Home / โรแมนติก / ทาสรักทัณฑ์สวาท / Chapter .4 ของฉัน!! ห้ามยุ่ง

Share

Chapter .4 ของฉัน!! ห้ามยุ่ง

last update Last Updated: 2025-07-07 20:26:11

Chapter .4 ของฉัน!! ห้ามยุ่ง

          “ไม่เอาน่าไอ้ริน ไม่ร้องสิ เข้มแข็งไว้” ศินารากระซิบปลอบใจตัวเอง เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเอง

          “เดี๋ยวทุกอย่างมันก็ผ่านไปเองแหละน่า เราไม่ได้ขโมยของเขามาสักหน่อย”

          น้ำร้อนๆ ไหลเอ่อจ่อที่หัวตา เธอยกมือขึ้นกรีดน้ำตาและเชิดหน้าขึ้น สักวันความจริงต้องปรากฏ เมื่อเธอไม่ใช่คนผิด อีกอย่างน้ำตาไม่ได้ช่วยให้เรื่องคลี่คลายลงได้ มันต้องใช้ปัญญา เธอต้องหาทางเอาตัวรอดเอง!!

          “ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่ คุณได้ของๆ คุณคืนไปแล้ว เมื่อไรจะปล่อยฉันเสียทีล่ะ”

          ศินาราเปิดฉากฉะ!! เมื่อฟาเบียนโผล่หน้าเข้ามาภายในห้องอีกครั้ง หลังจากเธอหลับยาวและพึ่งตื่น

          “ยังหาความจริงไม่ได้เลย... รอให้ค้นเจอว่าเธอขโมยแหวนมาได้ยังไงฉันถึงจะปล่อย”

          ฟาเบียนพูดเสียงเรียบเรื่อย...เขาไหวไหล่และเดินไปทรุดตัวนั่งบนโซฟาหน้าตาเฉย...

          หญิงสาวโกรธจนตัวสั่น เขาช่างเป็นผู้ชายที่เข้าใจยาก!! ขยันทำให้เธอโกรธได้ตลอดเวลา แทบจะทุกสิบนาทีเลยเชียวล่ะ

          “หิว...เธอไม่หิวไง?...แผดเสียงแวดๆ แบบนั้น...ไม่หมดแรงรึ?”

          ชายหนุ่มปายตามองศินาราหมิ่นๆ ยัยอึ๋มนี่พลังเสียงเสียดสีสูง ต่อปากต่อคำไม่เลิก แล้วก็ไม่ยอมรับความจริงว่าตัวเองเป็นโจร เอาแต่เถียงๆ ว่าตัวเองบริสุทธิ์ จะให้เชื่อลงได้ยังไงหลักฐานคาตา แหวนมันไม่ได้มีปีกบิน จะได้บินไปเข้ากระเป๋าหล่อนเสียหน่อย แล้วมันก็ไม่มีขา พอที่จะเดินไปเข้ากระเป๋าหล่อนอีกเช่นกัน

          “มันเรื่องของฉัน ฉันต้องแก้ความเข้าใจผิดของคุณก่อน แล้วคุณไม่มีสิทธิ์มากักขังฉันไว้แบบนี้ด้วย”

          “เรื่องของเธอ แต่มันโยงมาถึงฉันด้วยสิ!!”

          “หยุดพูดเลยนะ...วกกลับมาที่เดิมอีกแล้ว...ฉันไม่ได้ขโมยๆ”

          “มีหลักฐานไหม? ถ้ามีเอามาแสดงให้ฉันดู แล้วฉันจะปล่อยเธอไป...”

          ชายหนุ่มพูดอย่างเหนือกว่า เขาเบ้ปากหมิ่นๆ เมื่อเจ้าหล่อนหุบปากเงียบ ไม่เถียงต่อ เหมือนกับว่าศินาราเองก็มีชนักปักหลังเหมือนกัน เพราะหากหล่อนไม่ได้ขโมยไป มันจะไปอยู่กับหล่อนได้ยังไง

          “คุณจะต้องเสียใจแน่ๆ ในวันที่ความจริงปรากฏขึ้นมา...ฉันไม่ใช่คนผิด!! และวันนั้น...ต่อให้คุณขอโทษฉันร้อยครั้ง!! ฉันก็จะไม่รีรอเลยที่จะซ้ำเติมคุณ...คอยดูสิ!!”

          เสียงเคร่งเครียดแววตาแข็งกร้าว เธอเชิดปลายคางขึ้น ศักดิ์ศรีของเธอมี และจะไม่ยอมก้มหัวให้ใคร? หากตัวเองไม่ผิด

          “พักรบ...มากินข้าวกันเถอะ...ฉันต้องออกไปทำงานอีก”

          ชายหนุ่มยกมือขึ้นแบเสมอหน้าตัวเอง เอ่ยชักชวนศินารา พรางถอนลมหายใจพรวดๆ

          “คุณก็ปล่อยฉันไปสิ คุณจะได้ไม่ปวดหัว…แหวนของคุณๆ ก็ได้คืนไปแล้วนี่”

          หญิงสาวอ้อนเสียงหวาน ดวงตาเธอเศร้าตรม มองสบนัยน์ตาชายหนุ่มด้วยความหวังเต็มเปี่ยม

          “เราจะพูดเรื่องนี้กันวันหลัง...ตอนนี้กินข้าวก่อน ฉันหิว!!”

          ฟาเบียนแสร้งพูดเสียงดุดัน ใจเขาอ่อนยวบเมื่อเผลอตัวสบนัยน์ตาใสซื่อของศินารา

          “ชิ!!” หญิงสาวสะบัดใบหน้าพรึ่ด!! เธอยกสองมือขึ้นกอดอก จนเรียวแขนช้อนดันเนินอกจนเกือบล้นทะลัก และฟาเบียนมองเห็น เขาลอบกลืนน้ำลายลงคอเอือกๆ

          “ไอ้ชุดเน่าๆ นี่เมื่อไรจะเปลี่ยนเสียที”

          ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องพูด เขาเขย่ากระดิ่งให้สาวใช้ยกถาดอาหารมื้อเช้าเข้ามาภายในห้องได้ และนี่เป็นสิ่งที่ศินาราไม่รู้ ฟาเบียนไม่เคยร่วมรับประทานอาหารกับคนแปลกหน้าในห้องส่วนตัว…ตามลำพัง...

          “ไอ้ชุดจ้ำบ๊ะ!! พวกนั่นน่ะ ใส่ไม่ลงหรอก มันทุเรศ”

          “หาไว้ให้แล้วน่า... อีกสักพักจะมีคนเอามาให้เองแหละ คงกำลังทำความสะอาดอยู่ หวังว่าเย็นนี้คงไม่เห็นเธอในชุดเน่าๆ นี่อีกครั้งนะ”

          เชอะ!! เจ้ากี้เจ้าการ บงการมันเกือบทุกเรื่อง ไม่เว้นแม้แต่เรื่องส่วนตัว เขาไม่ใช่เจ้าชีวิตของเธอเสียหน่อย

          “เอ้ากินสะ!! ยิ่งผอมๆ แห้งๆ อยู่...”

