LOGINในตอนเย็นกุสุมาที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องนั่งเล่นเธอได้ยินเสียงรถวิ่งเข้ามาจอด จึงวางหนังสือลงเตรียมตัวลุกขึ้นไปต้อนรับเจ้าของบ้าน
แต่คนที่เดินเข้ามากลับเป็นหญิงสาวสวยคนหนึ่งที่แต่งตัวดูดีแต่งหน้าสวยจนกุสุมาแอบคิดว่าเธอเป็นดารา
“ชารุกอยู่ไหม” เธอถามขึ้นแล้วปรายตามองมาที่กุสุมาอย่างไม่ชอบใจนัก
บุหงาที่เดินออกมาดูจึงยืมก้มหน้าอยู่ด้านหลังของกุสุมา ไม่ได้ตอบอะไรไปเพราะอัญรัตน์ถามกุสุมาไม่ได้ถามเธอ
“ยังไม่กลับค่ะ” กุสุมาตอบแล้วส่งยิ้มให้อย่างสุภาพและเป็นมิตร
“ดูจากการแต่งตัวแล้วเธอคงไม่ใช่คนรับใช้ของที่นี่”
ฟังจากน้ำเสียงที่ดูเย่อหยิ่งและถือตัวของอีกฝ่ายทำให้กุสุมายกยิ้มขึ้นมา เข้าใจแล้วว่าเขาจ้างเธอมาเป็นคนรักเขาทำไม ที่แท้ก็คงเป็นเพราะมีผู้หญิงคนนี้นี่เอง
“ตายจริง ฉันลืมแนะนำตัวไปเลย ฉันชื่อแก้วนะคะเป็นคนรักของคุณชารุก” กุสุมาแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานแล้วยิ้มให้กับอีกฝ่าย
อัญรัตน์รู้สึกตกใจที่ได้ยินอย่างนั้น หากแต่เธอก็ไม่เชื่อและคิดว่าผู้หญิงคนนี้ก็คงเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่กำลังพยายามเข้าหาชารุกเหมือนกัน
“เธอก็มารอชารุกเหมือนกันเหรอ ถึงได้ออกมาต้อนรับฉันเพราะคิดว่าเป็นเขาสินะ”
“เปล่าค่ะ ฉันไม่ได้มารอเขาค่ะ ฉันพักอยู่ที่นี่ ถ้ายังไงจะเข้าไปนั่งคุยกันข้างในก่อนไหมคะ” กุสุมาเชื้อเชิญเธอด้วยความสุภาพ ทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี
อัญรัตน์เห็นอย่างนั้นจึงเดินเข้าผ่านหน้ากุสุมาเข้าไป รู้สึกไม่พอใจกับสถานะที่หญิงสาวอีกคนแนะนำตัวเป็นอย่างมาก
“ฉันชื่ออัญเป็นผู้หญิงของชารุก”
กุสุมาแกล้งทำเป็นตกใจที่ได้ยินอย่างนั้น เธอเอามือกุมหน้าอกแล้วค่อยๆ นั่งลงโซฟายาวตรงกลางเพื่อแสดงถึงความเป็นเจ้าบ้าน
“ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคุณชารุกมีผู้หญิงอีกคน เห็นทีว่ากลับมาจะต้องพูดกันให้รู้เรื่องแล้ว” กุสุมาแสร้งทำเป็นพูดอย่างตกใจและไม่พอใจเล็กน้อย แต่ไม่ได้แสดงท่าทีเกลียดชังอัญรัตน์เลยสักนิด
“ที่เธอบอกว่าเธอพักอยู่ที่นี่หมายความว่ายังไง”
