Share

บทที่ 15

last update Last Updated: 2025-06-21 09:46:55

แม้จะอับอายกับสารรูปที่เปรอะเปื้อนของตัวเองจนอยากแทรกแผ่นดินหนี อรนลินก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาเดินออกจากประตูห้องจัดเลี้ยงไป ท่ามกลางสายตาของทีมงานออร์แกไนเซอร์และพนักงานโรงแรมที่อยู่ในเหตุการณ์ซึ่งพากันจ้องมองเธอด้วยความรู้สึกแตกต่างกันไป บ้างก็สงสาร บ้างก็สงสัย

ทางเดียวที่หญิงสาวจะหนีจากความอึดอัดนี้ได้ ก็คือรีบก้าวต่อไปให้ถึงห้องน้ำเร็วที่สุด โดยหวังว่าหลังจากได้ทำความสะอาดเนื้อตัวเรียบร้อยแล้ว เธออาจจะรู้สึกดีขึ้น...

การจะเดินทางไปยังห้องน้ำที่เปิดให้บริการสำหรับแขกของห้องจัดเลี้ยงนั้นจำเป็นต้องผ่านลิฟต์ส่วนกลางของโรงแรม แต่ดูเหมือนว่าวันนี้จะเป็นวันแห่งคราวเคราะห์ของอรนลินจริงๆ เพราะขณะที่เธอมัวแต่หลับหูหลับตาเดินอยู่นั้น จู่ๆ เธอก็ปะทะเข้ากับร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งเข้าจนเสียหลักล้มลงไปกับพื้น

“ว้าย!!”

“What the fuck!!!...” อีกฝ่ายสบถดังลั่นไปทั้งโถงทางเดินพร้อมกับถอยเซไปตามแรงกระแทก พอเขาตั้งสติได้ และเห็นว่าคนที่เดินชนตัวเองเป็นหญิงสาวผมเผ้ารุงรัง เนื้อตัวมอมแมม เสื้อผ้าเปรอะเปื้อน ซึ่งกำลังพยายามดันตัวลุกขึ้นจากพื้น เจ้าชายหนุ่มก็ชักสีหน้ารังเกียจ รีบก้มลงสำรวจชุดสูทราคาแพงที่ตัวเองสวมอยู่

และกลิ่นของน้ำส้มสายชูผสมผสานกับซีอิ๊วหวานที่โชยจากรอยเปื้อนจางๆ สีน้ำตาลบนแขนเสื้อ ก็ทำให้เขาต้องยกมันขึ้นมาดมห่างๆ พลางส่งเสียงโวยวายยิ่งขึ้น

“Shit!!... What the hell are you doing?... บ้าชะมัด!! นี่เธอทำอะไรของเธอหา!!” ดวงตาสีน้ำตาลเข้มดุดันจ้องเขม็งมาที่เธอ ใบหน้าของเขาแม้จะหล่อเหลาแต่ในเวลานี้ดูกราดเกรี้ยวจนน่ากลัว

ทันทีที่อรนลินหายจากอาการตื่นตกใจ พอลุกขึ้นยืนได้ เธอก็ลนลานยกมือไหว้ ละล่ำละลักกล่าวคำขอโทษ

“I... I’m very sorry, sir. Are you all right?... เอ่อ.. ขะ...ขอโทษด้วยค่ะ คุณเป็นอะไรมากไหมคะ...” หากเธอยังไม่ทันพูดกับเขาจบ เสียงอีกเสียงหนึ่งก็ดังแผดมาแต่ไกล

“นี่หล่อนทำอะไรของหล่อนยะ!!”