          ฟาเบียนตักอาหารใส่จานของศินารา เขากล่าวกระทบหญิงสาว ปลายตาแหล่ไอ้ที่ว่าแห้ง แล้วก็รีบรอบกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ เมื่อเขารู้แก่ใจดีว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่ตัวเองพูด เพียงแต่อยากประชดเท่านั้นเอง

          “มันของๆ ฉัน อย่ามายุ่ง!! จะแห้ง จะแฟบ มันก็เรื่องของฉัน” หญิงสาวตวาดกลับเสียงเขียว

          “หยุดพูดก่อน... พักกินข้าวก่อน เธอคงไม่อยากอารมณ์เสียระหว่างรับประทานอาหารหรอกนะ”

          ศินาราอยากร้องไห้ ผู้ชายร้ายกาจนี่ไม่ยอมฟังอะไรเลย เขาเอาแต่ซักถามแล้วก็ปักใจเชื่อ ใช่สิ!! เธอไม่มีอะไรมาคัดง้าง ไม่มีพยาน ไม่มีหลักฐานแก้ต่างความผิดของตัวเอง เธอจำใจร่วมวงกินข้าวกับฟาเบียน แม้อาหารจะอร่อยแต่ลิ้นมันชาจนไม่รู้รส เมื่อความเครียดสะสมอยู่ในใจ เธออยากกลับบ้าน...

          “ฉันไปทำงานล่ะ อย่าซนล่ะ อยู่นิ่งๆ เดี๋ยวซื้อขนมมาฝาก”

          ชายหนุ่มพูดเสียงร่าเริง เขาผุดลุกขึ้นยืน ยื่นหน้าไปใกล้ศินารา จนปลายจมูกเฉียดแก้มใสไปอย่างเฉียดฉิว

          “เอะ!!” หญิงสาวผงะหลบ เธอตวาดแว๊ดๆ ยกนิ้วชี้หน้าชายหนุ่มแต่ไม่กล้าสงเสียงเพิ่ม เมื่อร่างสูงใหญ่โน้มตัวลงมาต่ำ ใกล้ยิ่งกว่าเก่า

          “พูดยังไม่ทันขาดปากว่าอย่าซน เดี๋ยวกลับมาจะซื้อขนมมาฝาก”

          ปลายนิ้วร้อนผ่าว กดลงบนริมฝีปากอิ่มของศินาราก่อนจะรีบชักกลับไป เขาวางนิ้วแนบปากตัวเอง จนเธอได้แต่เบิกตาโตๆ ผิวแก้มร้อนฉ่า เมื่อพอจะรู้ความนัย

          “ไอ้ผู้ชายบ้า ลามก หื่น...$#@%M&฿” สารพัดคำด่าที่พอจะนึกออก เธอก่นด่าชายหนุ่มหมุบหมิบ ผิวแก้มร้อนระอุแทบจะเดือด...ถลาซุกหน้ากับหมอนใบใหญ่ กัดริมฝีปากอิ่มของตัวเองจนเจ็บเพราะตอนที่นิ้วของฟาเบียนแนบลงมานั้นเธอรู้สึกเหมือนไฟฟ้าช็อตจนตัวกระตุกวูบ!!

          หลังจากชายหนุ่มลับหายไปจากสายตา สาวใช้หลายนางหอบหิ้วชุดอยู่บ้านสบายๆ เข้ามาในห้อง พวกเธอเลี่ยงเอาชุดทั้งหลายไปเก็บในห้องนอน แต่ก็ไม่วายเหลือบมองผู้หญิงหนึ่งเดียวที่นั่งเหม่อลอยอยู่ที่หน้ากระจกใสริมหน้าต่าง เธอก็เหมือนกับคนทั่วๆ ไป ไม่ได้สวยโดดเด่น แต่ทำไมคุณท่านถึงได้จับมากักขังเอาไว้ มีคำสั่งหลายอย่างที่ฟาเบียนสั่งย้ำ เหมือนกับว่าชายหนุ่มแคร์หล่อนมากกว่าคุณแคทเทอรีนที่เหมาะสมคู่ควรกว่าเสียอีก

          “ไปอาบน้ำดีกว่า หยุดคิดเรื่องบ้าๆ ได้แล้ว”

          เสียงบ่นเบาๆ ก่อนที่ร่างบอบบางจะลุกขึ้นยืน เธอเดินกลับเข้าห้องนอน เปิดประตูตู้เสื้อผ้า เพื่อค้นหาชุดสบายๆ สำหรับผลัดเปลี่ยน หญิงสาวแอบเบ้ปาก รสนิยมของฟาเบียนเลิศหรูเหมือนเคย ถึงมันจะเป็นชุดธรรมดาอย่างที่เขาบอก แต่มันก็ถูกตัดเย็บอย่างประณีตและคงราคาแพงไม่ใช่น้อย

          “รวยตายล่ะ ขนาดชุดใส่อยู่บ้านนะนี่” เธออดใจไม่ไหวที่จะหลุดเสียงประชดประชันออกมา

          หลังอาบน้ำจนฉ่ำปอด เปลี่ยนใส่เสื้อผ้าที่ค่อนข้างสบายตัวไม่ใช่ชุดหลวมโพลกรุ่มร่าม เธอเดินไปทรุดนั่งและเริ่มมองหาอะไรทำแก้เหงา แต่ก็ไม่มีสักอย่าง คงได้แต่ถอนลมหายใจทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์

          “รับอาหารกลางวันอะไรดีคะคุณ”

          สาวใช้เยี่ยมหน้าเข้ามาถาม เพราะประตูห้องปิดตาย ไม่ขยับเปิดเสียทีจนบ่ายคล้อย

          “ขอบใจจ้ะ แต่ไม่อ่ะ”

          มันไม่รู้สึกหิว มีแต่ความกลัดกลุ้ม เธอจึงปฏิเสธกลับไป แล้วก็นั่งหน้าเศร้าต่อ ศินาราไม่รู้ว่าฟาเบียนกำชับกำชาให้สาวใช้ดูแลหล่อนอย่างดี และเมื่อหญิงสาวไม่ยอมรับประทานอาหารมื้อกลางวัน เรื่องนี้จึงถูกรายงานให้ฟาเบียนรับรู้

          สาวใช้: ‘คุณผู้หญิงไม่รับมื้อกลางวันค่ะ’

          ฟาเบียนสไลน์หน้าจอโทรศัพท์อ่านข้อความจากไลน์ที่สาวใช้ส่งมาหา เขาขมวดคิ้ว วางมือจากงานตรงหน้า รีบส่งข้อความตอบกลับไปทันที

          ฟาเบียน: ‘หล่อนทำอะไรอยู่’

          สาวใช้: ‘ นั่งนิ่งๆ อยู่ที่ข้างกระจกหน้าต่างค่ะ’

          ฟาเบียน: ‘อาการเป็นไงบ้าง หงอยๆ เหงาๆ หรือเปล่า?’