“มันต้องมีความหมายด้วยเหรอคะ คนรักกัน มาอยู่บ้านหลังเดียวกัน ห้องเดียวกัน เตียงเดียวกัน ใช้ข้าวของเครื่องใช้ร่วมกัน” กุสุมาถามแล้วทำหน้าซื่อ ยิ่งทำให้อัญรัตน์รู้สึกหงุดหงิด
“เธอเป็นลูกเต้าเหล่าใครกันล่ะ ทำไมชารุกถึงได้คว้าเอาผู้หญิงอย่างเธอมาอยู่ในบ้านกับเขาด้วย นางบำเรอเหรอ”
คำถามของอัญรัตน์ทำให้กุสุมาถึงกับสะอึก แต่ก็ทำเป็นยิ้มสู้แล้วนึกภาษาละครน้ำเน่ามาใช้
“ความรักของคนสองคนไม่เกี่ยวกับพ่อกับแม่นี่คะ หรือว่าคุณคิดว่าจะชนะใจผู้ชายด้วยกันเอาพ่อแม่มาบีบบังคับให้เขามอบความรักให้อย่างนั้นเหรอ ฟังดูตลกนะคะ”
อัญรัตน์กำมือแน่น แต่ก่อนที่เธอจะพูดตอบโต้อะไรออกไปเสียงรถของชารุกก็วิ่งเข้ามาจอดเสียก่อน
“แล้วเราจะได้เห็นดีกัน ว่าที่เธออ้างว่าเป็นคนรัก มันจริงหรือแค่อวดอ้าง” เธอปรามาสเอาไว้แล้วลุกขึ้นไปต้อนรับชารุก กุสุมาเห็นดังนั้นจึงลุกตามออกไปบ้าง
“กลับมาแล้วเหรอคะชารุก อัญมารอตั้งนานแน่ะ” เธอพูดแล้วยืนมองเขาด้วยท่าทางที่ตื่นเต้นดีใจที่ได้เจอหน้า
กุสุมาเดินเข้าไปถอดเสื้อสูทให้กับเขาแล้วนำมันพาดไว้ที่แขนของเธอ “กลับมาเหนื่อยๆ เดี๋ยวแก้วไปเอาน้ำเย็นๆ มาให้ดื่มนะคะ”กุสุมาบอกอย่างเอาใจ
เธอส่งเสื้อสูทให้บุหงานำไปเก็บ แล้วเดินเลี่ยงออกไปนำน้ำดื่มมาให้เขา
“แม่นั่นบอกว่าเป็นคนรักของคุณ หมายความว่ายังไงคะ”
“ตามนั้น” ชารุกตอบเสียงเรียบ
“ไม่จริง”
“แล้วทำไมผมจะต้องมานั่งอธิบายให้คุณเชื่อหรือไม่เชื่อ นี่มันเรื่องส่วนตัวของผม” เขาบอกอดีตคนรักแล้วมองเธอด้วยนัยน์ตาคมเข้มของเขาแสดงถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน
กุสุมาถือแก้วน้ำมาให้เขาด้วยรอยยิ้มที่แสนหวาน ชารุกรับไว้แล้วดื่มจนหมดแก้ว เขาส่งยิ้มให้กุสุมาที่กำลังแสดงตัวเป็นคนรักช่างเอาใจอยู่ในตอนนี้
“ถ้าคุยกับแขกเสร็จแล้ว คุณขึ้นไปอาบน้ำก่อนลงมาทานข้าวนะคะ วันนี้ป้าบุหลันทำของโปรดของคุณเอาไว้ด้วย”
“นึกว่าคุณจะเป็นคนทำให้ผมทานเสียอีก” เขาหันไปพูดด้วยเสียงอันนุ่มนวลกับเธอ ทำให้อัญรัตน์ยิ่งกำมือแน่นด้วยความริษยา
“แก้วต้องเรียนรู้งานครัวอีกเยอะค่ะกว่าจะกล้าลงมือทำให้คุณทานได้ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะยังไงคุณต้องได้ทานฝีมือของแก้วแน่” เธอยิ้มให้อย่างอ่อนหวาน ก่อนที่จะหันไปทางอัญรัตน์
