Войтиคืนแรกที่กุสุมาอยู่ร่วมห้องกับชารุกอย่างเป็นทางการ หญิงสาวถึงกับทำตัวไม่ถูก รู้อยู่ว่าเขาซื้อตัวเธอมาก็จริงแต่ว่าเขาก็มีข้อแลกเปลี่ยนให้เธอทำเพื่อเป็นการตอบแทน ดังนั้นเรื่องบนเตียงเขาควรจะพิจารณามันใหม่
หลังจากที่เขาอาบน้ำเสร็จก็เข้ามานอนข้างเธอ กุสุมาตัวสั่นเทาเล็กน้อยกลัวว่าเขาจะทำอะไร แต่ว่าชารุกก็ไม่ได้แตะต้องตัวเธอเลย หญิงสาวจึงไม่ได้ถามเขาถึงเรื่องนั้น เพราะเกรงว่ามันจะกลายเป็นการชี้โพรงให้กระรอกเสียเปล่าๆ
ในตอนกลางดึกที่เธอกำลังหลับอยู่มือของเขาก็มาพาดกอดเธอเอาไว้พร้อมกับดึงไปก่ายกอดราวกับเธอเป็นหมอนข้างของเขาอย่างไรอย่างนั้น ตอนแรกกุสุมาก็นอนตัวเกร็งแต่พอรู้ว่าเขาหลับอยู่เธอจึงค่อยๆ คลายตัวลงแล้วนอนหลับไปในอ้อมแขนนั้น
ชารุกรู้สึกตัวในตอนกลางดึกพบว่าตัวเองกำลังกอดเธออยู่ เขาก็ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยตามประสาผู้ชาย กลิ่นกายของหญิงสาวทำให้เขารู้สึกได้ถึงการตื่นตัวแต่ก็ต้องระงับเอาไว้ ไม่อยากทำอะไรเธอในช่วงนี้
จริงอยู่ว่าเขาบอกกับเธอไปว่าเขาซื้อตัวเธอมาแล้วก็ต้องเก็บเกี่ยวความสุขให้คุ้มค่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสุภาพบุรุษอย่างเขาจะบังคับฝืนใจเธอ แม้เขาจะมีสิทธิ์อย่างเต็มที่ก็ตามแต่ถ้ามันไม่ได้เกิดจากความเต็มใจเขาก็ไม่อยากเอาเปรียบใคร
สำหรับเขาแล้วการสมยอมมันสร้างความสุขให้มากกว่า ส่วนในครั้งแรกที่เขาเผลอทำมันลงไปก็เพียงคิดว่ามันเป็นแค่ลูกไม้ที่ใช้เอาใจให้เขาตื่นเต้นเท่านั้น
ชารุกจึงคิดว่าการที่เขาให้เธอมาอยู่ในห้องด้วยกัน นอกจากจะทำให้คนในบ้านเชื่อว่าเธอเป็นผู้หญิงของเขาจริงๆ แล้ว มันยังจะเป็นการทำให้หญิงสาวรู้สึกคุ้นเคยกับเขา และในสักวันหนึ่งเธอจะยินยอมพร้อมใจด้วยตัวเอง
ถึงจะเป็นการยินยอมในฐานะนางบำเรอก็ตาม เพราะเขาเองก็ไม่คิดว่าจะรักหญิงสาวที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างเธอได้
แต่นั่นมันก็แค่สิ่งที่เขาบอกกับตนเองในตอนนี้ หัวใจก็เป็นเพียงก้อนเนื้อบางๆ ก้อนหนึ่งเท่านั้น ใครจะไปรู้เล่าว่าในอนาคตคนสองคนอาจจะเกิดความรู้สึกที่ดีต่อกันก็เป็นได้
**********************
ในตอนเช้ากุสุมารู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งที่สัมผัสอยู่ตรงสะโพกของเธอ หญิงสาวลืมตาเบิกโพลงอยู่อย่างนั้นด้วยความตกใจเมื่อนึกได้ว่าตอนนี้ชารุกนอนกอดตนเองอยู่จากด้านหลัง
เธอหยิบมือของเขาออกอย่างเบามือ แต่ทำให้ชารุกตื่นขึ้นแล้วเขาก็หอมแก้มเธอเต็มฟอด
“ตื่นนอนได้แล้วค่ะ เช้าแล้ว” เธอบอกเสียงเบา