          สาวใช้: ‘ประมาณนั้นเลยค่ะ เธอไม่ค่อยพูด พอคุณไปก็อยู่แบบนั้นตลอด’

          ฟาเบียน: ‘เดี๋ยวฉันกลับไปจัดการเอง’

          ชายหนุ่มตอบกลับไปแบบเร็วรี่ เขากดสวิตซ์ปิดคอมพิวเตอร์แบบไม่ต้องคิด ทั้งที่กำลังทำงานติดพัน รีบยัดโทรศัพท์ส่วนตัวเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อสูท เอื้อมมือคว้ากระเป๋าใส่เอกสารแล้วก็เตรียมตัวจะกลับบ้าน เมื่อรู้สึกเป็นห่วงยัยคนดื้อขึ้นมาติดหมัด ข้าวปลาไม่กินเดียวก็จะพาลเป็นลมเป็นแร้งไปอีก...

          “จะไปไหนคะฟาเบียน ไหน? เลขาฯ คุณบอกว่าคุณไม่ออกไปไหนไงคะวันนี้” เสียงหวานเจี๊ยบเอ่ยทักทาย พร้อมกับที่แคทเทอรีนปรากฏตัวขึ้น

          ทุกครั้งฟาเบียนจะยิ้มรับอย่างยินดี แต่ครั้งนี้เขากลับรู้สึกว่าแคทเทอรีนมาผิดจังหวะ และเธอช่างน่ารำคาญ

          “คุณไม่ได้นัดผมไว้ใช่ไหม? แคท”

          ชายหนุ่มพูดย้ำให้แคทเทอรีนรู้สึกผิด...

          “ทุกครั้งแคทมาหาคุณ... แคทก็ไม่เคยนัดไว้ล่วงหน้านะคะ คุณมีเวลาให้แคทเสมอค่ะฟาเบียน” หญิงสาวพูดเสียงเรียบ เธอเหลือบสายตามองสำรวจชายหนุ่มคร่าวๆ เขาทำเหมือนกับว่ากำลังจะออกไปข้างนอก? ไหนเลขานุการของเขาบอกว่าฟาเบียนไม่ได้ออกไปไหนวันนี้ไง?

          “มันก็จริงนะแคท แต่บังเอิญวันนี้ผมมธุระด่วน!! ขออนุญาตไม่เทคแคร์นะครับ”

          ชายหนุ่มตัดบทห้วนๆ เขาต้องรีบไป... ไม่อย่างนั้นจะมีคนอดข้าวกลางวัน

          “เดี๋ยวค่ะ...คุณไปพบลูกค้าหรือเปล่าคะฟาเบียน ถ้าใช่...ขอแคทไปด้วย”

          ทำไมวันนี้เขารู้สึกว่าแคทเทอรีนล้ำเส้น หล่อนเจ้ากี้เจ้าการเรื่องส่วนตัวของเขาเกินไป และที่สำคัญแคทเทอรีนไม่มีสิทธิ์ เธอไม่ใช่หุ้นส่วนแล้วก็ยังไม่ใช่คนที่เขาต้องเกรงใจ

          “คงไม่ได้หรอกแคท...ผมมีธุระส่วนตัว”

          ชายหนุ่มเบี่ยงกายหลบ จนมือเรียวบางของแคทเทอรีนตกวูบ เธอจับแขนเขาไม่ติด แต่กำลังจะก้าวตามมายื้อยุดไว้อีกครั้ง

          “เรื่องอะไรคะ? พอบอกให้แคททราบบ้างได้ไหมคะ”

          ฟาเบียนพ่นลมหายใจแรงๆ หล่อนไม่เข้าใจหรือไงไอ้คำว่าส่วนตัวหรือไงว่ะ!! มันหมายถึงว่ามันเป็นเรื่องของกู!! คนอื่นไม่เกี่ยว... ตกลงแคทเทอรีนไม่เข้าใจหรือว่าหล่อนกำลังจ้องจับผิดเขาอยู่ห่ะ และหากมันเป็นประการหลัง เขากำลังรู้สึกอึดอัด เขาไม่ชอบให้ใครมายุ่มย่ามวุ่นวาย

          “วันนี้ผมไม่สะดวก คุณกลับไปเถอะ แล้วก็...ผมกำลังรีบ”

          เสียงขุ่นจัดประกอบกับคำพูดที่เหมือนเป็นการขับไล่กลายๆ แคทเทอรีนคอแข็ง เธอกำลังโกรธ และความโกรธเริ่มทวีเพิ่มขึ้น เมื่อชายหนุ่มตรงหน้าทำตัวผิดปรกติ เขาไม่เคยเป็นแบบนี้เวลาอยู่กับเธอ เขาจะยกเธอให้เป็นที่หนึ่งเสมอ แต่วันนี้ดูเหมือนเขาจะรำคาญที่เธอมาอยู่ใกล้ๆ มันผิดปรกติ

          “ฟาเบียน!!” หญิงสาวสะอึกอึ้ง...เธอจุกไปไม่ใช่น้อยกับทีท่าเช่นนั้นของชายหนุ่มคนรัก

          หัวใจดวงน้อยเต้นกระหน่ำอยู่ในอกด้านซ้ายถี่เร็ว... มันเป็นสัญญาณเตือนว่าเขากำลังเปลี่ยนไป

          “แคท...ผมคงไม่ต้องย้ำอีกครั้งใช่ไหมว่าผมกำลังรีบ”

          น้ำเสียงของฟาเบียนยิ่งขุ่นขวางมากขึ้น เขากดมุมปากจนย่น พยามที่สุดที่จะไม่ระเบิดความหงุดหงิดใส่แคทเทอรีน หล่อนไม่รู้หรือไงว่าเขารีบไป...เมื่อก่อนแคทเทอรีนว่าง่ายกว่านี้ เธอหัวอ่อน และมีแค่รอยยิ้มแต้มมุมปาก แต่วันนี้ดวงตาเธอเหมือนกับแม่เสือที่กำลังโกรธจัด เขาทำอะไรให้เธอไม่พอใจหรือ? ก็คนบอกว่ารีบๆ (ยังไม่รู้ตัว)

          “ขอโทษค่ะ ขอโทษที่แคททำให้คุณไม่พอใจ”

          มารยาตัวเดิมที่เคยใช้ได้ผล เธอบีบเสียงให้สั่น แสร้งก้มหน้าลงเหมือนกำลังเสียอกเสียใจหนักหนา แต่ครั้งนี้ฟาเบียนไม่ได้เข้ามาปลอบประโลมเหมือนเดิม เมื่อเธอเงยหน้าขึ้น จึงมองเห็นแค่ชายเสื้อสูทของฟาเบียน หายลับเข้าไปในลิฟต์ ยากที่จะตามทัน

          “กรี๊ด!!!”