“เชิญตามสบายนะคะ แก้วจะต้องขอตัวไปเตรียมน้ำในอ่างให้คุณชารุกก่อน” กุสุมาบอกกับเธอแล้วหันไปทางชารุกแล้วยิ้มหวานให้กับเขา
“รีบตามมานะคะ แก้วเองก็เหนียวตัวจะแย่อยู่แล้ว” หญิงสาวบอกเขาแล้วทำท่าทีเอียงอายก่อนจะเดินกรีดกรายขึ้นบันไดไป ทำให้ชารุกนั้นเผลอมองตามท่าทียั่วยวนนั้นจนลอบกลืนน้ำลาย
“ถ้าไม่มีธุระอะไรผมขอขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะ” ชารุกพูดกับอัญรัตน์ หากแต่ตามองตามหลังกุสุมาไปอย่างไม่วางตา
“อัญมีเรื่องอยากคุยกับคุณ งั้นอัญขอทานข้าวด้วยนะคะ เดี๋ยวทานเสร็จเราค่อยคุยกัน หวังว่าคงไม่ไล่แขกกลับไปเสียก่อนนะคะ” เธอพูดดักคอเขาเอาไว้
“ได้สิเชิญตามสบาย ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวขึ้นไป ‘อาบน้ำ’ ก่อนก็แล้วกัน ป่านนี้แก้วคงรอแล้ว” ชารุกเน้นคำพูดเป็นนัยให้รู้ว่าเขาไม่ได้ขึ้นไปแค่อาบน้ำอย่างเดียวแน่
อัญรัตน์กำหมัดแน่น เธอทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟาจะถอยกลับตอนนี้มันก็คงจะดูเหมือนยอมแพ้
“คนอย่างฉันไม่มีวันยอมแพ้อะไรง่ายๆ หรอก คอยดูเถอะจะทำให้เก็บของออกจากบ้านแทบไม่ทันเลย”
**********************
ชารุกตามขึ้นมาแล้วเข้าไปยืนอยู่ที่ด้านหลัง กุสุมาหันหน้ามามองเขาแล้วยิ้มให้
“ไหนล่ะ น้ำในอ่างที่เปิดไว้รอ”
“มีที่ไหนกันคะ รีบอาบน้ำเถอะค่ะ จะได้ลงไปทานอาหาร”
“งั้นผมไม่อาบแล้วล่ะ อาบไปก็มีกลิ่นอาหารติดตัว งั้นลงไปกินตอนนี้ดีกว่า อัญเขาจะได้รีบกลับ”
“เธออยู่ทานอาหารกับเราเหรอคะ” กุสุมาถามแล้วทำหน้ากังวล
“ไม่ต้องห่วงหรอก คุณทำได้ดีมากเลย” ชารุกเดินเข้ามาชิดจนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ของเขาที่รดรินใบหน้าของเธออยู่
กุสุมาดันตัวเขาออก เขาชอบทำให้เธอใจเต้นอยู่เรื่อยจนแอบคิดไม่ได้ว่าจริงๆ เธออาจโชคดีเหมือนในละคร โชคดีที่มาเฟียซื้อตัวไปแล้วกลายเป็นภรรยาของมาเฟียอะไรแบบนั้น
“ลงไปกันเถอะ” เขาโอบเอวของเธอเดินลงไปพร้อมกับเขา
อัญรัตน์มองภาพสองคนนั้นเดินลงมาด้วยกันแล้วเปลี่ยนใจจะกลับไปตั้งหลักก่อน
“พอดีคุณพ่อโทรตามแล้ว อัญคงไม่ได้อยู่ทานข้าวด้วย เอาไว้วันหลังนะคะ” อัญรัตน์ปั้นหน้ายิ้มให้กับอดีตคนรัก