ปกรณ์เพิ่งจะอธิษฐานกับพระเจ้าไปไม่ทันถึงสิบนาที เรื่องก็เกิดสมพรปากจนได้ เมื่อกัทลีที่ยังวนเวียนรอคู่นัดอยู่หน้าห้องจัดเลี้ยง รีบเดินปรี่เข้ามาหาพร้อมกับกระชากไหล่หญิงสาวให้ออกห่างจากคู่กรณี จนร่างเพรียวบางของอรนลินเซถลาไปอีกทาง

“ซุ่มซ่ามที่สุด... เดินยังไงไม่ดูตาม้าตาเรือ!!” ตวาดเสร็จก็หันไปส่งเสียงออดอ้อนคนที่ยังยืนโหวกเหวกโวยวายไม่ยอมหยุด “Your Highness, เป็นยังไงบ้างคะท่าน เจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า...” ที่แท้เขาก็คือเจ้าชายแห่งจาเบลุซ คู่นัดที่เธอกำลังรออยู่นั่นเอง

“โรงแรมที่นี่มันยังไงกัน ทำไมปล่อยให้ขอทานสกปรกเข้ามาเดินเพ่นพ่านได้!!... แล้วนี่มันกลิ่นอะไร ทำไมมันเหม็นอย่างนี้... โอ๊ย!! ผมอยากจะอ้วก!!...” โฮร์มุซกระชากเสื้อสูทออกจากตัวแล้วเหวี่ยงลงบนพื้นด้วยอารมณ์โกรธจัด

“ขอโทษจริงๆ ค่ะ ฉัน...” อรนลินผวาไปกับท่าทีของคนตรงหน้า แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังสำนึกว่าเป็นความผิดของตัวเอง จึงพยายามหาวิธีแก้ไขเท่าที่จะคิดออกในเวลานั้น ได้แต่ก้มตัวลงไปหยิบเสื้อสูทของเขาขึ้นมาอย่างละล้าละลัง “ฉัน... ฉันจะเอาไปซักให้นะคะ...”

“ไม่ต้อง!! ไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้!!” เขาตวาดกลับทันควัน แม้จะแปลกใจว่าทำไมผู้หญิงจรจัดจึงสามารถพูดภาษาอังกฤษโต้ตอบกับเขาได้ แต่อารมณ์ที่ยังฉุนเฉียวอยู่ทำให้ไม่มีแก่ใจจะสนใจอะไรอีก

หญิงสาวผู้หน้าสงสารตกใจจนหน้าซีด ดวงตาสั่นระริกมองค้างอยู่อย่างนั้นบนใบหน้าบูดบึ้งของอีกฝ่าย

เธอเข้าใจทุกๆ ถ้อยคำของเขา และเธอก็ควรจะรีบวิ่งหนีไปตามที่โฮร์มุซสั่ง แต่ไม่รู้ทำไม ขาทั้งสองข้างถึงได้อ่อนแรงจนไม่สามารถควบคุมมันได้ดังใจ...

“ไม่ได้ยินหรือไงยะ!! คนเขาไล่แล้วก็ไสหัวไปสิ ยังจะยืนโง่หาพระแสงอะไรอีก!!” กัทลีถือโอกาสตะคอกใส่เป็นภาษาไทย เจตนาให้สตาฟและพนักงานโรงแรมที่เดินไปมาอยู่บริเวณหน้าห้องจัดเลี้ยงได้ยินกันอย่างทั่วถึง

เท่านั้นเอง อรนลินก็รู้สึกแสบร้อนไปทั้งหน้า น้ำตาหยดโตๆ ร่วงจากขอบตาโดยไม่รู้ตัว ในสมองว่างเปล่า คิดอะไรไม่ออกนอกจากยกมือปิดหน้าแล้ววิ่งหนีไปท่ามกลางความตกตะลึงของผู้เห็นเหตุการณ์

“ผู้หญิงสกปรกคนนั้นเป็นใคร!! ทำไมถึงมาวุ่นวายที่นี่ได้!!” เจ้าชายหนุ่มยังคงบ่นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดหลังจากหญิงสาวผู้เป็นคู่กรณีพ้นสายตาไปแล้ว ไม่วายก้มหน้าทำจมูกฟุดฟิด พิสูจน์กลิ่นแปลกปลอมที่อาจจะยังเหลือติดค้างอยู่บนเสื้อเชิ้ตของตัวเอง

