ทำให้อรนลินและมารดารู้สึกเสียใจกับเธอ และตกลงใจที่จะอโหสิกรรมให้ ไม่ดำเนินคดีความหรือเอาเรื่องใดๆ อีกกลาร์มัวร์ ไดมอนด์ จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์คนไหม่ ถึงจะยังไม่ได้มีการทำสัญญาว่าจ้างกับกัทลีตั้งแต่ตอนที่วางตัวเธอเอาไว้ แต่หม่อมราชวงศ์พิษณุนเรศวร์ โขมพัสตร์ ก็ได้มอบเงินชดเชยจำนวนหนึ่งให้กับเธอเพื่อเป็นกีแสดงความเห็นใจ หากเงินหลักล้านและเงินเก็บอีกหลายแสนที่มีในบัญชีของหญิงสาว หลังจากการรักษาตัวแล้ว ก็มีอันต้องอันตรธานไปอย่างร

  • ทาสบำเรอสุลต่าน   บทที่ 86

    ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้พูดอะไรต่อ ประตูห้องพักผู้ป่วยพิเศษก็เปิดออก เนื่องจากปกรณ์และอินทิราที่ได้ยินเสียงโต้เถียงกันแว่วออกไปถึงด้านนอก รู้ว่าผู้ป่วยได้สติแล้วก็รีบเข้ามาขัดตาทัพเสียก่อน“ไอ้ลิน... ฟื้นแล้วหรือลูก...”“ยัยลิน... เจ๊กำลังเป็นห่วงเลยเชียว...”มองเห็นสีหน้าและน้ำตาของลูกสาว คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานกว่าก็พอจะคาดเดาเรื่องระหว่างหนุ่มสาวสองคนนี้ได้หลายส่วน เธอจึงกระซิบให้ปกรณ์ทำหน้าที่ล่าม เชิญเจ้าชายหนุ่มออกไปสงบสติอารมณ์หน้าห้องก่อน ส่วนเธอเองก็เห็นทีจะต้องทำตัวเป็นท้าวมาลีวราชว่าความให้ทั้งคู่เสียแล้วมองลูกเขยโดยพฤตินัยเดินหงุดหงิดออกไปพร้อมกับรุ่นพี่ใจแหววของลูกสาวก็นึกเวทนา ความจริงอินทิราไม่อยากให้อรนลินไปพัวพันกับคนระดับนั้นหรอก แต่สายตาของเธอยังไม่ถึงกับฝ้าฟาง... ถ้าหากจะมีใครสักคนที่ดวงตามืดบอด ก็คงไม่แคล้วเป็นลูกสาวของเธอนั่นแหละ...“มีเรื่องอะไรกัน แกเล่าให้แม่ฟังซิ ไอ้ลิน...”“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะแม่...” หญิงสาวไม่กล้าสู้สายตา“แกทำให้แม่เสียใจมากนะลิน... จนป่านนี้แล้วยังคิดจะปิดแม่อีกหรือไง... แกได้เสียกับเขาแล้ว แล้วตอนนี้แกก็ท้องลูกของเขาอยู่ใช่ไหม...” เสียง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status