“คุณไปอาบน้ำก่อนผมก็ได้” เขาให้เธอเข้าไปใช้ห้องน้ำก่อนทำให้สาวรู้สึกเขินนิดหน่อย
เธอลุกไปคว้าชุดคุมอาบน้ำกับผ้าเช็ดตัวเข้าไปในห้องน้ำ มองตัวเองในกระจกแล้วเอามือกุมหน้าตัวเองไว้
‘นี่เราไม่ได้ฝันไปใช่ไหม เราหลุดออกมาจากขุมนรกนั้นแล้ว และตอนนี้เราก็อยู่บ้านหลังใหญ่กับผู้ชายหล่อรวยคนหนึ่ง ให้ตายสิ’ กุสุมานึกในใจด้วยความรู้สึกตื่นเต้นและดีใจ แม้อยู่ในฐานะคนรักหลอกๆ หรือนางบำเรอลับๆ แต่มันก็สุขสบายและไม่ต้องทนทรมานเหมือนอยากตอนที่อยู่ที่คลับอีกแล้ว
และชารุกก็ดูเหมือนจะเป็นสุภาพบุรุษพอสมควร ถึงเขาจะมือไวตามประสาผู้ชาย ชอบแตะนิดหอมหน่อยยามีโอกาส แต่เขาก็ไม่ได้ล่วงเกินถึงขั้นนั้นทั้งๆ ที่เขาก็ย้ำเสมอว่าเขามีสิทธิ์ในตัวเธอ สิ่งนี้มันทำให้เธอรู้สึกประทับใจมาก
เธอลงไปทานอาหารเช้าร่วมกับชารุกที่ห้องทานอาหาร โชคดีที่อาหารไม่ได้หรูหราอย่างที่เธอจินตนาการที่ต้องใช้มีดใช้ส้อมอะไรทำนองนั้น มันเป็นข้าวต้มธรรมดาที่ไม่ธรรมดาเพราะใส่กุ้งตัวโตจนคับถ้วยเลยทีเดียว
ชารุกมองกุสุมาที่ทานอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย ตัวเธอผอมบางมาก ตอนที่เขาเจอคิดว่าเธอแค่รักษารูปร่างเพราะทำงานบริการแต่ไม่ใช่เลยสักนิด เธอถูกทารุณอยู่ในนั้น หากเขาไม่ช่วยออกมาป่านนี้ไม่รู้ว่าหญิงสาวจะเป็นอย่างไรบ้าง
หลังจากทานอาหารเสร็จเขาก็เรียกให้สาวใช้มารับคำสั่งจากเขา
“วันนี้คุณแก้วจะอยู่ที่นี่ทั้งวันไม่ได้ตามผมไป รบกวนพวกคุณช่วยดูแลเธอด้วย อาหารกลางวันจัดให้เธอคนเดียวผมคงไม่ได้กลับมาทาน ส่วนอาหารเย็นช่วงนี้ผมคงได้กลับมาทานทุกวัน” ชารุกบอกแก่หญิงรับใช้ต่างวัยของตน
“ค่ะ นายหัว” พวกเธอรับปากอย่างพร้อมเพรียง
“แล้วคุณจะไปไหนเหรอคะ” กุสุมารีบถามเมื่อได้ยินอย่างนั้น เธอกลัวว่าเขาจะทิ้งเธอไว้ที่นี่คนเดียวแล้วจะทำตัวไม่ถูก
“ผมก็ต้องออกไปทำงานสิ อยู่นี่แหละ ไม่มีอะไรหรอก อยากได้อะไรก็บอกพวกเขา” เขาหันมาพูดอย่างอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยมีใครทำกับเธอมาก่อน ทำให้กุสุมารู้สึกใจเต้นเล็กน้อยถึงรู้ว่าเขาแกล้งทำก็ตาม
หญิงสาวไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรเคยเห็นแต่ในละครจึงตัดสินใจทำตามอย่างนั้น
เธอลุกขึ้นเดินไปหาเขาแล้วเขย่งจุ๊บที่แก้มของเขาเบาๆ ก่อนจะสบตายิ้มให้กับ “เขาตั้งใจทำงานนะคะ รีบกลับมานะคะแก้วคิดถึง”
ชารุกอึ้งไปเล็กน้อยรู้สึกถึงความร้อนผ่าวที่ใบหน้าของตน หญิงรับใช้ทั้งสองก้มหน้าลง เขาขยับเสื้อเล็กน้อยก่อนที่จะก้มลงมาเหมือนจะหอมแก้ม แต่กระซิบข้างใบหูแทน “คุณจะเล่นละครสมจริงมากไปแล้ว แต่ก็ดีนะ ผมชอบ”