          แคทเทอรีนกระทืบเท้าเร่าๆ เธอกรีดเสียงร้องสุดเสียง...ดวงตาลุกวาบ และเธอต้องรู้ให้ได้ว่าอะไรทำให้ฟาเบียนเปลี่ยนไป เหมือนเขาไม่สนใจความรู้สึกเธอเลย... สัญชาติญาณเธอเตือนแบบนั้น มันเหมือนกับว่าเขากำลังตีตัวออกห่าง

          แคทเทอรีน: ‘แคทรู้ว่าคุณยุ่ง แคทแค่อยากทราบว่าคุณได้แหวนของ ‘แคท’ คืนมาหรือยัง’

          เธอส่งไลน์ตามติด ตัวตามมาไม่ได้ก็ใช้สื่ออิเล็คโทรนิคตามมา จะได้รู้ไปว่าเขาไม่สนใจเธอแล้วจริงๆ

          ฟาเบียนสไลน์หน้าจอเปิดอ่าน เขาเข้าใจว่าเป็นสาวใช้ที่บ้านส่งข่าวเพิ่มเข้ามา เมื่อเห็นว่าเป็นข้อความของคนอื่น แค่เปิดอ่านแต่ไม่คิดจะตอบกลับ เขารู้สึกเนือยๆ กับแคทเทอรีนเสียแล้ว

          ฟาเบียน: ‘ยัยนั่นกินข้าวยัง!!’

          สาวใช้: ‘ยังเลยค่ะ เหมือนเดิม’

          ชายหนุ่มกัดฟันกรอดๆ เริ่มขัดใจศินารา ทำไมถึงต้องทรมานตัวเอง หรือว่ากำลังเรียกร้องความสนใจจากเขากันน่ะ มุมปากได้รูปยกยิ้มการถกเถียงกับศินารามันเป็นความสุขแบบหนึ่งของเขาไปเสียแล้ว สงสัยตัวเองจะแอบจิตนิดๆ ถึงได้พอใจกับการเถียงฉอดของศินารา เมื่อเธอไม่ยอมแพ้เถียงฉอดๆ จนเขาต้องฉวยโอกาสเอาบ่อยๆ หล่อนถึงจะยอมหุบปากลงได้

          กลิ่นหอมของอาหารปรุงสุก กลิ่นหอมๆ โชยกรุ่น แม้แต่คนที่นั่งเหม่อลอยยังได้กลิ่น เขาเห็นเจ้าหล่อนทำจมูกฟุตฟิต สูดกลิ่นหอมๆ ที่เขายกเข้ามา แล้วก็เหลียวมองหาต้นกำเนิดกลิ่นหอมฟุ้ง!!

          “คุณกลับมาทำไม?”

          มันอดไม่ได้ที่จะถาม เมื่อเหลือบมองเวลาที่นาฬิกา มันยังไม่บ่าย2 เลย ตาบ้านี่รีบกลับมาทำไมอีก!!

          ฟาเบียนวางถาดลงบนโต๊ะ เขาทรุดตัวลงนั่ง ถอดเสื้อสูทพาดไว้ที่พนักเก้าอี้ ปลดรังดุมที่แขน และพับแขนเสื้อขึ้น จนถึงข้อศอก

          “นี่มันบ้านฉัน...กลับมาตอนไหนก็ได้นี่นา...แปลกตรงไหนเหรอ?”

          ศินาราสะอึกไปกับคำตอบแบบนั้น เขาย้ำให้เธอรู้ว่าตัวเองเป็นแค่คนนอก เมื่อห้องชุดนี้เป็นของเขาแล้วเขาก็ใช้เพื่อคุมขังเธอ เค้นเอาสิ่งที่เขาอยากรู้ เพียงแต่ยังไม่พอใจในคำตอบ

          ใบหน้าหงิกงอ ริมฝีปากเม้มแน่น เธอสะบัดหน้ากลับไปทันทีที่ได้ยินคำตอบจากอีกฝ่าย ชายหนุ่มยิ้มกว้าง เขาเปิดฝาครอบในถาดอาหาร แล้วก็แกล้งสูดกลิ่นหอมๆ เสียงดังๆ

          “ฮู้ด...หอมเนอะ กินข้าวกันดีกว่า ฉันยังไม่ได้กินอะไรเลย!! มัวแต่ทำงานเพลินไปหน่อย”

          ชายหนุ่มทำเสียงร่าเริง เขาลงมือรับประทานอาหารจริงๆ เพราะกำลังหิวจัด แต่ไม่ใช่เพราะทำงานเพลิน แต่เป็นเพราะรีบกลับมาต่างหาก รีบจนลืมเวลาทานอาหาร

          “ชิ!!” เธอสะบัดใบหน้าหนี แต่ไอ้ท้องเจ้ากรรมกลับร้องโครกคราก เมื่อกระเพาะอาหารเริ่มทำงานหลังจากได้กลิ่นหอมๆ ลอยยั่ว

          “กินเถอะน่า หรือว่าอยากให้ป้อน แต่ครั้งนี้ฉันไม่ทำฟรีนะ ต้องมีค่าจ้าง”

          เสียงเขาพูดอยู่ใกล้ และเมื่อเธอเหลียวกลับไป ช้อนที่ตักอาหารจนพูนก็ทิ่มพรวดเข้ามาในปากเธอเหมือนเดิม...

