เรื่องมันเกิดขึ้นเพราะแหวนวงเดียว กับคำว่า ‘โจร’ สาวใสใจสู้มีหรือจะยอมรับ เธอไม่ได้ขโมยแหวนมา เพียงแต่บังเอิญเก็บได้ และตั้งใจจะคืนแต่ยังไม่มีโอกาส ชีวิตนักศึกษาที่เป็นนักเรียนทุน ฐานะทางบ้านไม่ได้มั่งมีอะไร เธอดิ้นรนหาค่ากินค่าใช้ เรียนก็หนัก งานก็เหนื่อย แล้วจะเอาเวลาที่ไหนล่ะไปตามไฮโซสุดสวยเพื่อคืนสิ่งที่หล่อนทิ้ง!! ความซวยเลยมาเคาะประตูบ้าน เมื่อเจ้าของแหวนตามเอาคืน คนไร้เหตุผลคนนั้นจับเธอไปเค้น...เค้นไปเค้นมา เลยกลายเป็นแบบนี้ เพราะความเจียมตัวเลยไม่กล้าปริปาก หากเขาจะย้อนกลับไปหาคนรักเก่า เธอก็จะหลีกทางให้ เมื่อสำนึกว่าตัวเองเป็นแค่ทางผ่าน... เหวยๆ พระเอกเราจะทำไงล่ะ ปากแข็งง้างยากไม่พอ ยังอีโก้สูงอีก จะง้อได้ไหม? หรือจะโอละพ่อ!!
ดูเพิ่มเติมChapter .1 ‘Cartier’ แหวนใครหว่า?
ไอ้ที่เห็นส่องแสงวิบๆ วับๆ นี่ มันใช่เพชรเปล่าหว่า? ศินารานั่งจ้องตาโปน เธอขมวดคิ้วเป็นปม มองประกายแสงที่ส่องวิบๆ วับๆ ออกมาจากถังขยะตาเขม็ง!! หลังรถยนต์สปอร์ตสุดหรูมาจอดเทียบสักพัก... ก่อนจะวิ่งฉิวออกไปและมีแสงวิบวับนั่นให้เธอเห็น เธอไม่เข้าใจคนรวยเท่าไรหรอก? สงสัยนางจะทะเลาะกับสามี... ถึงได้โยนสัญญาลักษณ์แทนใจของเขาทิ้งเพื่อประชด มันทำให้คนไม่มีจะกินแบบเธอลำบากใจ เพราะเธอเห็นเต็มสองตาว่าใครเป็นคนทิ้ง!!
แคทเทอรีน ฟลอเรีย!!...
ผู้หญิงสาวที่คนครึ่งฝรั่งเศสอิจฉา... หล่อนเกิดมาพร้อมกับรูปโฉมลออองค์ แถมพ่วงด้วยทรัพย์สินมากมายก่ายกอง แคทเทอรีน ฟลอเรียบุตรสาวของตระกูลฟลอเรียผู้ยิ่งใหญ่
ศินาราเดินตรงไปยังแสงระยิบระยับ เธอหยิบไอ้ที่ส่องแสงขึ้นมาจากถังขยะ ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ‘ไอ้หย๋า!!’ ของในมือเอนี่มันคือหนึ่งในคลอเลคชั่นใหม่ของ ‘Cartier’ Diamonds in the new film from Cartier ที่พึ่งเปิดตัวไม่นาน สะท้านสะเทือนกระฉ่อนโลกนี่หว่า แหวนนี่...เป็นเซ็ตเดียวที่ถูกสร้างขึ้นมาให้กับมหาเศรษฐีรูปงาม นามฟาเบียน โดโรธีย์ แต่เขาอนุญาตให้ตีแผ่ให้ชาวโลกเห็น เมื่อมันเป็นเพชรอันลิมิเต็ด...มีชุดเดียวและแพงหูฉี่...เธอจำได้แม่น เพราะหลงใหลอัญมณีเซ็ตนี้ทันทีที่มองเห็น ไม่ว่าจะเป็นสร้อยคอหรูหรา กำไลข้อมือสูงค่า หรือรัดเกล้าเพชรส่องประกาย แหวนคือหัวใจของงานเซ็ตนี้ ขนาดเพชรใหญ่เกือบเท่าเหรียญบาท มันเด่นสะดุดตาจนเธอลืมไม่ลง นับตั้งแต่เห็นคลิปวีดีโอสั้นๆ ที่เผยแพร่ทางสื่อโซเซียล มันติดตาตรึงใจ จนแปลกใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อได้สัมผัสมันด้วยมือตัวเอง แม้จะเป็นแค่แหวนวงเดียว