“คงเป็นพวกคนใช้ในบริษัทออร์แกไนเซอร์น่ะค่ะท่าน... เซ่อซ่าอย่างนี้ เห็นทีเกรซคงต้องสั่งให้เขาไล่มันออกซะ จะได้ไม่ไปทำขายขี้หน้าที่ไหนอีก...” นางแบบสาวลอบยิ้มสะใจ หันพูดมาประจบ

“คงไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอกมั้ง... ผมก็แค่หัวเสียนิดหน่อย...” พอเริ่มใจเย็นลงบ้างแล้ว นึกถึงใบหน้าอรนลินตอนที่กำลังร้องไห้ เขาก็อดเห็นใจไม่ได้ “ว่าแต่พีทล่ะ... ผมหมายถึงเจ้าของ กลามูร์ ไดมอนด์ น่ะ ยังอยู่ในห้องหรือเปล่า” ว่าพลางหันไปมองทางประตูห้องจัดเลี้ยง

พอเห็นขยับตัว บรรดาพนักงานโรงแรมและสตาฟออร์แกไนเซอร์ที่ลอบสังเกตการณ์อยู่ก็สะดุ้งตกใจ รีบหันกลับไปทำงานของตัวเองต่อทันที ทุกคนรู้ว่าเขาคือใคร แต่ก็เพิ่งจะรู้สดๆ ร้อนๆ ว่าเจ้าชายหน้าตาหล่อเหลาคนนี้มีนิสัยเจ้าอารมณ์และร้ายกาจมากแค่ไหน

“เมื่อกี้นี้เกรซเห็นทุกคนทำท่าจะกลับกัน เกรซก็เลยรีบเข้าไปเรียนคุณชายพิษณุนเรศวร์ว่าท่านกำลังจะขึ้นมาพบ คุณชายเลยฝากให้เกรซบอกกับท่านว่า คุณชายกับคณะผู้บริหารจะลงไปรอท่านที่ห้องอาหารด้านล่างน่ะค่ะ...” หญิงสาวรีบพูดเอาหน้า

“ถ้าอย่างนั้นเราก็รีบตามพวกเขาไปกันเถอะ” โฮร์มุซยิ้มอย่างเสียไม่ได้

หม่อมราชวงศ์พิษณุนเรศวร์อาจจะมองว่าเขาเป็นคนเหลวไหลไม่รับผิดชอบ แต่เจ้าชายแห่งจาเบลุซก็รู้จักแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวเช่นกัน และเขาก็คิดว่าการพากัทลีเข้าไปนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อในระหว่างพูดคุยธุรกิจนั้นเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง

ทีแรกโฮร์มุซจึงตั้งใจจะปล่อยให้กัทลีรอระหว่างที่เขาแยกตัวไปคุยธุระ แต่เมื่อเหตุการณ์เป็นอย่างนี้ ก็คงต้องหิ้วนางบำเรอของเขาลงไปพบเพื่อนสนิทด้วยทั้งๆ ที่ไม่เต็มใจ...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทาสบำเรอสุลต่าน   บทที่ 91

    หลังจากงานเลี้ยงดำเนินไปจนถึงก่อนเวลาเลิก องค์สุลต่านฮาเร็บ อาลี บิน ฮามัด อัล อลาวี ก็ถือโอกาสขึ้นไปเป็นประธานบนเวที เรียกเจ้าบ่าวเจ้าสาวให้ไปปรากฏตัวพร้อมกันต่อหน้าแขกในงาน“เราในฐานะของคนเป็นพ่อต้องขอขอบใจสหายและผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมแสดงความยินดีกับลูกชายเรา วันนี้นับว่าโฮร์มุซได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัวแล้ว นั่นก็หมายความว่าเขาตระหนักถึงความสำคัญและหน้าที่ของตัวเองในฐานะหัวหน้าครอบครัว พร้อมที่จะดูแลรับผิดชอบคนในครอบครัวต่อไปภายหน้า...” องค์สุลต่านหันไปมองบุตรชาย“ประเทศชาติก็เปรียบเสมือนครอบครัวใหญ่ การดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชาวจาเบลุซนั้น ต้องอาศัยความรับผิดชอบเป็นอย่างยิ่ง... ซึ่งในเวลานี้เรามั่นใจแล้วว่าโฮร์มุซพร้อมที่จะทำหน้าที่แทนเรา ดังนั้นเราจึงถือโอกาสอันดีในคืนนี้ประกาศคืนตำแหน่งรัชทายาทผู้สืบทอดบัลลังก์ให้แก่ เจ้าชายโฮร์มุซ อัล อลาวี และมอบหมายให้ เจ้าชายมาตราห์ อาลี เป็นผู้ช่วยเหลือลูกของเราดูแลประเทศชาติต่อไปในอนาคต...”สิ้นคำประกาศขององค์สุลต่าน ทุกคนในห้องจัดเลี้ยงต่างก็พากันโห่ร้องด้วยความยินดี ไม่เว้นแม้ชาวไทยที่ร่วมอยู่ในงานเลี้ยงในฐานะแขกและส