          “อนอ่า...ออกอ่า ไอ้อินๆ”

          อาหารเต็มปากจนคำพูดที่ต่อว่าเขาฟังไม่ชัดเจน เธอรีบเคี้ยวอาหารในปากหยับๆ รีบกลืนลงท้องเพื่อที่จะด่ากลับอีกครั้งพอ อ้าปากเมื่อกลืนอาหารในปากหมด ช้อนคันเดิมก็ทิ่มพรวดเข้ามาอีก... เหมือนกับว่าเขากำลังรอจังหวะอยู่ เธอถลึงตาใส่ยกมือขึ้นปิดปากไว้แน่นๆ ไม่ยอมให้เขามีโอกาสได้ทำแบบเดิมซ้ำ

          แต่...ดูเหมือนเธอจะแพ้ทางฟาเบียน เมื่อปากว่างพอที่จะด่ากลับ ไอ้ช้อนคันเดิมก็ทิ่มพรวดเข้ามาเสียอีก เป็นอย่างนี้อยู่4-5 รอบจนศินาราอ่อนใจ เธอรีบเคี้ยวรีบกลืน อ่อนใจกับคนเอาแต่ใจเหลือเกิน

          “พอแล้ว!! ฉันอิ่มแล้ว” หญิงสาวรีบยกมือห้าม เมื่อฟาเบียนทำท่าจะป้อนเธอซ้ำอีก

          “ไม่อร่อยเหรอ? รู้สึกว่าเธอจะทานได้น้อยลง ครั้งที่แล้วเธอกวาดเรียบเลยนะ”

          “ชิ!! คุณจะขุนฉันให้เป็นแม่หมูหรือไงล่ะ นั่งๆ นอนๆ ไม่ได้ขยับทำอะไรเลย กินเข้าไปแบบนี้ อีกไม่เกินอาทิตย์ ฉันเป็นตุ่มแน่”

          “ไม่ชอบหรือไงล่ะ นั่งกินนอนกิน...สบายจะตาย”

          “สบายอะไรล่ะ อึดอัดจะตาย...คุณจะมาเลี้ยงฉันไว้แบบนี้ทำไมคะ? ของๆ คุณ คุณก็เอาคืนไปแล้วนี่...ปล่อยฉันกลับไปเถอะ ฉันจะได้กลับไปทำมาหากิน...ฉันมีพ่อมีแม่ มีญาติพี่น้องนะ แบบนี้หากใครมาตามหาฉัน คุณโดนจับเข้าคุกแน่”

          “ไปหลอกเด็กไป!! นึกว่าฉันจะโง่หลงกลเธอเหรอ ศินารา สินกำจร นักเรียนทุนจากเมืองไทย เธอมาที่ปารีสคนเดียว ตัวคนเดียวในมหานครใหญ่...แล้วจะมีใครรู้ล่ะหากเธอหายตัวไป เมื่อพ่อแม่พี่น้องที่เธอพูดถึง เขาอยู่ไกลคนละซีกโลก...หากกลายเป็นศพ...ก็คงไม่มีใครรู้เหมือนเดิม”

          “คุณ!! อย่าทำฉันเลยนะ ฉันไม่ได้ขโมยๆ ฉันไม่เคยลักของใคร!! ฉันบอกคุณไม่รู้กี่ครั้งว่าฉันเก็บได้...”

          “เราจะไม่พูดถึงเรื่องนี้กันอีก จนกว่าจะมีหลักฐานมากพอ นั่งๆ นอนๆ ไปเรื่อยๆ แบบนี้แหละจนกว่าฉันจะหาหลักฐานได้ เมื่อนั่นฉันจะปล่อยเธอกลับไปเอง”

          ฟาเบียนพูดตัดบท เขายังไม่พร้อมที่จะปล่อยเจ้าหล่อนกลับไป เพราะอะไรก็ไม่รู้เหมือน!!

          “บ้าสิ!! ฉันต้องบ้าตายแน่ หากให้ฉันอยู่เฉยๆ ไม่ได้กระดุกกระดิกตัว...”

          “มีแต่คนชอบ นอนๆ นั่งๆ สบายจะตาย”

          “แต่ฉันไม่ชอบ...แล้วก็ไม่มีวันชอบด้วย... ให้ฉันทำงานด้วยได้ไหม ทำความสะอาดห้องนี่ก็ได้...นะ...นะ... ไม่ต้องให้ใครมาคอยคุมด้วยนะคะ มันอึดอัดจะแย่...”

          “ไม่มีคนคุมเธอก็หนีสิ!! นึกเหรอว่าฉันรู้ไม่ทัน”

          “สัญญา...สัญญาด้วยเกียรติที่ฉันมี ฉันจะไม่หนี...คุณไม่ต้องให้ใครคอยจับตาดูฉันขนาดนี้หรอก มันอึดอัดรู้ไหม?”

          “ดูความประพฤติของเธอก่อนสิ...ทำให้ไว้ใจได้เมื่อไร ถึงเวลานั้นฉันจะทำตามที่เธอเรียกร้องเอง...อยู่แบบนี้ไปก่อนเถอะ...จนกว่าฉันจะวางใจ”

          “อะไรอ่ะ ฉันไม่ใช่นักโทษนะ มาทำกับฉันแบบนี้ไม่ได้”

          “พูดเพราะๆ หวานๆ เป็นไหมหึ? ลองพูดดีๆ สักครั้งสิ...เผื่อฉันจะใจอ่อน” ชายหนุ่มพูดอย่างเป็นต่อ เขาเอนตัวลง พิงพนักโซฟากว้าง ยกมือขึ้นกอดอก เลิกปลายคิ้วขึ้นเหมือนท้าทายศินารากรายๆ

          หญิงสาวเม้มปากแน่น เธอกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ จะต้องพูดคะ ขา กับคนอย่างเขาเนี๊ยะนะ แล้วต้องพูดยังไงล่ะ เธอไม่ชินเสียด้วย...

          “ปล่อยฉันไปนะคะ”

          ปลายนิ้วชี้ของฟาเบียนโบกสะบัดไปๆ มาๆ หลังจากเธอพูดจบ

          “ไม่ใช่แบบนี้ ‘ฉัน’ ไม่เอา”

          “โอ้ย!! คนไม่เคย จะให้คะ ขา จ้ะ จ๋า มันใช่ที่ไหนล่ะ” หญิงสาวโวยเสียงหลง

          “ลองดูสิ...มันไม่ยากหรอก ฉันมีเวลาให้เธอตลอดชีวิต”

          บ้าเหรอ... เขาพูดเหมือนกับว่าจะขังเธออยู่ในห้องนี้ ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวัน เป็นปีๆ ตลอดชีวิตนี่ไม่ไหวมั้ง

          “ปล่อยศิรินไปนะคะฟาเบียน ศิรินไม่อยากโดนขัง ศิรินอยากทำงาน ศิรินอยากกลับบ้าน”

          “เธอคิดว่าคำหวานไม่กี่คำของเธอ จะทำให้ผมให้อภัยเธออย่างนั้นเหรอ ง่ายไปหน่อยไหม”

          ฟาเบียนใจกระตุก ยัยบ้านี่พูดหวานจับใจ จนเขาร่ำๆ จะใจอ่อน แต่ต้องรีบยั้งใจไว้ แสร้งทำขึงขังตอกกลับไป เพื่อให้หล่อนรู้สึกสลดลงบ้าง แต่เขาก็อ่อนลงเยอะนะหากศินาราจับสังเกตคำพูดของเขาได้

          มือเรียวเล็ก ยกขึ้นผลักอกของฟาเบียนแรงๆ เธอกระโจนทับร่างกายใหญ่ยักษ์ มือเรียวบางทุบไปตามอกกว้างเพราะสุดที่จะกลั้นอารมณ์เอาไว้!! เขาหลอกเธอ... เขาให้เธอพูดจาน่าเกียจเท่าที่เคยทำได้ แล้วก็มาตลบหลังเธอแบบนี้เหรอ คนบ้า!!