“อืม” ชารุกครางตอบรับว่าเขารับทราบแล้วรั้งตัวของกุสุมาให้เดินผ่านหน้าอัญรัตน์ไปที่ห้องอาหาร โดยไม่สนใจมองเธอสักนิด
“ชารุกคะ อัญบอกว่าอัญจะกลับแล้ว” เธอร้องเรียกเขาจากด้านหลัง
ชารุกหยุดเดินแล้วหมุนตัวมามองเธอด้วยสายตาที่ไร้ความรู้สึก แล้วถามด้วยน้ำเสียงที่ดูหงุดหงิด “แล้วไงครับ ต้องให้ผมเดินไปเปิดประตูรถให้หรือเปล่า หรือว่าต้องการให้ผมขับรถตามไปส่งคุณที่บ้าน”
“นี่คุณกล้าหักหน้าฉันต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นเหรอคะ”
“แค่นี้ไม่เรียกว่าหักหน้าหรอก หนีงานหมั้นไปกับคนอื่นต่างหากล่ะที่เรียกว่าหักหน้ากัน” ชารุกพูดถึงสิ่งที่เธอเคยทำกับเขาเมื่อสามปีที่แล้ว
อัญรัตน์หน้าชากับสิ่งที่เขาพูด ในตอนนั้นเธอทิ้งงานหมั้นไปกับผู้ชายชาวต่างชาติที่เธอกำลังแอบคบซ้อนทางโลกออนไลน์
อีกฝ่ายโกหกว่าตัวเองเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวยเป็นอันดับต้นๆ ของโลก เธอจึงตัดสินใจทิ้งชารุกในวันที่จัดงานหมั้น แล้วบอกเลิกเขาต่อหน้าคนทั้งงานแล้วเดินออกจากงานไปกับหนุ่มตาน้ำข้าวที่ขับรถหรูมารับ กว่าจะรู้ว่าถูกหลอกก็ตอนที่เขาบินหนีกลับประเทศไป
ชารุกเดินไปที่ห้องทานอาหารโดยมีกุสุมาเดินตามไป ทิ้งให้อัญรัตน์ยืนนิ่ง อับอายเมื่อเจอคำพูดถากถางในสิ่งที่เธอเคยทำกับเขาเอาไว้
**********************
ในตอนเช้ากุสุมาตื่นมาด้วยอาการปวดระบมที่สะโพก เมื่อคืนนี้ชารุกวาดลวดลายกับเธออย่างไม่รู้จักอิ่มจนตอนนี้เธอรู้สึกหน่วงอยู่ภายใน สายตาจับจ้องมองดูนายหัววัยสามสิบหกด้วยสายตาที่หลงใหลความใกล้ชิดและสิ่งที่เขาแสดงละครทำดีกับเธอ ประกอบกับบทรักที่เขามอบให้มันทำให้เธอรู้สึกดีกับเขาเป็นอย่างมาก แต่ก็เพียงรู้สึกดีเท่านั้น กุสุมาไม่กล้าที่จะคิดอะไรเกินเลยไปกว่านี้เพราะเขาชัดเจนแล้วว่าเธอจะได้รับสิทธิ์คนรักของเขาทุกอย่าง ยกเว้นความรักและการแต่งงานที่เขาจะไม่มีวันยกมันให้กับเธอ“คุณชารุกคะ ตื่นได้แล้วค่ะ” เธอปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมาชารุกดึงเธอเข้าไปกอดแล้วลูบกลุ่มผมที่ตกลงมาบังแก้มของเธอด้วยความเอ็นดู “เมื่อคืนผมมีความสุขมาก”“ค่ะ” เธอตอบรับแล้วก้มลงยิ้มอย่างเอียงอาย“จริงสิคุณอายุเท่าไรแล้วถึงยี่สิบห้าหรือยัง” เขาถามเธอแล้วลูบไล้ที่ต้นแขน