“ยัยนั่นทิ้งทำไมอะ!! หรือว่ารวยจัดเลยไม่อยากได้...น่าอิจฉาชะมัดของสวยๆ มีราคาแท้ๆ ทำเหมือนไม่มีค่า...โยนทิ้งง่ายๆ แบบนี้หรือ...ไอ้คนจนก็ต้องปากกัดตีนถีบ ไอ้คนรวยก็มีจนเหลือกินเหลือใช้!!” เธอบ่นเบาๆ ยัดแหวนวงสวยเก็บในกระเป๋าเสื้อโค๊ด ไม่ได้คิดจะเอาไปขายหรอกเพราะเมื่อจับต้องจนแอบหลงรัก มันเป็นอัญมณีสวยสุดๆ เท่าที่เคยเห็น ที่สำคัญมันมีเจ้าของและเธอควรคืนเจ้าของเดิมไป แต่...ตอนนี้หมดเวลาเที่ยวเล่นสนุกๆ ถึงเวลาทำงานหาเงินซื้ออาหารเลี้ยงปากท้องตัวเอง เพราะเงินที่ได้รับจากทุนการศึกษา เขาไม่ได้รวมค่ากินค่าใช้ เธอต้องหาเอง... และนักศึกษาปริญญาโทจนๆ อย่างเธอจะทำอะไรได้ นอกจากหารายได้พิเศษเป็นเด็กเสิร์ฟหรือไม่ก็เด็กล้างจาน ตามร้านอาหารในปารีสที่มีมากมายเกลื่อนเมือง
“ไปได้แล้วศิริน...ไปทำงาน... ของของเขา ไม่ใช่ของเรา แค่รับฝากไว้เอง” เธอรีบเดินทางไปทำงาน แม้อยากจะชื่นชมความงดงามของอัญมณีสุดสวย แต่ก็จำต้องตัดใจเมื่อมีภาระหน้าที่รออยู่
ศินาราเกือบลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าตัวเองเก็บแหวนวงนั้นไว้กับตัว เพราะไหนจะเรียนหนัก!! ไหนจะทำงานพิเศษ จนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน...จนกระทั่งวันหนึ่ง... วันที่เธอได้เจอกับผู้ชายคนนั้นแบบไม่คาดฝัน
ฟาเบียน โดโรธีย์เขามากับผู้หญิงคนเดิมอีกนั่นแหละ แคทเทอรีน ฟลอเรีย คนสวยที่โยนแหวนสวยๆ ทิ้ง เธอรีบตะปบ!! กระเป๋าเสื้อโค๊ด เมื่อนึกขึ้นมาได้... เธอหาตัวเจ้าของเจอแล้วนี่ไง... และเขากำลังเดินเข้าไปในร้านอาหาร ในฐานะลูกค้า... แต่เธอกำลังเดินเข้าไปในร้านในฐานะเด็กล้างจาน แล้วอย่างนี้เธอจะหาทางคืนแหวนเจ้าปัญหาวงนี้...ให้กับเจ้าหล่อนได้ยังไง?
“คิดสิคิดสิ ศิริน...จะคืนยังไงดีหว่า...” เธอล้างจานด้วยเครื่องล้างจาน ระหว่างรอก็นึกหาวิธี มันจะมีทางไหนคืนของสำคัญให้เจ้าของได้ เธอไม่อยากเก็บเอาไว้นานหรอก หากทำหายไปจะยุ่ง มันมีมูลค่าสูงและเธอไม่ปัญญาหามาใช้คืนหากทำหล่นหาย
ศินาราทำงานไป... พะว้าพะวังไป เธอไม่รู้วิธีว่าควรจะเอาแหวนวงนี้ไปคืนเจ้าของได้ยังไงและวธีไหน? มันจนปัญญาเพราะหากทะเล่อทะล่าเข้าไปภายในร้าน...อาจจะโดนใส่ความว่าเป็นขโมยก็ได้... เมื่อเธอไม่มีหลักฐานการถือครอง และน้ำหน้าอย่างเธอนะหรือ... ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า มันมีแต่ความซ่อมซอ...แล้วใครจะเชื่อล่ะว่าผู้หญิงคนนั้นโยนแหวนราคาแพงทิ้ง เมื่อมันเป็นสิ่งของมีราคา มีคุณค่าทางใจ จากข่าวซุบซิบในหนังสือ ‘แทบลอยน์’ เรื่องมหาเศรษฐีหนุ่มเซอร์ไพรส์แฟนสาวด้วยแหวนเพชรเรือนงาม...มันดังกระฉ่อนปารีส และเธอหรือใครๆ ก็รู้
“เป็นอะไรศิริน...ดูกระวนกระวายชอบกล” เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งร้องทัก เพราะเขามองเห็นว่าเธอเดินวนไป วนมา เหมือนกำลังมีเรื่องไม่สบายใจ
“แจน!! ศิรินอยากเข้าไปข้างใน แต่กลัวกัปตันดุ!! หาทางช่วยหน่อยสิ”
“แล้วศิรินจะเข้าไปทำไมล่ะ...”