เขาบอกแล้วแทนที่จะหอมที่แก้มกลับจูบที่ต้นคอของกุสุมาเบาๆ ทำให้เธอถึงกับขนลุกซู่ไปทั่วร่างเลยทีเดียว
หญิงสาวมองตามเขาเดินออกไปจากห้องทานอาหาร เธอไม่ได้ตามเดินไปส่งเพราะมัวแต่เขินกับจูบที่เขามอบให้อยู่
“คุณแก้วจะขึ้นไปพักข้างบนก่อน หรือว่าจะนั่งดูทีวีที่ห้องนั่งเล่นก่อนดีคะ” สาวรับใช้คนหนึ่งถามขึ้น
กุสุมากำลังนึกว่าตัวเองควรจะใช้สรรพนามอย่างไรถึงจะเหมาะสมแล้วจึงตอบหญิงรับใช้ทั้งสองออกไป “งั้นฉันขอไปนั่งที่ห้องนั่งเล่นก่อนก็แล้ว”
“ได้ค่ะ”
“ว่าชื่ออะไรกันบ้างคะ ฉันจะได้เรียกถูก”
“ดิฉันชื่อบุหงาค่ะ ส่วนนี่แม่ของดิฉันทำหน้าที่เป็นแม่ครัวของที่นี่ชื่อว่าบุหลัน” บุหงาวัยสามสิบตอนปลายแนะนำตัวเอง
“อ๋อ งั้นฉันจะเรียกว่าพี่บุหงากับป้าบุหลันก็แล้วกันนะจ๊ะ” กุสุมาบอกด้วยน้ำเสียงที่แสดงความเป็นมิตรไม่ได้ถือตัว ทำให้หญิงรับใช้สองแม่ลูกนั้นอมยิ้มออกมา เพราะตอนแรกคิดว่าจะถูกหญิงสาวกดขี่ข่มเหงเสียอีก
“ส่วนพี่เชิญผู้ชายอีกคนคือสามีของดิฉันเองค่ะ ทำหน้าที่เป็นคนสวนและเป็นคนขับรถให้นายหัวบ้างในบางครั้ง” บุหงาแนะนำสมาชิกในบ้านอีกคนให้ฟัง กุสุมาจึงพยักหน้ารับทราบแล้วยิ้มให้กับเธอ
“คุณแก้วชอบหรือไม่ชอบทานอะไรบอกป้าได้นะคะ ป้าจะถ้าทำอาหารถูก”
“ฉันทานได้ทุกอย่างค่ะ แต่ไม่ชอบทานของเผ็ดเท่าไรนัก ที่ใต้เขาทำเครื่องแกงเผ็ดๆ กันใช่ไหม” เธอบอกแล้วยิ้มอย่างเกรงใจ
“ใช่ค่ะ แต่ว่านายหัวเองก็ไม่ทานเผ็ดเหมือนกัน ส่วนมากจะทานอาหารของภาคกลางเสียมากกว่า ถ้าอย่างนั้นป้าก็จะได้ทำเมนูกลางๆ ให้คุณแก้วกับนายหัวก็แล้วกันนะคะ” บุหลันบอกแล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตรเช่นกัน ทำให้กุสุมารู้สึกว่าเธอคงอยู่ที่นี่ได้อย่างราบรื่นเพราะเข้ากับคนรับใช้ทั้งสองได้เป็นอย่างดี
“ถ้าอย่างนั้นตอนเที่ยงไม่ต้องทำกับข้าวเยอะนะคะ ฉันขอแค่ผัดกะเพราไก่ราดข้าวเท่านั้นก็พอ” หญิงสาวบอกเมนูที่ตนเองอยากแทนไป
บุหลันและบุหงารับคำแล้วขอตัวไปทำงานบ้านของตนเองต่อจากที่ค้างเอาไว้แล้วกระซิบกระซาบกันอยู่สองคน
“แฟนใหม่ของนายหัวใจดีนะแม่”
“ใช่ ตอนแรกนึกว่าจะหยิ่งเสียอีก แต่ยังเด็กอยู่เลย”
“เธออาจจะหน้าเด็กก็ได้แม่”
“แต่ก็ดี กินง่ายอยู่ง่าย ไม่เหมือนกับคุณอัญ รายนั้นเรื่องมากแถมยังเกาะแกะนายหัวน่ารำคาญอีก”
“คราวนี้นายหัวพาแฟนมาเปิดตัว คงไม่มาให้เราเห็นอีกแล้วละมั้ง” สองแม่พูดถึงอดีตคนรักของชารุก ที่กลับมาวุ่นวายขอคืนดีกับชารุกอยู่ในตอนนี้ แล้วส่ายหน้าด้วยความเอือมระอา