ตอนนี้มองเธอเป็นแค่ของเล่นชิ้นโปรดของตนเท่านั้น“แก้วอายุยี่สิบค่ะ อีกสามเดือนก็จะอายุยี่สิบเอ็ดแล้ว” เธอตอบเขาไปตามความจริงชารุกนิ่งอึ้งไปสักพักมองดูหญิงสาวตรงหน้าที่เขาคิดว่าเธอแค่หน้าเด็กมาโดยตลอดเลยไม่ฉุกใจคิดว่าเธออายุน้อยจริงๆ“สีหน้าคุณไม่ค่อยดีเลยนะคะ หรือ
ทันทีที่ประตูรั้วบ้านถูกเปิดออก รถชารุกก็แล่นเข้ามาจอดโดยมีรถของอัญรัตน์ขับตามเข้ามาติดๆ“นั่นรถของคุณอัญไม่ใช่เหรอคะ”“อืม อย่าลืมทำหน้าที่ของคุณให้ดีก็แล้วกัน” ชารุกย้ำด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด เมื่ออดีตคนรักยังพยายามที่จะมาตามตื๊อเขา ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขามีกุสุมาอยู่ข้างกายแล้วนายหัววัยสามสิบหกเดินลงจากรถแล้วอ้อมมาเปิดประตูให้กุสุมาด้วยสีหน้าที่ปรับเป็นนุ่มนวลและอบอุ่นจนเธอเผลอใจเต้นไปกับเขาไม่ได้อัญรัตน์ที่เดินลงมาจากรถเธอรีบตรงเข้าไปทักทายเขาแล้วมองกุสุมาที่คล้องแขนของเขาเอาไว้ด้วยสายตาที่ไม่พอใจ“มีธุระอะไรกับผมหรือเปล่า”“อัญจะมาเรือนหอของเราไม่ได้เลยเหรอคะ” เธอถามด้วยน้ำเสียงที่ยียวน ตั้งใจพูดให้กุสุมารู้ว่าเธอกับเขานั้นเคยมีความทรงจำร่วมกันที่นี่“คุณเข้าบ้านไปก่อนนะแก้ว” ชารุกหันไปพูดกับเธอเสียงนุ่มแล้วยิ้มให้เธอด้วยความอ่อนโยน ก่อนจะหันไปมองอัญรัตน์ด้วยสายตาที่แข็งกร้าว“ผมมีเรื่องต้องเคลียร์กับเธอนิดหน่อย” เขาพูดเสียงเข้ม“ถ้างั้นรีบตามมานะคะ แก้วจะขึ้นไปอาบน้ำรอคุณข้างบน” กุสุมาพูดแล้วอมยิ้มด้วยความกระดากในสิ่งที่ตนเองพูดไป แก้มของเธอแดงเรื่ออมยิ้มให้กับเขาอย่างมีความหมาย“
เมื่อกลับมาถึงฝั่งชารุกได้พากุสุมาไปที่รีสอร์ตริมทะเลของตนต่อเพราะไม่อยากเสียเวลาพาเธอย้อนกลับไปส่งบ้าน และอยากเปิดตัวเธอในฐานะคนรักของตนอย่างเป็นทางการ“ให้แก้วช่วยทำอะไรไหมคะ”“ช่วยนั่งเป็นกำลังใจให้ผมก็พอ” เขาพูดเป็นนัยถึงสิ่งที่พูดอยู่บนเกาะทำให้กุสุมายิ้มออกมาที่เขารู้จักพูดหยอกล้อกับเธอ“แล้วอย่าลืมนะว่าคุณอยู่ในฐานะคนรักของผม แค่ทำตัวให้ดูดีและแสดงความเป็นเจ้าของผมเท่านั้นก็พอ” เขาพูดตัดความหวังเธอด้วยการบอกว่าทั้งหมดมันคือหน้าที่ แล้วนั่งดูเอกสารที่วางบนโต๊ะในตอนนั้นเลขานุการของเขาก็เคาะห้องแล้วเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม “นายหัวจะรับกาแฟเพิ่มไหมคะ”“ไม่ล่ะ แค่จะแวะมาเซ็นเอกสารเดี๋ยวก็กลับแล้ว”“แล้วแขกของนายหัวล่ะคะ” เธอถามแล้วหันมายิ้มให้กับกุสุมาเล็กน้อย“คุณจะรับน้ำส้มหรือกาแฟไหม” เขาหันมาถามเธอด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล“แก้วขอน้ำส้มก็ได้ค่ะ”“ถ้าอย่างนั้นเอาน้ำส้มมาให้คุณแก้ว” ชารุกหันไปบอกกับเลขาของตนด้วยน้ำเสียงที่แตกต่างกับที่พูดกับกุสุมา ทำให้เลขานุการสาวพอเดาออกว่าหญิงสาวคนนี้ต้องเป็นคนสำคัญของเจ้านายของตนแน่นอน“คุณต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอคะ” กุสุมาพูดกับเขาหลังจาก
ชารุกนำเรือเร็วส่วนตัวของตนเองขับพากุสุมาไปยังเกาะที่มีรีสอร์ตของครอบครัวที่ตอนนี้เขากำลังดูแลอยู่ระหว่างทางเขาได้พูดถึงน้องสาวของเขาให้กับเธอฟังคร่าวๆ ว่าชารียาเป็นคนที่หัวอ่อนและจิตใจดี ส่วนสามีของเธอก็เป็นคนดี ทั้งสองจึงไม่ค่อยทันคนและเขาจึงต้องยื่นมือมาช่วยเรื่องการบริหารทั้งๆ ที่แบ่งชัดเจนแล้วว่ารีสอร์ตบนเกาะนั้นให้เป็นความดูแลของน้องสาวและน้องเขยของเขาเองกุสุมาไม่เข้าใจว่าเขาจะเล่าเรื่องนี้ให้เธอฟังไปทำไม แต่ก็ต้องรับฟังเอาไว้เพราะคิดว่าเขาต้องมีเหตุผลที่เล่าแน่“ปัญหารำคาญใจทุกครั้งที่ผมต้องเข้ามาดูแลรีสอร์ตแห่งนี้ นั้นก็คือน้องสาวของภาคิน เธอชอบพอผมและชารียาเองก็เชียร์ให้ผมกับเธอลงเอยกัน” ชารุกเริ่มโยงมาถึงเรื่องที่เขาต้องการให้เธอช่วยแล้ว “ที่แท้ผู้หญิงอีกคนที่คุณต้องการให้ฉันมาแสดงตัวว่าเป็นคนรัก ก็คือน้องสาวของน้องเขยของคุณอย่างนั้นเหรอคะ”“ใช่แล้ว เพราะความใจอ่อนและขี้สงสารของน้องสาวผมนั่นแหละทำให้เธอต้องคอยช่วยเหลือผู้หญิงคนนั้นด้วยความเกรงใจ และผมเป็นคนที่รักน้องสาวมาก บางทีก็ปฏิเสธเธอไม่ได้ มันจึงทำให้ผมอึดอัดทุกครั้งที่มาที่นี่” ชารุกไม่อยากพูดให้ผู้หญิงดูไม่ดี แต่ห