  • ทาสบำเรอสุลต่าน   บทที่ 90

    พิธีมงคลสมรสตามประเพณีของจาเบลุซไม่แตกต่างอะไรจากประเทศอื่นๆ ในดินแดนอาหรับมากนัก... นั่นคือ... ประกอบไปด้วยพิธีการทั้งสิ้นจำนวนเจ็ดวัน เริ่มตั้งแต่พิธีสู่ขอในวันแรกตามหลักศาสนาแล้ว ก่อนแต่งงานเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะมีความสัมพันธ์กันไม่ได้เด็ดขาด หากไม่ได้รับการยินยอมจากครอบครัวของทั้งสองฝ่าย ฝ่ายชายจะต้องนำครอบครัวไปพูดคุยสู่ขอกับครอบครัวของฝ่ายหญิงที่บ้าน แต่เนื่องจากอรนลินและมารดาไม่ใช่ชาวจาเบลุซ งานสู่ขอจึงถูกจัดขึ้นอย่างไม่เป็นทางการภายในพระราชวัง จานาห์ อัล มาลัก นั่นเอง โดยมี องค์สุลต่านฮาเร็บ อาลี และองค์สุลตาน่าโซเฟีย เป็นผู้ดำเนินพิธีสู่ขอกับอินทิราท่ามกลางเชื้อพระวงศ์จำนวนหนึ่งวันที่สองเป็นพิธีดูตัว ซึ่งตามปกติจะเป็นโอกาสที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะได้พบหน้ากันเป็นครั้งแรก จึงทำเพียงพอเป็นพิธี ส่วนวันที่สามซึ่งเป็นวันหมั้น เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะทำการแลกแหวนหมั้นของแต่ละฝ่าย โดยสวมใส่มิชลาห์และอบายาสีที่เข้าคู่กัน เพื่อเป็นนิมิตมงคลบอกถึงความเหมาะสมกันวันที่สี่ พิธีให้สัตย์ปฏิญาณ หรือพิธีแต่งงานอย่างเป็นทางการ โดยทั่วไปจะจัดในมัสยิด หากเจ้าบ่าวเป็นเชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์ ผู้แทนศาสนาจึงถ

