Chapter .3 คุมขัง
ศิรินราถูกคนแปลกหน้าโป๊ะยาสลบ และก่อนที่ดวงตาจะดับวูบลง เธอคิดถึงแต่พ่อแก้วแม่แก้ว มือเรียวบางรีบตะปบกระเป๋าเสื้อโค๊ดแน่น เธอกลัวว่าโจรจะขโมยแหวนไป เพราะตัวเองคงไม่มีปัญญาหาของแพงๆ มาคืนเจ้าของได้แน่ เธอภาวนาในใจขอให้มันมองไม่เห็น สมบัติติดตัวอย่างอื่นเธอไม่เสียดาย อยากได้อะไรเชิญเอาไปได้เลย เมื่อทั้งเนื้อทั้งตัวมีเงินแค่ไม่กี่เหรียญ...มีของสำคัญแค่แหวนล้ำค่านั่น วงเดียว...
เปลือกตากะพริบถี่ๆ อีกครั้งก่อนจะเปิดขึ้น เธอทะลึ่งพรวด!! ขึ้นนั่ง... เหลียวมองรอบกายด้วยความหวาดกลัว รีบก้มหน้ามองสภาพร่างกายของตัวเอง... ก่อนจะถอนลมหายใจพรวดๆ เมื่อสภาพตัวเองยังอยู่ครบ เสื้อผ้าไม่ได้ถูกถอด...แต่แหวนหายไป!!
เธอถูกจับตัวมา จากคนแปลกหน้า? แล้วก็ถึงบางอ้อ เมื่อคนๆ นั้นเปิดเผยตัวตน...
ฟาเบียน โดโรธีย์!!
เขาเข้ามาพร้อมกับแหวนในมือ เธอแอบเบ้ปาก และนั่งคอตก...
“เธอขโมยมันไปได้ยังไง?”
แหวนสุดสวย...ฟาเบียนกระแทกมาตรงหน้าเธอ แทบจะทิ่มใบหน้าเธอด้วยซ้ำดีแต่ว่าผงะหลบทัน!! แล้วจึงรีบปฏิเสธด้วยการสั่นศีรษะแรงๆ จนผมกระจาย
“ฉันไม่ได้ขโมยนะ”
“แล้วมันไปอยู่ที่เธอได้ยังไง? ไอ้โจรปากแข็ง...มันลอยไปเข้ากระเป๋าเธอเองหรือไงล่ะ” เสียงตวาดดังก้อง ดวงตาของเขาลุกโชน จนศินาราคอหด
“ก็เปล่าอีกนั่นแหละ... ฉันเก็บได้จากถังขยะ แล้วก็กำลังจะเอาไปคืน” เธอเถียงคอเป็นเอ็น เมื่อมันเป็นความจริง
“ตลกล่ะ ถังขยะ...เธอรู้ไหมว่าแหวนนี่ราคาเท่าไร”
ฟาเบียนกระแทกเสียงฉุนๆ หล่อนพูดได้ไงว่าเก็บแหวนของแคทเทอรีนมาจากถังขยะข้างทาง
“ไม่รู้หรอก!! เดาไม่ถูก? รู้แต่ว่ามันแพงมาก เมื่อมันเป็นแบรนด์ Cartier”
“รู้ด้วยรึ? ว่ามันมีแบรนด์”
“ฉันไม่ได้ตาต่ำนี่คุณ!!”
“นั่นไง เธอถึงขโมยมันมาล่ะสิ แต่เธอใช่วิธีไหนล่ะ”
“โอ้ย!! บอกว่าไม่ได้ขโมย พูดไม่ฟังเลยเหรอ จะบ้าเหรอไง คนอย่างฉันเนี้ยะนะจะไปเข้าใกล้ผู้หญิงอย่างคุณแคทเทอรีนได้ สมองมีไหม? ทำไมคิดไม่ได้ห่ะ” เธอโวยเสียงลั่นปวดศีรษะแทบแตก...เขาเป็นคนตะแบงแท้ เข้าใจอะไรง่ายๆ เป็นไหม?
ศินาราเหนื่อย!! เหนื่อยทั้งกาย เหนื่อยทั้งใจ ผู้ชายอย่างฟาเบียนช่างเป็นคนที่เข้าใจอะไรอยากเสียจริงๆ เขาวนถามเธอไม่รู้กี่ร้อยรอบ!! และเธอก็ตอบตามความจริง!! เพียงแต่เขาไม่เชื่อ...
แล้วจะให้เธอทำยังไง? ทำยังไงผู้ชายเอาแต่ใจตัวเองถึงจะเชื่อ!! เธอไม่เคยขโมยแหวนนั่นมา เธอเก็บได้...
“โว้ย!!”
หญิงสาวหวีดร้องสุดเสียง เธอถูกขัง!! ใช่เธอถูกขังอยู่ในห้องสุดหรู ที่มองเห็นทิวทัศน์ปารีสได้โดยรอบ สรวงสวรรค์สำหรับคนร่ำรวย แต่มันเป็นขุมนรกสำหรับเธอ เมื่อเธอถูกผู้ชายหุ่นกำยำจับตามอง และประตูห้องปิดตาย ไม่ให้เธอออกไปด้านนอก แล้วเวลานี้ ศินาราโหยหาอิสรภาพ เพียงแต่เธอต้องอธิบายให้ฟาเบียนเข้าใจ ว่าเธอไม่ใช่โจร!!
แล้วเมื่อไรล่ะ เมื่อไรเธอจะทำสำเร็จ เพราะเขาปักใจเชื่อเสียแล้วว่าเธอคือขโมย...
“นอนดีกว่า...เครียด ดีนะว่าสอบเสร็จแล้ว... ไม่อย่างนั้นฉันเรียนไม่จบแน่ๆ ฉันจะเผ่นกะบาลคุณ ไอ้คนบ้าอำนาจ!!”