          ตุ๊บๆ

          ฟาเบียนพลิกตัวกลับแบบรวดเร็ว จนหญิงสาวตั้งตัวไม่ทัน เมื่อรู้สึกตัวอีกที เธอก็ถูกโถมทับด้วยร่างกายใหญ่โตจนร่างกายแทบจะจมหายลงไปในผิวของโซฟา

          “รังเกียจผมเหรอ รังเกียจที่จะอยู่กับผมแบบนี้หรือไง?”

          “ปะ ปล่อย...คุณคิดจะทำอะไร” เสียงตื่นตระหนก แววตาไหวระริก

          “ตอนแรกก็ไม่ได้คิดจะทำ แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้วนะสิ” ชายหนุ่มพูดจบ เขาโน้มตัวลงไปใกล้ๆ เขาหายใจแรงขึ้น เมื่อร่างบอบบางแสนละมุนละไม หล่อนขยับเสียดสีลุกลน จนความร้อนในร่างกายของเขา ทวีความรุนแรงขึ้นนับเท่าตัว

          “ยะ อย่าทำแบบนี้เลย” หัวใจดวงน้อยเต้นเร่าๆ รังสีอันตรายแผ่ซ่าน จนเจ้าตัวรู้สึกหวาดหวั่น

          “ไม่!! ผมจะไม่มีวันปล่อยเธอเด็ดขาด ศิริน”

          “อย่าค่ะ อย่า...”

          จูบ!! จูบแรกของเธอถูกช่วงชิงไปจนได้ ด้วยคนที่มีแรงมากกว่า แต่ความหอมหวานที่ได้รับ มันทำให้ศินาราตัวอ่อน รสหวานหอมละมุนละไมบาดลึกลงไปในผิวกายจนชายิบ เธอสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ๆ หลังชายหนุ่มปลดปล่อยริมฝีปากตัวเองจนเป็นอิสระ เกือบหมดลมหายใจมะล่อมมะล่อ พอเป็นอิสระจึงรีบตะเกียกตะกายสูดลมหายใจเข้าปอด ก่อนที่จะสิ้นลมไปจริงๆ แต่แล้วเขาก็ประทับย้ำจูบหนักๆ ลงมาที่เดิม ...อีกครั้ง...เหมือนกับว่าฟาเบียนต้องการสูบวิญญาณของเธอออกไปจากร่างกายอย่างไร้ความปราณี จนศินาราตัวสั่นระริก เมื่อถูกกระแสธารพิศวาสสาดซัดเข้าใส่ ที่ทำได้ก็แค่ประคองสติ ไม่ให้ดับวูบลงไป เพราะไม่อย่างนั้นเขาจะทำอะไรกับเธอก็ได้มันสุดที่จะต้านทาน

          “ฟาเบียน...”

          เสียงครางกระเส่าของใครคนหนึ่งดังขึ้น และศินาราถกเถียงอยู่ในใจ มันไม่ใช่เสียงของเธอหรอก เธอไม่สมควรทำเสียงน่าเกลียดแบบนั้น

          “ฟาเบียน...” หญิงสาวยังคงเพ้อ เธอร้อนวูบ สลับกับเย็นเยียบ ทุกอย่างรอบตัวบางเบาเหมือนปุยนุ่น

          “ต้องการอะไรคนสวย เธอต้องการอะไร?”

          ฟาเบียนกระซิบเสียงแหบ...แนบริมฝีปากอิ่ม เขาอยากรู้สิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในใจของศินารา เธอรังเกียจเขาจริงๆ หรือแสร้งทำ

          “ไม่รู้ ศิรินไม่รู้”

          หญิงสาวส่ายสะบัดใบหน้า เธอไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรจากฝ่ายตรงข้าม เธอแค่อยากให้เขาทำมากกว่าที่กำลังทำอยู่ อยากให้เขาโอบกอด อยากให้เขาแนบชิดมากกว่าเดิม...ร่างกายมันกระหายบางสิ่งบางอย่างจนร่ำๆ จะกระชากฟาเบียนให้เข้ามาใกล้ชิดมากขึ้นอีกด้วยซ้ำ

          จู่ๆ ร่างของศินาราก็อ่อนยวบลง เธอเป็นลมเพราะถูกจูบ หัวใจทำงานหนัก และสมองปั่นป่วน หาทางออกให้ตัวเองไม่เจอ สมองจึงสั่งการ และปิดสวิตซ์ตัวเองลง

          มือแข็งแรงยกตบเบาๆ ที่แก้มซ้ายขวา เขายกมือขึ้นอังที่ปลายจมูก ก่อนจะหัวเราะพรืดออกมาดังๆ

          “เหอะๆ”

          ยังมีผู้หญิงแบบนี้อีกเหรอ ผู้หญิงที่ถูกจูบ แล้วเป็นลม...

          ชายหนุ่มตวัดช้อนเรียวขาเพรียว...เขาช้อนอุ้มศินาราเดินเข้าห้องนอน บรรจงวางเธอบนที่นอนอย่างนุ่มนวล ตลบผ้าห่มขึ้นคลุมจนถึงหน้าอก กดปลายจมูกลงบนโค้งหน้าผากโหนกนูน แล้วจึงรีบถอยหลังออกมาจากห้องอย่างเร็ว เขาไม่อยากกลายเป็นปีศาจกระหายสวาทในสายตาของเธออีกครั้ง ยังมีเวลาที่จะค่อยทำความรู้จักกัน และเมื่อนั้นความหวานชื่นที่ได้รับจากกันและกัน มันน่าจะคุ้มค่ามากกว่า

          ชายหนุ่มชะงัก ใจคอเขาจะเก็บเธอไว้แบบนี้จริงๆ เหรอ เขาจะเก็บเธอไว้อีกนานเท่าไร? หรือจนกว่าจะสูบความหวานจากเรือนกายเจ้าหล่อนจนเหือดแห้ง...ไม่มีคำตอบสำหรับคำถามนี้ และฟาเบียนยังไม่ต้องการค้นหา เขาเดินโครงศีรษะออกไปจากห้องนอน แต่ก็ไม่ได้หนีห่างไปทางไหน ชายหนุ่มเปิดกระเป๋าเอกสาร เขาล้วงแลบท็อปส่วนตัวออกมา ลงมือทำงานต่อในห้องโถงไม่ไกลจากห้องที่ศินารานอนหลับ...