**********************
ในตอนเช้ากุสุมาตื่นมาด้วยอาการปวดระบมที่สะโพก เมื่อคืนนี้ชารุกวาดลวดลายกับเธออย่างไม่รู้จักอิ่มจนตอนนี้เธอรู้สึกหน่วงอยู่ภายใน สายตาจับจ้องมองดูนายหัววัยสามสิบหกด้วยสายตาที่หลงใหลความใกล้ชิดและสิ่งที่เขาแสดงละครทำดีกับเธอ ประกอบกับบทรักที่เขามอบให้มันทำให้เธอรู้สึกดีกับเขาเป็นอย่างมาก แต่ก็เพียงรู้สึกดีเท่านั้น กุสุมาไม่กล้าที่จะคิดอะไรเกินเลยไปกว่านี้เพราะเขาชัดเจนแล้วว่าเธอจะได้รับสิทธิ์คนรักของเขาทุกอย่าง ยกเว้นความรักและการแต่งงานที่เขาจะไม่มีวันยกมันให้กับเธอ“คุณชารุกคะ ตื่นได้แล้วค่ะ” เธอปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมาชารุกดึงเธอเข้าไปกอดแล้วลูบกลุ่มผมที่ตกลงมาบังแก้มของเธอด้วยความเอ็นดู “เมื่อคืนผมมีความสุขมาก”“ค่ะ” เธอตอบรับแล้วก้มลงยิ้มอย่างเอียงอาย“จริงสิคุณอายุเท่าไรแล้วถึงยี่สิบห้าหรือยัง” เขาถามเธอแล้วลูบไล้ที่ต้นแขน ตอนนี้มองเธอเป็นแค่ของเล่นชิ้นโปรดของตนเท่านั้น“แก้วอายุยี่สิบค่ะ อีกสามเดือนก็จะอายุยี่สิบเอ็ดแล้ว” เธอตอบเขาไปตามความจริงชารุกนิ่งอึ้งไปสักพักมองดูหญิงสาวตรงหน้าที่เขาคิดว่าเธอแค่หน้าเด็กมาโดยตลอดเลยไม่ฉุกใจคิดว่าเธออายุน้อยจริงๆ“สีหน้าคุณไม่ค่อยดีเลยนะคะ หรือ
ทันทีที่ประตูรั้วบ้านถูกเปิดออก รถชารุกก็แล่นเข้ามาจอดโดยมีรถของอัญรัตน์ขับตามเข้ามาติดๆ“นั่นรถของคุณอัญไม่ใช่เหรอคะ”“อืม อย่าลืมทำหน้าที่ของคุณให้ดีก็แล้วกัน” ชารุกย้ำด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด เมื่ออดีตคนรักยังพยายามที่จะมาตามตื๊อเขา ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขามีกุสุมาอยู่ข้างกายแล้วนายหัววัยสามสิบหกเดินลงจากรถแล้วอ้อมมาเปิดประตูให้กุสุมาด้วยสีหน้าที่ปรับเป็นนุ่มนวลและอบอุ่นจนเธอเผลอใจเต้นไปกับเขาไม่ได้อัญรัตน์ที่เดินลงมาจากรถเธอรีบตรงเข้าไปทักทายเขาแล้วมองกุสุมาที่คล้องแขนของเขาเอาไว้ด้วยสายตาที่ไม่พอใจ“มีธุระอะไรกับผมหรือเปล่า”“อัญจะมาเรือนหอของเราไม่ได้เลยเหรอคะ” เธอถามด้วยน้ำเสียงที่ยียวน ตั้งใจพูดให้กุสุมารู้ว่าเธอกับเขานั้นเคยมีความทรงจำร่วมกันที่นี่“คุณเข้าบ้านไปก่อนนะแก้ว” ชารุกหันไปพูดกับเธอเสียงนุ่มแล้วยิ้มให้เธอด้วยความอ่อนโยน ก่อนจะหันไปมองอัญรัตน์ด้วยสายตาที่แข็งกร้าว“ผมมีเรื่องต้องเคลียร์กับเธอนิดหน่อย” เขาพูดเสียงเข้ม“ถ้างั้นรีบตามมานะคะ แก้วจะขึ้นไปอาบน้ำรอคุณข้างบน” กุสุมาพูดแล้วอมยิ้มด้วยความกระดากในสิ่งที่ตนเองพูดไป แก้มของเธอแดงเรื่ออมยิ้มให้กับเขาอย่างมีความหมาย“