มือเรียวบางฟาดไปบนผิวที่นอน... ประหนึ่งว่ามันเป็นเนื้อตัวของมนุษย์เพศชาย นามฟาเบียน บุรุษหนุ่มที่จับตัวเธอมา...คุมขัง...เอาไว้
หญิงสาวนอนหลับสนิท หลังจากนั้นไม่นาน เธอนอนเหมือนอดตาหลับ ขับตานอน เพราะขนาดมีคนแปลกปลอมเดินเข้ามาในห้องเธอยังไม่รู้สึกตัว เงาดำๆ นั่นย่องเข้ามากลางดึก เขาทอดตัวลงนอนด้านข้าง และแอบเบ้ปากเมื่อยัยคนดื้อยังอยู่ในชุดเก่าๆ ตัวเดิม
“ยี๋!! ทั้งเก่าทั้งสกปรก ไม่รู้ทนใส่ได้ยังไง” เสียงนั่นบ่น และเขาไม่รอช้าที่จะปลดสิ่งที่ตัวเองเห็นว่าไม่สมควรออกไป
กว่าที่ศินาราจะรู้ตัว เธอก็เหลือแค่อันเดอร์แวร์ติดค้างบนร่างกาย
และคนที่ปลดมันออกยืนอ้าปากค้าง!!
ฟราเบียกยกมือขึ้นดันปลายคางของตัวเอง เมื่อมันริมฝีปากอ้าค้างจนไม่มีแรงหุบกลับเข้าที่เดิม เขายกมือขึ้นขยี้เปลือกตาซ้ำอีกครั้ง? เพื่อให้มั่นใจว่า... สิ่งที่มองเห็นอยู่ในเวลานี้ ไม่ใช่ความฝัน!! นางฟ้าชัด!! นางฟ้าแน่ๆ ที่นอนแผ่อยู่กลางเตียง ไม่ใช่ยัยโสโครกคนเดิมคนนั้น... ตกลงเขาเก็บอะไรมาได้นี่? โจรขโมยแหวน หรือนางฟ้าตกสวรรค์?
แม่เจ้า!! มือแข็งแรงยกกุมที่ตำแหน่งอกด้านซ้าย ตำแหน่งที่หัวใจของตัวเองอยู่ตรงนั้น เขาตะปปจับเอาไว้จนแน่น!! เมื่อหัวใจเต้นแรง!! จนเหมือนกับว่าขั้วหัวใจจะหลุดออกไปยังไงยังงั้น
กรวยผ้าลูกไม้สีขาว!! ยังไม่ขาวเท่าผิวเนื้อที่หลบอยู่หลังชุดเก่าๆ ปอนๆ ผิวของยัยดื้อเหมือนเกร็ดหิมะ มันขาวโพลนลออตา ไร้ใฝฝ้าราคี โค้งเอวอ่อนคอดกิ่ว แอ่งสะดือบุ๋มสวย ฟาเบียนยกมือขึ้นกางในอากาศ เขาแน่ใจว่าเอวของหล่อนยังเล็กกว่าฝ่ามือตัวเอง และหากจับแรงๆ อาจจะขาดออกจากกัน
แอ่งสะดื้อบุ๋มๆ กลางร่างกาย หลุมเล็กๆ น่ารักน่าชังและน่าคุ้ยเขี่ย แหะๆ เขาคิดแบบนั้นจริงๆ
สะโพกกลมกลึงใต้แพนตี้สีดำ มันเกาะรัดสะโพกจนแน่นและมันดูเย้ายวนพิลึก เพราะเนินนางอวบนูนที่อยู่ข้างใต้มันเด่นนูนสะดุดตา จนลมหายใจของเขาสะดุดกึกลงเช่นกัน...ตกลงยัยบ้านี่เป็นแม่มดหรือไร? เจ้าหล่อนอำพรางร่างกายด้วยเสื้อผ้าสกปรก และเมื่อปอกเปลือกออก หล่อนเป็นดาวยั่วดีๆ นี่เอง
“พรูว์!!” ชายหนุ่มพ่นลมหายใจแรงๆ สลับกับสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เขาทำแบบนั้นหลายๆ ครั้ง เพื่อยับยั้งสติที่กำลังกระเจิดกระเจิงให้กลับคืนมา
ใช่ว่าจะไม่เคยเห็นผู้หญิงมานอนเปลือยให้เห็นเมื่อไร? มีออกมากมายหลายครั้งที่ผู้หญิงถอดผ้าถอดผ่อน นอนทอดกายอะร้าอร่าม ยั่วเย้ายวนเขาอยู่กลางเตียงนอน แต่...ก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่ทำให้เขาพลุ่งพล่านได้ขนาดนี้ เลือดลมวิ่งพล่านไปพล่านมา และหากนานกว่านี้รับรองได้ ต้องกระอักออกมาเป็นลิ่มเลือดแน่ๆ
ฟาเบียนเบ้ปาก ทำปากบิดปากเบี้ยว หากเข้ากระโจนขึ้นไปบนเตียงและสะบึม!! เจ้าหล่อนทุกอย่างก็จบ!!
แต่...เขาไม่เคยปล้ำคนหลับ ...จึงต้องอดทนรอให้เจ้าหล่อนตื่นขึ้นมาเสียก่อน
ชายหนุ่มตัดใจถอยหลังไปทรุดตัวนั่งบนโซฟาเนื้อนุ่ม โดยที่สายตาจับจ้องอยู่ที่กลางเตียง แบบไม่คิดจะกะพริบตา ดูเหมือนว่าศินาราจะหลับลึก เธอคงรู้สึกแสนสบาย เมื่อที่นอนทั้งหนาและนุ่ม เพียงแต่อากาศรอบตัวเย็นฉ่ำเกินไป หญิงสาวที่หลับอย่างสุขี จึงขยับบิดตัวช้าๆ เธอควานมือหาผ้าห่มคลุมกาย เพื่อคลายความหนาวเหน็บ
ไอ้คนที่มองอยู่สิใกล้จะขาดสติ!! เพราะเมื่อยามหญิงสาวขยับตัว เขาตาพร่าไปหมด เนินอกอิ่มขยับเคลื่อนไหว มันสั่นไหวเพราะขนาดใหญ่เกินกว่ากรวยผ้าเล็กๆ จะทัดทาน เนินเนื้ออวบล้นจึงขยับไหวสั่นและคนที่มองอยู่ต้องกลืนน้ำลายลงคอเอือกๆ เขาอยากโอบประคองและสัมผัสเนื้อนุ่มหยุ่นด้วยฝ่ามือตัวเอง แต่...ฟาเบียนคิดช้าไป ศินาราหาผ้าห่มจนเจอ เธอตวัดคลุมร่างกายจนมิด แล้วจึงหลับต่ออย่างสุขีสโมสร ปล่อยให้คนเฝ้ารองุ่นง่านหงุดหงิดเพียงคนเดียว...