  • ทาสบำเรอสุลต่าน   บทที่ 89

    กำหนดการพิธีแต่งงานระหว่างซินเดอเรลลาสาวจากประเทศไทยกับเจ้าชายนักธุรกิจใหญ่แห่งอาหรับกลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วทั้งโลก และก่อนที่บรรดาสื่อมวลชนจากทุกแขนงจะพากันตามมารบกวนชีวิตอันสงบสุขของคนรัก โฮร์มุซก็ตัดสินใจพาเธอกับผู้เป็นแม่บินกลับไปเตรียมการที่ประเทศของเขาล่วงหน้าเกือบสองสัปดาห์แม้ว่าอินทิราจะค่อนข้างประหม่าและอึดอัดใจกับชีวิตในพระราชวัง จานาห์ อัล มาลัก พอสมควร แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอต้องตื่นตาตื่นใจไปกับทุกๆ สิ่งที่ได้สัมผัส รวมถึงอดที่จะกังวลไม่ได้กับขนบธรรมเนียมและวิถีชีวิตแบบใหม่ที่เธอเองมีส่วนผลักดันให้ลูกสาวเป็นคนเลือกในช่วงแรกๆ ที่ได้กลับมาพำนักในปราสาทหินทรายสีชมพู อรนลินรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก เมื่อต้องถูกคนครึ่งประเทศจับจ้องด้วยสายตาคับข้องใจและไม่เห็นด้วย ว่าเหตุใดเจ้าชายรัชทายาทแห่งรัฐสุลต่าน บาห์ลา จาเบลุซ จึงเลือกผู้หญิงต่างชาตินอกศาสนามาเป็นคู่ชีวิต แต่ด้วยกำลังใจจากผู้ชายที่เธอรักรวมถึงท่าทีของสุลต่านและสุลตาน่าที่วางตนเป็นผู้สนับสนุนอยู่ห่างๆ แล้ว ไม่นานหญิงสาวก็ทำใจได้อรนลินต้องเข้าพิธีกับยัลซูผู้เผยแผ่ เปลี่ยนมาถือศาสนาอิสลาม เปลี่ยนลำดับความรักและความเคารพบ

  • ทาสบำเรอสุลต่าน   บทที่ 88

    “ต๊าย... ทีอย่างนี้ล่ะทำหวง คนอะไร้...”“ที่จริงลินเองก็ไม่สะดวกหรอกค่ะ พี่ปุ๊กกี้ก็รู้ว่าตอนนี้ลิน...” ก้มลงมองหน้าท้องที่แทบจะยังไม่ขยายตัวให้เห็น มือของเธอก็ลูบคลำเบาๆ ไปด้วยอย่างรักใคร่ “ลินคงไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้คุณชายพิษณุไม่ได้หรอกค่ะ อายเขาตายเลย...”“เออ จริงสิ... ตั้งแต่มีข่าวเรื่องน้องสาวฆ่าตัวตาย คุณชายพิษณุก็หายเงียบไปเลยนะ... เดี๋ยวนี้ไม่เห็นออกงานสังคมที่ไหนบ้างเลย...”“จริงด้วย แล้วคุณหญิงรัตน์ล่ะ ออกจากโรงพยาบาลแล้วก็ไม่ได้ข่าวอีกเลยเหมือนกัน...” ใครคนหนึ่งถามขึ้น“เห็นพี่ชัยรัตน์บอกอยู่เหมือนกันว่าหนีไปรักษาสภาพจิตใจที่เมืองนอกนะ อยู่เมืองไทยก็คงอายคนนั่นแหละ...” หัวหน้าฝ่ายคอสตูมเป็นคนตอบ “แต่ครั้งนี้เป็นงานแต่งของเพื่อนสนิท คุณชายพิษณุต้องไปด้วยแน่ๆ อาจจะได้เจอคุณหญิงรัตน์ในงานด้วย ใครจะไปรู้...”“จะว่าไปที่ผ่านมาคุณชายพิษณุก็ไม่เคยมีข่าวคาวกับผู้หญิงซักคนนะ ดีไม่ดีจะเป็นเก้งเอาหรือเปล่ายะ” ปกรณ์ยกมือทาบอกกระดกปลายนิ้วก้อย รำพึงรำพันกับตัวเองในลำคอ “ผู้ชายอะไรหน้าว้านหวาน ถูกสเปกอีปุ๊กกี้สุดฤทธิ์... สาธุ... ไม่ใช่เก้งก็เป็นกวางทีเถอะ งานนี้แม่จะได้ลุ้นลับตับแตกกับเ