“มีธุระน่ะแจน...อยากเอาของไปคืนแขกบางคนในนั้น”
“โอ้ย!! มีธุระกับแขกด้วย คงไม่ได้หรอกนะศิริน เธอก็รู้ร้านเรามีแต่เศรษฐีกับคนมีเงิน หากทะเล่อทะล่าเข้าไป แล้วทำให้ท่านลูกค้ากิตติมาศักดิ์ไม่พอใจเข้าล่ะก็!! เผลอๆ จะโดนไล่ออกจากงานนะซี”
“เวรล่ะ...แล้วเราจะทำไงดีล่ะ...เรื่องสำคัญมากเลยนะ” ศินาราขมวดคิ้ว เธอเบ้ปาก พลาดจากวันนี้เธอจะได้พบเจอเจ้าหล่อนได้ยังไง เมื่อการดำเนินชีวิตนั้นต่างกันแบบสิ้นเชิง แทบจะไม่มีทางโคจรมาเจอกันได้เลยในภายภาคหน้า
“เอ...เอาไงดีล่ะ...ไปดักรอหน้าห้องน้ำไงศิริน...ไม่ได้เข้าไปยุ่มย่ามข้างใน แล้วเขาก็ไม่ตกใจด้วย”
“จริงด้วยสินะ ทำไมศิรินโง่จัง เรื่องแค่นี้ก็คิดไม่ออก ขอบใจนะแจน...ไปล่ะ” หญิงสาวแทบจะกระโดดโห่ร้อง เธอมีวิธีคืนของเจ้าหล่อนได้แบบไม่ต้องกระโตกกระตากและไม่มีใครรู้...
หลังจากเก็บงานของตัวเองเรียบร้อย ศินาราไปเดินเตร็ดเตร่บริเวณหน้าห้องน้ำหญิง ลูกค้าที่เป็นผู้หญิงแต่ละคนที่เดินผ่านหน้า ไม่มีผู้หญิงคนนั้นเลยสักคน แต่เธอก็ไม่ท้อ เฝ้ารออย่างอดทน “ไม่ปวดฉี่บ้างหรือไง? นานแล้วน่ะเนี๊ย!!” หญิงสาวบ่นอุบ เธอเดินไป เดินมา ระบายความหงุดหงิดด้วยการเตะก้อนกรวดสีขาวๆ ที่โรยไว้ตรงกอดอกไม้เล่นๆ
แต่...ความหวังของศินาราดูเหมือนจะเป็นหมัน...แคทเทอรีนไม่ขยับลุกจากโต๊ะไปไหนเลย หล่อนนั่งรับประทานอาหารกับฟาเบียนอย่างอารมณ์ดี จะมีหงุดหงิดบ้างตอนที่ชายหนุ่มถามหา แหวนวงนั้น ของกำนัลที่เขามอบให้เธอ แทนความรู้สึกภายในใจ แต่... เธอกลับโยนมันทิ้งไปเพราะอารมณ์หึงหวงล้วนๆ ก็จะไม่ให้เดือดจัดได้ยังไง....เธอเห็นชายหนุ่มควงคู่ไปกับผู้หญิงอื่นตำตา แล้วจะไม่ให้เธอคิดอะไรได้อย่างไรล่ะ อารมณ์ชั่ววูบครั้งนั้น...ทำให้เธอถอดแหวนวงนั้นทิ้ง!! โยนออกไปนอกรถยนต์คันหรู แล้วก็จำไม่ได้เสียด้วยสิว่าตัวเองไปโยนทิ้งไว้ที่ไหน? เธอแก้ตัวไปพรางๆ เพราะคิดว่าคนบ้างานและงานเยอะอย่างฟาเบียน อีกไม่นานเขาก็จะลืม...แต่แคทเทอรีนคิดผิด ชายหนุ่มจำได้แม่น และคอยย้ำถามถึงเรื่อยๆ จนเธอเริ่มปวดหัว เมื่อตัวเองยังหาทางออกให้ตัวเองไม่เจอ และวันนี้เขาก็ถามถึง…อีกครั้ง!!