แล้วเมื่อความอดทนสิ้นสุดลง เขาเฝ้ารอต่อไปไม่ไหว...
ฟาเบียนกระโจนพรวดเดียวขึ้นไปอยู่บนเตียงนอน เขาคร่อมร่างบอบบางเอาไว้ ด้วยร่างกายแข็งแกร่ง
ศินาราสะดุ้งโหย่ง!! สะดุ้งตื่นเพราะการไหวยวบยาบของพื้นเตียง ร้องหวีด!! เสียงดังๆ อุทานออกมาด้วยความตกใจ “อ้าย!! ใคร? ไอ้คนบ้า...ออกไปนะ”
ฟาเบียนแสยะยิ้ม เขาโน้มตัวลงต่ำ รีบบดจูบกลีบปากบางเฉียบนั่น เพราะมันสุดที่จะอดกลั้นแล้วจริงๆ หล่อนอยากยั่วเขาดีนัก ก็ต้องจัดการให้หล่อนรู้เสียบ้าง... ว่าอย่ามาแหย่เสือหลับ ชายหนุ่มคิดเข้าข้างตัวเองแบบคนเห็นแก่ตัว โดยที่หญิงสาวไม่รู้เรื่อง เธอดิ้นอึกอัก มือเล็กๆ พยายามผลักดันชายหนุ่มไปให้พ้นจากตัว เมื่อกลิ่นไอคุกคามนั่นมันน่ากลัวเสียจนเธอใจสั่น
“ปะ ปล่อยนะคนบ้า คุณไม่มีสิทธิ์ทำอะไรฉานนน...”
พยายามห้ามแทบเป็นแทบตาย!! ไอ้คนที่บุกรุก ทำอุกอาจกับเธอมันฟังที่ไหน? ปลายจมูกร้อนๆ นั่นซุกไซ้ ส่ายเสียดสีไปตามซอกคอของเธอ ลมหายใจร้อนเป่ารด จนเธอขนลุกซู่ และหากยังเป็นเช่นนี้ เธอคงไม่รอดเงื้อมือของเขาแน่ ศินาราห่อตัวหนี เธอรวบรวมกำลังครั้งสุดท้าย หญิงสาวแสร้งโอนอ่อนตามกระแสเชี่ยวกรากของพายุอารมณ์ลูกใหญ่ แสร้งทำตัวอ่อนปวกเปียกจนอีกฝ่ายย่ามใจ และยอมผ่อนปรนกำลังที่มีอยู่ จนถึงจังหวะดีๆ เธอยกปลายเท้าขึ้นและดันลำตัวหนาหนักสุดแรงที่เหลือ!!
พลั่ก!!
ฟาเบียนลอยผึ่ง!! เขากระเด็นตกเตียงนอน สวรรค์ที่กำลังสวยงาม...พังคลื่น!!
ชายหนุ่มกะพริบเปลือกตาปริบๆ ก่อนจะทะลึ่งพรวดลุกขึ้นยืน และชี้หน้ายัยผู้หญิงบ้าๆ นั่นอย่างโกรดจัด
“ยัยบ้า!! เธอถีบฉันทำไม? เดี๋ยวเถอะๆ”
ศินารากะตุกคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมกาย เธอพึ่งรู้ว่าตัวเองมีเพียงอันเดอร์แวร์สองชิ้นแค่นั้น บนลำตัว? เสื้อผ้าเธอหายไปไหน? ก็คงจะเป็นไอ้บ้านั่นแหละที่ถอดเสื้อผ้าของเธอ หญิงสาวรวบผ้าห่มไว้แน่นๆ เกร็งตัวและพร้อมสู้ ไม่มีทางยอมให้เขาถึงตัวง่ายๆ ซ้ำอีกครั้งแน่ๆ
“คุณคิดจะทำอะไรฉัน?...ฉันไม่ใช่นักโทษ...ไม่ใช่ผู้หญิงของคุณนะ”
“ทำอะไร...ฉันคิดจะทำอะไรเธอ?...บ้าไปแล้วแน่ๆ คนอย่างฉัน คงไม่ต้องลงทุนปล้ำโจร”
“เหอะ!! ขอให้จริงเถอะ... ฉันถือว่าที่แล้วไปมันแค่หมาบ้าตัวหนึ่งและฉันแค่ฝันไป เป็นฝันร้ายที่ฉันโคตรขยะแขยง” หญิงสาวเชิดหน้าขึ้น เธอรู้ดีว่าตัวเองไม่มีทางสู้หรอก หากชายหนุ่มจะตะบึงใช้กำลัง ทางที่ดีคือทำให้เขารู้สึกถูกเหยียบย้ำศักดิ์ศรี จนไม่อาจฝืนใจทำเลวร้ายซ้ำได้อีก
“หยุด-นะ!!” ฟาเบียนกระซิบเสียงเครียด เขาเค้นเสียงออกมาจากภายในที่กำลังเดือดจัด
“ทำไมคะ? หรือที่ฉันพูดไปมันไม่จริง” ศินาราลอยหน้าตอบ เธอเตรียมกระโจนหนีหากชายหนุ่มขาดสติและย้อนกลับมาบนเตียงอีกครั้ง
“โอ-เคๆ...นอนให้สบายเลยแม่ขยะเปียก เนื้อตัวเน่าเหม็น ฉันคงอยากยุ่งด้วยอย่างนั่นสิ เธอละเมอไปเองล่ะมั้ง คนอย่างฟาเบียน โดโรธีย์ ไม่นิยมเสพอาจม” ชายหนุ่มตวัดสายตาร้อนแรงใส่ เขาข่มกลั้นความปรารถนา และกระแทกใส่หน้าแม่จอมยิ่งให้หน้าหงาย ให้รู้ไปสิว่าคนอย่างเขาจะไม่สามารถ!! วันใดที่ทำสำเร็จ พ่อจะสะบึมหล่อนทั้งคืน ให้หมดเรี่ยวหมดแรงเลยทีเดียว ชายหนุ่มถอยหลังกลับ... เขาพกพาความไม่พอใจไปด้วยเต็มเปี่ยม และไม่มีวันที่เขาจะยอมเสียเชิง ครั้งหน้าเขาจะเอาคืนให้สาสม
ศินาราถอนลมหายใจพรั่งพรู เธอตะเกียกตะกายลงจากเตียงนอน รีบคว้าเสื้อผ้าชุดเดิมๆ ขึ้นมาสวมใส่ พรางเบ้ปาก และพูดเสียงแดกดัน “ขยะเปียก อาจม เชอะ!! ถ้าฉันไม่ห้าม ไม่สู้ คุณคงฟัดฉันน่วมแล้วล่ะคนบ้า ยี๋!! นมฉันเปียกน้ำลายเยิ้มไปหมด ยังจะบอกว่าขยะแขยง”