          มันเป็นความเงียบสงบ ได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นเบาๆ เขาเหลือบมองประตูห้องนอนบ่อยครั้ง และอยากเห็นหญิงสาวเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม

          เฮือก!!

          ศินาราสะดุ้งตื่น เธอฝันร้ายจนเหงื่อกาฬแตกซิกๆ เต็มใบหน้า สองมือยกขึ้นชูตรงหน้า เหลือบสายตามองหาไอ้ตัวน่าขยะแขยง และเมื่อไม่เห็นมันในสายตา จึงหันมาให้ความสนใจกับสถานที่ที่ตัวเองนั่งอยู่ ‘เตียงนอน’ ทุกสิ่งที่เธอหวาดกลัว มันเป็นแค่ฝันไป... เธอฝันเห็นพญางูตัวใหญ่ ไอ้ตัวร้ายนั่นโอบรัดเธอจนแนบแน่น หัวใหญ่โตของมันยื่นมาใกล้ๆ หน้าเธอ ลิ้นสองแฉกแลบแพล็บๆ ตรงหน้า แล้วไอ้งูบ้านั้นก็ฉกวูบเข้ามาใกล้ มันแนบปากน่าเกลียดของมันกับปากเธอ น้ำลายเหนียวๆ ไหลเยิ้มเมื่อไอ้งูบ้ากามนั่นบดขยี้ปากอิ่มของเธอหนักๆ มันทำหน้าตามีความสุขเสียเหลือเกิน จนเธอแทบจะกลั้นความขยะแขยงไม่ไหว ดวงตาเรียวรีจ้องมองเธอเป็นตาเดียว เหมือนกับว่ามันกำลังพิมพ์ภาพของเธออยู่ และมันจะตามติดหากเธอคิดหนี เธอหวาดกลัวสุดขีด!! แต่กลับไม่ยักกับกรีดร้อง ปล่อยให้ไอ้ตัวน่าเกลียดนั่น จ้วงจาบ หยามเหยียดเธอ มันจูบ และจูบๆ ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อย จนเธอสะดุ้งตื่นขึ้นมานี่แหละ

          หญิงสาวรีบยกมือขึ้นจับริมฝีปาก มันไม่ใช่อุปาทานแน่ๆ เธอรู้สึกว่าริมฝีปากของเธอเห่อบวม เหมือนกับว่าพึ่งจะถูก ‘จูบ’ มาหมาดๆ

          “อ้ายยย...” ศินารารีบซุกหน้ากับหมอนนุ่ม เธอร้องกรี๊ดๆ เมื่อความทรงจำย้อนกลับมา เธอถูกจูบจริงๆ ไม่ใช่จูบกับงูบ้ากาม แต่ถูกไอ้ผู้ชายเอาแต่ใจตัวเอง แล้วก็บ้าๆ คนนั้นจูบ ฟาเบียน โดโรธีย์!!

          หลังทำใจให้สงบอยู่นาน... ศินาราตัดสินใจออกจากห้องนอนจนได้ เพราะทนอุดอู้อยู่แต่ในห้องเงียบๆ ไม่ไหว เธอเอาผ้าเช็ดหน้าพับเป็นสามเหลี่ยม แล้วคาดใว้บนหน้าปิดริมฝีปากอิ่มที่เจ้าตัวอุปาทานว่ามันเจ่อบวม แล้วจึงย่องออกมาจากห้องนอนเงียบๆ เหลียวซ้าย มองขวาเพราะห้องโถงข้างหน้าเงียบเชียบผิดปรกติ จนเมื่อเดินมาถึงกลางห้องโถง จึงเผลอชะงักงัน เพราะเผลอสบตากับฟาเบียน เขาเงยหน้าขึ้นมาจากแลปท็อบ พรางขมวดคิ้วมองเธออย่างสนใจ จนเมื่อเห็นสิ่งแปลกปลอมอยู่บนใบหน้า รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็แต้มเต็มปาก

          เขาชี้นิ้วที่ปากตัวเอง พรางทำปากจู๋ๆ  จนเธอต้องถลึงตาใส่ แถมด้วยกระทืบปลายเท้าเร่าๆ

          “คนบ้า!!”

          เสียงพึมพำดังเบาๆ จับใจความไม่ได้ เจ้าของร่างบอบบางเดินไปทรุดตัวลงนั่งไกลเขาเสียเป็นวา

          หน้ารึก็บึ้งตึง หงิกงอ เหมือนกับว่ากำลังโกรธอะไรหนักหนา?

          “จูบ... ผมคืนก็ได้นะศิริน ยินดีและเต็มใจให้เอาคืน รับรองได้...ผมไม่มีทางหมดสติแน่”

          เสียงพูดนิ่งๆ แต่รอยยิ้มนี่สิเต็มหน้า มันทำให้ศินาราเดือดจัด!! เธอแอบแลบลิ้นให้ใต้ผืนผ้าที่บังไว้

          “ว่าไง...อยากเอาคืนไหม ผมสะดวกตลอดเวลานะ อยาก ‘จูบ’ ก็สะกิดกันก่อนล่ะ จะได้เตรียมรับทัน”

          ยิ่งพูดก็ยิ่งอารมณ์ดี การทำให้ศินาราเดือดดาล มันช่างเป็นความสุขของเขาเสียจริง!! ฟาเบียนคิดในใจยิ้มๆ เขาคงเป็นพวกมาโซคิสม์ ชอบเห็นคู่รักเจ็บปวดทรมานก่อนที่จะมีความสุขร่วมกัน เอ...แล้วนี่เขามองเห็นยัยนั่นเป็นคู่รักแล้วอย่างนั้นเหรอ ไม่หรอกน่า เขาแค่สนุกที่ได้หยอกเอินหล่อน มันเป็นความสุขเล็กๆ เมื่อเห็นหล่อนทุกข์ใจ สงสัยเขาจะเข้าข่ายพวกมาโซคิสม์จริงๆ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทาสรักทัณฑ์สวาท   Chapter .4 ของฉัน!! ห้ามยุ่ง

    Chapter .4 ของฉัน!! ห้ามยุ่ง “ไม่เอาน่าไอ้ริน ไม่ร้องสิ เข้มแข็งไว้” ศินารากระซิบปลอบใจตัวเอง เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเอง “เดี๋ยวทุกอย่างมันก็ผ่านไปเองแหละน่า เราไม่ได้ขโมยของเขามาสักหน่อย” น้ำร้อนๆ ไหลเอ่อจ่อที่หัวตา เธอยกมือขึ้นกรีดน้ำตาและเชิดหน้าขึ้น สักวันความจริงต้องปรากฏ เมื่อเธอไม่ใช่คนผิด อีกอย่างน้ำตาไม่ได้ช่วยให้เรื่องคลี่คลายลงได้ มันต้องใช้ปัญญา เธอต้องหาทางเอาตัวรอดเอง!! “ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่ คุณได้ของๆ คุณคืนไปแล้ว เมื่อไรจะปล่อยฉันเสียทีล่ะ” ศินาราเปิดฉากฉะ!! เมื่อฟาเบียนโผล่หน้าเข้ามาภายในห้องอีกครั้ง หลังจากเธอหลับยาวและพึ่งตื่น “ยังหาคว