“แคท...ผมไม่เห็นคุณใส่แหวนที่ผมให้เลย มันไม่สวยเหรอ?”
“ปะ...เปล่า แคทกลัวหายน่ะค่ะ ฟาเบียนเลยถอดเก็บไว้ที่บ้าน” แคทเทอรีนแก้ตัวอย่างขอไปที เธอแอบเบ้ปาก เริ่มฉุนเฉียวขึ้นมาเหมือนกัน เขาเป็นต้นเหตุทำให้เธอขาดสติแท้ๆ แล้วหากเขาตำหนิ... เธอคงไม่คิดจะนิ่งฟังเฉยๆ
“อืม...แล้วไปสิ ผมนึกว่าคุณไม่ชอบเสียอีก” ฟาเบียนหรี่ตาลง เขาเสยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ เริ่มสงสัยตะหงิดๆ เพราะแคทเทอรีนกระสับกระส่ายพิกล
“จะไม่ชอบได้ยังไงคะ มันสวยจนแคทหลงรัก ของ Cartierไม่เคยเป็นรองใคร? แถมมีเอกลักษณ์ ไม่มีใครสามารถลอกเลียนแบบได้ด้วยนะคะ”
“ผมไม่รู้หรอกแคท ผมรู้แค่ว่า... ของชิ้นนั่นมันหมายถึงความรู้สึกทั้งหมดของผม...ที่มีต่อคุณ และอยากให้คุณเก็บไว้ดีๆ”
ฟาเบียนเริ่มรู้สึกสะกิดใจ บางอย่างในตัวแคทเทอรีนมันบ่งชัด ผู้หญิงเย่อหยิ่งกลับกระอึกกระอัก เธอไม่ตอบในทันทีและเขารู้สึกสงสัย!!
“ผมขอตัวนะ” โทรศัพท์ส่วนตัวสั่นเตือน และเขามีธุระบางอย่างที่ต้องจัดการ โดยที่ยังไม่อยากให้แคทเทอรีนรู้ มันเป็นเซอร์ไพรส์ เขาคิดจะมอบให้เธอในวันคริสมาสต์อีฟที่กำลังจะมาถึง...
แคทเทอรีนเริ่มกระวนกระวาย เธอจะหาทางออกเรื่องนี้ยังไงดี...เธอยังไม่อยากผิดใจกับฟาเบียน เมื่อเขาคือคนที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุดในนาทีนี้ ไม่มีใครในปารีสเพอร์เฟคได้เท่ากับฟาเบียนอีกแล้ว...ถึงเขาจะเจ้าชู้ตามประสาผู้ชายโสด แต่เขาก็ให้เกียรติและยกย่องตัวเองเหนือใคร...
‘เอาไงดีล่ะ’
มือเรียวบางกำแน่น เธอคิดหาทางรอดให้ตัวเอง และยังมองไม่เห็นทาง
“อืม...ดีๆ ผมต้องการทั้งเซตและครั้งนี้ผมจะขอเธอแต่งงานจริงๆ จังๆ เสียที” เสียงผู้ชายพูดดังแว่วๆ ศินาราชะเง้อคอมอง แล้วเธอก็ย่นคอกลับมาที่เดิม เธอมองเห็นผู้ชายคนหนึ่ง ที่แผ่นหลังตึงเปรี๊ยะ อยู่ในสูทพอดีตัวและสง่างามเหมือนเจ้าชาย ชายหนุ่มที่ดูดีตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า....เขากำลังคุยโทรศัพท์อยู่ไม่ไกลจากที่เธอซุ่ม เขาเดินไปเดินมา พรางพูดกับอีกฝ่ายเสียงดังๆ และเธอก็ดันอยู่ใกล้ๆ จนได้ยินถ้อยคำของเขาสะอย่างชัดเจน
ดูเหมือนว่าชายหนุ่มผู้นั้นกำลังวางแผนขอผู้หญิงคนหนึ่งแต่งงาน...มันเป็นเรื่องน่ายินดี เธอจึงอดไม่ได้ที่จะยิ้ม