เนินถันอวบอิ่มเปียกเยิ้มคราบน้ำลายเหนียวๆ จนศินาราทนสวมเสื้อตัวเดิมกลับลงไปบนตัวไม่ไหว เธอต้องล้างคราบสกปรกนี่ออกไปเสียก่อน
สายน้ำอุ่นซ่านรินรดลงมาจากฝักบัวกระบอกโต หญิงสาวแหงนเงยใบหน้ารับสายน้ำนั้น เธอขยี้ผมยาวสลวยจนฟองเต็มศีรษะ พริ้มเปลือกตาหลุบลงไม่ให้ฟองฟูๆ ไหลเข้าในนัยน์ตา เป็นการอาบน้ำที่มีความสุข หากตัดเรื่องแย่ๆ ที่ตัวเองเจอออกไป เธอพยายามไม่สนใจคนป่วนที่คอยก่อกวนวิถีชีวิตของเธอ ก็คงต้องพยายามอธิบายให้เขาเข้าใจให้ได้ในสักวันหนึ่ง ไม่อย่างนั้นเธอจะต้องติดแหงกอยู่แบบนี้ ...มันไม่ใช่เรื่องสนุก...
ในขณะเดียวกัน ฟาเบียนกำลังโกรธ... โกรธที่ตัวเองหลงใหลยัยนั่น ยัยผู้หญิงสกปรกที่แค่สลัดผ้าออกจนหมด แล้วสวย...ถูกใจ...
“ยัยบ้า” เขาพึมพำก่นด่าศินารา มือแข็งแรงยกแก้วบรั่นดีกระดกใส่ปากไม่หยุด เพื่อให้ความรุ่มร้อนในกายลดทอนลง เขาไม่อยากกลายเป็นไอ้โจรบ้ากาม ให้ยัยนั่นกระทบกระเทียบเอาให้เจ็บใจ
“ชึ้ย!! เห็นตัวบางๆ นึกว่าผอมเป็นไม้เสียบผี ที่ไหนได้” ชายหนุ่มก่นด่าตัวเอง เขาคาดการณ์ผิดเป็นครั้งแรก หลงดูแคลนหล่อนอยู่เป็นนาน ไม่น่าเชื่อว่าหลังอาภรณ์สกปรก ศินารากลับซ่อนความอวบอิ่มที่แสนเย้ายวนเอาไว้ “ใหญ่ไม่ใช่เล่น ต้องเปลี่ยนคำเรียกใหม่...เรียกยัยแห้งไม่ได้แล้ว ต้องเรียกยัยอึ๋มแทน” เขาหัวเราะคิกคักอารมณ์ดีขึ้นกว่าเก่าเป็นกอง เมื่อในสมองพิมพ์ภาพของศินาราเปลือยเปล่าเอาไว้ เขาจำได้แม่น!! จำให้ถึงแก่นใจ...ทุกซอกทุกมุม ทุกกลิ่นและทุกรูขุมขน ยัยนั่นต้องเป็นของเขาโทษฐานที่หล่อนทำให้เขาเสียหน้า
“ศินารา...”
“ชิ้ว!!” มือเรียวบางยกปิดปากแทบไม่ทัน จู่ๆ เธอก็จามออกมาสุดแรง เหมือนมีใครบางคนบ่นถึง หวังว่าคงไม่ใช่หมอนั่นน่ะ
เธอย่นจมูกบิดๆ เบี้ยวๆ ชุดเก่าเหม็นเปรี้ยวจนเกินจะทนไหวจริงๆ ต่อให้อาบน้ำชำระร่างกายจนสะอาด แต่กลับต้องสวมใส่เสื้อผ้าตัวเดิม...มันก็มีค่าเท่ากัน... เธอรีบเดินสำรวจห้องชุดนี่เป็นครั้งแรก เมื่อไม่มีทางหนี... ก็คงต้องหาทางเอาตัวรอด เธอต้องอยู่กับมันให้ได้ อยู่ให้ถึงวันที่เป็นอิสระ...ผู้ชายคนนั้นจะมากักกั้นเธอไว้ตลอดชีพไม่ได้
“ยี้!! มีแต่ชุดโป้ๆ โรคจิตหรือไงนะ ชอบให้ผู้หญิงใส่เสื้อโชว์นมต้ม” หญิงสาวเบ้ปาก เธอเบือนหน้าหนี เมื่อเปิดประตูตู้เสื้อผ้า ในนั้นมีแต่ชุดบางเบา เว้าแหว่ง มันชี้ให้เห็นว่ารสนิยมของฟาเบียนเหลือรับ เธอไม่นิยมโชว์ของสงวนของตัวเองให้ใครดูฟรีๆ แต่ศินาราก็ยังไม่ละความพยายาม เธอจำเป็นต้องมีเสื้อผ้าพลัดเปลี่ยน ไม่อย่างนั้นคงคันเนื้อตัวคะเยอ และแล้วเธอก็ประสบความสำเร็จ มุมตู้มีเสื้อผ้าผู้ชายซุกอยู่ ตัวมันใหญ่โคร่งและมันน่าจะพอใช้ได้ เพราะมันไม่บางเบาจนน่าเกลียด เธอคว้าเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ยักษ์ กับกางเกงขาสามส่วน แต่เมื่อสวมบนร่างกายตัวเอง ต้องขมวดปมและม้วนขึ้นมาเยอะพอดู
“ค่อยยังชั่ว นึกว่าต้องทนดมกลิ่นเหม็นๆ ไปอีกนาน คนบ้านั่นจะกักเราไว้จนถึงเมื่อไรนะ”
เมื่อจัดการเรื่องเสื้อผ้าจบ หญิงสาวเริ่มเดินพล่านอีกครั้ง ครั้งนี้เพื่อหาอะไรใส่ปากใส่ท้อง เพราะท้องไส้เธอร้องเตือน มันเลยเวลารับประทานอาหารมาหลายชั่วโมงแล้วน่ะซี
หลังเดินวนภายในห้องมาหลายนาที สิ่งที่เธอต้องการก็หามาจนได้ ในตู้เย็นหลังโต หลบซ่อนอยู่มุมหนึ่งในครัวทรงโมเดิร์นที่แทบจะไม่เคยมีใครใช้สอย...เธอทำแซนวิชง่ายๆ จากวัตถุดิบที่มี ได้แซนวิชอันโตๆ มาสี่ชิ้น และคงพอทำให้เธออิ่มท้องได้จนถึงเช้า...