เมื่อกลับมาถึงฝั่งชารุกได้พากุสุมาไปที่รีสอร์ตริมทะเลของตนต่อเพราะไม่อยากเสียเวลาพาเธอย้อนกลับไปส่งบ้าน และอยากเปิดตัวเธอในฐานะคนรักของตนอย่างเป็นทางการ“ให้แก้วช่วยทำอะไรไหมคะ”“ช่วยนั่งเป็นกำลังใจให้ผมก็พอ” เขาพูดเป็นนัยถึงสิ่งที่พูดอยู่บนเกาะทำให้กุสุมายิ้มออกมาที่เขารู้จักพูดหยอกล้อกับเธอ“แล้วอย่าลืมนะว่าคุณอยู่ในฐานะคนรักของผม แค่ทำตัวให้ดูดีและแสดงความเป็นเจ้าของผมเท่านั้นก็พอ” เขาพูดตัดความหวังเธอด้วยการบอกว่าทั้งหมดมันคือหน้าที่ แล้วนั่งดูเอกสารที่วางบนโต๊ะในตอนนั้นเลขานุการของเขาก็เคาะห้องแล้วเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม “นายหัวจะรับกาแฟเพิ่มไหมคะ”“ไม่ล่ะ แค่จะแวะมาเซ็นเอกสารเดี๋ยวก็กลับแล้ว”“แล้วแขกของนายหัวล่ะคะ” เธอถามแล้วหันมายิ้มให้กับกุสุมาเล็กน้อย“คุณจะรับน้ำส้มหรือกาแฟไหม” เขาหันมาถามเธอด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล“แก้วขอน้ำส้มก็ได้ค่ะ”“ถ้าอย่างนั้นเอาน้ำส้มมาให้คุณแก้ว” ชารุกหันไปบอกกับเลขาของตนด้วยน้ำเสียงที่แตกต่างกับที่พูดกับกุสุมา ทำให้เลขานุการสาวพอเดาออกว่าหญิงสาวคนนี้ต้องเป็นคนสำคัญของเจ้านายของตนแน่นอน“คุณต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอคะ” กุสุมาพูดกับเขาหลังจาก
ชารุกนำเรือเร็วส่วนตัวของตนเองขับพากุสุมาไปยังเกาะที่มีรีสอร์ตของครอบครัวที่ตอนนี้เขากำลังดูแลอยู่ระหว่างทางเขาได้พูดถึงน้องสาวของเขาให้กับเธอฟังคร่าวๆ ว่าชารียาเป็นคนที่หัวอ่อนและจิตใจดี ส่วนสามีของเธอก็เป็นคนดี ทั้งสองจึงไม่ค่อยทันคนและเขาจึงต้องยื่นมือมาช่วยเรื่องการบริหารทั้งๆ ที่แบ่งชัดเจนแล้วว่ารีสอร์ตบนเกาะนั้นให้เป็นความดูแลของน้องสาวและน้องเขยของเขาเองกุสุมาไม่เข้าใจว่าเขาจะเล่าเรื่องนี้ให้เธอฟังไปทำไม แต่ก็ต้องรับฟังเอาไว้เพราะคิดว่าเขาต้องมีเหตุผลที่เล่าแน่“ปัญหารำคาญใจทุกครั้งที่ผมต้องเข้ามาดูแลรีสอร์ตแห่งนี้ นั้นก็คือน้องสาวของภาคิน เธอชอบพอผมและชารียาเองก็เชียร์ให้ผมกับเธอลงเอยกัน” ชารุกเริ่มโยงมาถึงเรื่องที่เขาต้องการให้เธอช่วยแล้ว “ที่แท้ผู้หญิงอีกคนที่คุณต้องการให้ฉันมาแสดงตัวว่าเป็นคนรัก ก็คือน้องสาวของน้องเขยของคุณอย่างนั้นเหรอคะ”“ใช่แล้ว เพราะความใจอ่อนและขี้สงสารของน้องสาวผมนั่นแหละทำให้เธอต้องคอยช่วยเหลือผู้หญิงคนนั้นด้วยความเกรงใจ และผมเป็นคนที่รักน้องสาวมาก บางทีก็ปฏิเสธเธอไม่ได้ มันจึงทำให้ผมอึดอัดทุกครั้งที่มาที่นี่” ชารุกไม่อยากพูดให้ผู้หญิงดูไม่ดี แต่ห