หญิงสาวถอนลมหายใจแรงๆ ปีนี้ตัวเองอายุ 25 ปี ยังหาคนรู้ใจหรือคนข้างกายไม่ได้เลย มันอาจจะเป็นเพราะเธอไม่มีเวลา และไม่เคยใส่ใจตัวเอง ในเมื่อก็ไม่ได้ขี้ริ้วจนคนเห็นต้องรีบหนี เมื่อไร? นะ ความเหงาเป็นที่เพื่อนกับศินารามาจนครบอายุยี่สิบห้าปี กำลังจะจากไปสักที ในอนาคตข้างหน้าสักวันเธอจะมีคนๆ นั้นเคียงข้าง...มันเป็นแค่ฝันที่ลางเลือน มองไม่เห็นเค้าลาง... สาเหตุเพียงเพราะเธอไม่มีเวลาใส่ใจสายตาของคนอื่น เมื่อแพลนการดำเนินชีวิต มีแต่การบากบั่นเรียนหนังสือ...กับทำงานหาเลี้ยงปากท้องตัวเอง ความตั้งใจของหญิงสาวคือการนำความรู้ที่เล่าเรียนมาทั้งหมดกลับไปพัฒนาประเทศของตัวเอง... และการหาสตางค์เพื่อดำเนินชีวิตให้รอดในต่างแดนมันเหนื่อยสาหัสจนหมดความคิดเรื่องรักๆ ใคร่ๆ มีแต่เสียงชมเชย...สร้างความภาคภูมิใจให้พ่อแม่... แต่ไม่มีใครรู้หรอก? เธอเหนื่อยหนักหนาสาหัสขนาดไหน? กว่าจะก้าวมายืนตรงจุดนี้ได้... และมันเหลือเวลาอีกไม่นาน เธอก็จะคว้าความฝันของตัวเองมาครองได้สำเร็จ เพราะเหลืออีกไม่แค่กี่หน่วยกิจ ปริญญาใบที่สอง เธอก็กำลังได้ครอบครอง
“พ่อจ๋า แม่จ๋า ศิรินกำลังจะได้กลับบ้านแล้วนะจ้ะ” เธอหลับตารำพึงถึงบุพการี อนาคตอีกไม่ไกลเกินฝัน!! ก็จะได้เหินฟ้ากลับไปซุกอกพ่อกับแม่ และเริ่มต้นชีวิตใหม่ในการตอบแทนคุณแผ่นดิน ให้สมกับที่ทุกคนฝากความหวังไว้ ด้วยการมอบทุนการศึกษาให้กับคนจนที่อยากเล่าเรียนได้ไล่ตามความฝันของเขา
“ไม่ต้องเยอะ ผมไม่ชอบเพชรที่มันเยอะเกิน ขอเด่นๆ แค่เม็ดสองเม็ดพอ แต่ขอขนาดอลัง!! หน่อยก็แล้วกัน ผมจะเอาไปหมั้นผู้หญิง” ฟาเบียนพูดเสียงร่าเริง เขามโนภาพแหวนเพชรเม็ดงามที่กำลังจะไปประดับบนเรียวนิ้วเรียวของแคทเทอรีน เป็นตัวแทนความรัก!!
ใช่เหรอ? เขารักเธอเหรอ...ความรู้สึกเช่นนั้นเขารู้สึกแบบนั้นกับแคทเทอรีนจริงนะเหรอ ฟาเบียนสับสน เขาไม่ค่อยแน่ใจว่าตัวเองรู้สึกผูกพันกับแคทเทอรีนจริง!! เพียงแต่ในนาทีนี้ไม่มีใครเหมาะกับเขาเท่าเธอ เมื่อแคทเทอรีนคือทายาทของฟลอเรีย...มันต้องเป็นเงินต่อเงิน...ธุรกิจในมือจะได้พัฒนาเพิ่มขึ้น
ศินาราแอบเบ้ปาก คนรวยนี่ทำอะไรก็เวอร์วัง!! สั่งทำแหวนเพชรเพื่อเอาไปหมั้นผู้หญิง ขนาดคงพอๆ กับไข่ไก่เชียวแหละ เมื่อเขาคือ ฟาเบียน โดโรธีย์...