“ทำครัวเสียสวยเลิศ แต่แทบจะไม่อะไรให้ทำกินได้ ไม่รู้จะสร้างไว้ให้เปลืองสตางค์ทำไม” เธอกัดแซนวิชชิ้นโตๆกร้วมๆ เมื่อมันหิวจัดจนแทบจะตาลาย และหากเธอไม่มีแรง หากเขาคนนั้นย้อนกลับมา เธออาจจะพลาดท่า เสียทีให้กับเขา เพราะฉะนั้นเธอต้องเตรียมตัวเองให้พร้อม
ฟาเบียนเกือบจะเดินถอยหลัง เขาสู้อุตส่าห์เป็นห่วง เพราะรู้ว่าเจ้าหล่อนยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง แถมเจ้าหล่อนยังใช้พลังงานเสียมากมาย ในการชวนเขาทะเลาะและดิ้นต่อสู้ จึงแบกอาหารถาดโตมาให้ แต่ความหวังดีของเขาเป็นหมัน เมื่อมาเจอศินารากำลังเอร็ดอร่อยกับอาหารในจาน หล่อนไปเอามาจากไหนหว่า?
ความจริงเขาก็ไม่ใช่คนเจ้าอารมณ์เท่าไร? แต่รู้สึกว่าไอ้ต่อมหงุดหงิดของเขาทำงานดีเสียจริง นับตั้งแต่พบเจอกับผู้หญิงคนนี้ หล่อนช่างทำอะไรให้เขาโกรธได้ง่ายๆ และมักจะหงุดหงิดบ่อย ยามที่ถูกขัดใจ เขารู้สึกว่าครั้งนี้ความหวังดีของเขา เจ้าหล่อนจะไม่ต้องการ เมื่อเขาเห็นจะๆ ตาว่าหล่อนกำลังเจริญอาหาร ซึ่งไปค้นมาจากไหนไม่รู้
“พึ่งรู้ว่าเธอชอบคุ้ยขยะกินด้วย แค่ตัวกลิ่นเหมือนขยะอย่างเดียวไม่พอหรือ?”
เขาพูดเสียงเคร่ง ทิ้งตัวลงนั่งและกระแทกถาดในมือวางลงตรงหน้าตัวเอง ปลายตามองจานอาหารตรงหน้าหล่อนหมิ่นๆ แค่ขนมปังกับไข่ดาว มันจะอร่อยอะไรหนักหนา สู้อาหารเหลาในมือเขาได้หรือไง? ฟาเบียนคิดเพลียๆ เขาเหนื่อยที่จะต้องคอยเป็นห่วง!! ไม่!! ไม่มีทาง เขาไม่รู้สึกอะไรเลยกับยัยหนูสกปรกคนนี้ ไม่มีวัน
ศินาราขยับตัวเตรียมพร้อม เธอกัดขนมปังในมือพรางเหลือบมองถาดใบใหญ่ที่มีจานอาหารวางอยู่ แต่มันถูกปิดด้วยฝาครอบ จึงได้แต่รีรอ เพราะผู้ชายตรงหน้า หน้างี้หงิกเป็นม้าในกระดานหมากรุกเลย
“มันไม่ใช่ขยะค่ะ ศิริน เอ๋ย!! ฉันเห็นว่าวันหมดอายุยังไม่หมด แล้วฉันกินได้” เธอเถียงเสียงขุ่น รีบยัดขนมปังใส่ปากแล้วฉวยน้ำในแก้วขึ้นมาดื่มอักๆ เพราะความรีบร้อนทำให้ขนมปังก้อนใหญ่ติดคอ
“ศิริน...แบบนี้ก็ดี ดีกว่าฉัน!! เยอะแยะ เป็นผู้หญิงประสาอะไร ไม่มีความอ่อนหวานสู้...แคทเทอรีนก็ไม่ได้ รายนั้นนะหวานจวนจะหยด” ชายหนุ่มพูดเปรยๆ เขาเองก็หิว เลยเปิดฝาครอบเพื่อลงมือรับประทาน แม้จะต้องกินคนเดียว!!
ชิ!! เปรียบเธอกับผู้หญิงสวยฉ่ำอย่างแคทเทอรีน แล้วเธอจะไปสู้เจ้าหล่อนได้ยังไง ก็ตัวเองนะยังกับม้าดีดกะโหลก...ห่างไกลเรื่องความอ่อนหวานหลายกิโล...กลิ่นหอมๆ ของอาหารปรุงสุกใหม่โชยฟุ้ง ศินารากลืนน้ำลายเอือกๆ เธอมองจานใส่อาหาร ถ้าเดาไม่ผิด มันน่าจะเป็นผักโขมอบชีส อาหารสุดโปรดของตัวเอง กลิ่นผักโขม กลิ่นชีสลอยฟุ้ง จนต่อมน้ำลายของเธอแทบแตกพุ่ง มันสอจ่อรออยู่ในปาก แหมๆ อีกจานนั่นน่าจะลาซานญ่า ตามด้วยมันฝรั่งอบชีสเบคอน เขาจะขุนตัวเองให้อ้วนในคราวเดียวหรือยังไงกัน ถึงได้เน้นเมนูชีสเหลือเกิน ศินาราค้อนประหลับประเหลือก เธอแค่นกินขนมปังชืดๆ ที่ก่อนหน้านี่อร่อยสุดๆ ลงไปในลำคออย่างกระแทกกระทั้น
“คงไม่ได้หรอก... ไม่มีใครอยากพูดดีๆ กับคนที่จับตัวมาหรอกนะคะ”
“ฉันไม่ได้จับเธอมา... ฉันแค่อยากรู้ว่าเธอขโมยแหวนไปได้ยังไง”
“มันก็วกกลับมาที่เดิมแหละ... ต้องให้บอกอีกกี่ครั้งห่ะ!! ฉันไม่ได้ขโมย ‘แฟน’ คุณทิ้งและฉันเก็บได้ ดีเท่าไรแล้วที่เอามาคืน ไม่ใช่เอาไปขาย” รอบที่ร้อย ที่ศินาราบอกความจริงและฟาเบียนแต่เขาไม่เคยคิดจะเชื่อ จะต้องให้เธอตะโกนบอกจนคอแตกตายหรือไง?