หลังจากที่อัญรัตน์กลับไปแล้วชารุกก็ดูจะนิ่งเงียบและดูเคร่งขรึมไปกว่าเดิมจนกุสุมาไม่กล้าที่จะชวนเขาพูดคุย เธอจึงได้แต่ทานอาหารไปเงียบๆพอทานอาหารเสร็จแล้วเขาก็ยังคงทำหน้าเคร่งเครียดอยู่ เธอพอเดาได้จากบทสนทนาระหว่างเขากับอัญรัตน์ก่อนหน้านี้ ว่าเธอเคยเป็นคนรักของเขาที่เกือบจะได้หมั้นกันและเธอได้ทิ้งเขาไปในงานหมั้น แต่เธอคงจะไปไม่รอดจึงได้หวนกลับมาหาเขา“คุณขึ้นไปอาบน้ำเข้านอนก่อนเลยนะ” เขาบอกเธอเสียงเรียบแล้วเดินไปที่เคาน์เตอร์เครื่องดื่มด้านหลังชาวหนุ่มนำเครื่องดื่มออกมาเทดื่มด้วยความหงุดหงิดและอารมณ์เสีย กุสุมาจึงรีบลุกจากโต๊ะอาหารแล้วขึ้นห้องไปก่อนตามที่เขาบอกดูจากการที่เขาดื่มเหล้าเพื่อดับอารมณ์หงุดหงิด เธอจึงคิดเอาเองว่าเขาคงยังมีใจให้กับอัญรัตน์อยู่ แต่คงโกรธแค้นที่ตนเองถูกทิ้งไปจึงพาตัวเธอมาแก้แค้นผู้หญิงคนนั้นด้วยการบอกว่าเป็นคนรักของเขาเพื่อให้อีกฝ่ายเจ็บช้ำชารุกเดิมเครื่องเดิมสีอำพันในมือด้วยความโกรธแค้น หลายต่อหลายครั้งที่อัญรัตน์มาตามตื้อขอคืนดีกับเขา เขาได้บอกเธอไปอย่างชัดเจนแล้วว่าทุกอย่างมันไม่สามารถกลับคืนไปเหมือนเดิมอีกแล้วทุกครั้งที่เจอหน้าเธอเขารู้สึกเจ็บใจในสิ่งที
ในตอนเย็นกุสุมาที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องนั่งเล่นเธอได้ยินเสียงรถวิ่งเข้ามาจอด จึงวางหนังสือลงเตรียมตัวลุกขึ้นไปต้อนรับเจ้าของบ้านแต่คนที่เดินเข้ามากลับเป็นหญิงสาวสวยคนหนึ่งที่แต่งตัวดูดีแต่งหน้าสวยจนกุสุมาแอบคิดว่าเธอเป็นดารา“ชารุกอยู่ไหม” เธอถามขึ้นแล้วปรายตามองมาที่กุสุมาอย่างไม่ชอบใจนักบุหงาที่เดินออกมาดูจึงยืมก้มหน้าอยู่ด้านหลังของกุสุมา ไม่ได้ตอบอะไรไปเพราะอัญรัตน์ถามกุสุมาไม่ได้ถามเธอ“ยังไม่กลับค่ะ” กุสุมาตอบแล้วส่งยิ้มให้อย่างสุภาพและเป็นมิตร“ดูจากการแต่งตัวแล้วเธอคงไม่ใช่คนรับใช้ของที่นี่” ฟังจากน้ำเสียงที่ดูเย่อหยิ่งและถือตัวของอีกฝ่ายทำให้กุสุมายกยิ้มขึ้นมา เข้าใจแล้วว่าเขาจ้างเธอมาเป็นคนรักเขาทำไม ที่แท้ก็คงเป็นเพราะมีผู้หญิงคนนี้นี่เอง“ตายจริง ฉันลืมแนะนำตัวไปเลย ฉันชื่อแก้วนะคะเป็นคนรักของคุณชารุก” กุสุมาแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานแล้วยิ้มให้กับอีกฝ่ายอัญรัตน์รู้สึกตกใจที่ได้ยินอย่างนั้น หากแต่เธอก็ไม่เชื่อและคิดว่าผู้หญิงคนนี้ก็คงเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่กำลังพยายามเข้าหาชารุกเหมือนกัน“เธอก็มารอชารุกเหมือนกันเหรอ ถึงได้ออกมาต้อนรับฉันเพราะคิดว่าเป็นเขาสินะ”“