เธอล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อคลุม หยิบแหวนที่เก็บได้ขึ้นมาจ้องมอง นี่ก็ไม่ใช่น้อยแล้วนา...มันสวยเสียจนเธอตาพร่า และแอบอิจฉาคนที่เป็นเจ้าของ ตัวเรือนคงทำจากทองคำขาว เมื่อมันสุกปลั่งไม่แพ้ประกายแสงเพชร ตรงกลางมีเพชรเม็ดเป้งๆ ล้อมกรอบด้วยเม็ดเล็กๆ เรียงเป็นพรืด!! นี่ก็สวยสุดๆ แล้วที่หมอนั่นสั่งทำใหม่จะสวยเลิศเลอค่าขนาดไหน เธอไม่เคยหยิบแหวนวงนี้ออกมาดูชัดๆ สักทีเพราะกลัวตัวเองเกิดความโลภ จนไม่อยากส่งคืนเจ้าของ วันนี้พึ่งจะหยิบออกมาดูเป็นครั้งแรก เธอพึ่งเห็นว่ามันมีอักษรสลักไว้ที่ตัวเรือน
F&C มันคงหมายถึง ฟาเบียนกับแคทเทอรีนนะสิ น่าอิจฉาจังเลย... ถึงเธอจะไม่ค่อยชอบฟาเบียน เพราะลุคของเขาดูโฉด เถื่อน แววตาถือดีและแสนจะเอาแต่ใจ ก็เขาเคยแต่บงการคนอื่น ไม่เคยก้มศีรษะให้ใคร มันจึงไม่แปลกที่เขาจะดูร้ายกาจ แต่เมื่อทั้งสองคนยืนคู่กัน มันคือภาพในหน้าหนังสือนิทาน ระหว่างเจ้าหญิงผู้เลอโฉม กับอัศวินผู้เหี้ยมหาญ ผิดกับเธอเป็นอย่างมาก อย่างตัวเธอเองก็เป็นได้แค่ชาวนาจนๆ ที่ต้องเช่าที่ทางของอัศวินเพื่อหาเลี้ยงปากท้องตัวเอง เป็นคนเลี้ยงห่านตัวดำๆ ที่อยู่กับปรักโคลน...ผิดกันราวกับฟ้ากับเหว...
“เห้อ!!”
เธอยกแหวนขึ้นชูและบังเอิญแสงไฟส่องกระทบ จนเกิดประกายแสง และแสงนั้นสะท้อนบังเอิญเข้านัยน์ตาของฟาเบียนพอดี ชายหนุ่มหันมามอง... เขาขมวดคิ้วนิดๆ มองแสงวิบวับที่สะท้อนรอดออกมาจากมุมตึกตรงหน้า เงาดำๆ ที่กองขยุกขยุยนั่นอีกมันน่าสงสัยจนอดไม่ได้ที่จะเดินไปดู
โกรธ!! ความรู้สึกแรกที่ฟาเบียนรู้สึก เขาโกรธจัดจนแทบกระอัก!! แทบจะตรงเข้าไปกระชากคนที่นั่งคุดคู้อยู่ให้ลุกขึ้นยืน และถลุงด้วยกำปั้นให้หมอบราบ เพราะ!! ไอ้สิ่งที่มันถืออยู่ในมือ คือแหวนที่เขาสั่งทำขึ้นมาเพื่อมอบให้แคทเทอรีน แล้วเขาพึ่งมอบให้เธอไป นี่คือสิ่งที่แคทเทอรีนกำลังกระวนกระวายใช่ไหมล่ะ...
แต่มันกลับไปอยู่ในมือของไอ้ขยะนั่นได้อย่างไร?
เขายกโทรศัพท์ส่วนตัวขึ้นเก็บภาพของไอ้หมอนั่น ฟาเบียนใจเย็นพอที่จะไม่เข้าไปกระชากแหวนวงสวยออกมาจากมือของมัน!! เขาขยายภาพดู จนรู้ว่าที่เขาเห็น มันไม่ใช่ผู้ชาย...แต่ไอ้ที่กองเขระขระเหมือนขยะตรงหน้าเขานี่ เป็นหล่อน!! ผู้หญิงใบหน้าขะมุกขะมอม ไม่มีเครื่องสำอางบนใบหน้า แต่ขนตาหล่อนงอนเช้งชะมัดยาด... ริมฝีปากอิ่มรูปกระจับ รวมๆ แล้วก็ดูดีไม่ใช่เล่น...แต่สกปรกเกินกว่าจะคว้ามาควง...เห้ย!! เขาคิดอะไรกับโจร ถ้าจะบ้า!!
ฟาเบียนสะบัดหน้าไล่ความคิดฟุ้งซ่าน
เขากดโทรศัพท์อีกครั้งแต่ครั้งนี้คือการสั่งงานลูกน้อง โดยส่งภาพผู้หญิงลึกลับ...ที่กำลังครอบครองแหวนของเขาอยู่ให้บอดี้การ์ดของตัวเองคอยจับตามอง... “เกรย์...ตามสืบประวัติคนในภาพนี่ให้หน่อย ขอรายละเอียดชัดๆ อยู่ที่ไหน? ทำอะไร? เป็นใคร?” เขาสั่งงานจบก็กดวางสาย เหลือบมองขยะสกปรกก้อนนั้นอีกครั้งหมิ่นๆ แล้วจึงหมุนตัวเดินกลับเข้าไปด้านในร้านอาหาร เขาต้องรู้เสียก่อนว่าแหวนของเขาตกไปอยู่ในมือของผู้หญิงคนนั้นได้ยังไง?