“พอเถอะ!! รอให้มีหลักฐานก่อนแล้วกัน... แล้วฉันจะเชื่อเธอ ตอนนี้ฉันหิว แล้วก็ยังไม่อยากอารมณ์เสีย” ชายหนุ่มตัดบท เขาหยิบช้อนตักอาหารใส่ปาก แล้วทำท่าทางมีความสุขให้คนมองหมั่นไส้เล่นๆ
“สักนิดไหม? อร่อยนะ” ชายหนุ่มเลิกปลายคิ้วขึ้นสูง เขาเอ่ยปากชักชวนและได้ค้อนคมๆ กลับมาแทน จนแทบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่
“แล้วแต่นะ!! ฉันก็ไม่ค่อยชอบบังคับใครเสียด้วย” ศินาราแทบจะสะบัดหน้าใส่ ช่างพูดออกมาได้ว่าไม่ชอบบังคับฝืนใจใคร แล้วที่เขาจับตัวเธอมานี่ เธอยอมมาดีๆ อย่างนั้นเหรอ ศินาราคันปากยิบๆ เธออยากด่ากราด แต่หากทำแบบนั้นเธอคงตายศพไม่สวย เมื่อผู้ชายตรงหน้าเธอนี่ เขาคือ ฟาเบียน โดโรธีย์ ผู้ชายเอาแต่ใจและเจ้าอารมณ์
ศินารารู้สึกว่าไอ้ผู้ชายตรงหน้าเธอนี่จงใจ!! เขาจงใจละเลียดกินช้าๆ เหมือนกำลังยั่วเธอ...
และเขาทำสำเร็จ เธอกลืนน้ำลายจนลูกกระเดือกวิ่งพล่าน อยากจะจับอาหารทุกอย่างตรงหน้ายัดปาก เมื่อน่าตาและสีสัน ชวนรับประทานเหลือเกิน ชิ!!
จู่ๆ ช้อนที่ชายหนุ่มตักกินอาหาร เข้าปาก เขาจับมาจ่อตรงปากเธอ ศินารากำลังจะปฏิเสธ เขาก็ทิ่มพรวดเข้ามาในปากของเธอ พร้อมกับยกมือขึ้นดันปลายคางของเธอให้หุบงับ จนไม่สามารถคายอาหารที่ตัวเองไม่เต็มใจรับออกมาได้ จำต้องเคี้ยวๆ และกลืนลงท้องไป แถมมันอร่อยชวนกินเสียด้วย...
“เป็นไง? อาหารที่นี่อร่อยขึ้นชื่อ...เธอจะเสียใจที่ไม่ได้ชิม ฉันอุตส่าห์อนุเคราะห์ให้ อย่าลืมขอบคุณด้วยล่ะ”
เสียงพูดนิ่งเรียบ จนฟังไม่ออกถึงความต้องการของเขา ศินาราทำปากขมุบขมิบ เธอไม่ได้เรียกร้องเสียหน่อย อาหารก็แค่กินเพื่อประทังความหิวโหย ไม่ต้องเลิศรสนักก็ได้ อยากให้ชิมก็ชิมแล้วไง ก็อร่อยหรอกนะ... แต่มันน้อยไปยังไม่ทันรู้รส หญิงสาวอ้าปากค้าง เมื่อฟาเบียนยกช้อนขึ้นเลีย!! เขาจงใจเธอรู้ ไอ้ช้อนนั่นพึ่งจะหลุดออกไปจากปากของเธอแล้วเขาเลียให้เธอเห็น เขาจงใจยั่ว...ไอ้คนบ้า!!
“เดี๋ยวก็คอเคล็ด!!” ชายหนุ่มพูดกลั้วเสียงหัวเราะ เขาไล้ปลายลิ้นไปตามความกว้างของช้อน จงใจให้หล่อนเห็น...ตกลงเขาเป็นคนโรคจิตตอนไหน? หรือว่าตั้งแต่ได้เจอกับศินารา นับแต่วันนั้นเขาเพี้ยนไปเลย...ตั้งแต่วันที่จับหล่อนถอดเสื้อถอดผ้าจนพบสิ่งที่เจ้าหล่อนแอบซ่อนจากสายตาทุกคน
ใช่สิ!! เขาลืมได้ยังไง ลืมหาเสื้อผ้าให้หล่อนใส่ ไอ้ชุดที่ใส่อยู่นี่ หล่อนไปงัดมาจากไหนกันนะ
หวงหน้ามืด เขารู้สึกแบบนี้จริงๆ หล่อนไปเอาเสื้อผ้าผู้ชายที่ไหนมาใส่ ไอ้อีคนไหนเอาชุดของมันมาให้ใส่ เดี๋ยวเถอะ ขอจัดการคนตรงหน้านี่ก่อน แล้วเขาจะออกไปเฉ่งไอ้พวกที่อยู่ข้างนอก...