  • ทาสบำเรอสุลต่าน   บทที่ 87

    สามเดือนต่อมา... หลังจากบรรดาผู้คนในวงการนางแบบต่างพากันช็อกกับข่าวอุบัติเหตุรถคว่ำของกัทลี... ชื่อของ เกรซ กัทลี อดีตนางแบบชื่อดังระดับประเทศก็ค่อยๆ เลือนหายไปอย่างรวดเร็วจนไม่มีใครจดจำได้อีก...นับว่าโชคดีที่ครั้งนั้นหญิงสาวไม่ถึงกับเสียชีวิต เนื่องจากคนของโฮร์มุซช่วยนำเธอส่งโรงพยาบาลได้ทันท่วงที ทว่าใบหน้าของอดีตนางแบบสาวก็ถูกแรงกระแทกทำให้เป็นบาดแผลฉกรรจ์จนถึงกับเสียโฉม ที่หนักที่สุดก็คือขาซึ่งหักทั้งสองข้าง แม้จะรักษาจนหายขาดแล้ว ก็ยังต้องเดินกะโผลกกะเผลกอย่างคนพิการไปตลอดชีวิตสภาพที่ต้องนอนมีผ้าพันแผลและเข้าเฝือกแทบทั้งตัวเป็นเวลานานนับเดือน ทำให้อรนลินและมารดารู้สึกเสียใจกับเธอ และตกลงใจที่จะอโหสิกรรมให้ ไม่ดำเนินคดีความหรือเอาเรื่องใดๆ อีกกลาร์มัวร์ ไดมอนด์ จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์คนไหม่ ถึงจะยังไม่ได้มีการทำสัญญาว่าจ้างกับกัทลีตั้งแต่ตอนที่วางตัวเธอเอาไว้ แต่หม่อมราชวงศ์พิษณุนเรศวร์ โขมพัสตร์ ก็ได้มอบเงินชดเชยจำนวนหนึ่งให้กับเธอเพื่อเป็นกีแสดงความเห็นใจ หากเงินหลักล้านและเงินเก็บอีกหลายแสนที่มีในบัญชีของหญิงสาว หลังจากการรักษาตัวแล้ว ก็มีอันต้องอันตรธานไปอย่างร

  • ทาสบำเรอสุลต่าน   บทที่ 86

    ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้พูดอะไรต่อ ประตูห้องพักผู้ป่วยพิเศษก็เปิดออก เนื่องจากปกรณ์และอินทิราที่ได้ยินเสียงโต้เถียงกันแว่วออกไปถึงด้านนอก รู้ว่าผู้ป่วยได้สติแล้วก็รีบเข้ามาขัดตาทัพเสียก่อน“ไอ้ลิน... ฟื้นแล้วหรือลูก...”“ยัยลิน... เจ๊กำลังเป็นห่วงเลยเชียว...”มองเห็นสีหน้าและน้ำตาของลูกสาว คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานกว่าก็พอจะคาดเดาเรื่องระหว่างหนุ่มสาวสองคนนี้ได้หลายส่วน เธอจึงกระซิบให้ปกรณ์ทำหน้าที่ล่าม เชิญเจ้าชายหนุ่มออกไปสงบสติอารมณ์หน้าห้องก่อน ส่วนเธอเองก็เห็นทีจะต้องทำตัวเป็นท้าวมาลีวราชว่าความให้ทั้งคู่เสียแล้วมองลูกเขยโดยพฤตินัยเดินหงุดหงิดออกไปพร้อมกับรุ่นพี่ใจแหววของลูกสาวก็นึกเวทนา ความจริงอินทิราไม่อยากให้อรนลินไปพัวพันกับคนระดับนั้นหรอก แต่สายตาของเธอยังไม่ถึงกับฝ้าฟาง... ถ้าหากจะมีใครสักคนที่ดวงตามืดบอด ก็คงไม่แคล้วเป็นลูกสาวของเธอนั่นแหละ...“มีเรื่องอะไรกัน แกเล่าให้แม่ฟังซิ ไอ้ลิน...”“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะแม่...” หญิงสาวไม่กล้าสู้สายตา“แกทำให้แม่เสียใจมากนะลิน... จนป่านนี้แล้วยังคิดจะปิดแม่อีกหรือไง... แกได้เสียกับเขาแล้ว แล้วตอนนี้แกก็ท้องลูกของเขาอยู่ใช่ไหม...” เสียง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status