  • ทาสรักทัณฑ์สวาท   Chapter .3 คุมขัง

    Chapter .3 คุมขัง ศิรินราถูกคนแปลกหน้าโป๊ะยาสลบ และก่อนที่ดวงตาจะดับวูบลง เธอคิดถึงแต่พ่อแก้วแม่แก้ว มือเรียวบางรีบตะปบกระเป๋าเสื้อโค๊ดแน่น เธอกลัวว่าโจรจะขโมยแหวนไป เพราะตัวเองคงไม่มีปัญญาหาของแพงๆ มาคืนเจ้าของได้แน่ เธอภาวนาในใจขอให้มันมองไม่เห็น สมบัติติดตัวอย่างอื่นเธอไม่เสียดาย อยากได้อะไรเชิญเอาไปได้เลย เมื่อทั้งเนื้อทั้งตัวมีเงินแค่ไม่กี่เหรียญ...มีของสำคัญแค่แหวนล้ำค่านั่น วงเดียว... เปลือกตากะพริบถี่ๆ อีกครั้งก่อนจะเปิดขึ้น เธอทะลึ่งพรวด!! ขึ้นนั่ง... เหลียวมองรอบกายด้วยความหวาดกลัว รีบก้มหน้ามองสภาพร่างกายของตัวเอง... ก่อนจะถอนลมหายใจพรวดๆ เมื่อสภาพตัวเองยังอยู่ครบ เสื้อผ้าไม่ได้ถูกถอด...แต่แหวนหายไป!! เธอถูกจับตัวมา จากคนแปลกหน้า? แล้วก็ถึงบางอ้อ เมื่อคนๆ นั้นเปิดเผยตัวตน... ฟาเบียน โ

  • ทาสรักทัณฑ์สวาท   Chapter .2คำโกหกของแคทเทอรีนที่ย้ำให้ฟาเบียนโกรธจัด!!

    Chapter .2คำโกหกของแคทเทอรีนที่ย้ำให้ฟาเบียนโกรธจัด!! ฟาเบียนเดินย้อนกลับมาที่โต๊ะ เขานิ่งไปและกำลังใช้ความคิด เขาควรถามแคทเทอรีนแบบไหนดี เธอถึงจะยอมพูดความจริง “แคท...คุณมีอะไรจะบอกผมไหม?” เสียงเรียบสนิทจนแคทเทอรีนสะดุ้ง เธอเป็นวัวสันหลังหวะ มีความผิดติดตัวและยังหาทางออกไม่เจอ “ไม่มีนะคะฟาเบียน แคทไม่มีอะไรจะบอกคุณเลย” เสียงตอบลุกลน มันย้ำให้ฟาเบียนแน่ใจแคทเทอรีนตัดสินใจปกปิดชายหนุ่มไว้ก่อน... เดี๋ยวค่อยคิดหาทางรอด ไอ้แหวนนั่นหน้าตาเป็นอย่างไรก็จำไม่ค่อยได้ แต่หากถามไปทางต้นสังกัดคนผลิต เขาน่าจะช่วยเธอแก้ปัญหาครั้งนี้ได้ คิดได้แบบนั้นเธอจึงรู้สึกโล่งอกขึ้น พอจะคลี่ยิ้มอ่อนๆ ให้ฟาเบียนได้แบบสนิทใจ “แต่ผมมีล่ะ แคท...ผมแน่ใจว่าหากพูดไป คุณจะต้องแปลกใจ” “อะไรคะ? แคทงง” “แหวนผมอยู่ไหน?” เสียงเครียดๆ กับแววตาจริงจัง จนแคทเทอรีนสะอึก เธอพึ่งจะคิดหาทางแก้ตัวออก แต่เขาดันทะลึ่งถามขึ้นมาเสียได้ เอาไงล่ะทีนี้ “แหวนวงไหนคะ แคทมีหลายวงอยู่นา ใส่สลับกันไปกันมาแก้เบื่อ” หญิงสาวยังพยายามเถ แม้จะเริ่มวิตก “ผมรู้ว่าคุณรู้

  • ทาสรักทัณฑ์สวาท   Chapter .1 ‘Cartier’ แหวนใครหว่า?

    Chapter .1 ‘Cartier’ แหวนใครหว่า? ไอ้ที่เห็นส่องแสงวิบๆ วับๆ นี่ มันใช่เพชรเปล่าหว่า? ศินารานั่งจ้องตาโปน เธอขมวดคิ้วเป็นปม มองประกายแสงที่ส่องวิบๆ วับๆ ออกมาจากถังขยะตาเขม็ง!! หลังรถยนต์สปอร์ตสุดหรูมาจอดเทียบสักพัก... ก่อนจะวิ่งฉิวออกไปและมีแสงวิบวับนั่นให้เธอเห็น เธอไม่เข้าใจคนรวยเท่าไรหรอก? สงสัยนางจะทะเลาะกับสามี... ถึงได้โยนสัญญาลักษณ์แทนใจของเขาทิ้งเพื่อประชด มันทำให้คนไม่มีจะกินแบบเธอลำบากใจ เพราะเธอเห็นเต็มสองตาว่าใครเป็นคนทิ้ง!! แคทเทอรีน ฟลอเรีย!!... ผู้หญิงสาวที่คนครึ่งฝรั่งเศสอิจฉา... หล่อนเกิดมาพร้อมกับรูปโฉมลออองค์ แถมพ่วงด้วยทรัพย์สินมากมายก่ายกอง แคทเทอรีน ฟลอเรียบุตรสาวของตระกูลฟลอเรียผู้ยิ่งใหญ่ศินาราเดินตรงไปยังแสงระยิบระยับ เธอหยิบไอ้ที่ส่องแสงขึ้นมาจากถังขยะ ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ‘ไอ้หย๋า!!’ ของในมือเอนี่มันคือหนึ่งในคลอเลคชั่นใหม่ของ ‘Cartier’ Diamonds in the new film from Cartier ที่พึ่งเปิดตัวไม่นาน สะท้านสะเทือนกระฉ่อนโลกนี่หว่า แหวนนี่...เป็นเซ็ตเดียวที่ถูกสร้างขึ้นมาให้กับมหาเศรษฐีรูปงาม นามฟาเบียน โดโรธีย์ แต่เขาอนุญาตให้ตีแผ่ให้ชาวโลกเห

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status