หญิงสาวผงะหลบแทบไม่ทัน ตาบ้านี่ยิ่งกว่าผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ลมขึ้น!! ลมลงตามแทบไม่ทัน ดีได้พักเดียว ฉุนเฉียวขึ้นมาเสียดื้อๆ อยากจะบ้าตาย
“ไปเอาไอ้ชุดบ้าๆ นี่มาจากไหน?” ฟาเบียนถามเสียงเคร่ง ดวงตาลุกวาบเหมือนมีไฟกองสุ่มอยู่ในนั้น
“ไม่รู้สิ!! เห็นกองอยู่ก้นตู้...ไอ้ชุดนางระบำจ้ำบ๊ะ!! นั่น ฉันใส่ไม่ลงหรอกย่ะ เดี๋ยวนมต้มหกเรี่ยราด...น่าทุเรศจะตาย” หญิงสาวตอบเสียงสะบัด จะให้เธอใส่เสื้อผ้าที่เหมือนชุดนางโชว์ได้ยังไง เดี๋ยวก็ทำนั่นทำนี่หก เขาก็สบายแฮไปน่ะซี!!
“แล้วไป...นึกว่าไปขอไอ้พวกข้างนอกนั่นมา” ชายหนุ่มพูดเสียงงึมงำในลำคอ เหมือนกับว่าลิ้นเกิดขยายใหญ่ขึ้นมาจนคับปากคับคอ จนพูดออกมาฟังไม่ค่อยชัด แม้ศินาราจะตั้งใจฟังแล้วก็ตาม
“กินให้หมดล่ะ เสียดายของ... ขอไปทำธุระแปบเดี๋ยวมา”
หญิงสาวขมวดคิ้ว เขาสั่งเหมือนกับว่าเขจะกลับมาในห้องนี้อีกครั้ง แต่...เธอเหลือบมองนาฬิกา... เวลามันเคลื่อนที่ไปเร็วเสียจนเธอละเหี่ยใจ เผลอชั่วเวลาแปบเดียว ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืน...เพียงแต่เธอได้งีบหลับไปพักใหญ่ ถึงได้อยู่โยงจนถึงตอนนี้ หากอยู่ที่ห้องพักเธอคงหลับสนิทไปแล้ว เพราะมีธุระปะปังให้ทำหลายอย่าง ไหนจะต้องตื่นแต่เช้าไปทำงานที่ร้านอาหารไทย ก่อนไปเรียน แล้วเธอหายตัวมาแบบนี้จะมีใครสนใจไหม? ยิ่งอยู่ต่างบ้านต่างเมืองแบบนี้ด้วย กว่าจะมีคนรู้ เธอไม่เหลือแต่กระดูกแล้วหรือไงล่ะ
แต่...ไหนๆ ก็ไหนๆ...กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เธอคงต้องรบกับผู้ชายคนนั้นอีกนาน จนกว่าเขาจะเข้าใจและรู้ความจริงทั้งหมด เพราะฉะนั้นอาหารน่ากินตรงหน้า เธอคงต้องสมนาคุณให้เขาเสียหน่อย ไหนจะเพิ่มกำลังกาย แถมยังฟินกับรสชาติเลิศรส ของชีสเยิ้มๆ ที่เห็นแล้วชวนน้ำลายสอ...
ไม่เกิน10 นาที อาหารชวนกินทั้งถาด ก็ย้ายจากในจานเคลื่อนที่มาอยู่ในกระเพาะเธอ...
“เอิ้ก!!” มือเรียวยกขึ้นลูบท้อง เธออิ่มจนอยากจะหลับ
ฟาเบียนย้อนกลับมาอีกครั้ง เขากวาดตามองหายัยตัวยุ่ง เห็นเจ้าตัวนอนหลับกรนฟี้ๆ อยู่บนโซฟาตัวใหญ่หน้าโทรทัศน์จอยักษ์ เขาส่ายหน้าแล้วยิ่งส่ายหนักขึ้น ยัยคนนี้ไม่กลัวอ้วนหรือไงนะ? จัดการฟาดเรียบอาหารรสอร่อยจนแทบไม่เหลือติดก้นจาน แถมอาหารที่เขาสั่งมาแต่ล่ะอย่างอุดมไปด้วยแป้งและชีสที่เป็นศัตรูกับผู้หญิงโดยเฉพาะ เมื่อมันทำให้ไขมันในตัวเพิ่มขึ้น และเป็นสาเหตุของความอ้วนที่ผู้หญิงทุกคนกลัว...แต่ยัยบ้านี่ไม่ยักกับกลัว? แปลกคน!!
ชายหนุ่มช้อนอุ้มร่างอวบอิ่มเอาไว้ในวงแขน เขาเดินแทบจะเป็นย่องและแอบเบ้ปาก ยัยคนนี้นี่ยังไง หลับเป็นตายทุกที ไม่รู้ตัวสักนิดไม่ว่าจะจับพลิกคว่ำพลิกหงายเธอก็ยังคงหลับสนิทเหมือนเดิม
ปลายจมูกโด่งๆ กดลงข้างแก้ม เมื่ออดใจไม่ไหว
“เป็นค่าจ้างที่ฉันอุ้มเธอมานะศิริน...ยัยบ้าขี้เซา”
ฟาเบียนบ่นเบาๆ เขารีบถอยหลังกลับ ตลบผ้าห่มคลุมกายสาว และรีบเดินหนีไปไกลๆ ไม่อย่างนั้นมีหวังเขากลายเป็นโจรบ้ากามแน่ๆ นอนอ่อยแบบนี้ เป็นผู้หญิงคนอื่นมีเฮ...แต่กับศินารา เขากลัวหล่อนตื่นขึ้นมาด่ากราด จนเขาเสียผู้เสียคน...ปากหล่อนยังกับกรรไกร ดวงตาคมดุเหมือนเสือสาว มันน่ากลัวหยอกเมื่อไรล่ะ
Chapter .4 ของฉัน!! ห้ามยุ่ง “ไม่เอาน่าไอ้ริน ไม่ร้องสิ เข้มแข็งไว้” ศินารากระซิบปลอบใจตัวเอง เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเอง “เดี๋ยวทุกอย่างมันก็ผ่านไปเองแหละน่า เราไม่ได้ขโมยของเขามาสักหน่อย” น้ำร้อนๆ ไหลเอ่อจ่อที่หัวตา เธอยกมือขึ้นกรีดน้ำตาและเชิดหน้าขึ้น สักวันความจริงต้องปรากฏ เมื่อเธอไม่ใช่คนผิด อีกอย่างน้ำตาไม่ได้ช่วยให้เรื่องคลี่คลายลงได้ มันต้องใช้ปัญญา เธอต้องหาทางเอาตัวรอดเอง!! “ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่ คุณได้ของๆ คุณคืนไปแล้ว เมื่อไรจะปล่อยฉันเสียทีล่ะ” ศินาราเปิดฉากฉะ!! เมื่อฟาเบียนโผล่หน้าเข้ามาภายในห้องอีกครั้ง หลังจากเธอหลับยาวและพึ่งตื่น “ยังหาคว