และแคทเทอรีนจะต้องตอบ...
Chapter .17 เริ่มชีวิตใหม่ด้วยความรักที่มีทั้งหมด “เบาๆ ลดหวานลงนิดได้ไหมว่ะเอ็ด...เห็นแล้วหมั้นไส้...เบาหวานจะถามหาเอานะสิ น้ำตาลตกเกลื่อนใต้โต๊ะแล้วมั่งนี่” ฟาเบียนกล่าวสัพหยอกอเดล เพราะหลังจากหลบไปคุยกันตามลำพังสองคน ไอ้ตัวแสบกลับมาพร้อมกับข่าวดี ถึงไม่ดีที่สุด แต่ก็เป็นข่าวดีมากๆ สำหรับมันแล้วล่ะ “อิจฉาล่ะสิ ทีแกหวานกับศิริน...ยังไม่ว่าสักคำ คนกำลังอินเลิฟอะ...แค่นี่นิดหน่อยเอง...ไม่เหมือนคุณนี่ฟาเบียนหากกลืนศิรินลงท้องได้คงทำแล้วใช่ไหมล่ะ” “นี่ถ้าไม่ติดว่ากำลังระดมความคิดนะเอ็ด!! ผมไล่คุณกับหนูปิ่นกลับบ้านไปแล้วล่ะ...อยากหวานกะเมีย...รำคาญลูกกะตาคนอื่น...” ฟาเบียนพูดเสียงแผ่วๆ เพราะภรรเมียถลึงตาใส่ แถมแยกเขี้ยวขู่ที่เขาพูดจาไม่น่าฟัง “เยอะนะเรา...เพลาหื่นลงบ้า
Chapter .16 วูบ!! หมดกันอิสรภาพ เปลือกตากะพริบถี่ๆ ก่อนจะเปิดกว้าง ร่างบอบบางทะลึ่งพรวดลุกขึ้นนั่ง เธอก้มหน้าลงสำหรวจร่างกายเร็วรี่ เมื่อสติที่ลอยๆ เลอะๆ เลือนๆ ย้อนกลับคืนมา “พูว์!!” เสียงลมหายใจแรงๆ ที่พ่นออกมาจากปลายจมูกโด่งพอควร เธอเป่าลมออกจากปากและรีบกระเด้งตัวลงจากเตียงนอนหนานุ่ม เหมือนกับว่ากำลังนั่งทับกองไฟขนาดย่อมๆ “ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกน่า...เธอเป็นลม!!...แค่ผมจูบหน้าอก แค่นั้น” เสียงขุ่นๆ ดังกังวานอยู่ด้านหลัง ปิ่นเกสรรีบหมุนตัวไปมอง ก่อนจะรีบถอยหลังกรูดๆ เมื่อบุคคลอันตราย ยืนจังก้าอยู่ตรงนั้น... “กะ...ก
Chapter .15 หัวใจโบยบินและจะไม่มีวันหวนคืน อเดลยิ้มกว้าง เมื่อเพื่อนรักโทรศัพท์มารายงานความคืบหน้า เขาเดาได้ตั้งแต่ได้ยินเสียงของมันแล้วล่ะ เสียงหัวเราะที่สอดแทรกมาตามสายโทรศัพท์ แสดงให้เห็นว่าความพยายามของฟาเบียนสัมฤทธิ์ผล...และมันเป็นข่าวดี!! “สูทคุณไม่เป็นหมันแล้วนะเอ็ด!! เตรียมแต่งหล่อมางานผมได้เลย ศิริน โอเคแล้ว...” “อืม...ดีแล้ว ยินดีด้วยนะฟาเบียน ต่อไปก็ใจเย็นๆ ล่ะ อย่าวู่วามอีก คนๆ เดียวกัน มีอะไรต้องคุยกันให้เข้าใจ ไม่ใช่ประชดประชัน...” อเดลก็ยังเป็นอเดลคนเดิม เขายังไม่วายเป็นห่วง คอยเตือนเพื่อนรักบ่อยๆ “รู้แล้วน่า...ต่อไปไม่มีอีกแล้ว ผมรู้แล้วล่ะว่าอารมณ์ไม่ช่วยอะไรเลย มีแต่แย่ลง...” 