หลังจากที่อัญรัตน์กลับไปแล้วชารุกก็ดูจะนิ่งเงียบและดูเคร่งขรึมไปกว่าเดิมจนกุสุมาไม่กล้าที่จะชวนเขาพูดคุย เธอจึงได้แต่ทานอาหารไปเงียบๆพอทานอาหารเสร็จแล้วเขาก็ยังคงทำหน้าเคร่งเครียดอยู่ เธอพอเดาได้จากบทสนทนาระหว่างเขากับอัญรัตน์ก่อนหน้านี้ ว่าเธอเคยเป็นคนรักของเขาที่เกือบจะได้หมั้นกันและเธอได้ทิ้งเขาไปในงานหมั้น แต่เธอคงจะไปไม่รอดจึงได้หวนกลับมาหาเขา“คุณขึ้นไปอาบน้ำเข้านอนก่อนเลยนะ” เขาบอกเธอเสียงเรียบแล้วเดินไปที่เคาน์เตอร์เครื่องดื่มด้านหลังชาวหนุ่มนำเครื่องดื่มออกมาเทดื่มด้วยความหงุดหงิดและอารมณ์เสีย กุสุมาจึงรีบลุกจากโต๊ะอาหารแล้วขึ้นห้องไปก่อนตามที่เขาบอกดูจากการที่เขาดื่มเหล้าเพื่อดับอารมณ์หงุดหงิด เธอจึงคิดเอาเองว่าเขาคงยังมีใจให้กับอัญรัตน์อยู่ แต่คงโกรธแค้นที่ตนเองถูกทิ้งไปจึงพาตัวเธอมาแก้แค้นผู้หญิงคนนั้นด้วยการบอกว่าเป็นคนรักของเขาเพื่อให้อีกฝ่ายเจ็บช้ำชารุกเดิมเครื่องเดิมสีอำพันในมือด้วยความโกรธแค้น หลายต่อหลายครั้งที่อัญรัตน์มาตามตื้อขอคืนดีกับเขา เขาได้บอกเธอไปอย่างชัดเจนแล้วว่าทุกอย่างมันไม่สามารถกลับคืนไปเหมือนเดิมอีกแล้วทุกครั้งที่เจอหน้าเธอเขารู้สึกเจ็บใจในสิ่งที
ในตอนเย็นกุสุมาที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องนั่งเล่นเธอได้ยินเสียงรถวิ่งเข้ามาจอด จึงวางหนังสือลงเตรียมตัวลุกขึ้นไปต้อนรับเจ้าของบ้านแต่คนที่เดินเข้ามากลับเป็นหญิงสาวสวยคนหนึ่งที่แต่งตัวดูดีแต่งหน้าสวยจนกุสุมาแอบคิดว่าเธอเป็นดารา“ชารุกอยู่ไหม” เธอถามขึ้นแล้วปรายตามองมาที่กุสุมาอย่างไม่ชอบใจนักบุหงาที่เดินออกมาดูจึงยืมก้มหน้าอยู่ด้านหลังของกุสุมา ไม่ได้ตอบอะไรไปเพราะอัญรัตน์ถามกุสุมาไม่ได้ถามเธอ“ยังไม่กลับค่ะ” กุสุมาตอบแล้วส่งยิ้มให้อย่างสุภาพและเป็นมิตร“ดูจากการแต่งตัวแล้วเธอคงไม่ใช่คนรับใช้ของที่นี่” ฟังจากน้ำเสียงที่ดูเย่อหยิ่งและถือตัวของอีกฝ่ายทำให้กุสุมายกยิ้มขึ้นมา เข้าใจแล้วว่าเขาจ้างเธอมาเป็นคนรักเขาทำไม ที่แท้ก็คงเป็นเพราะมีผู้หญิงคนนี้นี่เอง“ตายจริง ฉันลืมแนะนำตัวไปเลย ฉันชื่อแก้วนะคะเป็นคนรักของคุณชารุก” กุสุมาแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานแล้วยิ้มให้กับอีกฝ่ายอัญรัตน์รู้สึกตกใจที่ได้ยินอย่างนั้น หากแต่เธอก็ไม่เชื่อและคิดว่าผู้หญิงคนนี้ก็คงเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่กำลังพยายามเข้าหาชารุกเหมือนกัน“เธอก็มารอชารุกเหมือนกันเหรอ ถึงได้ออกมาต้อนรับฉันเพราะคิดว่าเป็นเขาสินะ”“