Chapter .3 คุมขัง ศิรินราถูกคนแปลกหน้าโป๊ะยาสลบ และก่อนที่ดวงตาจะดับวูบลง เธอคิดถึงแต่พ่อแก้วแม่แก้ว มือเรียวบางรีบตะปบกระเป๋าเสื้อโค๊ดแน่น เธอกลัวว่าโจรจะขโมยแหวนไป เพราะตัวเองคงไม่มีปัญญาหาของแพงๆ มาคืนเจ้าของได้แน่ เธอภาวนาในใจขอให้มันมองไม่เห็น สมบัติติดตัวอย่างอื่นเธอไม่เสียดาย อยากได้อะไรเชิญเอาไปได้เลย เมื่อทั้งเนื้อทั้งตัวมีเงินแค่ไม่กี่เหรียญ...มีของสำคัญแค่แหวนล้ำค่านั่น วงเดียว... เปลือกตากะพริบถี่ๆ อีกครั้งก่อนจะเปิดขึ้น เธอทะลึ่งพรวด!! ขึ้นนั่ง... เหลียวมองรอบกายด้วยความหวาดกลัว รีบก้มหน้ามองสภาพร่างกายของตัวเอง... ก่อนจะถอนลมหายใจพรวดๆ เมื่อสภาพตัวเองยังอยู่ครบ เสื้อผ้าไม่ได้ถูกถอด...แต่แหวนหายไป!! เธอถูกจับตัวมา จากคนแปลกหน้า? แล้วก็ถึงบางอ้อ เมื่อคนๆ นั้นเปิดเผยตัวตน... ฟาเบียน โ
Chapter .2คำโกหกของแคทเทอรีนที่ย้ำให้ฟาเบียนโกรธจัด!! ฟาเบียนเดินย้อนกลับมาที่โต๊ะ เขานิ่งไปและกำลังใช้ความคิด เขาควรถามแคทเทอรีนแบบไหนดี เธอถึงจะยอมพูดความจริง “แคท...คุณมีอะไรจะบอกผมไหม?” เสียงเรียบสนิทจนแคทเทอรีนสะดุ้ง เธอเป็นวัวสันหลังหวะ มีความผิดติดตัวและยังหาทางออกไม่เจอ “ไม่มีนะคะฟาเบียน แคทไม่มีอะไรจะบอกคุณเลย” เสียงตอบลุกลน มันย้ำให้ฟาเบียนแน่ใจแคทเทอรีนตัดสินใจปกปิดชายหนุ่มไว้ก่อน... เดี๋ยวค่อยคิดหาทางรอด ไอ้แหวนนั่นหน้าตาเป็นอย่างไรก็จำไม่ค่อยได้ แต่หากถามไปทางต้นสังกัดคนผลิต เขาน่าจะช่วยเธอแก้ปัญหาครั้งนี้ได้ คิดได้แบบนั้นเธอจึงรู้สึกโล่งอกขึ้น พอจะคลี่ยิ้มอ่อนๆ ให้ฟาเบียนได้แบบสนิทใจ “แต่ผมมีล่ะ แคท...ผมแน่ใจว่าหากพูดไป คุณจะต้องแปลกใจ” “อะไรคะ? แคทงง” “แหวนผมอยู่ไหน?” เสียงเครียดๆ กับแววตาจริงจัง จนแคทเทอรีนสะอึก เธอพึ่งจะคิดหาทางแก้ตัวออก แต่เขาดันทะลึ่งถามขึ้นมาเสียได้ เอาไงล่ะทีนี้ “แหวนวงไหนคะ แคทมีหลายวงอยู่นา ใส่สลับกันไปกันมาแก้เบื่อ” หญิงสาวยังพยายามเถ แม้จะเริ่มวิตก “ผมรู้ว่าคุณรู้
Chapter .1 ‘Cartier’ แหวนใครหว่า? ไอ้ที่เห็นส่องแสงวิบๆ วับๆ นี่ มันใช่เพชรเปล่าหว่า? ศินารานั่งจ้องตาโปน เธอขมวดคิ้วเป็นปม มองประกายแสงที่ส่องวิบๆ วับๆ ออกมาจากถังขยะตาเขม็ง!! หลังรถยนต์สปอร์ตสุดหรูมาจอดเทียบสักพัก... ก่อนจะวิ่งฉิวออกไปและมีแสงวิบวับนั่นให้เธอเห็น เธอไม่เข้าใจคนรวยเท่าไรหรอก? สงสัยนางจะทะเลาะกับสามี... ถึงได้โยนสัญญาลักษณ์แทนใจของเขาทิ้งเพื่อประชด มันทำให้คนไม่มีจะกินแบบเธอลำบากใจ เพราะเธอเห็นเต็มสองตาว่าใครเป็นคนทิ้ง!! แคทเทอรีน ฟลอเรีย!!... ผู้หญิงสาวที่คนครึ่งฝรั่งเศสอิจฉา... หล่อนเกิดมาพร้อมกับรูปโฉมลออองค์ แถมพ่วงด้วยทรัพย์สินมากมายก่ายกอง แคทเทอรีน ฟลอเรียบุตรสาวของตระกูลฟลอเรียผู้ยิ่งใหญ่ศินาราเดินตรงไปยังแสงระยิบระยับ เธอหยิบไอ้ที่ส่องแสงขึ้นมาจากถังขยะ ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ‘ไอ้หย๋า!!’ ของในมือเอนี่มันคือหนึ่งในคลอเลคชั่นใหม่ของ ‘Cartier’ Diamonds in the new film from Cartier ที่พึ่งเปิดตัวไม่นาน สะท้านสะเทือนกระฉ่อนโลกนี่หว่า แหวนนี่...เป็นเซ็ตเดียวที่ถูกสร้างขึ้นมาให้กับมหาเศรษฐีรูปงาม นามฟาเบียน โดโรธีย์ แต่เขาอนุญาตให้ตีแผ่ให้ชาวโลกเห