Chapter .14 ยุทธการง้อเมีย แขกหน้าเดิมมาทุกวัน แค่สั่งอาหารมาเต็มโต๊ะ และนั่งละเลียดไวน์เพียงอย่างเดียว โดยที่ไม่ได้ตามตอแยศินาราอย่งที่เธอนึกหวั่นๆ เขามาทุกวันเป็นประจำ และทำอยู่แบบนี้จนพนักงานในร้านเริ่มซุบซิบ มีสายตาหลายคู่มองมาที่เธอ มีความสงสัยปนอยู่ในหน่วยตาเหล่านั้น เพียงแต่ยังไม่มีใครใจกล้าพอ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนั้นไม่มีใครเห็น “ศิริน...มหาเศรษฐีนั่นมาอีกแล้ว” เสียงเพื่อนสาวคนเดิมเอ่ยเบาๆ เธอมักจะแวะมาพูดคุยกับศินาราเป็นประจำเพราะเป็นคนไทยเหมือนกัน “อืม...” เธอพยักใบหน้ารับรู้ และทำงานต่อพยายามไม่ใส่ใจกับเขานัก “แปลกเนอะ!! ก็ไหนบอกว่าเขางานยุ่งไม่ใช่เหรอ? มาตั้งแต่ร้านเปิดยันปิดร้าน...ข้าวปลาไม่กิน กินแต่ไวน์ อย่างนี้ร่างกายจะไหวเหรอ?” เ
Chapter .13 จะลบใคร? สักคนออกจากหัวใจมันง่ายหรือไง ‘ฉันไม่รู้...ว่ารักมันหายไปเมื่อไร? รักเอยอยู่ไหน โปรดกลับมาที่ตรงนี้...ไม่มีเธอแล้ว ใจของฉันไม่ค่อยดี...หัวใจดวงนี้ มันคอยเรียกหาแต่เธอ... *สุดขอบฟ้าหรือว่าที่ตรงไหน...จะตามไป ให้เจอเธออีกครั้ง* ...อยากให้รักคืนมาหา...จะตามรักคืนมาสู่หัวใจ...แต่ไม่รู้ว่าจะได้เจอเมื่อไร...เธอเคยรู้บ้างไหม? ไม่มีวันไหน ที่คนๆ นี้...จะไม่คิดถึงเธอ... ฟ้าตรงนี้ ไม่สวยเหมือนคืนวันก่อน...ทุกคืนก่อนนอน...บอกกับดาวว่าคิดถึง... ...ขอเพียงพบ ได้บอกรักสักครั้งหนึ่ง...ให้ใจได้ซึ้ง...กับรักที่หายไป **อยู่ที่ไหน? รู้ไหมฉันตามหา...โปรดกลับมา มาเจอ
Chapter .12 น้ำตาตกใน ศินาราถอยหลังกรูด หัวใจเจ็บแปลบ เหมือนมีเข็มแหลมๆ คอยทิ่มแทงจนเลือดโทรม ภาพชวนฝันของหนึ่งหญิงหนึ่งชาย คู่ที่เหมาะสมเหมือนเจ้าหญิงสวยสง่ากับเจ้าชายผู้เข้มแข็ง เขาและเธอทำให้ตัวเองดูด้อยค่า เธอมองภาพนั้นด้วยหัวใจรวดร้าวและไม่อาจฝืนทนดูอีกต่อไปได้ จึงรีบฉีกตัวเดินหนี...ขาเรียวสั่นระริก แทบจะทรุดตัวลงไปนั่งร่ำไห้ ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่น เธอกัดกระพุ้งแก้มจนเป็นแผล กลั้นก้อนสะอื้นที่ตีตื้นขึ้นมาจุกคอหอย กลืนความเจ็บแปลบทั้งหมดกลับไปเก็บไว้ที่เดิม เมื่อเธอไม่มีสิทธิโวยวายหรือต่อว่าเขาสักนิด เมื่อตัวเองเป็นผู้ต้องสงสัยที่ยังไม่สามรถหาข้อคัดง้างมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองได้ ไหนจะตกเป็นรองทั้งตัวและหัวใจ มันเจ็บช้ำแปลบปราบไปทั้งตัว เมื่อเห็นคนที่เป็นสามีทางพฤตินัย มีความสัมพันธ์แนบชิดกับผู้หญิงคนอื่น รอยแผลครั้งนี้บาดผิวกายจนเลือด
ความคิดเห็น